Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 421
ด้วยความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทุกคนจึงเลิกสนใจเรื่องของหานซั่วและหญิงสาวทั้ง 3 คนไปทันที พวกเขาต่างมีสีหน้าหนักใจขณะที่เริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับการโจมตีจากแอชเบิร์น ชาลส์ และกองกำลังของพวกนั้น
“เจ้าหนุ่ม เจ้ารู้ได้ยังไงว่าไอ้จิ้งจอกเฒ่าแอชเบิร์นกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่?”
ฟีเรนซีมองหานซั่วด้วยความสงสัย ราวกับว่าไม่เชื่อในสิ่งที่หานซั่วพูด
ในบรรดาคนที่อยู่ที่นั่น ฟีเรนซีเป็นคนที่ไม่คุ้นเคยกับหานซั่วมากที่สุด ไม่เหมือนกับคาเรล ซาบาคัส และคนอื่น ๆ ที่รู้ว่าหานซั่วครอบครองศาสตร์ต่อสู้อันลี้ลับที่สามารถสังเกตการณ์ทั่วทั้งบริเวณได้อย่างชัดเจน ดังนั้นแล้ว เมื่อเห็นว่าหานซั่วพูดออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจ จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เชื่อในทีแรก
“เขารู้จริง ๆ”
ซาบาคัสอธิบายกับฟีเรนซี
“เป็นเพราะความสามารถในการสังเกตการณ์อันลึกลับของเขานี่แหละ ที่ทำให้เรายังสามารถยึดที่มั่นนี้ไว้ได้”
ฟีเรนซีชะงักไปทันที ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจขณะที่มองไปยังหานซั่ว และไม่เข้าใจเลยว่าหานซั่วทำได้อย่างไร แต่ฟีเรนซีก็รู้ดีว่าซาบาคัสไม่ใช่คนที่พูดจาลอย ๆ อย่างแน่นอน ในเมื่อเขากล้าพูดยืนยันออกมา ก็หมายความว่าหานซั่วสามารถทำอย่างนั้นได้จริง ๆ
“รอบนี้ พวกที่กำลังมุ่งหน้ามา มีทหารจากประตูเมืองฝั่งอื่นรวมอยู่ด้วย กำลังของเราในตอนนี้ไม่น่าจะรับมือกับพวกนั้นไหว อีกอย่าง ยังมีเจ้าอัศวินศักดิ์สิทธิ์คนนั้น กลุ่มอัศวินเทมพลาร์จากศาสจักรแห่งแสงสว่าง และจอมขมังเวทย์ธาตุดินศักดิ์สิทธิ์เด็มพัสรวมอยู่ด้วย….”
หานซั่วหลับตา ก่อนจะอธิบายทั้งตำแหน่งและความแข็งแกร่งของกองกำลังของแอชเบิร์นโดยสังเกตการณ์ผ่านปีศาจอาคม ไม่มีรายละเอียดใดเล็ดลอดสายตาเขาไปได้
ทุกวันนี้ ทุกคนต่างคุ้นชินกับความสามารถในการสังเกตการณ์อันลี้ลับของหานซั่ว พวกเขาจึงตั้งใจฟังรายละเอียดของกองกำลังแอชเบิร์นที่หานซั่วอธิบายอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อหานซั่วพูดจบ ฟีเรนซีที่มีท่าทีสงบก็พูดขึ้น
“ดูเหมือนว่าแอชเบิร์นต้องการยึดเขตเหนือให้ได้ในคราเดียวเลยสินะ”
“ฟีเรนซี เจ้าคิดว่าเราควรจะทำอย่างไรรึ?”
ทันใดนั้นเอง ผู้เฒ่าฮานน์ก็เดินออกมา และถามฟีเรนซีด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ออกคำสั่งให้เปิดประตูเมืองนครออซเซ็น ข้าจะนำกองกำลังของข้าเข้ามา ฮึ่ย… เจ้าแอชเบิร์นนั่นเสียสติไปแล้ว ในที่สุด สิ่งที่องค์จักรพรรดิคาดการณ์เอาไว้ก็เกิดขึ้นจนได้!”
