Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 108
ตอนที่ 108
เรื่องที่อยากถาม
“……….” ตอนนี้เมษไม่ทราบว่าตนเองอยู่ในฐานะอะไรหรือสถานการณ์ไหนกันแน่ ตอนนี้ศัตรูตัวฉกาจของเมษและกิลด์ที่เมษอยู่ต่างนั่งร่วมโต๊ะกันอย่างพร้อมเพรียงเสียแล้ว ไม่ใช่แค่กวีเท่านั้น ตอนนี้ยังมี เมฆ วิน และ ไอช่า เข้ามาร่วมโต๊ะอีกต่างหาก นี่พี่สาวเขาไปลากคนระดับนี้มาได้ไงตั้งเยอะแยะ…
“ได้ยินว่ามีเรื่องจะถามไม่ใช่เหรอ” กวีถามพลางมองไปทางเมษที่กําลังเหงื่อตกอยู่ฝั่งตรงข้าม ตอนนี้เขาคงรู้สึกเหมือนกําลังอยู่ในถ้ำเสือเลย
“เมษเขาได้ยินมาว่าพี่กวีส่งคนไปดักเล่นงานคุณแก้วที่นอกเกมค่ะ มีนก็เลยว่ามาถามพี่กวีตรงๆ”แทนที่จะเป็นเมษแต่กลับเป็นมีนเองที่เป็นฝ่ายถาม ปกติมีนเป็นคนขี้อายนอกจากครอบครัวแล้วเรื่องคุยกับคนอื่นเหมือนจะเป็นเรื่องยากมากสําหรับเธอ แต่การที่เห็นมีนคุยกับพวกกวีได้ปกติดีแบบนี้ทําเอาเมษที่โตมาด้วยกันอดประหลาดใจไม่ได้จริงๆ
“ว่าไงนะ” กวีเลิกคิ้วด้วยท่าที่ประหลาดใจก่อนจะพยายามทบทวนความทรงจําของตัวเอง
“ใช่…สงครามตอนนั้นพวกแกส่งคนไปทําร้ายพี่แก้วกับพี่พายัพจนไม่ได้มาเข้าเกม” เมษตอบพลางตัดสินใจทําใจกล้าแล้วจ้องมองกวีกลับทันที ถึงจะมีเมฆอยู่ด้วยแต่ถ้าหนีสุดกําลังละก็….
“ทําไมพวกเราต้องทําแบบนั้นด้วยล่ะ” คนที่ตอบคําถามออกมาเป็นคนแรกก็คือไอช่านั่นเอง เธออยู่กับกวีมานาน และมีตําแหน่งเหมือนน้องสาวของกวีสามารถเข้าหากวีได้ตลอดเวลา รวมถึงการพบเจอกันในชีวิตจริงด้วย เรื่องแผนร้ายของกวีหรือวิธีสกปรกที่กวีใช้ไอช่ารับรู้มาตลอด แต่ทุกครั้งแผนก็จะอยู่ในเกมทั้งนั้น กวีไม่เคยคิดจะออกไปโจมตีคนอื่นนอกเกมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“ก็พวกแกอยากจะชนะให้ได้ไม่ว่าจะต้องทํายังไงไม่ใช่หรือไง” เมษว่าพลางกําหมัดแน่น นั่นคือข้อความที่กวีมักจะใช้ นั่นคือไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน แต่ชนะก็คือชนะ
“พูดอะไรกัน ต่อให้แก้วกับพายัพมาพวกเราก็ชนะอยู่ดีไม่ใช่หรือไง”วินถามด้วยท่าที่ประหลาดใจ สงครามที่แก้วกับพายัพไม่มาเข้าร่วมเหมือนจะมีอยู่ครั้งหนึ่ง แต่แค่สองคนนั้นไม่มาไม่ได้ทําให้แผนของกวีเสียรูปไปหรอก ตอนนั้นต่อให้ทั้งสองคนมากวีก็มีแผนเตรียมเอาไว้อยู่แล้ว ความต่างระหว่างแก้วกับพายัพไม่มาก็แค่ไม่ได้ใช้แผนรับมือแก้วเท่านั้น
“หมายความว่าไง พวกแกจะบอกว่าพี่แก้วไร้ประโยชน์งั้นเหรอ” เมษได้ยินแบบนั้นก็มีท่าทีโมโหทันที การที่บอกว่าแก้วจะมาหรือไม่มาก็ไม่ต่างกันมันก็เหมือนบอกว่าแก้วไม่มีประโยชน์นั่นล่ะ
