Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 116
ตอนที่ 116
แขกเข้าพบ
“คิดว่าแนวโน้มในอนาคตจะเป็นยังไง” กวีถามพลางเดินเข้าไปในห้องของเนตรด้วยท่าทีสบายๆเหมือนกําลังเดินเข้าห้องทํางานของตัวเองที่ตึกกิลด์บูรพาไม่มีผิด
“เพราะเมื่อวานมีการถ่ายทอดสดกิลด์ฝ่ายนายทุนก็คงเห็นกันหมดแล้ว ส่วนฝ่ายพันธมิตร น่าจะรู้กันมาตั้งแต่แรกคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเท่าไหร่”เนตรที่เดินตามกวีเข้ามาในห้องของตัวเองมองกวีเดินไปนั่งที่เก้าอี้โดยไม่คิดจะห้ามอะไรทั้งๆที่ตรงนั้นเป็นที่นั่งของเธอแท้ๆ
“คิดว่าอีกสักพัก ไม่สิตอนนี้คงมีคนจากฝั่งนายทุนมาติดต่อกวีแล้ว พวกเขาขับเขี้ยวกับฝ่ายพันธมิตรมาตลอดต้องอยากได้กิลด์บูรพาที่คนยังไม่มากไปเข้าเป็นพวกแน่ๆ”เนตรตอบพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจังออกมา
“แล้ว….คิดว่าผมจะทํายังไงต่อ” กวีถามพลางมองเนตรด้วยท่าที่ยิ้มๆ เนตรเป็นคนที่มีข้อมูลมากที่สุดคนหนึ่งของสังคมคนเล่นเกม แถมเนตรยังมีความทรงจําที่น่าเหลือเชื่อเลยสามารถจดจํารายละเอียดเล็กๆได้อย่างแม่นยําอีกต่างหาก
“กวี….ไม่มีทางเข้าไปเป็นลูกน้องของใครอยู่แล้ว นายน่าจะอาศัยจังหวะที่คนกําลังตื่นเต้นเพื่อรับสมัครคนเข้ากิลด์เพิ่มขึ้นมากกว่า ถึงการรับคนจํานวนมากๆเข้ากิลด์จะทําให้ควบคุมได้ยาก แต่สมาชิกกิลด์เก่าๆหลายคนเป็นคนที่มีความสามารถ การขยายกิลด์ให้ใหญ่ขึ้นต้องทําได้แน่ๆ”เนตรตอบพลางมองไปทางกวีด้วยท่าที่หวั่นๆ สําหรับเธอที่รู้จักกับกวีมานานแล้วย่อมมองออกได้ทันที กวีจงใจสู้กับกิลด์อัศวินนภาและกิลด์เมฆาต่อหน้าผู้เล่นคนอื่นๆก็เพราะต้องการแสดงความสามารถของกิลด์บูรพาให้เป็นที่รู้จัก หากทําแบบนั้นละก็ต้องมีคนมาสมัครนับมาถ้วนแน่ๆ
“วิเคราะห์ได้ดี แล้ว….จะรายงานหัวหน้ากิลด์ไปแบบนั้นสินะ” กวีถามพลางจ้องมอง เนตรด้วยรอยยิ้มเย็นยะเยือกทําเอาเนตรที่โดนมองสะดุ้งโหยงในทันที
“มันเป็นหน้าที่นี่คะ ฉันเองก็ต้องทํางานตามหน้าที่เหมือนกันนะ ถ้าไม่รายงานก็เท่ากับไม่ซื่อสัตย์น่ะสิ”เนตรว่าพลางยิ้มเงื่อนๆออกมา
“ก็เข้าใจนะว่ามันทําให้กวีเสียผลประโยชน์ แต่ฉันก็ทํางานที่นี่ ถ้าไม่บอกฝ่ายนี้ก็เสียผลประโยชน์เหมือนกัน ยังไงตอนนี้ฉันก็อยู่ฝั่งนี้แล้วเพราะงั้นอย่าว่ากันเลยนะ”เนตรโดนจ้องแบบนั้นก็พล่ามอะไรวกวนออกมาไม่เลิก ไอ้ท่าทีขี้กลัวแบบนี้มีแต่เพื่อนสนิทของเนตรเท่านั้นล่ะที่มีสิทธิ์เห็น
“งั้นก็กลับมาอยู่ฝั่งนี้ก็พอนี่” กวีเสนอทางเลือกออกไปด้วยท่าที่สบายๆ แต่ฝ่ายที่ได้รับข้อเสนออย่างเนตรกลับชะงักไปแทบจะทันที พูดมันก็ง่ายสิ เนตรมาอยู่กิลด์นี้หลายปีแล้วมีทั้งคนที่ไว้วางใจมีทั้งลูกน้องที่ทํางานด้วยกันมานาน จะให้ออกไปแล้วกลับไปอยู่กับกวีง่ายๆได้ไง