ฟีเรนซีพูด น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารอันมุ่งมั่น
“เจ้า… เจ้าจะนำกองกำลังเข้ามางั้นรึ?”
ผู้เฒ่าฮานน์ตกตะลึงไปทันที และจ้องมองฟีเรนซีด้วยความเหลือเชื่อ
“แหงอยู่แล้วสิ ช่วงเวลาที่โกลาหลวุ่นวายแบบนี้ ทำไมข้าถึงจะไม่เข้าร่วมกับนครออซเซ็นล่ะ? ท่านคิดว่าข้าถ่อมาที่นี่แค่เพื่อมานั่งชมเฉย ๆ เรอะ?”
ฟีเรนซีมองไปยังผู้เฒ่าฮานน์อย่างไม่สบอารมณ์ แล้วก็ชี้ไปยังหัวหน้ากองกำลังทหารคุ้มกันเขตเหนือ บอริส และพูดขึ้น
“เจ้ากับข้าไปที่ประตูทิศเหนือด้วยกันเลยได้รึเปล่า?”
“ตกลง ข้าจะไปกับท่านเดี๋ยวนี้แหละ!”
บอริสไม่ได้ท่าทีรำคาญใจกับท่าทีของฟีเรนซี และตอบรับคำแนะนำของเขาทันที
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
เมื่อเทียบกับฟีเรนซี ไม่ว่าจะด้วยเรื่องประสบการณ์หรือความอาวุโส บอริสก็ด้อยกว่าเขาอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าฟีเรนซีจะเป็นคนยโสโอหัง แต่เขาก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร และทุกคนในจักรวรรดิแลนซล็อตต่างก็รู้กันดี ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเห็นว่าฟีเรนซีมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือลอว์เรนซ์ เหตุการณ์ร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าดูเหมือนจะถูกลืมไปจนสิ้น เอมิลี่เองก็รู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เมื่อเห็นว่าพี่ชายของเธอคอยสนับสนุนเธอโดยไม่มีข้อแม้ และผู้เฒ่าฮานน์เองก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมปรับทัศนคติเพื่อไม่ให้อะไร ๆ มันแย่ไปกว่านี้ ทุกอย่างนี้เองที่ทำให้เอมิลี่ผู้เคยทุกข์ทรมานรู้สึกเหมือนกับได้เกิดใหม่
“น้องสาวทั้ง 2 ของข้า พวกเจ้าคิดเห็นยังไงกันบ้างล่ะ?”
หลังจากที่ได้พูดกับหานซั่ว เอมิลี่ก็ยิ้มและมองมาทางแฟนนี่และฟีบี้
แฟนนี่และฟีบี้หลบสายตา แต่ก็พยักหน้าด้วยความอึดอัดใจ ขณะที่เธอพยักหน้า ฟีบี้ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เธอหันขวับไปทางหานซั่วและพูดขึ้น
“เจ้าห้ามใช้ศาสตร์นั่นในการถ้ำมองเด็ดขาดเลยนะ เจ้ามันร้ายกาจเกินไป เชอะ… จากที่เจ้าพูดมา ศาสตร์ของเจ้าสามารถสอดส่องได้ทั่งทั้งเมือง งั้นก็หมายความว่าเจ้าจะแอบดูผู้หญิงคนไหนอาบน้ำก็ได้งั้นสิ? เจ้าคนน่ารังเกียจ เจ้าฝึกวิชาที่ชั่วร้าย ลามก แบบนั้นได้ยังไงกัน?”
เมื่อพวกเธอได้ยินสิ่งที่ฟีบี้พูด แฟนนี่และเอมิลี่ขมวดคิ้วขึ้นทันที ราวกับว่าพวกเธอเพิ่งตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้น เมื่อพวกเธอนึกถึงพฤติกรรมของหานซั่วที่ผ่านมา ทุกคนต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับนิสัยของเขา สายตาของพวกเธอที่จ้องมองไปยังหานซั่วจึงเต็มไปด้วยความมุ่งร้ายขึ้นมาทันที
หานซั่วรู้สึกว่าเรื่องน่าปวดหัวกำลังจะเกิดขึ้น จึงรีบโพล่งออกมา
“มีบางอย่างผิดปกติ ข้ารีบไปบอกพวกเขาก่อนนะ!”
