Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 434
หากเปรียบเทียบกันในเรื่องของขนาด แม้จะขี่อยู่บนหลังของอสูรกระดูกบินได้ แต่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ไม่สามารถเทียบกับ ทูโมยา อสูรในทะเลแห่งความตายได้เลย อย่างไรก็ตาม ขณะที่มันพุ่งตัวเข้าไปหาทูโมยา ท่าทีของมันกลับดูน่าเกรงขามอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้หานซั่วรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
หลังจากที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กและหานซั่วขี่อสูรกระดูกพุ่งเข้าใส่ทูโมยา กองทัพอสูรมิติมืดที่นำโดยเจ้าผีดิบธาตุน้ำและธาตุไฟก็ปะทะเข้ากับอสูรรูปร่างพิกลพิการที่เป็นสมุนของทูโมยาในทะเลแห่งความตาย เมื่อเจ้าผีดิบธาตุน้ำที่สามารถบัญชามวลน้ำทะเลได้ดังใจ การต่อสู้ในพื้นที่เช่นนี้จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับมันซึ่งถือเป็นตัวอันตรายอย่างที่สุดสำหรับเหล่าศัตรู น้ำทะเลในขณะนั้นทั้งไหลวนและซัดกระหน่ำ นอกจากน้ำทะเลจะไม่สามารถเข้ามาใกล้กองทัพอสูรมิติมืดของมันได้แล้ว มันยังสร้างความเสียหายต่อทูโมยาได้อีกด้วย
เจ้าผีดิบธาตุไฟชั้นยอดตามเจ้าผีดิบธาตุน้ำชั้นยอดไปติด ๆ มันถือดอกบัวอัคคีไว้ในมือ เปลวไฟลูกแล้วลูกเล่าผุดขึ้นมาจากดอกบัวอัคคี ซึ่งดูแปลกแยกจากโลกมิติมืดที่ทั้งมืดมนและหนาวเหน็บตลอดทั้งปีอย่างสิ้นเชิง ความร้อนอันเดือดพล่านนั้นมีพลังทำลายล้างต่อเหล่าอสูรมิติมืดอย่างมหาศาล
และในครั้งนี้ พลังของมันก็ส่งผลกระทบต่อเหล่าอสูรที่อยู่ในทะเลแห่งความตาย ซึ่งชินชากับอุณหภูมิหนาวยะเยือกของใต้ท้องทะเลอันมืดมิดมากเป็นพิเศษ เมื่อใดก็ตามที่เปลวไฟอันร้อนแรงนั้นพุ่งเข้าไปใกล้ ร่างกายของพวกมันก็จะอ่อนแอลงจนทรุดร่างลงไปนั่งกองกับพื้นทันที และหากถูกเปลวไฟสัมผัสร่าง อสูรเหล่านี้ก็จะเป็นเหมือนกับการเอาก้อนน้ำแข็งใส่ลงไปในกระทะที่ร้อนระอุ ซึ่งร่างของมันจะละลายจนกระทั่งระเหยไปอย่างรวดเร็ว
เหตุผลที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กนำเจ้าผีดิบธาตุน้ำและธาตุไฟมาร่วมต่อสู้ในสงครามครั้งนี้ด้วย ก็เป็นเพราะพวกมันทั้งคู่มีพลังที่สามารถคุกคามเหล่าอสูรในทะเลแห่งความตายได้มากที่สุด เจ้าผีดิบธาตุน้ำสามารถควบคุมมวลน้ำทะเลได้ ในขณะที่เจ้าผีดิบธาตุไฟก็มีพลังความร้อนมหาศาล ซึ่งล้วนเป็นอันตรายต่อเหล่าอสูรแห่งท้องทะเลอย่างยิ่ง