“เปล่าหรอก แก้วเก่งมากเรื่องนั้นพวกเรายอมรับ แต่ถึงเธอมาสถานการณ์ตอนนั้นก็ไม่ทําให้ฝ่ายพันธมิตรชนะหรอกนะ”วินส่ายหน้าช้าๆออกมาด้วยท่าที่จริงจัง อย่างที่บอกต่อให้แก้วมา พวกเขาก็มีแผนรับมือเอาไว้แล้ว
“เมษ สินะ พวกเราจะบอกว่าเป็นคนดีก็คงไม่ได้ แต่พวกเราก็ไม่เล่นอะไรน่าเกลียดอย่างการดักทําร้ายคนนอกเกมแน่นอน” กวีตอบพลางเอามือทาบอกตัวเองเหมือนกําลังจะสื่อถึงความจริงใจของกวี
“ได้ยินแบบนั้นเมษก็ชะงักไปนิดหน่อย แม้จะน่าเจ็บใจแต่เรื่องที่พวกกวีพูดก็เป็นความจริง พวกเขาพยายามกันแค่ไหนเพื่อจะชนะพวกกวี แต่ครั้งแรกที่พวกเขาเอาชนะพวกกวีได้ก็เป็นตอนเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งนั่นเป็นช่วงที่กวีหายตัวไปแล้วกว่า 1 ปี
“ฉัน…ไม่เชื่อคนอย่างแกหรอก แกมันจอมปลิ้นปล้อน” เมษว่าพรางลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนจะหันหลังเดินออกไป
“เมษ… “มีนเห็นน้องชายวิ่งออกไปก็กําลังจะไปตาม แต่เธอกลับถูกกวีหยุดเอาไว้ซะก่อน
“พวกเขาเชื่อฝังหัวกันมาหลายปีแล้ว จะไปเปลี่ยนความคิดเลยตอนนี้ไม่ได้หรอก” กวีส่ายหน้าพลางนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีครุ่นคิด
“แบบนี้นี่เอง ที่โกรธขนาดนั้นเพราะมีเรื่องดักทําร้ายนอกเกมนี่เอง” กวีพูดออกมาด้วยท่าทีสบายใจขึ้น เรื่องที่คนของฝั่งพันธมิตรจะเกลียดเขาก็เป็นเรื่องปกติ แต่ความเกลียดชังของกิลด์เมฆานั้นต่างออกไป ที่แท้ก็มีเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นสินะ
“พี่วิน พี่จําได้หรือเปล่าว่าวันที่แก้วกับพายัพไม่มาร่วมสงครามมันวันไหน” กวีถามพลางมอง ปทางวินที่นั่งอยู่ข้างๆ
“พูดเป็นเล่นไป นั่นมันเกินห้าปีอีกนะ ใครมันจะไปจําวันได้ล่ะ”วินตอบด้วยท่าทีตกใจ ขนาดกวียังจําไม่ได้แล้วใครจะจําได้เล่า
…” พอมองไปทางไอช่ากับเมฆ ทั้งสองคนก็พากันส่ายหน้าเป็นคําตอบทันที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมีน เธอไม่มีทางรู้เรื่องอยู่แล้ว
“ช่วยไม่ได้” กวีถอนหายใจออกมาก่อนจะกดระบบสื่อสารออกมาแล้วติดต่อไปยังคนๆหนึ่ง
ติ๊ด…ติ๊ด…ติ๊ด…
ทันทีที่กวีติดต่อไปหา คนที่ปลายสายก็ตัดสายกวีแทบจะทันทีทําเอากรีต้องถอนหายใจออกมา ยัยนั่นยังไม่ยอมรับสายอีกงั้นเหรอ
“พี่วิน ฝากดูแลสมาชิกกิลด์หน่อยนะครับ” กวีว่าพลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากร้านตามลําพังทันที ในร้านอาหารไม่มีใครถามหรือห้ามกวีเอาไว้เลย ส่วนมีนนั้นก็ได้แต่มองตามตาปริบๆ ไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาติดต่อใครคะ” ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กวีก็เดินทางข้ามทวีปมายังอาณาจักรทางเหนือแล้วเดินผ่านอากาศหนาวเข้าไปในอาคารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่แถวๆกลางเมืองพร้อมตรงไปติดต่อประชาสัมพันธ์สาวท่ามกลางสายตาของเหล่าคนในอีกหลายสิบชีวิต
