Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 128
ตอนที่ 128
แอบคิด
ตุบ..
ร่างของชายหนุ่มรูปงามที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้คนรอบๆได้แทบจะทันทีที่ก้าวลงมาจากรถนั้นทําเอาคนของกิลด์บูรพาต่างแตกตื่นกันถ้วนหน้า ไม่ใช่เพราะตกใจที่ชายคนนั้นมีขบวนรถพามาส่งที่อาคารของกิลด์บูรพา แต่เพราะชายคนนี้ไม่ควรจะมาที่นี่ที่สุดแล้วต่างหาก
“ใจเย็นๆ พวกเรามาเจรจาเท่านั้น” พอเห็นว่าคนของกิลด์บูรพาเตรียมตัวจะต่อสู้คนของกิลด์ ทัพสวรรค์ก็เดินเข้ามาแล้วยกมือห้ามทันที หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรที่เป็นตัวตั้งตัวตีต่อต้านกิลด์สุริยันจันทราในสมัยก่อนมาทําอะไรที่นี่กัน
“คิดว่าจะคุยกันดีๆได้หรือไงกัน” สมาชิกกิลด์บูรพาเดินออกมาตรงหน้ากลุ่มคนของกิลด์ทัพสวรรค์ด้วยท่าทีไม่เกรงกลัว แม่กิลด์ทัพสวรรค์จะเป็นกิลด์ที่ผู้คนต่างนับถือและให้เกียรติ แต่ไม่ใช่สําหรับคนกิลด์บูรพา การเจอกิลด์ทัพสวรรค์แล้วฆ่ากันตรงนั้นเลยเป็นเรื่องปกติมากในสมัยก่อน
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องใช้ความรุนแรง” อยู่ๆเสียงของกวีก็ดังมาจากภายในอาคารพร้อมร่างของเจ้าตัวที่เดินออกมาเพื่อสงบศึก
“แต่ว่า หัวหน้า”แม้กวีจะห้ามเอาไว้ แต่คนของกิลด์บูรพารอบๆต่างพร้อมรบกันเต็มที่อยู่แล้ว เจ้าพวกนี้บุกมาถึงถิ่นถ้าไม่ต้อนรับให้มันดีๆคงเสียชื่อแย่
“ให้ผมจัดการเอง หัวหน้ากิลด์ทัพสวรรค์อย่างคุณคริสให้เกียรติมาเยือนด้วยตัวเอง คงไม่ได้มาหาเรื่องตีกันเท่านั้นกระมัง” กวีว่าพลางเดินเข้าไปหาคริสด้วยท่าที่นิ่งๆ แต่ถึงจะพูดแบบนั้นในมือของกวีก็ยังถือไม้เท้าของจอมเวทเอาไว้ไม่ปล่อยไปไหน แน่นอนว่าบนมือของคริสก็มีสนับมือติดเอาไว้ด้วยเช่นกัน
“แน่นอน ศัตรูเก่าอุตส่าห์กลับมาทั้งที่จะไม่มาต้อนรับได้ยังไงกัน” คริสยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายๆไม่ต่างจากกวีเลย แต่สําหรับสายตาของคนนอกแล้วช่างเป็นภาพที่น่าหวั่นใจจริงๆ หัวหน้ากิลด์คู่อริกันยืนประชันหน้ากันตรงๆแบบนี้ ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มสู้กันเลยหรือจะแค่คุยกัน
“พอดีเลย ผมกําลังจะไปที่ร้านอาหารพอดี คุณคริสนั่งรถมางั้นช่วยพาผมไปส่งหน่อยได้หรือเปล่า” กวีถามพลางมองไปที่รถด้านหลัง กวีที่เป็นหัวหน้ากิลด์บูรพาเสนอร่วมรถไปกับกิลด์ทัพสวรรค์เป็นฝูง แบบนี้ไม่เหมือนป้อนอ้อยเข้าปากช้างเองเลยหรือ
” หัวหน้าเจ้าหมอนี่ต้องมีแผนร้ายแน่ๆ ” คนของกิลด์ทัพสวรรค์ว่าพลางมองกวีด้วยท่าทีไม่ไว้ใจ กวีทําพวกเขาเอาไว้แสบมาก ขืนปล่อยให้ทําอะไรตามใจมีหวังได้โดนปั่นหัวจนหมุนแน่ๆ