ด้วยการรวมพลังกันของเจ้าผีดิบธาตุน้ำและธาตุไฟ เหล่าอสูรในทะเลแห่งความตายก็ต้องทุกข์ทรมานและเกิดการสูญเสียอย่างหนัก พวกมันค่อย ๆ ถอยร่นกลับไปทีละน้อย และเมื่อมีพวกมันทั้งคู่ในฐานะขุนพลผู้นำทัพ เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเบื้องล่างเลยแม้แต่น้อย มันจึงสามารถเพ่งสมาธิไปที่ทูโมยา หัวหน้าใหญ่ของเหล่าอสูรในท้องทะเลเพียงอย่างเดียว
หอกกระดูกยาว 3 เมตรของมันอบอวลไปด้วยออร่าแห่งความตายปริมาณมหาศาล เพียงชั่วพริบตาเดียว มันก็ถูกขว้างเข้าใส่ทูโมยาราวกับสายฟ้าสีเงินที่พาดผ่านท้องฟ้า
ดูเหมือนว่าทูโมยาจะรู้ดีถึงความน่าสะพรึงกลัวของหอกกระดูกในมือของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก เมื่อมันเห็นว่าหอกกระดูกกำลังพุ่งเข้าใส่ร่างของมันที่กำลังลอยอยู่ได้เพียงครึ่งทาง มันก็รีบมุดกลับลงสู่เบื้องลึกของท้องทะเลและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หอกกระดูกที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กเขวี้ยงออกมาส่องแสงวาบสีเงินไปยังจุดที่ทูโมยาเคยอยู่ มันพุ่งลงไปในน้ำ ก่อให้เกิดมวลน้ำที่แตกกระจายจนกระเซ็นสูงขึ้นไปบนฟ้า ตามมาด้วยเสียงของระเบิดบางอย่างที่ดูเหมือนจะดังลั่นขึ้นมาจากใต้น้ำทะเล
“ฮูมมมมมมม…!!”
เสียงคำรามอย่างกราดเกรี้ยวของทูโมยาที่ลั่นขึ้นมาจากใต้ทะเลนั้นดังกึกก้องจนสามารถได้ยินอย่างชัดเจน เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นนั้นแล้ว หานซั่วสามารถบอกได้ทันทีว่าทูโมยาจะต้องได้รับบาดเจ็บจากหอกกระดูกของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นแล้ว มันคงไม่ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างบันดาลโทสะถึงเพียงนี้
“เจ้าอสูรตัวนี้ไม่ใช่อสูรในโลกของเรา วิญญาณของมันถูกทำลายลงอย่างผิดธรรมดา มันก็เลยกลับมาปรากฏตัวขึ้นในมิติมืด และดูดซับออร่าแห่งความตายในโลกนี้เข้าไปเป็นปริมาณมาก จนกระทั่งสามารถหล่อหลอมร่างกายของตัวเองขึ้นมา และอาศัยอยู่ในทะเลแห่งความตาย
ตั้งแต่ที่ข้ารับรู้ถึงตัวตนของมัน ข้าก็เคยท้าสู้มันมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ตอนนั้นพลังของข้ายังอ่อนแอ ก็เลยต้องยอมมันทุกที ตอนนี้ ข้ามั่นใจแล้วว่าข้าจัดการมันได้ เพราะการพัฒนาร่างของมันไม่เร็วเท่ากับข้า”
หลังจากสิ้นเสียงร้องคำรามจากใต้ท้องทะเลที่ดังจนแสบแก้วหูของทูโมยา เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็อธิบายให้หานซั่วฟังอย่างช้า ๆ
“มันไม่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาจากโลกนี้หรอกรึ?”