เมื่อพูดจบ หานซั่วก็ไม่สนใจเสียงโวยวายของผู้หญิงทั้ง 3 คนอีก และรีบมุ่งหน้าไปทางด้านหลังของปราสาททันที
แต่หานซั่วไม่ได้ตรงไปที่ห้องประชุมที่ซาบาคัสและคนอื่น ๆ อยู่ หลังจากเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ทั้งเอมีส คาเรล ผู้เฒ่าฮานน์และคนอื่น ๆ คงจะไม่ค่อยพอใจเขาเท่าใดนัก หานซั่วรู้ดีว่าพวกนั้นต่างโกรธเคืองเขาอยู่ในใจ จึงไม่เข้าไปเพื่อหลีกเลี่ยงการหาเรื่องใส่ตัว
เขาใช้คมมีดพิชิตมารขุดเพื่อสร้างถ้ำลับขนาดย่อมขึ้นมา ก่อนจะจัดแจงวางวงเวทย์มิติ และเดินทางไปยังสุสานแห่งความตาย
ภายในสุสานแห่งความตายอันมืดมน เจ้าผีดิบธาตุดินนอนนิ่งอยู่ในแดนดินสัมบูรณ์ ดูราวกับว่ามันกำลังอยู่ในอาการโคม่า พลังงานธาตุดินสีเหลืองเบาบางจากบริเวณโดยรอบค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในร่างของเจ้าผีดิบธาตุดิน และค่อย ๆ เยียวยาฟื้นฟูบาดแผลของมัน
พลังงานธาตุดินส่วนมากที่เคยอยู่ภายในแดนดินสัมบูรณ์ของสุสานแห่งความตายถูกใช้ไปตอนที่หล่อหลอมผีดิบธาตุดิน ในตอนนี้ มันจึงหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น หานซั่วนำเจ้าผีดิบธาตุดินมาพักฟื้นที่นี่เมื่อ 3 วันก่อน และใช้ประโยชน์จากพลังงานธาตุดินที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในแดนดินสัมบูรณ์เพื่อฟื้นฟูบาดแผลของเจ้าผีดิบธาตุดิน
หานซั่วรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเมื่อมองดูเจ้าผีดิบธาตุดินที่นอนแน่นิ่งลึกลงไปใต้ดิน ทันใดนั้นเอง หานซั่วก็รู้สึกได้ถึงเสียงเรียกของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอัญเชิญเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กออกมา
“ท่านพ่อ พวกเราอยากแก้แค้นให้เขา!”
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กส่งกระแสจิตสื่อสารออกมาทันทีที่มาถึง
“ข้ารู้ ข้าเองก็รอโอกาสที่จะส่งเจ้าอัศวินนั่นไปลงนรกอยู่เหมือนกัน!”
หานซั่วตอบ
“แล้วพวกเราก็อยากแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ด้วย!”
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กส่งกระแสจิตมาอีกครั้ง หลังจากนั้น มันก็หยิบผลไม้สีดำลูกหนึ่งมาถือไว้ในมือ เจ้าโครงกระดูกส่งผลไม้นั่นให้หานซั่วและพูด
“ท่านพ่อ ผลไม้นี่สำหรับท่าน มันมีประโยชน์สุด ๆ เลยล่ะ!”
ผลไม้นั่นมีลักษณะเหมือนลูกวอลนัท ซึ่งดูธรรมดา ๆ และไม่มีความพิเศษอะไร แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อหานซั่วจิตของเขาสำรวจมันดี ๆ เขาก็ต้องตกใจเมื่อสัมผัสได้ว่าผลไม้นี้เต็มไปด้วยพลังงานประหลาดบางอย่าง
“อะไรเนี่ย? แล้วมันทำอะไรได้รึ?”
หานซั่วพูดพลางยื่นมือออกไปรับผลไม้ที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กส่งให้
ทันใดนั้นเอง ลำแสงเจิดจ้านับหมื่นเส้นก็ระเบิดออกมาจากผลไม้ลูกนั้น มันแผ่ปกคลุมรอบตัวหานซั่วราวกับริบบิ้น และทำให้หานซั่วกลายเป็นดักแด้ไปในทันที
***************************