Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 101
ตอนที่ 101 ไม่เห็นด้วย
ไม่เห็นด้วย
“ยังไงพวกเราก็ไม่ยอม การให้นักผจญภัยขึ้นมาเป็นเจ้า เมืองนั้นยอมรับไม่ได้” การโต้เถียงของเหล่าขุนนางยังดําเนินต่อไปอย่างเข้มข้นและจริงจังอย่างเห็นได้ชัด ต่างฝ่าย ต่างก็ยกเหตุผลของตนมาโต้แย้งอีกฝ่ายต่อหน้าองค์จักรพร รดิกันจนเกิดเสียงอื้ออึงไปทั้งท้องพระโรง
ส่วนฝั่งของกวีนั้นกลับไม่ได้มีท่าทีแตกตื่นแต่อย่างไร เพราะการขึ้นเป็นเจ้าเมืองของผู้เล่นนั้นยังไวมากจริงๆกวี เลยไม่ได้สนใจว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร แม้การได้เป็นเจ้า เมืองต่อไปจะส่งผลดีกับกวีมากกว่า แต่ถึงจะโดนปลดออก จากตําแหน่งเจ้าเมือง กวีก็มีแผนสํารองเตรียมเอาไว้แล้ว เช่นกัน ตอนนี้เหลือแต่ให้องค์จักรพรรดิตัดสินใจเท่านั้น
“…………..”ระหว่างกําลังปล่อยให้เหล่าขุนนางเถียงกัน อย่างดุเดือด องค์จักรพรรดิกลับทอดสายตามองด้วยท่าที เหม่อลอยราวกับเสียงโต้เถียงที่ดังไปทั้งห้องเป็นเพียงเสียง ของสายลม
ตัวองค์จักรพรรดินั้นตัดสินใจเรื่องนี้มาแต่แรกแล้ว เพียงแต่ต้องการให้เหล่าขุนนางเสนอความคิดของตนเองเพื่อดูท่า ที่ของแต่ละเมืองต่อไป เจ้าเมืองคนใหม่ของเมืองการ์กันคน นี้ท่าทางไม่เลว เข้ามาไม่นานก็ดึงขุนนางไปเป็นพวกได้ ส่วนหนึ่งในอนาคตจะมีภัยตามมาหรือไม่..
ความจริงแล้วองค์จักรพรรดิคิดจะให้กวีลงจากตําแหน่ง เจ้าเมืองและแต่งตั้งเป็นตําแหน่งรองเจ้าเมืองเพื่อรอดูสถานการณ์ไปก่อน หากตัดสินใจได้ก็จะเลื่อนขั้นให้กวีได้เป็นเจ้า เมือง ทว่า..ก่อนจะเปิดการประชุมองค์ชายลําดับที่ 2 แดเนียลกลับเข้ามาพบกับตนแล้วโน้มน้าวให้รับกวีเป็นเจ้าเมืองไปเลย
ไม่ทราบว่ากวีใช้อะไรในการซื้อใจบุตรชายของอ งค์จักรพรรดิ แต่เพราะองค์จักรพรรดิคิดจะมอบตําแหน่ง ให้กวีในอนาคตอยู่ดีก็เลยยอมรับได้ไม่ยาก ถึงอย่างไรอํา นาจของกษัตริย์ก็สามารถปลดตําแหน่งเจ้าเมืองของกวีได้ทันที เช่นนั้นก็ให้กวีได้แสดงฝีมือและดูผลที่จะตามมาอีกที
“พอแล้ว”องค์จักรพรรดิพูดพลางยกมือขึ้นห้ามเหล่าขุน นางที่กําลังเถียงกันไปมา แม้สภาพก่อนหน้านี้จะดูเหมือนกํา ลังจะก่อสงครามกันแค่ไหน แต่ทันที่ที่องค์จักรพรรดิยกมี อขึ้นห้าม เหล่าขุนนางก็หยุดแล้วกลับมาเข้าแถมกันตามเดิม
“เราได้ฟังเหตุผลของพวกเจ้าแล้ว และมีคําตัดสินที่ คิดไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว” จักรพรรดิพูดพลางมองไป ทางกวีที่กําลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