หานซั่วเหม่อมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามกลับไปอย่างรวดเร็ว
“ช่าย… ก็เหมือนท่านนั่นแหละ ท่านพ่อ ผู้ที่มีจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งจากอีกโลกหนึ่ง จะสามารถเดินทางมายังโลกนี้ได้ก็ด้วยเหตุผลที่พิเศษมากจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ถือว่ายากมาก ๆ เหมือนกันที่จะมีใครเดินทางไปมาระหว่าง 2 โลกได้เหมือนท่านพ่อ ส่วนวิญญาณของเจ้านี่ ตั้งแต่เข้ามาที่โลกนี้ได้ก็ไม่เคยออกไปที่โลกเดิมของตัวเองได้อีกเลย มันก็เลยอาศัยอยู่ในทะเลแห่งความตายแบบนี้แหละ
แต่วิญญาณในร่างเดิมของมันก็คงทรงพลังมากจริง ๆ หลังจากที่มายังโลกนี้แล้ว มันก็สร้างร่างกายใหม่ให้ตัวเองได้หลังจากที่ดูดกลืนพลังงานแถวนี้เข้าไป แล้วความเปลี่ยนแปลงก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับมันแค่ตัวเดียวด้วยนะ เจ้าพวกอสูรตนอื่นที่เคยอยู่รอบ ๆ ทะเลแห่งความตาย พอสัมผัสเข้ากับพลังงานของมัน ก็กลับกลายเป็นอสูรพิกลพิการที่ลงไปอาศัยอยู่ในทะเลแห่งความตายด้วยกันกับมันเลยซะงั้น”
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอธิบายให้หานซั่วฟัง
ผู้ทรงพลังจากโลกอื่น… วิญญาณที่เข้ามายังมิติมืดด้วยเหตุผลพิเศษ… ดูดกลืนพลังงานในโลกนี้แล้วหล่อหลอมร่างกายของตัวเอง… กลายเป็นอสูร… อย่างนั้นรึ? หานซั่วครุ่นคิด และไม่นานัก เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้
จากคำอธิบายของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก หานซั่วก็รู้ว่าในมิติมืดไม่ได้มีเพียงอสูรที่ถือกำเนิดขึ้นมาในโลกนี้ด้วยออร่าแห่งความตาย แต่กลับกลายเป็นว่ามีสิ่งมีชีวิตจากที่โลกอื่นที่สามารถเข้ามากลายพันธุ์และตั้งรกรากอยู่ที่นี่ได้ด้วย บางที หากหานซั่วไม่สามารถเดินทางเข้าออกมิติมืดได้อย่างอิสระ ด้วยจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งของตัวเขาเอง ก็มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถกลายมาเป็นอสูรมิติมืดที่ทรงพลังอยู่ในโลกนี้ได้ด้วยเช่นกัน
ซ่า……..!!!
ทันใดนั้นเอง ขณะที่หานซั่วกำลังคิดใคร่ครวญอยู่เงียบ ๆ ทูโมยา อสูรผู้ปกครองทะเลแห่งความตายก็โผล่ขึ้นมา เผยร่างกายขนาดมหึมาของมันให้เห็นอย่างชัดเจน
ร่างกายของมันเหมือนปลาหมึกอย่างที่หานซั่วคาดคิดเอาไว้ ร่างกายทรงรีที่มีหนวดยืดยาวอยู่โดยรอบ สิ่งเดียวที่แตกต่างสำหรับการเป็นปลาหมึกก็คือชื่อ ทูโมยา ที่ฟังดูห่างไกลจากความน่าสยดสยองและดุร้ายของมันอย่างสิ้นเชิง เดือยกระดูกแหลมคมที่ดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเหล่าอสูรมิติมืดในโลกนี้ปรากฏให้เห็นในทุกตารางนิ้วบนร่างกายของมัน
และบนร่างกายทรงรีนั้นก็ปกคลุมไปด้วยเกราะสีดำที่เปล่งประกายแสงสีดำออกมา เกราะนั้นดูแข็งแรงทนทานอย่างที่สุด และตรงใจกลางของร่าง ก็มีดวงตาขนาดเล็ก 2 ดวงปรากฏอยู่คู่กัน และเบื้องล่างดวงตานั้นก็มีปากขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยฟันอันแหลมคมราวกับฟันของฉลาม ซี่ฟันจำนวนมากเหล่านั้นดูราวกับสามารถบดขยี้ทุกสิ่งอย่างได้ไม่ว่าจะแข็งเพียงใดก็ตาม
“เจ้าสวะโสโครก! วันนี้แหละ ข้าจะจัดการเจ้าให้สิ้นซาก!”
ทูโมยาร้องคำราม ร่างกายขนาดมหึมาของมันสูงตระหง่านจนบดบังท้องฟ้า หนวดมากมายของมันเริ่มพัดกระพือ และโดยไม่คาดคิด มันก็ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้นจากผิวน้ำทีละน้อย และพุ่งไปหาเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก
“เจ้าโง่! ออกมาจากทะเลแห่งความตายแบบนี้ อยากตายมากนักรึไง!”