“ไม่เป็นไร ผมเองก็อยากจะชวนคุณกวีไปทานอะไรกันสักหน่อยพอดี เชิญขึ้นรถเลยครับ” คริสส่ายหน้าก่อนจะเชิญกวีให้ขึ้นรถตามที่ขอ พวกตนขนคนมาหลายสิบคน แค่กวีขอขึ้นรถไปด้วย แค่นี้จะไปทําท่าทีหวาดกลัวได้ยังไง แบบนี้มีหวังโดนมองว่ากิลด์ทัพสวรรค์กลัวกิลด์บูรพาแน่ๆ
“ถ้างั้นก็ไม่เกรงใจแล้ว…นาตาลีช่วยเลื่อนนัดช่วงบ่ายไปที่นะ” กวีว่าพลางหันไปบอกนาตาลีที่ยืนอยู่ด้านหลัง อยู่ๆก็มีแขกคนสําคัญมาขอพบ คงต้องให้เวลาเขาสักหน่อย
“ค่ะ”นาตาลีที่ได้รับคําสั่งแบบนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีแตกตื่นแต่อย่างไร เธอเพียงรับปากก่อนจะส่งข้อความไปแจ้งคนที่นัดเอาไว้อย่างรวดเร็วเท่านั้น ส่วนทางกวีกับคริสนั้นต่างก็ขึ้นรถไปด้วยกัน ท่ามกลางสายตาของคนในกิลด์บูรพาและคนของกิลด์อื่นๆที่เริ่มเข้ามาติดต่อกิลด์บูรพาด้วยเช่นกัน
“แล้ว มีอะไรอยากจะคุยงั้นเหรอ” กวีถามพลางเอนหลังพิงเบาะด้วยท่าทีสบายๆ รถของหัวหน้ากิลด์ทัพสวรรค์นี่นั่งสบายดีไม่น้อยเลย
“ก็แค่มาทักทายเท่านั้นครับ ต้องขอบคุณจริงๆนะครับที่กลับมา”คริสยิ้มบางๆออกมาก่อนจะสั่งให้คนขับรถมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารทันที
“เจ้าพวกนั้นแตกแยกกันน่าดูเลยนี่นา กิลด์นายทุนไม่พอมือขนาดนั้นเชียว” กวีตอบพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย กิลด์นายทุนแม้จะเป็นมือใหม่ด้านเกม แต่ก็ใช้เวลาเล่นมา 5 ปีแล้ว ทั้งทุนทั้งอํานาจน่าจะมีเหลือเฟือ แม้จะสู้กิลด์พันธมิตรไม่ได้อยู่แล้วแต่ก็ไม่คิดว่าจะสู้ไม่ได้ถึงขั้นทําให้พวกกิลด์พันธมิตรมีเวลาว่างมาตีกันเองด้วย
”เทียบกับคุณแล้ว เป็นคู่ต่อสู้ที่น่ารักที่เดียวครับ” คริสตอบด้วยท่าที่เป็นมิตรอย่างประหลาด แม้ที่มือของเขาจะสวมสนับมือเอาไว้เพราะความเคยชิน แต่ก็ไม่มีท่าที่จะโจมตีเลย
“พอผมกลับมาก็เลยได้โอกาสผูกสัมพันธ์ใหม่สินะ ที่มาหาในวันนี้จะขอบคุณเรื่องนั้นหรือไง” กวีถามออกไป แต่ใจกลับรู้คําตอบอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของกิลด์พันธมิตรต่างไปจากเมื่อ 5 ปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด นั่นเพราะศัตรูร่วมที่มีมาเนิ่นนานอย่างกวีหายไปนั่นเอง
“สมแล้วที่เป็นคุณ ถูกแล้วครับผมมาขอบคุณเรื่องนั้นจริงๆ พอมีชื่อคุณเข้ามา ทุกคนก็ยอมลงให้กันง่ายๆเลย เป็นข้ออ้างที่สะดวกสบายจริงๆนะครับ” คริสหัวเราะออกมาด้วยท่าที่สบายใจ ก่อนหน้านี้คริสกําลังกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของแต่ละกิลด์ในกลุ่มพันธมิตรอยู่พอดี รอยร้าวที่มีมานานแล้วเริ่มร้าวลึกลงไปเรื่อยๆ แม้จะมีเขาคอยค้ำจุนอยู่แต่ทุกกิลด์ก็พร้อมจะแตกคอกันได้ทันที่หากมีโอกาส
