Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 140
ตอนที่ 140
สาเหตุ
“ท่าทางคงต้องบอกสักทีสินะ” กวีมองเหล่าสมาชิกในห้องด้วยท่าที่ยิ้มๆเช่นเดิม เรื่องที่ตนเองหายตัวไปเมื่อ 5 ปีก่อนนั้นทุกคนคงกําลังสงสัยอยู่แน่ๆ ที่กวีไม่ได้บอกมาถึงทุกวันนี้ก็เพราะไม่ทราบจะอธิบายอย่างไรเท่านั้น
“ถึงกับมีคนบอกว่าพี่กวีโดนอัญเชิญไปต่างโลกด้วยนะ ถ้าพี่ไม่ยอมบอกพวกเราสักที่ข่าวลือของพี่ต้องไปไกลมากกว่านี้แน่ๆ” เรย์ตอบพลางมองกวีด้วยท่าที่จริงจังต่างกับคําพูดล้อเล่นไปคนละทาง แต่ถึงอย่างนั้นเรย์เองก็แสดงจุดยืนว่าต้องการให้กวีบอกความจริงเช่นกัน
“มันก็ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอะไรหรอก” กวีส่ายหน้าช้าๆเหมือนกําลังจะบอกว่าช่วยไม่ได้แล้วสินะออกมาเลย แต่ทุกคนมาอยู่พร้อมกันแล้วก็คงไม่มีเวลาไหนเหมาะสมที่จะบอกความจริงไปมากกว่านี้แล้ว
“มันก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร ผมปวยเท่านั้นเอง” กวีตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ป่วย เป็นสาเหตุที่เข้าใจได้ แต่อาการแบบไหนกันที่กินเวลาถึง 5 ปี แถมแค่บอกว่าป่วยมันจะง่ายเกินไปหรือเปล่า
“คิดว่าพวกเราจะเชื่อข้ออ้างแบบนั้นเหรอ ถึงนายจะป่วยจริงแต่ก็ต้องเล่าเรื่องมาให้ละ เอียด”เนตรเบ้หน้าทันที่ที่ได้ยินคําตอบของกวี พวกเธอเก็บความสงสัยเอาไว้มานานมากเกินกว่าจะรับฟังคําตอบแค่ว่าปวยเท่านั้น
“ไม่ได้โกหกนะ ผมปวยจริงๆแล้วก็เพิ่งจะรักษาหายก่อนเข้ามาเล่นเกมนี้ไม่นาน” กวีตอบพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ ไอ้นิสัยระแวงไปหมดนี้ท่าทางจะเป็นนิสัยที่เขาปลูกฝังให้ทุกคนเองสินะ
“งั้นก็บอกพวกเรามาสิว่าเป็นโรคอะไร รักษาที่โรงพยาบาลไหน แล้วเรื่องที่บอกว่าปว ยมันก็ช่วยอธิบายว่าทําไมนายถึงบังคับหัวหน้ากิลด์โพลีก้อนได้หรอกนะ”เนตรยิ่งไม่ยอมรับฟังเข้าไปใหญ่ ยิ่งผ่านเรื่องของหัวหน้ากิลด์โพลีก้อนมาแล้วด้วย ถ้าแค่นอนปวยเฉยๆกวีไม่มีทางเข้าไปกดดันหัวหน้ากิลด์โพลีก้อนได้แน่ๆ
” พี่เนตรพูดมาก็ถูก พี่กวีกลับมาครั้งนี้เหมือนพี่จะรวยขึ้นหรือเปล่า” เรย์ผู้รับผิดชอบเรื่องการเงินของกิลด์ตอนนี้เองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย กวีสร้างเนื้อสร้างตัวจากเกมจนสามารถต่อยอดได้ก็จริง แต่หอพักที่กวีเป็นเจ้าของก็ปิดร้างมานาน รวมถึงกิลด์ก็ไม่ได้ทํารายได้ให้กวีตลอด 5 ปี ที่ผ่านมา กวีควรจะจนเสียด้วยซ้ําหลังจากไม่มีช่องทางรายได้เลยตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แต่กวีกลับใช้จ่ายเงินมากกว่าสมัยก่อนเสียอีก แม้แต่กิลด์ที่เพิ่งสร้างใหม่กวีก็ใช้เงินตัวเองหมุนเวียนระบบของกิลด์อีกด้วยไม่ได้ระดมทุนหรือใช้กองกลางของกิลด์แต่อย่างไร เรื่องนั้นทําให้เรย์อดประหลาดใจไม่
ได้จริงๆ
“กวีนายเหมือนจะหลบหลีกเก่งขึ้นด้วยหรือเปล่า ปกติคนที่ป่วยมานานๆน่าจะตรงกันข้ามไม่ใช่หรือไง” เมฆเองก็มีข้อสงสัยในแบบของเมฆเช่นเดียวกัน สมัยก่อนตอนเป็นเกมคอมพิวเตอร์ ประสาทสัมผัสของกวีเองก็ไวมากอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ไวขนาดนี้ เมฆที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ สามารถบอกได้ทันทีเลยว่ากวีรับรู้สิ่งต่างๆได้ไวขึ้น บางทีตอนนี้กวีอาจจะหลบได้เก่งกว่าเมฆเสีย
อึก..
