Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 100
ตอนที่ 100
เหมาะสม
ตึง….
ประตูบานใหญ่ที่ทำจากโลหะสีเงินดัดลายอย่างสวยงามและอลังการถูกเปิดออกช้าๆเบื้องหน้ารถม้าของกวีและสมาชิกกิลด์ที่กำลังเดินทางเข้าไปในปราสาทใจกลางเมืองหลวงอย่างดวาลิน ปราสาทสีขาวตั้งอยู่บนเนินสูงกลางเมืองที่สามารถมองเห็นได้จากทุกทิศทุกทางช่างเหมาะกับปราสาทของเมืองหลวงเหลือเกิน
“นั่นมัน บาเรียเหรอ”เรย์ที่นั่งอยู่ในรถม้าที่ใช้สำหรับเดินทางเข้าวังพูดด้วยท่าทีตกใจ ก่อนจะปล่อยให้รถม้าเข้าไปนอกจากประตูแล้วสิ่งหนึ่งที่ทหารกำลังทำก็คือการปลดบาเรียที่กำลังคุ้มกันปราสาทอยู่ด้วย ในเมืองอื่นๆที่ไปมาแทบจะไม่มีเมืองไหนใช้ระบบแบบนี้เลย การป้องกันของเมืองหลวงคงจะเข้มงวดมากแน่ๆ
“เป็นเวทมนตร์แบบไหนกันนะ”นาตาลีที่อยู่ข้างๆเห็นบาเรียของปราสาทก็พลันแสดงท่าทีสนใจทันที ฉายานักสะสมเวทมนตร์นี้ได้มาจากนิสัยนี้ของเธอแท้ๆ ไม่ว่าจะเวทมนตร์แบบไหนก็อยากจะได้อยากจะลองใช้ไปเสียหมด
“เอาไว้ถ้าได้เวทมนตร์บาเรียมาจะให้นาตาลีลองใช้ก็แล้วกัน”กวีเห็นนาตาลีมีท่าทีสนใจแบบนั้นก็พูดออกไปด้วยท่าทีขำๆ แต่ NPC ที่ใช้เวทมนตร์นี้ท่าทางจะเลเวลสูงมาก คงเป็นเวทมนตร์ที่ใช้ยากน่าดู
“จริงเหรอคะ คุณกวีนี่รู้ใจจริงๆเลย”นาตาลียิ้มกว้างด้วยท่าทีดีใจอย่างออกนอกหน้า เรื่องนิสัยส่วนตัวของลูกน้องกวีไม่พลาดหรอก
“ว่าแต่อลังการดีจริงๆเลยนะปราสาทของเมืองหลวงเนี่ย”อ้อนพูดออกมาด้วยท่าทียิ้มแย้ม ปราสาทของเมืองหลวงทั้งใหญ่และประดับประดาอย่างสวยงาม แค่รถม้ามาจอดที่หน้าประตูทางเข้าก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่แล้ว
“พอเป็นโลกเสมือนจริงแล้วก็รู้สึกกดดันเหมือนกันนะ”กวีหัวเราะเบาๆออกมาก่อนจะเดินลงจากรถม้าด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย ยามนี้กลุ่มของกวีต่างแต่งกายมาเต็มยศไม่น้อยหน้าแขกคนอื่นๆอย่างแน่นอน
“จริงสิ พี่กวีไม่ได้เล่นเกมเสมือนจริงมาก่อนนี่นา”ไอช่าได้ยินก็นึกขึ้นได้ว่ากวีไม่ได้เล่นเกมโลกเสมือนจริงเลย งั้นนี้ก็เป็นครั้งแรกนะสิที่กวีได้เข้ามาในปราสาทของเกม มันเทียบกับสมัยเกมคอมพิวเตอร์ไม่ได้เลยนะ
“ใช่ มันสวยมากเลยล่ะ ถ้าเอามาเป็นฐานกิลด์จะดีแค่ไหนนะ”กวีหัวเราะเบาๆออกมาก่อนจะพูดเรื่องที่ทำให้หัวขาดได้ทันทีออกมาหน้าตาเฉยเล่นเอาเรย์ที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตกอย่างเห็นได้ชัด แน่อยู่แล้วกวีเป็นคนแบบนี้ล่ะ เป้าหมายของเขาคือครอบครองทุกอย่าง เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เขาไม่มีทางพอใจที่ตำแหน่งเจ้าเมืองแน่ๆและต่อให้ได้อาณาจักรทริชมาครอบครองก็ยังไม่พอใจอยู่ดีด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาสมัยก่อนก็ยังบ้าพอจะตามกวีที่เป็นแบบนี้จนสร้างตำนานมาแล้วหลายต่อหลายเกม
