Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 102
ตอนที่ 102
ฝากฝัง
“ท่านกวี….เจ้าพวกนั้นมันหาเรื่องจริงๆนะครับ พวกเราแยกกันไปที่อื่นแล้วก็ยังตามมาแบบนี้ มันหาเรื่องกันชัดๆเลยไม่ใช่หรือเหรอครับ” หัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ที่เคยปกครองเมืองการ์กันครึ่งหนึ่ง เอาไว้ตอนนี้กําลังเข้ามาหากวีตัวยทําที่กล้าๆกลัว ก่อนหน้านี้แก๊งหมีใหญ่กับแก๊งดาวแดงมีปัญหากันเพราะการแย่งปกครองเมืองการ์กัน แต่พอกวีเข้ามายึดทั้งสองแก๊งก็แตกกันไปคนละทาง แต่สุดท้ายแก๊งหมีใหญ่กับดาวแดงก็ดันไปปักถิ่นฐานเขตใกล้ๆกันอีก
“ใจเย็นๆแล้วนั่งก่อนเถอะ” กวีพูดพลางผายมือไปทางเก้าอี้ทําให้หัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ชะงัก เรื่องที่เล่าไปก่อนจะนั่งลงตามที่กวีบอกทันที
“แก๊งหมีใหญ่เสียสละพวกให้พวกเรามาแล้ว เรื่องนี้ผมไม่ลืมแน่นอน แต่ตอนนี้กิลด์ของเรากําลังจะเข้าร่วมกิจกรรมก็เลยแยกตัวไปช่วยไม่ได้” กวีว่าพลางเปิดหน้าต่างระบบของตนเองขึ้นมา ดูเหมือนหัวหน้าแก๊งหมีใหญ่จะวางแผนโจมตีแก๊งดาวแดงเพื่อแย่งเขตปกครองในเมืองข้างเคียงมา แต่เพราะกําลังของทั้งสองฝ่ายเท่าๆกันก็เลยอยากจะมายืมแรงกวีนี่ล่ะ
“ท่านครับ “ได้ยินกวีตอบแบบนั้นหัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ที่มีท่าที่กังวลทันที ตอนนี้กรีสร้า งกิลด์ขึ้นมาแล้ว จํานวนคนที่เพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว แถมคนที่เข้ามาเกือบทั้งหมดก็เป็นคนมีฝี มือทั้งนั้น ตอนนี้ต่อให้แก๊งดาวแดงกับแก๊งหมีใหญ่ ร่วมมือกันก็คงทําอะไรกิลด์ของกรีไม่ได้เลยแม้แต่น้อย หรือก็คือ…หากหรือยากจะทิ้งบุญคุณที่หัวหน้าแก๊งหมีใหญ่เคยมอบให้เอาตอนนี้ตัวหัวหน้าแก๊งก็ไม่สามารถทําอะไรได้นั้นเอง
“ไม่ต้องกังวลไป พวกเราไปช่วยไม่ได้ก็จริง แต่พวกเรามีคนที่ช่วยได้อยู่” กวีว่าพลางเขียนข้อความบางอย่างลงไปในกระดาษ
“เอาจุดหมายนี้ไปส่งให้คนที่ชื่อ ลาร์ฟ เขาทํางานอยู่ในร้านขายอาวุธในเมือง ดาริว เขาจะจัดการปัญหาของคุณให้” กวีว่าพลางน้ำจดหมายใส่ของแล้วยื่นให้กับหัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ กวีตอนนี้ไม่ได้รู้จักเพียงผู้เล่นเท่านั้น แต่ยังติดต่อกับพวกขุนนางและเมืองข้างเคียวด้วย งานบางครั้งก็ไม่จําเป็นต้องใช้ผู้เล่นเพียงอย่างเดียวเสียหน่อย
“ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับทําน” หัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ที่กําลังคิดว่ากวี จะกลับคําหรือเปล่าได้ยินว่าก็จะช่วยก็รีบขอบคุณออกมาทันที วันนั้นเขาศิตถูกจริงๆด้วยที่ช่วย เหลือกวีเอาไว้