” แต่พี่กวีเหมือนจะผอมลง แถมยังผิวซีดขึ้นด้วย เรื่องป่วยน่าจะจริงนะคะ”ไอช่าเองก็เห็นความแตกต่างเช่นเดียวกัน แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่แขนขาของกวีเล็กลงกว่าสมัยก่อน แถมผิวของกวีก็ซีดกว่าก่อนหน้านี้มาก ไอช่าที่อยู่ข้างๆกวีมาตลอดเห็นมันได้อย่างชัดเจนเลย
“เอาล่ะ ค่อยๆถามนะ”กวียกมือทําปางห้ามญาติก่อนจะขอให้ทุกคนค่อยๆยิงคําถามออกมาช้าๆ ขึ้นจับผิดเรื่อยๆแบบนี้มีหวังกวีไม่ทราบจะตอบคําถามไหนก่อนแน่ๆ
“งั้นก็เรื่องแรก เรื่องของหัวหน้ากิลด์โพลีก้อน ความจริงแล้วเขากับพ่อของเขาต่างก็ต้องเกรงใจพ่อของผมก็เลยสามารถคุยกันได้ง่ายๆเท่านั้นเอง” กวีตอบเรื่องของหัวหน้ากิลด์โพลีก้อนก่อนเป็นอย่างแรกเพราะมันน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดเลยก็ว่าได้
” พ่อของพี่ แต่พี่กวีไม่มีพ่อไม่มีแม่ไม่ใช่เหรอ”เจมส์เลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย กวีเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก โตมาโดยมีเพื่อนของแม่ช่วยเลี้ยงดู แต่อยู่ๆก็บอกว่าพ่อเป็นคนที่น่าเคารพเนี่ยนะ
“จริงๆแล้ว…ก่อนจะเริ่มเข้าไปเล่นเกมเนเวอร์แลนด์ อยู่ๆก็มีคนมาบอกว่าผมเป็นลูกชายของเขา ตอนนั้นตกใจเอาเรื่องเลยล่ะ” กวีว่าพลางหัวเราะออกมาเบาๆ ในวันนั้นเมื่อ 5 ปีก่อนตอนที่คนในกิลด์นัดกันจะไปเล่นเกมในระบบโลกเสมือนจริงเกมแรกของโลก อยู่ๆกวีก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว ตัวเองมีพ่ออยู่ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ตามหากันเลยแท้ๆ
“อย่างกับบทละครแนะ อยู่ๆก็ได้พบพ่อที่ไม่รู้ว่ามีมาก่อน แล้วอย่าบอกนะว่าจริงๆแล้วพ่อคนนั้นเป็นคนใหญ่คนโตน่ะ”วินขมวดคิ้วด้วยท่าที่ไม่อยากจะเชื่อ สมัยก่อนกวีกับเมฆมาเล่นเกมที่บ้านของวินบ่อยๆ สมัยเด็กทั้งกวีทั้งเมฆจนมากๆเรียกได้ว่าชีวิตลําบากเลยก็คงไม่ผิด หากมีพ่อที่ร่ํารวยจริงวินก็อยากจะเข้าไปต่อยมันสักหมัดที่ทิ้งให้กวีต้องลําบากอยู่แบบนั้น
“แต่ขนาดหัวหน้ากิลด์โพลีก้อนยังต้องเกรงใจ ก็น่าจะไม่ธรรมดานะ”เนตรแสดงท่าที่ครุ่นคิดออกมา แม้หัวหน้ากิลด์โพลีก้อนจะเป็นรุ่นลูก แต่ก็เป็นตระกูลที่มีฐานะพอสมควรในประเทศ คนที่หัวหน้ากิลด์โพลีก้อนต้องเกรงใจในประเทศนี้น่าจะนับหัวได้เลยมั้ง
“ดูเหมือนเขาจะเป็นเจ้าของบริษัทชื่อแปลกๆที่ชื่อ Sleep ALL Day นะ” กวีตอบออกมาตามตรง เพราะตัวเขาเองก็ตกใจเหมือนกันตอนที่มีคนมาบอกว่าเป็นพ่อตนเอง