“ท่านกวี ท่านมาแล้วสินะ”ทันทีที่กวีเดินเข้ามาในปราสาท ชายคนหนึ่งที่ประดับเข็มกลัดรูปมังกร 4 เศียรก็เดินเข้ามาหาทันที เขาคือหนึ่งในคนที่ท่านมาทิลด้าแนะนำให้กวีรู้จักและได้พูดคุยในงานคืนนั้น
“ท่านคาโลมีอะไรงั้นเหรอครับ”กวีถามพลางมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีสงสัย
“วันนี้องค์จักรพรรดิเรียกตัวขุนนางมารวมตัวกันเกือบทั้งหมด กลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ซะแล้ว แม้แต่ขุนนางห้าเศียรก็ยังถูกเรียกตัวมา”คาโลตอบพลางถอนหายใจด้วยท่าทีลำบากใจ ตลอดหลายวันที่กวีอาศัยอยู่ในเมืองหลวง กวีทำความรู้จักกับขุนนางและเข้าไปพบปะตามงานเลี้ยงหลายต่อหลายครั้ง เลยได้ความเชื่อใจจากพวกขุนนางในเมืองหลวงมาไม่น้อย แต่หากเป็นขุนนางจากเมืองอื่นละก็….
“ท่านคาโลไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ”กวียิ้มบางๆออกมาด้วยท่าทีสบายๆก่อนจะเดินเข้าไปในท้องพระโรงพร้อมๆกับท่านคาโลและสมาชิกคนอื่นๆ
“เยอะจริงๆด้วยแฮะ”เรย์พูดพลางเดินตามกวีเข้าไปด้านใน ภายในท้องพระโรงตอนนี้มีขุนนางจำนวนมากกำลังเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบอยู่เบื้องหน้าบัลลังก์จักรพรรดิ แน่นอนว่ายามนี้คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั่นก็คือจักรพรรดิแห่งอาณาจักรทริชนั่นเอง
“คุกเข่า”อัศวินในชุดเกราะสีเงินคนหนึ่งพูดพลางจ้องมาทางกวีด้วยท่าทีดุดัน ดูจากเครื่องหมายที่ประดับเอาไว้บนเกราะแล้วชายคนนี้น่าจะเป็นแม่ทัพของอาณาจักรทริชสินะ
“ฝ่าบาท กระผม กวี ผู้รับสืบทอดตำแหน่งจากท่านมาร์โก้ ดีแลน ครับ”กวีพูดพลางคุกเข่าลงข้างหนึ่งตามพิธีที่ได้เรียนรู้มาจากพวกขุนนาง
“เจ้าคือ…..นักผจญภัยที่ได้รับสืบทอดตำแหน่งเจ้าเมืองสินะ”องค์จักรพรรดิพูดพลางจ้องมองมาทางกวีด้วยท่าทีนิ่งๆ มาร์โก้เป็นขุนนางที่องค์จักรพรรดิสนิทสนมด้วยพอสมควร ไม่อย่างนั้นคงไม่วางใจให้ไปดูแลเมืองการ์กันที่เพิ่งจะผ่านพ้นสถานการณ์เลวร้ายมาได้หรอก ตอนแรกที่ได้ยินว่ามีนักผจญภัยได้รับตำแหน่งเจ้าเมืองไปนั้นก็แทบจะส่งทหารไปชิงคืนทันที แต่เพราะผู้มอบให้กลับเป็นตัวมาร์โก้เององค์จักรพรรดิถึงได้เปลี่ยนเป็นการเรียกตัวมาพบเช่นนี้
“ครับ…”กวีก้มหน้าลงอย่างนอบน้อมก่อนจะตอบรับด้วยท่าทียิ้มแย้มและเป็นมิตร ในที่นี้กวีไม่สามารถแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์ได้แม้แต่น้อย
“การมีเจ้าเมืองเป็นนักผจญภัยถือเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับพวกเรา”องค์จักรพรรดิพูดพลางใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางด้วยท่าทีสบายๆ
“แต่เจ้าก็ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องจากเจ้าเมืองคนเก่า เรื่องนี้ทำให้เรารู้สึกว่าต้องไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดีขึ้น”องค์จักรพรรดิพูดพลางยกมืออีกข้างขึ้นเหมือนกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง แม้กวีจะไม่เข้าใจแต่ท่านแม่ทัพที่อยู่ข้างกายกลับพยักหน้ารับเสียอย่างนั้น