“ดีแล้ว อุตส่าห์คาดหวังกับพวกคุณในอีกห้าปีต่อมาเอาไว้มาก อย่าทําให้ผิดหวังซะละ” กวีตอบด้วยใบหน้าที่เริ่มมีรอยยิ้มเผยออกมา
“ไม่แน่นอน เพื่อขอบคุณศัตรูดีๆอย่างคุณแล้ว พวกเราจะใช้กําลังที่สั่งสมมาห้าปีนี้ถล่มคุณไม่ให้เหลือซาก”คริสว่าพลางปล่อยจิตสังหารออกมาให้สัมผัสได้ หากไม่นับเมฆที่ลบตัวละครไปแล้ว คนที่เลเวลสูงที่สุดในเกมตอนนี้ก็คือ คริส หัวหน้ากิลด์ทัพสวรรค์ผู้นี้นี่เอง ระดับแรงกดดันของเขาไม่ธรรมดาเลย
“แล้วถ้าผมไปร่วมมือกับฝ่ายนายทุนล่ะ” กวีถามพลางจ้องมองคริสกลับด้วยแรงกดดันที่ไม่ น้อยไปกว่ากัน ลําพังกิลด์นายทุนก็เป็นศัตรูที่สมน้ำสมเนื้อไม่น้อย แต่หากมีกวีขึ้นไปเป็นผู้นําให้ละก็ต้องน่ากลัวมากแน่ๆ
“คุณไม่ทําแบบนั้นหรอกครับ เพราะมันจะไม่สนุกไงล่ะ” คริสได้ยินกลับไม่มีท่าทีห วาดกลัวเลย เพราะเขารู้ดีว่ากวีไม่มีทางทําแบบนั้นแน่ๆ
“รู้ดีจริงๆ”กวียิ้มออกมาด้วยท่าที่พึงพอใจ สมแล้วที่เป็นคริสหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรที่สู้กับเขามานาน บางทีหมอนี่อาจจะอ่านใจกวีได้ดีกว่าพวกเมฆหรือไอช่าเสียอีก
“เบลเป็นอะไรไปงั้นเหรอ”เจที่เพิ่งกลับมาจากการล่าถามไปทางไบรท์ที่มาถึงบ้านกิลด์ก่อนตัวเอง เพราะทันทีที่เข้ามาในห้องของปาร์ตี้หลักก็พบว่าเบลกําลังนั่งเครียดเหมือนมีเรื่องกังวลใจอยู่
“เอ่อ…ไม่รู้สิ เห็นนั่งเงียบมาสักพักแล้ว นายลองเข้าไปถามเองแล้วกัน”ไบรท์ว่าพลางสละเรือหนีไปก่อนเสียอย่างนั้น ทําให้เจต้องเป็นคนที่เข้าไปถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งๆที่เพิ่งจะโดนกวีกําชับมาแท้ๆ
“เบล…เป็นอะไรงั้นเหรอ”เจเดินเข้าไปถามอย่างช่วยไม่ได้ เพราะนอกจากตําแหน่งหัวหน้ากิลด์ที่ต้องดูแลลูกน้องแล้วเจยังรู้สึกดีกับเบลไม่น้อยเลย จะปล่อยให้เธอนั่งเครียดคนเดียวก็คงไม่ได้นี่นา
“เอ๊ะ หัวหน้า คือว่านี่มัน” พอเห็นว่าเจเข้ามาหา เบลก็มีท่าทีสะดุ้งอย่างเห็นได้ชัด แบบนี้มันยิ่งน่าสงสัยไม่ใช่หรือไง
“นี่มันข้อมูลอาชีพนักบวชต้องสาปนี่นา” เจขมวดคิ้วด้วยท่าทีสงสัย หรือว่าเบลกําลังกังวลเรื่องอาชีพงั้นเหรอ
คะ คือว่ากําลังกังวลเรื่องตอบคําถามอยู่ค่ะ ในนี้บอกว่าตอนเปลี่ยนอาชีพเป็นนักบุญจะต้องตอบคําถามให้ดูเลวที่สุดค่ะ”เบลตอบพลางมองไปทางเจด้วยท่าที่หมดหนทาง
“ก็ตอบออกไปแบบเลวๆเลยก็พอนี่”เจเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ก็แค่การโกหกเพื่อเปลี่ยนอาชีพ ไม่เห็นเป็นไรเลย
“นั่นละค่ะที่ยาก จะต้องพูดยังไงกันคะให้มันดูเลวๆเนี่ย”เบลถามกลับมาด้วยท่าทีกังวลสุดๆ น่าเสียดายเบลเหมือนจะไม่รู้ว่าต้องทํายังไงตัวเองถึงจะดูเลวจนไม่สามารถผ่านการทดสอบของนักบุญได้