“Sleep..อย่าบอกนะว่าเป็นบริษัท S.A.D”เรย์ที่คร่ําหวอดในตลาดมานานแทบจะเผลอตกเก้าอี้ด้วยความตกใจ บริษัทที่กวีพูดออกมานั้นทุกคนในนี้ต้องรู้จักดีอยู่แล้ว เพราะมันเป็นชื่อบริษัทที่เด้งขึ้นมาทุกครั้งก่อนเข้าโลกเสมือนจริง บริษัทที่ว่านั่นก็คือบริษัทของผู้สร้างเทคโนโลยีที่ชื่อว่าเครื่องสร้างโลกเสมือนจริงที่ทุกคนใช้อยู่นั่นเอง
“มิน่าล่ะ…”เนตรเองก็พูดอะไรไม่ออกเช่นเดียวกัน หากพูดถึงบริษัท S.A.D ละก็ มันคือ บริษัทที่เปลี่ยนแปลงอํานาจโลกในชั่วข้ามคืนเลยก็ว่าได้ การเปลี่ยนแปลงที่ทําให้ประเทศไทยขึ้นมาเป็นประเทศชั้นนําของโลกในหลายปีที่ผ่านมานี้ล้วนเป็นผลงานของบริษัทนี้ทั้งนั้น เรียกได้ว่า ทั้งความร่ํารวยทั้งอํานาจ ต่างมารวมกันที่นี่ทั้งสิ้น หากมันเป็นแบบนั้นจริงๆก็ไม่แปลกที่หัวหน้ากิลด์โพลีก้อนจะต้องเกรงใจ แม้จะดูไม่น่าเชื่อนักแต่ก็ไม่มีทางไหนแล้วที่กวีจะเข้าไปข่มขู่หัวหน้ากิลด์โพลีก้อนได้นอกจากทางนี้
“ฮ่าๆ อยู่ๆก็มีพ่อเป็นมหาเศรษฐีงั้นเหรอ น้ําเน่าโคตรๆเลย”เจมส์ที่นั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องหัวเราะออกมาเสียงดังสนั่นห้องระหว่างที่ทุกคนกําลังอึ้งกันอยู่ มันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อและน่าตกใจมากจริงๆ
“แล้ว ทําไมถึงต้องหายตัวไปด้วยล่ะ” เมฆถามพลางมองกวีนิ่ง แม้การที่อยู่ๆกวีก็มีพ่อขึ้นมาจะตอบคําถามเรื่องเงินและอํานาจที่กวีใช้ออกมาตอนนี้ได้ แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่กวีจะหายไปอยู่ดี
“เคยได้ยินเรื่องการทดลองเร่งเวลาหรือเปล่า”กวีถามพลางมองไปทางเรย์ที่น่าจะเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาบ้าง
”เร่งเวลา….การทดลองที่จะขยายเวลาในโลกเสมือนจริงเป็นสองถึงสามเท่าในโลกความจริงนะเหรอ” คนที่ตอบออกมากลับเป็นเนตรเสียอย่างนั้น เครื่องสร้างโลกเสมือนจริงนั้นเป็นเครื่องมือที่เหมือนจะหลุดมาจากนิยายเลย เพราะงั้นเลยช่วยไม่ได้ที่จะมีคนคิดว่าสามารถขยายช่วงเวลาตอนอยู่ในโลกเสมือนจริงได้หรือไม่ ลําพังแค่สามารถใช้ชีวิตในโลกเสมือนจริงได้ทั้งกลางวันกลางคืนก็สร้างผลประโยชน์ได้มากมายแล้ว แต่ถ้าคนเราสามารถใช้เวลาได้ 2 เท่า 3 เท่า หรืออาจ จะ 10 เท่าได้ละก็มันต้องเป็นเรื่องที่สุดยอดไปเลยแน่ๆ