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กร้องขึ้นมา แต่มีเพียงหานซั่วเท่านั้นที่ได้ยิน
ทันใดนั้นเอง แสงสีขาวก็พุ่งขึ้นมาจากใต้ท้องทะเล และมาอยู่ที่มือของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กในเวลาเพียงชั่วพริบตา มันคือหอกกระดูกที่เป็นอาวุธคู่ใจของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กนั่นเอง
เพียงครู่เดียว โดยไม่รอให้ทูโมยาได้โต้ตอบอะไร เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กและอสูรกระดูกก็พุ่งเข้าใส่ทูโมยาทันที พร้อมกับที่เดือยกระดูกทั้งเจ็ดชิ้นบนหลังของมันก็ดีดตัวออกมา และพุ่งขึ้นฟ้าไปยังทุกทิศทาง เมื่อเดือยกระดูกเหล่านั้นเริ่มเคลื่อนไหว ดวงตาของทูโมยาก็เป็นประกายวาบขึ้นมาด้วยเช่นกัน ราวกับว่ามันเองก็รู้ดีถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวของเดือยกระดูกเหล่านั้นจนอยากจะหนีกลับลงไปในทะเลแห่งความตาย
“ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว อย่าหวังว่าจะกลับลงไปได้อีกเลย!”
กระแสจิตของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก้องสะท้อนไปทั่วบริเวณ
เดือยกระดูกทั้งเจ็ดพุ่งเข้าใส่ทูโมยาทันที มันร้องคำรามอย่างกราดเกรี้ยว หนวดของมันสะบัดฟาดไปมาอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับพยายามเหลือเกินที่จะปัดป้องบรรดาเดือยกระดูกที่พุ่งออกมาจากหลังของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก
แต่เป็นเพราะเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กเรียนรู้วิธีการบัญชาเดือยกระดูกทั้งเจ็ดภายใต้กฎปลุกอาคมมานานพอสมควร ตอนนี้มันจึงสามารถสั่งการเดือยกระดูกแต่ละชิ้นได้ดังใจนึก แม้หนวดรยางค์อันใหญ่โตเหล่านั้นจะฟาดไปมาอย่างไร้ระเบียบ แต่ก็ไม่สามารถขัดขวางทิศทางของเดือนกระดูกที่พร้อมใจกันพุ่งเข้าใส่ร่างของมันได้เลย
ประกายแสงสีดำสว่างจ้าปรากฏขึ้นเหนือร่างทรงรีของทูโมยา แสงนั้นเกิดจากการที่เดือยกระดูกทั้งเจ็ดชิ้นแทงเข้าใส่ร่างกายที่เป็นเหมือนเกราะของมัน ขณะขี่อยู่บนหลังอสูรกระดูก เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็สั่งให้อสูรกระดูกบินไปอยู่ข้างใต้ร่างกายขนาดมหึมาของทูโมยา ก่อนที่ทั้งคู่จะจู่โจมเข้าใส่ส่วนท้องของทูโมยาที่อยู่เหนือหัวของพวกมันพร้อม ๆ กัน
เช่นนั้นแล้ว หากต้องการจะกลับลงไปในทะเลแห่งความตายอีกครั้ง มันก็ต้องกำจัดอุปสรรคอย่างเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กและอสูรกระดูกที่อยู่ด้านล่างให้ได้เสียก่อน มิเช่นนั้น ส่วนท้องของมันจะต้องตกอยู่ในอันตรายภายใต้เงื้อมมือของศัตรูเป็นแน่
“เจ้าอสูรชั่วช้า แกมาโผล่อยู่ในมิติมืดนี่ได้ยังไงกัน!”
ทูโมยาร้องคำรามเสียงดัง ก่อนจะยืดสยายหนวดไปทางเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กและอสูรกระดูก ราวกับต้องการจะเสียบทะลุร่างของศัตรูทั้ง 2 ตนจนตายไปให้รู้แล้วรู้รอด
ตอนนั้นเอง ที่คาถามากมายถูกร่ายขึ้นอย่างต่อเนื่อง แล้วคมหอกกระดูกก็ปรากฏร่างขึ้นกลางอากาศตามมาทีละเล่ม ๆ พวกมันลอยอยู่เคียงข้างเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กและพุ่งขึ้นไปบนฟ้า โจมตีหนวดเส้นใดก็ตามที่อยู่เหนือร่างของมัน และในเวลาเดียวกัน หานซั่วก็รวบรวมพลังจิต และร่ายเวทย์กระตุกวิญญาณขึ้น ทูโมยาร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังทรมานจากการโจมตีอันหนักหน่วง เมื่อสิ้นเสียงโหยหวนนั้น ร่างกายขนาดมหึมาของมันก็เริ่มแกว่งไปมาอย่างรุนแรง
“ขอบคุณมาก ท่านพ่อ!”