“ระ เรื่องนั้น…ก็คงต้องตอบเรื่องที่คิดว่าผิดลงไปนะสิ เบลพอจะคิดอะไรที่ไม่ดีออกหรือเปล่าเรื่องที่อยากจะทํา แต่ทําไม่ได้เพราะรู้สึกผิดอะไรแบบนี้”เจถามพลางยกตัวอย่างให้เบลลองคิด คําถามที่จะเจอในการทดสอบเป็นแบบสุ่ม หากไม่คิดเผื่อเอาไว้แล้วดันไปตอบถูกละก็มีหวังได้อา ชีพนักบุญมาแทนแน่ๆ
“เรื่องไม่ดีที่อยากจะทํางั้นเหรอคะ”เบลถามพลางเลิกคิ้วด้วยท่าที่ประหลาดใจ เรื่องพวกนี้เบลไม่เคยคิดเสียด้วยสิ ปกติเธอมักจะทําตามที่ถูกสอนมาอย่างดีเสมอ เรื่องไม่ดีที่อยากทํานั้นแทบจะไม่มีด้วยซ้ำ
“ถ้าเรื่องอยากกินของหวานตอนกลางคืนละคะ คุณแม่ชอบห้ามเอาไว้เสมอเลยถือเป็นเรื่องไม่ ดีหรือเปล่า”เบลเสนอออกมาด้วยท่าทีไม่มั่นใจ น่าเสียดายเธอไม่ใช่คนที่คิดเรื่องเลวๆอย่าง การคดโกงหรือเรื่องการเข่นฆ่ากันได้ คิดแทบตายก็คิดออกมาได้แต่เรื่องเล็กๆแบบนี้
“แบบนั้นคงไม่ได้หรอก พอจะมีเรื่องที่แย่กว่านี้ไหม” เจถามพลางยิ้มเงื่อนๆออกมาแบบนั้นนับเป็นเรื่องไม่ดีก็คงไม่ได้ด้วยซ้ำ
“งั้น เรื่องที่ทําเสื้อของพ่อเลอะตอนเด็ก…”เบลพยายามคิดออกมา แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกเล่นเอาเจที่มาช่วยคิดอดรู้สึกทั้งจําทั้งปืนงงขึ้นมาเลย
“เอ่อ คงต้องเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้” เจยิ้มเงื่อนๆออกมาก่อนจะลองให้เบลนึกให้ดีกว่านี้ แต่คําตอบนั่นไม่ต้องใช้ความผิดที่เคยทําก็ได้นี่นา แค่สร้างเรื่องขึ้นมาก็น่าจะพอแล้ว
“งั้นถ้าเป็นเรื่องที่ฉันอยากจะแย่งหัวหน้ามาจากคุณมายด์นี่ถือเป็นเรื่องแย่ พอหรือเปล่าคะ”เบลถามพลางมองไปทางเจเหมือนกําลังถามคําถามปกติก่อนหน้านี้ หรือว่าเธอจะไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา…
“เอ๊ะ…ระ เรื่องนั้นเป็นเป็นแค่ ”เหมือนเบลจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองโพล่งอะไรออกไปทําเอาเบลรีบเอามือมาบัดไปมาเหมือนจะบอกว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดเลย
“เป็นแค่ตัวอย่างค่ะ ไม่ใช่เรื่องจริงนะคะ ก็แค่ถ้าทําแบบนั้นจะถือเป็นเรื่องผิดหรือเปล่าเท่านั้นเอง”เบลที่มีท่าทีลนลานจนเกินหน้าเกินตาอย่างเห็นได้ชัดยิ่งแก้ตัวก็ยิ่งเข้าตัว หากมีคนอื่นอยู่ในห้องมีหวังรู้กันทั่วแน่ๆ
”….”เจเองพอเห็นแบบนั้นก็เข้าใจทันทีว่าเบลไม่ได้แค่พูดเพื่อยกตัวอย่าง แต่นั่นเป็นสิ่ง ที่เบลแอบคิดอยู่ในใจแน่ๆ งั้นก็หมายความว่าเบลเองก็ชอบเขางั้นเหรอถึงได้คิดจะแย่งเขาไปจากมายด์ บ้าจริง อยากจะเข้าไปกอดเบลตอนนี้แล้วเลิกกับมายด์ไปซะให้เรื่องมันจบ
“นะ นั่นสินะ…อันนั้นคงถือว่าไม่ดีได้ แต่คิดเรื่องอื่นเพื่อไว้ด้วยน่าจะดี กว่า”เจกัดฟันยิ้มออกไปแล้วทําเป็นเข้าใจว่าเบลแค่ยกตัวอย่างมั่วซั่วออกมาเท่านั้น