“บุญคุณยังไงก็ต้องทดแทน แต่ไม่ใช่ว่าทดแทนให้แล้วจะหมดไปหรอกนะ หวังว่าหลังจากนี้ แก๊งหมีใหญ่ที่ยังมีสัมพันธ์อันดีกับกิลด์บูรพาของพวกเราต่อไป”กวีว่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยน
“ครับ…เข้าใจแล้วครับ”ได้ยินแบบนั้นหัวหน้าแก๊งหมีใหญ่ก็ตอบกลับด้วยท่าที่ร่าเริงก่อนจะขอตัวจากไป หลังจากกวีหายไปร่วม 5 ปีเรื่องหนึ่งที่กรีกังวลที่สุดก็คือความสัมพันธ์ แต่เก่าก่อนกับเหล่าผู้คนนอกกิลด์ แม้ส่วนใหญ่จะเหมือนเดิม แต่ก็มีหลายคนที่เปลี่ยนไป ตอนนี้นอกจากจะต้องขยายกิลต์เพิ่มเพื่อรับมือศัตรูที่มากขึ้นแล้ว ก็ต้องเพิ่มคนรู้จักที่สามารถที่พึ่งพาได้ด้วย
“สร้างเครือข่ายไวจริงๆนะ” หลังจากหัวหน้าแก๊งหมีใหญ่เดินออกไป คนที่เดินสวนเข้า มาในห้องของกวีกลับเป็นคนของกิลด์เรดชี้เสียอย่างนั้น แน่นอนว่าคนที่สามารถติดต่อกวีได้และมาจากกิลด์เรดในตอนนี้นั้นก็คือ หมู นั่นเอง
“ก็ไม่เห็นแปลกนี้ พวกเราอยู่เมืองใกล้เคียงกัน ขอร้องอะไรนิดหน่อยก็ไม่น่าเสียหายนี้ นา” กวีตอบพลางยิ้มออกมาตัวยท่าที่มีเลศนัย หลังจากได้เป็นเจ้าเมืองอย่างเป็นทางการ กวีก็ติดต่อซื้อขายกับเมืองข้างเคียงทันที ไม่สิต้องบอกว่าเรย์ติดต่อเอาไว้แล้วตั้งแต่ตอนอยู่เมืองหลวงเสียด้วยซ้ำ การซื้อขายในโลกใบนี้แบ่งออกเป็น 2 ตลาดใหญ่ๆ นั่นคือ ตลาดของผู้เล่น กับ ตลาดของ NPC เกมเอคโค่นั้นต่อให้เมืองพังก็ไม่สามารถฟื้นฟูตัวเองกลับมาได้เหมือนเกมสมัยก่อน มีเพียงพื้นที่เพียงบางแห่งเท่านั้นที่จะกลับเป็นเหมือนเดิมหลังจากได้รับความเสียหายหนัก เพราะแบบนั้นการซ่อมแซมเมืองก็ต้องใช้วัสดุจริงๆรวมถึงแรงงานจริงๆในการฟื้นฟู แน่นอนมันรวมถึงการกระทําทุกอย่างด้วย ทําให้ NPC เองก็ต้องมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งธรรมดาหรือสินค้าที่ได้จากมอนสเตอร์เช่นเดียวกัน แน่นอนว่าหากสินค้าไม่พอต่อความต้องการ NPC ก็จะรับซื้อจากผู้เล่นเอาอีกที และมันก็จะกลายเป็นเควสนั่นเอง
แต่ไอเทมบางอย่างผู้เล่นก็ไม่คิดจะขายให้ NPC เหมือนกันเช่น วัตถุดิบทํายาฟื้นพลัง หินเสริมพลัง หรืออาวุธชั้นดีที่ได้จากบอสเท่านั้น ของพวกนี้การขายให้ NPC นั้นแทบไม่คุ้มค่าเลย แต่เรย์สามารถจัดหาของเหล่านี้ให้กับ NPC ได้ ด้วยความฉลาดของสมองกล เรย์เลยสามารถตกลงราคากับเหล่าขุนนางเพื่อให้ได้ราคาที่น่าพอใจ ประกอบกับการซื้อเป็นจํานวนมากแล้วเรย์เลยยินดีจะ ขายของเหล่านี้ให้ NPC ได้ในราคาถูก นอกจากจะไม่ขาดทุนแล้วยังได้ความเชื่อใจจากเหล่า NPC อีก แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรย์หรอก