“ใช่ การทดลองนั่นล่ะ ดูเหมือนบริษัทของพ่อกําลังทดลองสร้างอะไรแบบนั้นอยู่” กวีตอบออกมาตามตรงเพราะเรื่องการทดลองเร่งเวลานั้นไม่ใช่เรื่องลับอะไร เพียงแต่ทุกคนต่างทราบดีว่า
“การทดลองนั่นมันล้มเหลวไม่ใช่เหรอ หรือว่า… “วินขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย เท่าที่ได้ยินมา การทดลองเร่งเวลาล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะการเร่งเวลามากเกินไปส่งผลกระทบกับสมองอย่างรุนแรงจนมนุษย์ไม่สามารถทนได้
“ถูกแล้ว แต่ตอนที่ผมได้พบกับพ่อเข้ามันยังไม่ทดสอบเสียด้วยซ้ํา แล้วมันก็น่าสนใจมากทีเดียว” กวีหัวเราะออกมาด้วยใบหน้าเพื่อนๆ มันน่าอายนิดหน่อยที่จะบอกสาเหตุของอาการป่วยของตนเอง
“พี่กวี…เข้าไปทดสอบมางั้นเหรอ”เรย์ถามด้วยท่าทีตกใจ เพราะจากข่าวที่หลุดออกมาดูเหมือนการทดสอบจะส่งผลเลวร้ายมากจนผู้ทดสอบได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงเลย
“ใช่ผลจากการเร่งความเร็วสมองนับสิบๆเท่าทําให้สมองทํางานหนักอย่างมาก มันเหมือนใช้งานคอมพิวเตอร์หนักๆจนเครื่องไหม้เลยล่ะ” กวีเอานิ้วชี้ไปที่หัวของตัวเอง ไม่ว่าจะตอนไหนกวีก็ยังไม่ลืมความรู้สึกเจ็บปวดทรมานหลังจากลองทดสอบการเร่งเวลา สมองทํางานเร็วจี้จนข้อมูลที่ไหลเข้ามาในหัวทับซ้อนกันไปมา อย่างกับหลุดเข้าไปในมิติที่ไม่คุ้นเคยเลย
“เพราะแบบนั้นพี่ก็เลยเข้ามาเล่นเกมไม่ได้งั้นเหรอ…”ได้ยินแบบนั้นแล้วทุกคนก็เหมือนจะรับได้กับคําตอบของกวีแล้ว การทดลองผิดพลาดจนทําให้สมองบาดเจ็บสาหัส
“เพราะแบบนี้นี่เอง มันก็ช่วยไม่ได้นะ”เนตรได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเสียอย่างนั้น ที่แท้กวีก็เจอเรื่องแบบนี้มานี่เองถึงได้ไม่มาตามนัด ตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนต่างก็คาดเดาไปต่างๆนา รวมถึงเรื่องที่กวีอาจจะทิ้งพวกตนไปเพราะเรื่องอะไรบางอย่างก็เป็นได้ อย่างน้อยตอนนี้เนตรก็เข้าใจแล้วว่ากวีไม่ได้คิดจะทอดทิ้งทุกคนแต่อย่างไร
“ขอโทษที่ไม่ได้บอกแต่แรกนะทุกคน มันน่าอายเหมือนกันที่ดันเข้าไปทดลองอะไรเสี่ยงๆจนต้องรักษาตัวนานขนาดนี้” กวีหัวเราะออกมาเบาๆเพราะตัวเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าความอยากรู้อยากลองครั้งนั้นจะทําให้ตัวเองต้องเสียเวลาไปถึง 5 ปี แถมตอนที่กลับมายังได้รู้อีกด้วยว่ากิลด์สุริยันจันทราได้ล่มสลายไปแล้วทําให้กวีรู้สึกผิดไม่ต่างจากเนตรเลย