“กวี การมีนักผจญภัยขึ้นมาครองเมืองนั้นมีคนจํานวนมากไม่ยินยอม และไม่เห็นด้วย”องค์จักรพรรดิพูดพลางมองไปทางกลุ่มที่บอกว่าไม่เห็นด้วย
“แต่ที่เป็นแบบนั้นเพราะพวกเขายังไม่ทราบว่าข้อดี ในการแบ่งปันความรู้และทักษะนั้นสําคัญแค่ไหน” อยู่ๆองค์จักรพรรดิก็พูดถึงเรื่องการแบ่งปันความรู้ขึ้นมาเสียอย่า งนั้น ทําเอาเหล่าขุนนางที่มีท่าที่ไม่ยอมรับแสดงอาการประหลาดใจออกมา
“ตั้งแต่นักผจญภัยเข้ามาในอาณาจักรของพวกเรา พวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีผลกับอาณาจักรของเรามากขึ้นเช่นกัน เพื่อตอบรับสิ่งที่จะตามมา การมีเจ้าเมืองเป็นนักผจญภัยที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับนักผจญภัยเข้า มาช่วยนั้นข้าเชื่อว่าเป็นความคิดที่ถูกต้องแล้ว” จักรพรรดิว่าพลางผายมือมาทางกวี
ตอนนี้ผู้เล่นของเกมเอคโค่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จํานวนผู้เล่น ในแต่ละเมืองเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ แถมเพราะโลกใบนี้ เป็นเกมการเข้ามาของผู้เล่นเลยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรด้วย พอเข้ามาผู้เล่นก็กลายเป็นประชากรของอาณาจักรนั้นๆ เลยด้วย ทําให้พวก NPC ไม่มีสิทธิ์ไล่ผู้เล่นออกนอกอาณาจักร ทําให้การอยู่ร่วมกันในอนาคตนั้น เป็นเรื่องจําเป็นอย่างมาก
“กวี นับแต่นี้ไปข้าขอมอบตําแหน่งเจ้าเมืองการ์กันให้กับเจ้าอย่างเป็นทางการ หลังจากนี้ก็ขอให้เจ้าปฏิบัติงานอย่างเต็มที่และรับใช้แผ่นดินทริชของพวกเราอย่างสุดกํา ลัง” องค์จักรพรรดิพูดจบ ตราเจ้าเมืองที่อกของกวีก็เปล่ง แสงออกมาก่อนที่ใต้ตราเจ้าเมืองจะปรากฏสัญลักษณ์รู ปมังกรหัวเดียวปรากฏขึ้นมาด้วย
ตามกฎของอาณาจักรแล้ว เจ้าเมืองจะต้องเป็นขุนนางเท่านั้น การยอมรับจากองค์จักรพรรดิให้ขึ้นเป็นเจ้า เมืองก็เหมือนเป็นการมอบยศขุนนางให้กับกวีไปด้วย ยา มนี้กวีได้รับตําแหน่งขุนนางขั้นแรกมาแล้ว ภายภาคหน้าในฐานะผู้เล่นกวีย่อมได้เปรียบคนอื่นๆในอาณาจักรอยู่แล้ว
“แต่….องค์จักรพรรดิ” ขุนนางคนหนึ่งมีท่าที่ไม่เห็นด้วยอ ย่างชัดเจนถึงกับตั้งใจจะโต้แย้งความเห็นขององค์จักรพร รดิทั้งๆที่คนอื่นแทบไม่กล้า
“เจ้ามีปัญหาอะไรกับการตัดสินใจของข้างั้นเหรอ”อ งค์จักรพรรดิถามพลางจ้องไปทางขุนนางคนนั้นด้วยท่าที นิ่งสงบไม่ได้ดุร้ายอะไร แต่ทันทีที่โดนถามกลับขุนนางคนนั้น ก็ไม่มีท่าที่จะตอบโต้อะไรอีกทําให้การแต่งตั้งกวีเป็นเจ้า เมืองอย่างเป็นทางการนั้นจบลง
.
.
.