“ให้หัวหน้ากองทหารแห่งเมืองการ์กันเข้ามาได้”ท่านแม่ทัพตะโกนออกคำสั่งจบ อัศวินที่ทำหน้าที่เฝ้าประตูก็เปิดประตูให้เจฟที่เดินทางมาถึงเมืองหลวงได้เข้ามาตามที่นัดเอาไว้ และนอกจากเจฟแล้วทหารที่ตามมาด้วยก็มีคนของเจฟอีก 2 คนพอดี
“เจฟ เรื่องเจ้าเมืองคนใหม่นี้มีอะไรจะพูดหรือไม่”เจฟยังไม่ทันได้ถวายความเคารพ องค์จักรพรรดิก็เอ่ยปากถามเสียก่อนทำให้เจฟต้องรีบคุกเข่าเตรียมรายงานทันที
“ขอรับ…..ก่อนหน้านี้เมืองการ์กันเสียเจ้าเมืองไปเพราะการโจมตีของมอนสเตอร์ แต่เพราะนักผจญภัยกลุ่มหนึ่งอยากจะยึดครองเมืองเอาไว้ก็เลยกีดกันข่าวสารจากเมืองการ์กันทั้งหมดเพื่อชิงเมืองเอาไว้เป็นของตัวเอง แต่ก็ได้ท่านกวีร่วมมือกับทหารที่เหลืออยู่ยึดเมืองคืนมาได้ครับ”เจฟเล่าพลางผายมือไปทางกวีด้วยท่าทีชื่นชม ตอนนี้ในสายตาของเจฟกวีไม่ใช่เจ้าคนน่ารำคาญที่เข้ามาเกาะแกะเจ้าเมืองอีกแล้ว แต่เป็นผู้มีพระคุณของเมืองการ์กันจริงๆ
“หลังจากช่วยเมืองเอาไว้ เขาก็ให้การช่วยเหลือในการฟื้นฟูเมืองกับท่านมาร์โก้เป็นอย่างดีจนเมืองกลับมาอยู่ในสภาพสวยงามอย่างที่ควรเป็น ในฐานะที่ข้าน้อยอยู่ในเมืองการ์กัน ณ เวลานั้นสามารถสัมผัสถึงความเชื่อใจที่ชาวเมืองมีต่อท่านกวีได้เป็นอย่างดี รวมถึงความไว้ใจที่ท่านมาร์โก้มอบให้กับท่านกวีอีกด้วย ในวันที่เกิดเหตุร้ายกับท่านมาร์โก้ขึ้นข้าจึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเหตุใดท่านมาร์โก้ถึงได้มอบตำแหน่งอันแสนสำคัญนี้ให้กับท่านกวี และเชื่อว่าชาวเมืองทุกคนย่อมเห็นด้วยกับการตัดสินใจของท่านขอรับ”เจฟร่ายยาวอย่างกับเตรียมบทพูดมาแล้ว แถมยังยกยอกวีอย่างกับคนละคนสมัยมาร์โก้ยังมีชีวิตอยู่ไม่มีผิด
“จริงงั้นเหรอ”องค์จักรพรรดิถามพลางหันไปมองผู้ติดตามของเจฟแทน
“ขอรับ…ชาวเมืองต่างได้รับความช่วยเหลือจากท่านกวีอยู่ตลอด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ชาวเมืองยังเกลียดนักผจญภัยแท้ๆ แต่พอท่านกวีเข้ามากลับไม่มีใครบ่นเรื่องที่นักผจญภัยขึ้นเป็นเจ้าเมืองเลย”ผู้ติดตามของเจฟตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทางจริงใจ ชาวเมืองที่แต่ก่อนโดนแก๊งหมีใหญ่กับดาวแดงคุกคามจนแทบไม่กล้าเปิดร้านค้า ยามนี้กลับยิ้มต้อนรับนักผจญภัยได้อย่างเป็นกันเอง ช่างเป็นภาพที่น่าชื่นชมจริงๆ
“…………”พอได้รับรายงาน องค์จักรพรรดิก็นิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่ มาร์โก้ ดีแลน แม้จะเป็นขุนนางระดับกลางไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมาก แต่ก็เป็นสหายคนหนึ่งของจักรพรรดิ ตัวเขาเป็นผู้ชายที่ดีและมีอุดมการณ์ หากชาวเมืองและมาร์โก้ต่างพร้อมใจกันเช่นนี้แล้ว…..