“ไม่ต้องห่วงหรอก คราวนี้จะไม่ทิ้งเธอเอาไว้คนเดียวเหมือนคราวก่อนอีกแล้ว” กวีว่าพลางลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเนตรด้วยท่าที่อ่อนโยน คราวก่อนกวีทิ้งให้เนตรคอยดูแลกิลด์อยู่คนเดียว บางทีที่เนตรไม่อยากกลับมาอยู่ที่กิลด์บูรพาก็เพราะกลัวว่าจะเป็นแบบนั้นอีกหรือเปล่า
“…” พอกวีพูดแบบนั้นเนตรก็นึกถึงสมัยก่อนที่ตัวเองต้องรับหน้าที่แทนกวี ตอนนั้นกิลด์สุริยันจันทรามีแต่ยอดฝีมือชั้นแนวหน้า ไม่ใช่แค่ฝีมือพวกเขาเป็นผู้เล่นชั้นเยี่ยมที่มีทั้งทักษะและสมอง มันเหมือนกับดงอสูรที่คนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้เลย แต่ไม่ทราบที่ไมพอกวีเป็นคนนําพวกเขาก็ยอมที่จะติดตามไปได้ง่ายๆ แต่พอกวีหายไปก็เหมือนยกโซ่ล่ามกระทิงดุทั้งฝูงใส่มือเนตรเสียเฉยๆ พริบตาเดียวเนตรก็โดนลากไปทางโน้นทางนี้จนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล แต่เพราะไม่อยากเสียกิลด์สุริยันจันทราไปเนตรก็เลยจับโซ่เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทําให้สภาพของเนตรตอนยุบกิลด์สิริยันจันทราลงนั้นย่ําแย่อย่างมาก จนถึงตอนนี้เนตรก็ยังไม่กล้ากลับไป
ไม่ว่าจะเรื่องกิลด์ใหม่ หน้าที่ของตัวเองหรือลูกน้องที่ร่วมงานกันมาในกิลด์ใหม่นั้นต่างไม่ใช่เหตุผลจริงๆของเนตรเลยแม้แต่น้อย ที่เนตรไม่กล้ากลับไปนั้นก็เพราะความน่ากลัวของกิลด์สุริยันจันทราเองต่างหาก แต่ว่าถ้ากวียังอยู่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกิลด์บูรพาในตอนนี้ก็จะไม่ทําร้ายอะไรเธอแน่ๆ แค่คํายืนยันคําเดียวของกวีทําให้เนตรถึงกับปฏิเสธไม่ออกเลย
“แล้วถ้าไม่ยอมกลับมาละก็ หนี้เก่าทั้งหลายก็คงต้องสะสางให้เรียบร้อย”
“เอ๊ะ” อยู่ๆกวีก็เปลี่ยนเรื่องเสียอย่างนั้น ทําไมถึงพูดเรื่องหนี้เก่าออกมาได้ล่ะ
“เนตรเนี่ยเป็นคนฉลาดนะ แต่เพราะขี้กลัวแบบนี้ก็เลยทําให้กิลด์เสียหายไปบ้างสินะ” กวีว่าพลางเปิดหน้าต่างระบบขึ้นมา เพราะเนตรเป็นเสนาธิการของกิลด์ย่อมมีภาระมากมายให้จัดการ แล้วเนตรก็ยังเป็นมนุษย์อยู่แม้จะทํางานสําเร็จนับไม่ถ้วน แต่ก็มีงานที่ไม่สําเร็จอยู่ด้วยเช่นกัน ถึงคนอื่นๆจะไม่คิดเอาเรื่องนั้นมาต่อว่าเนตรแต่ถึงให้เป็นเรื่องเล็กแค่ไหน เนตรก็ยังจําฝังใจและรู้สึกผิดเสมอ
“ไหนจะตอนที่ทําให้กิลด์หัตถ์อสูรฝ่าเข้ามาได้อีก ถึงจะบอกว่ามีเจ้านนท์นําทัพมาก็เถอะ” กวีไล่ความผิดของเนตรออกมาทีละข้อจนหน้าของเนตรซีดแล้วซีดอีก เรื่องที่ เนตรพลาดส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องที่เธอเผลอกลัวจนทําตามแผนของกวีได้ไม่ดีเท่านั้นเองนี่นา