“ผมมาพบคุณเนตรครับ” กวีตอบพลางยิ้มออกมาจนทําเอาประชาสัมพันธ์แอบหน้าแดงน้อยๆ
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ” ประชาสัมพันธ์ตอบพลางติดต่อด้วยระบบสื่อสารของตัวเองขึ้นไปหาเนตรที่อยู่ด้านบน ประชาสัมพันธ์พูดคุยกับเนตรอยู่พักหนึ่งก่อนเหลือบมองมาทางกวีเป็นระยะ ท่าทางเนตรจะถามว่าคนที่มาหาเป็นใครรูปร่างแบบไหนกระมัง
“ขอโทษนะคะ ตอนนี้คุณเนตรไม่ว่าง เอาไว้ดิฉันจะติดต่อกลับไปทีหลังนะคะ” ประชาสัมพันธ์สาวตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา ท่าทางเนตรคงจะไม่ยอมเจอกวีง่ายๆแน่
“ไม่เป็นไรครับ แต่คุณช่วยทําอะไรให้ผมสักอย่างได้หรือเปล่า” กวีว่าพลางโน้มตัวเข้าไปใกล้ประชาสัมพันธ์มากกว่าเดิม
“ค่ะ”ประชาสัมพันธ์เห็นแบบนั้นก็มีท่าทีเขินๆก่อนจะตอบรับอย่างช่วยไม่ได้
“ช่วยบอกคุณเนตรว่า…โลกิเลน” กวียิ้มด้วยท่าทีสุภาพอย่างมากทําเอาประชาสัมพันธ์สาวมีท่าที่งุนงงออกมาทันที แต่ตนรับปากเอาไว้แล้วก็ช่วยไม่ได้เธอจึงต้องติดต่อไปหาเนตรอีกครั้งก่อนจะบอกคําที่กวีฝากมา
ติ๊ด!!
“เอ๊ะ…” ทันทีที่บอกคํานั้นออกไป เนตรก็ไม่ได้ตอบอะไรประชาสัมพันธ์อีกแถมยังตัดสายไปซะเฉยๆทําเอาประชาสัมพันธ์ไม่ทราบจะหันไปตอบอะไรกวีดี
วูบ…!!
ระหว่างกําลังจะอธิบายให้กวีฟัง อยู่ๆที่หน้าอาคารก็มีร่างของคนๆหนึ่งร่วงลงมาก่อนจะตกลงบนพื้นพร้อมกระแสลมหอบใหญ่พัดจนกระจกของอาคารสั่นสะเทือนไปหมด การกระโดดลงมาจากที่สูงด้วยสกิลนั้นสามารถทําได้ แต่ใครมันบ้ามากระโดดเล่นแบบนี้กัน
“คุณกวี เชิญด้านในค่ะ” คนที่ทําแบบนั้นกลับกลายเป็นเนตรเสียอย่างนั้น แถมเธอยังเดินเข้ามาในอาคารด้วยท่าทีสง่าผ่าเผยแถมยังเชิญกวีให้ตามเธอไปอีกต่างหาก
“ด้วยความยินดี” กวีตอบพลางเดินตามเนตรไปด้วยท่าทีสบายๆ เนตรเป็นสาวสวยที่มีรูปร่างเหมือนกับนางแบบ ดูจากภายนอกแล้วเป็นหญิงสาวที่สง่าผ่าเผยดูสูงค่าและน่าเคารพ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องผลงาน เธอเป็นเสนาธิการของกิลด์ใหญ่แถมยังเป็นคนสําคัญที่มีกิลด์อื่นๆพยายามจะซื้อตัวไปหลายต่อหลายครั้งเลยทีเดียว
ติ๊ง…
ใช้เวลาไม่นานเนตรก็พากวีเข้ามาที่ห้องทํางานของตัวเอง ก่อนที่เธอจะเดินไปปิดผ้าม่านรวมถึงหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ก่อนจะกระโดดลงไปชั้นล่างด้วย
ตึง…
ทันทีที่หน้าต่างถูกปิดภายในห้องทํางานของเนตรก็ไม่มีผู้ใดสามารถมองทะลุเข้ามาได้อีก ที่เนตรรู้เช่นนั้นก็เพราะห้องนี้เป็นห้องที่ออกแบบมาให้เป็นแบบนั้นนะสิ
ตุบ….