เป้าหมายหลักของเรย์คือเงินของโลกใบนี้ต่างหาก ค่าเงินในเกมสามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินจริงได้ แม้ผู้เล่นจะสามารถซื้อขายไอเทมในเกมด้วยเงินจริงได้ แต่กับ NPC นั้นไม่ได้ แม้จะมีเงินข้างนอกมหาศาล แต่หากหาเงินในเกมไม่ได้ก็มีข้อจํากัดมากมาย ในช่วงที่กิลด์ใหญ่ๆกําลังพยายามปูรากบานเพื่อจะยึดเมืองหรือปกครองพื้นที่ของตนเอง อาจจะยังไม่ได้ใช้เงินในเกมเท่าไหร่ก็จริง แต่พอปกครองได้แล้วการใช้เงินของโลกใบนี้ก็ถือเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เมื่อนั้นค่าเงินในโลกใบนี้จะสูงขึ้นมากและนั่นก็จะเป็นช่วงเวลาที่เรย์จะตักตวง แต่ในตอนนี้เรย์จะทําหน้าที่เป็นพ่อค้าใจดีช่วยขายของให้ NPC ไปก่อน
“กิลด์เรดซีเตรียมพร้อมแล้วหรือยัง”กวีที่เพิ่งจัดการเรื่องของแก๊งหมีใหญ่ไปเงยหน้าขึ้นมาถามหมูที่เข้ามาแทนที่ หลังจากนี้กิลด์ของกวีจะเริ่มทํากิจกรรมแล้ว และ กิจกรรมที่จะเล่นก็คือกิจกรรมยักษ์แห่งหุบเขากระดูกนั่นเอง โดยกิจกรรมนี้ก็ง่ายดาย มอนสเตอร์ระดับบอสเลเวล 240 หนึ่งตนจะปรากฏในแผนที่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยบอสตัวนี้จะมีไอเทมหายากที่ต้องรอกิจกรรมเท่านั้นดรอปด้วย แน่นอนว่าทุกคนต่างก็ต้องการไอเทมของมันทั้งนั้น ในกิจกรรมจะต้องมีกิลด์ใหญ่ๆเข้ามาแย่งกันฆ่าบอสอย่างแน่นอนกิลด์บูรพาก็เลยต้องการความร่วมมือจากกิลด์เรดซีเช่นกัน
“ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งอาทิตย์พวกเราจะเตรียมตัวให้พร้อมแน่ๆ หัวหน้ากิลด์ฝากบอกมาว่าอย่าลืมข้อตกลงก็พอ” หมูตอบพลางจ้องมองกวีด้วยท่าที่จริงจัง การร่วมมือกันก็ย่อมต้องมีผลตอบแทน และสิ่งที่หัวหน้ากิลต์เรดชีต้องการเพื่อแลกกับความร่วมมือครั้งนี้ก็คือ ดวงตาของยักษ์แห่งหุบเขากระดูก นั้นเอง
“แน่นอน พอถึงเวลากิจกรรมแล้วให้กิลด์เรดซีไปตรงจุดที่ตกลงกันเอาไว้” กวีตอบพลางลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วพาหมูออกมาจากห้องทํางานของตนเอง
กิจกรรมจะเริ่มในอีก 7 วันหลังจากนี้ แต่ไม่ใช่ว่ากวีจะสามารถอยู่เฉยๆแล้วรอกิจกรรมเริ่มได้ กิลด์ในอาณาจักรทริชมีมากมาย แต่กิลด์ส่วนใหญ่ที่จะเข้าร่วมก็มีแต่กิลด์ใหญ่ทั้งนั้น กิลด์ที่จะเข้ามาขนแน่ๆก็คือกิลด์อัศวินนภาที่อยู่ในอาณาจักรทริชเหมือนกัน รวมถึงกิลด์นายทุนอีกกิลด์ที่อยู่ ทางตะวันออกของอาณาจักรทริชอย่างกิลด์เซนอีกด้วย นอกนั้นก็จะเป็นกิลด์ระดับกลางและเล็กที่จะมาเข้าตะลุมบอนเพื่อหวังจะสังหารยักษ์แห่งหุบเขากระดูกรับรองว่างานนี้จะต้องมั่วชั่วอย่าง แน่นอน