“รอดไปทีนะ นึกว่าจะโดนค้านจนต้องสละตําแหน่งเจ้า เมืองซะแล้ว”เรย์ยิ้มออกมาด้วยท่าที่พึงพอใจขณะกําลังนั่ง รถม้าเดินทางออกมาจากเขตวัง
“ถือว่าเป็นข่าวดีทีเดียว เรย์ใกล้เวลาที่กิลด์ของเรา จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ช่วงนี้มีกิจกรรมอะไรน่า สนใจหรือเปล่า” กวีถามพลางเดินลงจากรถม้าหลังจากรถม้า พาพวกกวีเดินทางมาถึงหน้าประตูวังแล้ว
“ถ้าในอาณาจักรทริชก็จะมีกิจกรรมดาวตก กับ กิจกรรม ยักษ์แห่งหุบเขากระดูก”เรย์ไล่รายชื่อกิจกรรมที่กําลังจะเริ่ม ให้กวีได้ฟัง กิจกรรมพวกนี้เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อให้ผู้เล่น ได้เข้าร่วมเพื่อความสนุกสนาน แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้เล่นก็เข้า มาแข่งขันเพื่อแย่งชิงรางวัลกันทั้งนั้นล่ะ
“งั้นเราก็กลับเมืองไปวางแผนกันเถอะ” กวีว่าพลางเดินขึ้นไปบนรถที่ซื้อมาตอนอยู่ในเมืองหลวง ตอนนี้กิลด์เริ่ม เป็นรูปเป็นร่างแล้ว หัวหน้ากิลด์จะมัวแต่เดินได้ยังไง
“……… ” ระหว่างพวกกวีกําลังพูดเรื่องกิจกรรมที่กําลังจะ มาถึงอยู่นั้น อยู่ๆน้ําหวานก็มองเห็นคนที่ออกมาจากวังตา มหลังพวกกวีมามีท่าทีแปลกๆเข้าพอดี เขาชี้มาที่รถขอ งพวกกวีก่อนจะสั่งลูกน้องด้วยท่าที่โมโห แน่นอนว่าคนพวก นั้นคือคนที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นเป็นเจ้าเมืองของกวี จริงๆการที่เขาโมโหก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่….
“พี่กวี รถพวกนั้นตามพวกเรามาสักพักแล้วนะคะ”น้ําห วานถามพลางมองออกไปด้านหลัง ตั้งแต่เดินทางออกมา จากวังก็มีรถสีดํา 3 คันพยายามขับไล่ตามมาตลอดเลย แต่เพราะเรย์ขับรถเร็วมากก็เลยยังตามไม่ทัน
“อ๋อ พวกนั้นเป็นพวกที่คัดค้านเราไง สงสัยคิดจะ ใช้ทางลัดละมั้ง” กวีตอบด้วยท่าทีสบายๆไม่ได้ทุกร้อนอะไรเลย
“งั้นคนพวกนั้นก็…”น้ําหวานได้ยินคําตอบของกวีก็ไม่ได้ มีท่าที่ตกใจน้อยลงเลย ในเมื่อเป็นคนของพวกขุนนางที่ไม่ เห็นด้วยกับกวี ก็หมายความว่าเป็นศัตรูนะสิ
“ใช่ ก็คงจะฆ่าพวกเรานั่นล่ะ” กวีตอบพลางเอาหลังพิง เบาะด้านหลังด้วยท่าที่นิ่งๆ
“งั้น…”นหวานเห็นว่าอีกฝ่ายโจมตีมาแน่ๆก็เลยเอาธนู ออกมาจากกระเป๋าเตรียมต่อสู้ แต่กวีกลับยกมือขึ้นมาโอบ ไหล่ของน้ําหวานเอาไว้ก่อนทําให้น้ําหวานเล็งธนูไม่ได้
“เจ้าพวกนั้นน่าจะเลเวลสูงกว่าพวกเราสองสามเท่าได้ สู้ ไปก็ไม่ชนะหรอก” กวีมองไปที่รถด้านหลัง แม้จะเห็นไม่ชัด แต่คนที่นั่งมาด้วยน่าจะเป็นอัศวินคนหนึ่งในวัง หากจําไม่ผิ ดอาวุธที่คนๆนั้นถือเป็นอาวุธสําหรับผู้เล่นเลเวล 250 เข้าไป แล้ว แค่เจ้าหมอนั่นคนเดียวก็สู้ไม่ได้แล้ว
“แล้วจะทํายังไงละคะ”น้ําหวานถามด้วยท่าที่กังวล ถึงตายแล้วจะเสียแค่เลเวลก็เถอะ แต่การตายก็ไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้ว