ทันทีที่เหลือกันแค่สองคน อยู่ๆเนตรก็เดินไปตรงหน้ากวีก่อนจะย่อตัวคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะ….
“ขอโทษค่ะ จะไม่ทําอีกแล้วค่ะเพราะงั้นปล่อยเรื่องนั้นไปเถอะนะคะ”เนตรพูดจบก็ก้มกราบลงกับพื้นด้วยท่าทีหวาดกลัวสุดๆทิ้งท่าทีสง่าผ่าเผยก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้นไม่เหลือแม้แต่น้อย นี่ล่ะเนตรที่กวีรู้จัก เธอเป็นแม่สาวขี้กลัวที่คิดแง่ร้ายแทบจะตลอดเวลา ที่ทําท่าที่เป็นนิ่งนั้นก็แค่ฉากหน้า
“จริงๆก็ไม่อยากเอาเรื่องนั้นมาพูดอีกหรอกนะ แต่เพราะเธอหนีหน้าไม่รับไม่ยอมเจอหน้าก็เลยต้องใช้ไม้แข็งหน่อย” กวีว่าพลางเดินไปนั่งที่เก้าอี้ของเนตรแทนเจ้าตัว
“กรี๊ด ดิฉันผิดไปแล้วเจ้าค่ะ อย่าถือสาว่ากล่าวกันเลยนะคะ”เนตรว่าพลางก้มขอโทษถี่ๆ อย่างกับนกหัวขวานไม่มีผิด เรื่องโลกิเลนนั้นเป็นเรื่องที่เนตรเคยทําผิดพลาดเมื่อสมัยก่อน จริงๆก็เป็นแค่โล่อันเดียวที่ไม่ได้มาเพราะเธอแพ้ในการต่อสู้กับแก้ว ไม่มีใครคิดจะโทษเธอหรอกเพราะตอนนั้นคนอื่นๆก็กําลังรับมือกับศัตรูจนไม่มีเวลามาช่วย แล้วนักธนูกับจอมเวทมันก็เสียเปรียบกันอยู่แล้วด้วย แต่เพราะนิสัยส่วนตัวของเนตรก็เลยโทษตัวเองเรื่องนี้ตลอดแล้วก็กลัวว่ากวีจะลงโทษตัวเองด้วย
“จะไม่ถือเรื่องนั้นก็ได้ แต่ครั้งหน้าที่ผมโทรมาหรือมาหาต้องตอบรับทันที่เข้าใจนะ” กวีว่าพลางยิ้มบางๆออกมา
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ”เนตรตอบพลางก้มหัวกับพื้นไม่ยอมลุกขึ้นมาเสียที ถ้าคนข้างนอกมาเห็นเข้ามีหวังโดนเข้าใจผิดแน่ๆ
“แล้วก็… จําวันที่แก้วกับพายัพอยู่ๆก็ไม่ได้มาร่วมสงครามได้หรือเปล่า”กวีถามพลางยิ้มออกมาด้วยท่าที่มั่นใจ เรื่องนานขนาดนั้นแถมยังเป็นเรื่องเล็กๆอีกต่างหาก
“ค่ะ วันที่สิบสองเมษาของปีxxค่ะ” แทบจะได้ยินที่ถามเนตรก็ตอบข้อมูลออกมาอย่างละเอียดในทันที ไม่ใช่แค่นั้นเธอยังจําได้แม้กระทั่งเรื่องแผนการในวันนั้นด้วย นี่คือความสามารถพิเศษของเนตรที่แม้แต่กวียังไม่มี เธอสามารถจดจําข้อมูลจํานวนมากได้อย่างกับคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะถามเรื่องอะไรขอเพียงเนตรเคยอยู่ในสถานการณ์นั้นก็สามารถตอบได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเล็กย่อยแค่ไหน แถมเธอยังฉลาดสามารถคิดแผนได้เป็นอย่างดี เพราะแบบนั้นเธอก็เลยเป็นเสนาธิการที่กวียอมรับไงล่ะ