“แล้วก็เรื่องที่ยิ่งเวทมนตร์ใส่แก้วพลาดจนปล่อยให้แก้วเข้ามาเสริมกําลังให้กิลด์เสียดฟ้าได้”ยิ่งได้ยินกวีพูดเหงื่อของเนตรก็ยิ่งออกมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วก็…”
“ขะ ขอโทษค่ะ เรื่องพวกนั้นฉันผิดไปแล้ว ขอโทษจริงๆค่ะ”เนตรแทบจะทนฟังต่อไม่ ไหวแล้วรีบคุกเข่าขอโทษกวีทันที ความจริงเรื่องที่เนตรพลาดก็มีพอๆกับที่คนอื่นพลาดนั่นล่ะ
“ไหนจะเรื่องที่คิดจะปล่อยให้ผมต้องคุมกิลด์คนเดียวอีก แบบนี้ดีแล้วงั้นเหรอ”กวีถ มพลางเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย แม้กวีจะสามารถคุมคนได้เป็นจํานวนมาก แต่หากขยายกิลด์เพิ่มขึ้นต่อให้เป็นกวีเองก็ไม่สามารถควบคุมได้ทั่วถึงพอ ตอนนี้ความสามารถที่กวีต้องการก็คือความสามารถในการคุมคนของเนตรนั่นเอง
“เรื่องนั้น”เนตรได้ยินแบบนั้นก็มีท่าทีอ่อนลงทันที ตอนแรกเนตรคิดว่ากวีไม่จําเป็นต้องมีคนอย่างเธอช่วยหรอก แต่พอลองคิดดู หากคนเยอะขึ้นเพราะการขยายกิลด์จากผู้เล่นใหม่ กวีก็อาจจะรับมือไม่ทันจริงๆก็ได้ แบบนั้นเธอไม่กลับไปกวีก็คงต้องรับงานหนักขึ้นรวมถึงคนอื่นๆด้วย
“แล้วก็พี่วินบอกว่ายังไงก็ต้องพาเนตรกลับไปด้วยให้ได้” กวีตอบพลางยิ้มออกมาบางๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องโกหกอย่างแน่นอน แถมพี่วินก็ยังจริงจังมากเสียด้วย
“พี่วินงั้นเหรอ”เนตรเบิกตากว้างด้วยท่าทีตกใจ พี่วินคนนั้นถึงกับออกปากให้กวีชวน เนตรกลับมาเองเลยงั้นเหรอ
“ใช่ พี่วินบอกว่าไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ต้องพาเนตรกลับมาให้ได้เลยนะ” กวีหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะแสดงท่าที่ผ่อนคลายออกมาเมื่อเห็นว่าเนตรมีท่าทีตกใจเมื่อได้ยินเรื่องของวิน ทั้งสองคนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเกมคอมพิวเตอร์แล้ว แต่พอมาเป็นเกมโลกเสมือนจริงทําไมทั้งสองคนถึงไม่ ค่อยสนิทกันนักก็ไม่ทราบ วันนั้นที่พี่วินมาบอกให้กวีพาตัวเนตรกลับมาให้ได้ กวีก็พอจะเดาได้ว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ
“นึกว่าพี่วินจะไม่ให้อภัยฉันแล้วซะอีก”เนตรตอบพลางก้มหน้าลงด้วยท่าทีเศร้าๆเสียอย่างนั้น
“ไม่ต้องห่วง พี่วินไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก” กวียิ้มรับก่อนจะยื่นมือไปทางเนตรที่กําลังคุกเข่าอยู่กับพื้น
“คงต้องใช้เวลาสักหน่อยก่อนจะย้ายไป”เนตรว่าพลางยื่นมือขึ้นมาจับมือของกวีเอาไว้ ตอนนี้ เนตรคงแยกตัวออกไปไม่ได้ง่ายๆหรอก เธอก็คงต้องจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยเสียก่อน