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กพูดขึ้น ก่อนจะตบที่หลังของอสูรกระดูกเบา ๆ ร่างของมันก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง และเข้าไปใกล้ร่างกายทรงรีของทูโมยาในเวลาเพียงชั่วพริบตา
ทูโมยาเริ่มขวัญกระเจิงขึ้นมาในทันทีเมื่อโดนเวทย์กระตุกวิญญาณของหานซั่ว เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กจึงรีบฉวยโอกาสนี้คว้าเดือยกระดูกของมันชิ้นหนึ่งทิ่มแทงเข้าไปในดวงตาของทูโมยา เมื่อปากของทูโมยาเปิดอ้าออกเพื่อร้องคำรามดังกึกก้องอีกครั้ง เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็รีบไหวตัว ระหว่างที่กำลังร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเจียนตาย เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็พุ่งตัวเข้าไปในท้องของทูโมยาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า และหายตัวไป…
อสูรกระดูกบินลงมาด้านล่างโดยมีหานซั่วนั่งอยู่บนหลัง อย่างไรก็ตาม หานซั่วก็ยังทันเห็นเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กพุ่งเข้าไปในท้องของทูโมยาได้อย่างชัดเจน ในใจของเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง และไม่รู้เลยว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กเข้าไปในร่างของทูโมยาด้วยเหตุผลอันใด
ขณะที่หานซั่วยังรู้สึกตกตะลึงอยู่ไม่หาย บางสิ่งที่แปลกประหลาดยิ่งกว่าก็พลันบังเกิดขึ้น!
ร่างกายของทูโมยาที่มีเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอยู่ข้างในเริ่มสั่นไหวอย่างรุนแรง แล้วเดือยกระดูกที่เหลือและปักอยู่บนพื้นผิวร่างทรงรีของทูโมยาก็ทิ่มแทงเข้าสู่ภายในอย่างโหดเหี้ยม ทำให้ของเหลวสีดำสนิทราวน้ำหมึกพุ่งทะลักออกมา
“บัดซบ! ออกไปนะ! ออกไปจากร่างของข้า!”
ขณะที่ทูโมยากำลังดิ้นพราดอย่างบ้าคลั่ง มันก็ร้องคำรามออกมา
หานซั่วสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของทูโมยากำลังอ่อนแอลง แม้แต่ร่างกายที่เคยมีขนาดมหึมาของมันก็ค่อย ๆ หดเล็กลง และเริ่มเหี่ยวแห้ง
แต่กลับกัน เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่อยู่ในร่างของทูโมยากำลังแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าพลังงานทั้งหมดภายในร่างของทูโมยากำลังถูกมันดูดกลืนเข้าไปจนสิ้น
เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ที่หานซั่วเสียสมาธิไปเพียงเล็กน้อย ร่างกายที่กำลังหดเล็กลงของทูโมยาก็ค่อย ๆ บวมพองขึ้นราวกับลูกโป่งที่กำลังมีอากาศสูบเป่าเข้าไป เดือยกระดูกที่เคยเสียบทะลุเข้าไปในร่างของทูโมยา บัดนี้ลอยมาอยู่เบื้องหน้าหานซั่วด้วยแสงสีม่วงเป็นประกาย กระแสพลังงานแปลกประหลาดบางอย่างจากร่างของทูโมยา กำลังหลั่งไหลเข้าสู่เดือยกระดูกเหล่านั้น
โพละ…!!