“องค์จักรพรรดิ การปล่อยให้นักผจญภัยครองตำแหน่งเจ้าเมืองถือเป็นเรื่องไม่สมควรขอรับ”ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อยู่ๆเสียงของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“ถูกแล้วขอรับ ถึงจะทำความดีมามากมาย แต่ถึงอย่างนั้นนักผจญภัยก็เป็นคนนอก การวางใจให้รับตำแหน่งเจ้าเมืองนั้นกระผมไม่เห็นด้วย”ชายอีกคนในกลุ่มขุนนางกล่าวเสริมอย่างหนักแน่น ไม่แปลกเลยที่จะมีคนคัดค้านกับเรื่องนี้เพราะมันเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับพวกเขา สถานการณ์ที่จะแบ่งความเห็นออกเป็นสองฝ่ายนี้กวีทำใจมาแต่แรกแล้ว
“องค์จักรพรรดิ ช่วงหลายเดือนมานี้นักผจญภัยเข้ามาในอาณาจักรของเราเป็นจำนวนมากขอรับ ข้าเกรงว่าการกีดกันพวกเขาเป็นคนนอกจะไม่ใช่หนทางที่ดีนัก”อยู่ๆชายคนหนึ่งในกลุ่มตรงกันข้ามก็เสนอคำพูดออกมาขัดขวางคนเหล่านั้นต่อหน้าองค์จักรพรรดิ เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องมีคนไม่ยอมรับและพยายามตีตกการขึ้นเป็นเจ้าเมือง กวีก็เลยต้องหาคนมาช่วยแบบนี้ไง
“องค์จักรพรรดิ ตั้งแต่พวกนักผจญภัยเข้ามา พวกเราก็ติดต่อธุรกิจกับนักผจญภัยมาตลอด ข้าเชื่อว่าการเปิดโอกาสให้นักผจญภัยเข้ามานั้นเป็นเรื่องที่ควรกระทำขอรับ”ขุนนางอีกคนพูดเข้าข้างฝั่งกวีออกมาอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาท่าทางจะเป็นพ่อค้าที่เรย์ไปติดต่อเอาไว้ หากสามารถซื้อขายกับนักผจญภัยได้ กำไรที่จะเข้ามาก็มหาศาล คนพวกนี้ไม่มีทางปล่อยให้เรื่องแบบนี้หลุดมือหรอก
“แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี จะให้เจ้าพวกนักผจญภัยขึ้นมาเสมอเราไม่ได้”ชายอีกคนทางฝั่งคัดค้านพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทั้งดังทั้งจริงจัง ในอาณาจักรนั้นมีเมืองมากมาย บางเมืองก็ได้ผลกระทบเสียๆจากนักผจญภัย บางเมืองก็ได้รับผลดี เพราะอย่างนั้นการโต้เถียงเลยดุเดือดกันมาก แถมเพราะองค์จักรพรรดิเรียกตัวขุนนางจากเมืองอื่นเข้าร่วมการประชุมด้วย ก็เลยทำให้คนที่กวีทำความรู้จักเอาไว้มีน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด บางทีกวีอาจจะต้องอาศัยความเห็นใจจากองค์จักรพรรดิเท่านั้นก็ได้