“หืม” ระหว่างกวีกําลังจะออกจากตึก กวีก็สังเกตเห็นบางอย่างในหน้าจอสมาชิกปาร์ตี้เข้าเสียก่อน ตอนนี้สมาชิกปาร์ตี้ของกวีนั้นกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วโดยมี เมฆ มีน วิน ไอช่า และ น้ำหวาน แต่สิ่งที่ทําให้กวีประหลาดใจก็คือค่าพลังชีวิตของเมฆกับมันต่างหาก ค่าพลังชีวิตของในตอนนี้แทบจะหมดอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเกือบตาย แต่ตอนนี้มันน่าจะกลับมาจากการเปลี่ยนอาชีพแล้วมาอยู่ที่เมืองการ์กันแล้ว การที่พลังชีวิตของเธอเหลือแค่นั้นก็หมายความว่าเธอกําลังประลองกับคนในกิลด์อยู่ที่สนามฝึก และคนที่สามารถทําให้มันเสียพลังชีวิตจนหมดได้นั้นก็คงมีไม่กี่คน กวีเลยเดาเอาว่าเป็นเมมแน่ๆ แต่ที่ทําให้กาประหลาดใจก็คือพลังชีวิตของเมฆที่ลดลงไปนิดหน่อย
“มีอะไรกันงั้นเหรอ” กวีเดินเข้าไปในสนามฝึกก่อนจะพบว่าตอนนี้คนกําลังรวมตัวกันมุงดูอะไรบางอย่างอยู่
“พี่กวี มาดูสิครับ”สมาชิกกิลค์คนหนึ่งเห็นกวีเข้ามาก็รีบเปิดทางให้กเข้าไปดูทันที และ ภาพที่กวีได้เห็นก็เป็นภาพที่กคิดเอาไว้จริงๆ มันกับเมมกําลังประลองกันอยู่ ภาพคู่ต่อสู้ที่แพ้ต่อหน้าเมฆนั้นกวีเห็นมาจนชินตาแล้ว แต่…
“โดนเข้าแล้วสินะ”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีขําๆ พลางมองไปทางเมมที่ยืนอยู่เบื้องหน้ามีน
“ใช่…โดนเข้าแล้ว” เมมยิ้มออกมาด้วยท่าที่พึงพอใจก่อนจะเก็บตาบของตนเองลงกระเป๋าไป คู่ต่อสู้ที่สามารถโจมตีใส่เมมได้มีแทบจะนับได้ด้วยนิ้วมือเสียด้วยซ้ำ หากไม่ใช่เพราะโดนรุมโจมตี หรือเวทมนตร์วงกว้าง เมมก็แทบจะไม่ได้รับความเสียหายเลย ความแข็งแกร่งของเมมนั้นไม่ว่าใครต่างก็ยอมรับทั้งนั้น
“มะ ไม่หรอกค่ะถ้าสู้กันอีกพี่เมฆต้องหลบได้แน่ๆ “มีนที่อยู่ตรงข้ามได้ยินแบบนั้นก็รีบแก้ข่าวทันที เพราะเมื่อครู่ในใช้สกิลของอาชีพผู้ศรัทธาแห่งสายลมต่างหากเมฆก็เลยรับมือไม่ทันไปช่วงหนึ่ง แต่พอตั้งตัวได้เมฆก็ถล่มเธอจนแพ้ในพริบตาเลย
“ไม่หรอก แค่นี้ก็เก่งมากแล้ว” กวีสายหน้าพลางยิ้มให้มีนด้วยท่าที่อ่อนโยน
“ใช่ เท่านี้ก็วางใจฝากให้ปกป้องกวีแทนพี่ได้แล้ว เมมตอบเองก็เข้ามายืนยันอีกเสียง เมมเป็นดาบที่แข็งแกร่งที่สุดของกวี ทําให้หลายครั้งก็ต้องอยู่เคียงข้างกวีเพื่อปกป้องเอาไว้ไม่สามารถแยกไปเพื่อช่วยทางอื่นได้ แต่หากมีใครสักคนที่สามารถปกป้องกวีได้ เมฆก็จะกลายเป็นดาบที่ใช้สังหารศัตรูได้อย่างเต็มที่ทันที
“เอ๊ะ…ค่ะ” มีนได้ยินแบบนั้นก็แสดงท่าที่เป็นอายออกมา นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีนรู้สึกว่าได้รับการยอมรับแบบนี้ ความรู้สึกที่มีคนเชื่อใจและฝากให้ทําอะไรที่สําคัญมากๆแบบนี้มันช่างดีจริงๆ