ในที่สุด ร่างกายที่บวมพองขึ้นอย่างรวดเร็วของทูโมยาก็ถึงขีดจำกัด และระเบิดออกในที่สุด หนวดรยางค์มากมายที่เต็มไปด้วยเดือยแหลมและโบกสะบัดอยู่บนท้องฟ้ากลับขาดกระจายและกระเด็นหลุดออกไปทันทีที่ร่างของมันระเบิด ส่วนเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่อยู่ในร่างของทูโมยาก็ถูกย้อมไปด้วยน้ำหมึก กระดูกที่เคยขาวบริสุทธิ์ของมันดูราวกับทำมาจากคริสตัลสีดำ
“ข้ายอมแพ้แล้ว ข้ายินดีสวามิภักดิ์ต่อเจ้า!”
ทูโมยาที่ร่างกายระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยยอมจำนนในที่สุด มันส่งกระแสจิตขอยอมจำนนมาจากร่างที่แหลกสลาย
“ร่างกายของเจ้าเละไปหมดแล้ว สภาพของเจ้าในตอนนี้ไร้ประโยชน์สำหรับข้า!”
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กตอบกลับคำขอยอมจำนนของทูโมยา ก่อนจะสั่งให้เดือยกระดูกทั้งเจ็ดทิ่มแทงเข้าไปภายในร่างของทูโมยาอีกครั้ง และสูบเอาพลังวิญญาณมหาศาลที่หลงเหลืออยู่ในร่างของทูโมยา
ร่างมหึมาของทูโมยาละลายและสูญสลายไปอย่างรวดเร็วจนแทบมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เพียงพริบตาเดียว เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็สูบเอาพลังงานในร่างของทูโมยาออกมาจนหมด จนไม่เหลือสิ่งใดทิ้งไว้เบื้องหลัง ไม่มีแม้แต่ดวงวิญญาณของมันที่หลงเหลืออยู่ในมิติมืดแห่งนี้ และอันตรธานไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์
หลังจากที่สังหารทูโมยาแล้ว เดือยกระดูกทั้งเจ็ดก็กลับมายึดติดบนหลังของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอีกครั้ง เยื่อที่บางราวกับปีกของแมลงปรากฏขึ้นบนเดือยกระดูกแต่ละชิ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ โดยไม่มีใครรู้ว่าทำไม แต่อาจเป็นเพราะมันถูกใช้เป็นช่องทางในการถ่ายเทพลังงาน กระแสพลังเหล่านั้นอาจก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ของเดือยกระดูกเหล่านั้นก็เป็นได้ หากหานซั่วไม่ได้ลองเพ่งมองมากเป็นพิเศษ เขาอาจจะมองข้ามลักษณะที่แปลกใหม่นี้ของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กนี้ไปแล้ว
เมื่อมีเยื่อหุ้มบาง ๆ เหล่านี้บนเดือยกระดูกทั้ง 7 ชิ้นที่ยึดอยู่บนหลัง ก็ยิ่งทำให้พวกมันดูเหมือนปีกของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กมากขึ้นไปอีก ทันใดนั้นเอง เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่เพิ่งสังหารทูโมยาและมีร่างกายเป็นสีดำสนิท ก็เริ่มร่วงลงไป เดือยกระดูกทั้งเจ็ดสั่นไหวไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรักษาสมดุลได้ในที่สุด แล้วมันก็พุ่งตัวลงสู่เบื้องลึกของทะเลแห่งความตาย
หลังจากใช้เวลาอยู่ใต้ท้องทะเลแห่งความตายอยู่พักหนึ่ง เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำอีกครั้ง ร่างกายที่มีสีดำสนิทเมื่อครู่ถูกล้างออกไปจนหมดสิ้น และกลับเป็นสีขาวบริสุทธิ์ตามปกติของมันดังเดิม พื้นผิวบนกระดูกของมันเป็นประกายเงางามอย่างที่สุด รูปร่างท่าทางของมันดูแข็งแกร่งขึ้น และน่าเกรงขามมากขึ้นกว่าที่เคย แม้หานซั่วจะอยู่ห่างจากเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กมากพอสมควร แต่เขาก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ในตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอยู่เหนืออสูรทุกตนที่อยู่ในบริเวณนั้น
แล้วหานซั่วก็รู้ทันทีว่า ในเขตตะวันออกของทะเลแห่งความตาย ไม่มีอสูรตัวใดที่แข็งแกร่งไปกว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอีกแล้ว!