“เรย์ ยังบังคับรถได้ดีเหมือนเดิมหรือเปล่า” กวีถามพลาง มองไปทางเรย์ที่เป็นคนขับ เรย์แม้จะสู้ได้ไม่เก่ง แต่เขาก็มีเรื่องที่ถนัดสุดๆหลายเรื่องเหมือนกัน
“พี่อย่าเอาเกมแข่งรถในคอมพิวเตอร์มา เทียบกับการขับรถจริงๆสิ”เรย์ทําหน้ามุ่ยออกมาเล็กน้อยเพราะเรื่องที่กวีพูดถึงคือสมัยเกมแข่งรถในคอมพิวเตอร์ไม่ใช่ หรือยังไง
“แล้วถ้าเป็นเกมโลกเสมือนจริงล่ะ” แม้เรย์จะพูดแบบนั้นแต่เขาก็เหยียบมิดมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้วนะ
“ผมเคยขับยานอวกาศฝ่าสไปรัลเวิร์มมาแล้ว กับอีแค่อัศวินขับตามมาแค่นี้”เรย์พูดจบก็เหลือบมองกระจกหลังครู่หนึ่ง รถของพวกมันท่าทางจะเป็นรถที่เร็วมากเช่นกัน เพราะแบบนั้นเรย์กับเจ้าพวกนั้นเลยยังทิ้งกันไม่ขาดเรื่องรถคงเหมือนกันสินะ
“สไปรัลเวิร์ม นั่นมันเส้นทางนรกในเกมเนอร์วาน่านคะ”น้ําหวานได้ยินแบบนั้นก็มองเรย์ด้วยท่าที่ตกใจทันที เกม แนวอวกาศนั้นมีให้เห็นไม่ยาก และหากพูดถึงเกมเนอร์วาน่า แล้วหากจะไม่พูดถึงเส้นทางนรกอย่างสไปรัลเวิร์มซึ่งเป็น เส้นทางที่เต็มไปด้วยอุกกาบาตและมิติผันผวนละก็คงถือ เป็นเรื่องเสียมารยาทเลยทีเดียว เพราะเส้นทางนั้นเป็น เส้นทางที่ยากที่สุดในเกม แต่ก็ทําให้คนที่สามารถผ่านไปได้ ข้าม 2 กาแลคซี่ได้ในพริบตา ว่ากันว่าคนที่ผ่านไปได้มีแค่…
กึก..
อยู่ๆอ้อนและไอช่าที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับน้ําหวาน ก็ดึงเข็มขัดนิรภัยออกมาคาดเสียอย่างนั้นทําเอาน้ำาหวาน แทบจะหยิบเข็มขัดของตัวเองแทบไม่ทัน
เอี้ยดดดดด!!
อยู่ๆเรย์ก็ดึงเบรคมือดริฟเข้าไปในซอยแคบๆข้างทางอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งผ่านเส้นทางแคบออกไปยังถนนอีกสายท่ามกลางสายตาของชาวเมือง พริบตาต่อมาเรย์ก็พุ่งตรงไปบนถนนแซงรถไปอีกหลายคันก่อนจะเลี้ยวหาย เข้าไปในซอยอีกซอยก่อนที่พวกรถที่ตามมาจะรู้ตัวเสียอีกว่าอีกฝ่ายหนีไปแล้ว
“กระจอกจริงๆ”เรย์มองกระจกหลังด้วยท่าทีเบื่อๆ ยังไม่ทันได้หนีเลยก็พ้นซะแล้ว แบบนี้ต่อให้เป็นพวกฝีมือต่ํากว่านี้ก็คงตามไม่ทัน
เอี้ยด!!
อาจจะเพราะเรย์เหยียบมิดมาตลอดทางก็เลยมาถึงอาคารสําหรับวาร์ปในเมืองหลวงในเวลาไม่นาน กวีพาสาวๆ เดินออกมาจากรถก่อนจะเดินขึ้นไปบนแท่นวาร์ปด้วยท่าทีส บายๆพร้อมเรย์ที่เก็บรถเข้ากระเป๋าแล้วค่อยตามมา
เอ๊ยดๆ
แม้จะทิ้งห่างไปแล้ว แต่เพราะรู้เป้าหมายอยู่แล้วว่าพวกกวีจะต้องมาที่แท่นวาร์ปแน่ๆพวกของขุนนางฝั่งไม่เห็นด้วยก็เลยตามมาจนได้ แต่ท่าทางจะสายไปเสียแล้ว
วูบ…
พวกอัศวินที่ตามมาเล่นงานพวกกวีวิ่งขึ้นไปบนแท่นวาร์ปก็เห็นเพียงเงาสีขาวของพวกกวีเท่านั้น แม้จะรู้อยู่แล้วว่าพวกกวีจะเดินทางกลับเมืองการกันแน่ๆ แต่ NPC ไม่สา มารถวาร์ปได้ทําเอาพวกเขาได้แต่กระทืบเท้าด้วยท่าทีไม่พอใจเท่านั้น