“ต้องรับคนใหม่เข้ามาเยอะๆแบบนี้คงมีงานรออยู่เยอะเลยสินะ คราวนี้หวังว่าจะได้เงินเดือน คุ้มค่าเหนื่อยบ้างนะหัวหน้า”เนตรลุกขึ้นยืนก่อนจะยิ้มให้กวีน้อยๆ แต่เพราะเนตรชินกับงานจํานวนมหาศาลไปแล้ว เพราะงั้นการรับงานของกวีจึงไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
“ไม่ต้องห่วง ผมจะหาผู้ช่วยดีๆไว้ให้” กวีว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าที่มีเลศนัยทําเอาเนตรอดที่จะแสดงท่าที่ประหลาดใจออกมาไม่ได้ หรือว่ากวีจะเจอผู้เล่นใหม่ที่มีความสามารถน่าสนใจแล้วงั้นเหรอ
“ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าจะพาใครมา”เนตรส่ายหน้าช้าๆก่อนจะกลับไปที่โต๊ะทํางานของตนเอง ตอนนี้ก็ต้องจัดการงานให้เรียบร้อยสินะ…
“หัวหน้า…มีคนมาขอพบครับ” อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของกิลด์เสียดฟ้า ในห้องทํางานของพายัพเองก็มีคนเข้ามาขอพบพอดิบพอดีเสียอย่างนั้น
“ใคร…” พายัพถามพลางเงยหน้าขึ้นมาจากกองบัญชีตรงหน้าด้วยท่าที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก คนที่มาไม่สามารถเข้าพบพายัพได้ทันทีแสดงว่าไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว งั้นคนที่มาก็ต้องเป็นคนนอกแน่ๆ
“เอ่อ…เหมือนจะเป็นผู้เล่นใหม่ครับน่าจะเพิ่งลงมาจากเกาะเริ่มต้น เห็นเขาบอกว่าชื่ออาร์มครับ” คนของพายัพตอบด้วยท่าทีหวั่นๆเหมือนกําลังจะกลัวว่าพายัพจะโกรธตนเอง แต่คนที่มาก็บอกว่ารู้จักพายัพดีนี่นา
“อาร์ม…มันหน้าตายังไง” พายัพถามพลางมองไปทางลูกน้องของตัวเองด้วยท่าทีสงสัย คนชื่ออาร์มมีเยอะแยะ แม้จะคุ้นๆก็เถอะแต่ก็คุ้นหลายคนเกินไป
“เอ่อ เป็นผู้ชายหัวล้าน มีแผลเป็นที่ตาขวาครับ”
“อะไรนะ…” ทันทีที่ได้ยินลูกน้องบอกลักษณะของอาร์มที่มาหา พายัพก็มีท่าทีตกใจและหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เป็นคนรู้จักหรือเปล่าครับ”ลูกน้องของพายัพถามพลางถอยหลังออกไปนิดหน่อยด้วยความตกใจ
“ให้เขาเข้ามา อย่าเสียมารยาทด้วยล่ะ” พายัพว่าพลางสั่งให้ลูกน้องไปพาอาร์มคนนั้นเข้ามา แถมยังกําชับว่าห้ามเสียมารยาทอีกต่างหาก ซึ่งมันแปลกมากสําหรับหัวหน้ากิลด์ใหญ่อย่างพายัพแบบนี้
“ไง ห้องสวยดีนี่หว่า” ทันทีที่ให้ลูกน้องออกไปพาแขกเข้ามาพบ ร่างของชายวัยกลางคนหัวล้านคนหนึ่งก็เดินเข้ามาภายในห้อง พร้อมกับลูกน้องอีก 3 คนด้านหลัง แม้พายัพจะไม่เคยเห็นพวกเขาในเกมมาก่อนแต่ถ้าเป็นโลกภายนอกละก็
“พี่อาร์ม นั่งก่อนครับ” พายัพกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเชิญให้อาร์มเข้ามา นั่งในห้องแล้วไล่ลูกน้องของตัวเองออกไป อาร์มผู้นี้เป็นคนรู้จักในโลกภายนอกของพายัพ เขา เป็นคนคุมบ่อนที่พายัพไปเล่นเป็นประจํา แถมยังเป็นคนที่จะมาทวงหนี้พายัพเวลาพายัพจ่ายหนี้ช้าอีกด้วย แล้วแบบนี้จะไม่ให้เกรงใจได้อย่างไร