Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 419
ในเมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ จึงไม่มีอะไรที่จะสามารถปกปิดได้อีก หานซั่วไม่คาดคิดเลยว่าในช่วงเวลาที่บ้านเมืองกำลังระส่ำระส่าย พวกเขายังจะสร้างสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีก
ดวงตาของเอมิลี่รื้นไปด้วยน้ำตา เพราะการที่ต้องมาเผชิaญหน้ากับคนจำนวนมากนั้นอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเธอโดยสิ้นเชิง ในตอนนี้ ทั้งความรู้สึกขมขื่น โศกเศร้า เสียใจ หวาดกลัว และความรู้สึกอื่น ๆ อีกมากมายกำลังถาโถมเข้าใส่เธอ ทำให้เอมิลี่รู้สึกเจ็บปวดจนยากเกินบรรยาย น้ำตาไหลพรั่งพรูอาบใบหน้าอันเนียนละเอียดอย่างไม่สามารถควบคุมได้
“เป็นเรื่องจริงครับ”
จู่ ๆ หานซั่วก็ตอบออกมาอย่างเยือกเย็นก่อนที่เอมิลี่จะทันได้พูดอะไร
เมื่อสายตาของทุกคนหันมามองที่หานซั่ว เขาก็ปล่อยมือของฟีบี้ที่กำลังจ้องมองเขาด้วยใบหน้าซีดเผือด ก่อนจะเดินไปหาเอมิลี่ที่กำลังร้องไห้ และกุมมือเอมิลี่ไว้แน่นต่อหน้าทุก ๆ คน สีหน้าของเขาขมขื่นขณะที่ค่อย ๆ มองไปยังทุก ๆ คนและพูดขึ้น
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง เอมิลี่เป็นผู้หญิงของข้า แต่ไม่ว่ายังไง ก็เป็นข้าเองที่ไล่ตามตอแยเธออย่างขมขื่น และไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น!”
ใบหน้าของเฒ่าฮานน์ขาวซีด พลางจ้องมองไปที่หานซั่วและเอมิลี่ด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ดี… ดีมาก! ข้าไม่คิดเลยว่าตระกูลเบทเทอริดจ์ของพวกเราจะมีเรื่องเสื่อมเสียเกิดขึ้นแบบนี้”
“ข้าต้องขออภัยแทนน้องสาวของข้าด้วย แต่ถ้าจะมีใครพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับเธอ ก็ต้องดูด้วยนะครับว่าข้าจะยอมหรือไม่”
หลังจากที่ตกตะลึงกันไปพักหนึ่ง เอมีสข่มใจที่จะถามเอมิลี่ต่อไป หากแต่พูดข่มขวัญพลางจ้องมองไปยังทุกคน
ในฐานะพี่ชายร่วมสายเลือดของเอมิลี่ ความรักมากมายที่เอมีสมีต่อเธอจึงมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้ แม้แต่ในช่วงเวลาเลวร้ายเช่นนี้ เอมีสก็ยังยืนหยัดเคียงข้างเอมิลี่โดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าเอมิลี่พยายามกลั้นน้ำตาของเธอเอาไว้ เอมีสซึ่งเปรียบเสมือนเทพมรณะในสายตาของบรรดาขุนนางในจักรวรรดิก็รู้สึกโกรธขึ้นมา
“ไบรอัน ดูเรื่องงามหน้าที่เจ้าทำสิ!”
จอมดาบศักดิ์สิทธิ์คาเรลจ้องมองหานซั่วอย่างเย็นชา และตะโกนด้วยความเดือดดาล
ในชั่วพริบตา สายตาของทุกคนก็จับจ้องมาที่หานซั่ว ขณะที่พวกเขาเข้าใจในที่สุดว่าตัวการที่แท้จริงในเรื่องนี้คือหานซั่วเพียงคนเดียว สายตาที่ทั้งดูแคลนและกราดเกรี้ยวของทุกคนต่างจับจ้องมาที่เขา
เมื่อต้องเผชิญกับความเดือดดาลของทุกคน หานซั่วก็มีสีหน้าหม่นหมอง ขณะมองไปยังทุกคนและพูดขึ้น
“นี่เป็นเรื่องของพวกเรา และไม่เกี่ยวอะไรกับพวกท่าน ถ้าจะมีใครก็ตามที่ใช้อำนาจในมือเพื่อกดดันข้า …เราจะได้เห็นดีกัน”
“ไอ้เด็กเวรนี่ จองหองไม่ใช่เล่นเลยนี่หว่า!”
ฟีเรนซีซึ่งกำลังเดือดดาลหัวเราะร่า พลางชี้นิ้วมาที่หานซั่ว
“ตราบใดที่เจ้ายอมทิ้งผู้หญิงอีก 2 คน และมาให้ความสำคัญกับลูกสาวของข้าเพียงคนเดียว ข้าจะถือว่าให้มันแล้วกันไปซะ และถ้าเจ้ายอมติดตามข้ากลับไปที่ชายแดนทางใต้ ไม่ว่าจักรวรรดิแลนซล็อตจะโกลาหลหรือวินาศสันตะโรมากแค่ไหน ข้าก็รับรองได้เลยว่าเจ้าจะไม่ต้องกังวลเลยสักนิด”
ฟีเรนซีหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“แต่ถ้าไม่ยอมตกลงล่ะก็ เราจะสู้กันจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง แล้วมาดูกันว่าใครจะได้หัวเราะเป็นคนสุดท้าย!”
“ท่านพ่อ!”
ในตอนนี้ แฟนนี่เองก็มีสีหน้าเจ็บปวดอย่างที่สุดขณะตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง แฟนนี่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องราวจะบานปลายถึงเพียงนี้ อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่สามารถหยุดยั้งความโกรธเกรี้ยวของฟีเรนซี และไม่รู้ว่าเขาจะอาละวาดขึ้นมาเมื่อใด ในตอนนี้ ทั้งเอมิลี่ ฟีบี้ ตัวเธอเอง และหานซั่วต่างกำลังรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
จากสิ่งที่เคยเป็นเพียงเรื่องส่วนตัวของหานซั่ว ในตอนนี้กลับเปิดเผยเป็นมหากาพย์รักสามเส้าต่อหน้าทุกคน แฟนนี่รู้สึกโทษตัวเองและคิดในใจ ไบรอันต้องเกลียดข้าแน่ ๆ เลย โธ่… ข้าควรจะทำยังไงดี?
“ไบรอัน ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าจะไม่อธิบายอะไรให้พวกเราฟังหน่อยรึ?”
สีหน้าของผู้เฒ่าฮานน์ซีดเผือดขณะที่เขามองมาที่หานซั่ว
เมื่อมองไปยังเอมิลี่ที่กำลังร้องไห้ แฟนนี่ที่กำลังทุกข์ใจ และฟีบี้ที่กำลังหวาดกลัว หานซั่วก็หายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ขณะที่ทุกคนกำลังจ้องมองเขาอย่างใจจดใจจ่อ หานซั่วก็พูดออกมา
“ข้าเคยอธิบายเรื่องพวกนี้ให้พวกเจ้าทั้ง 3 คนรู้มาก่อนแล้ว และพวกเจ้าก็น่าจะเข้าใจชัดเจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ ข้าไม่มีอะไรที่จะพูดอีก พวกเจ้าทุกคนก็รู้ดี ว่าข้ารู้สึกยังไงกับพวกเจ้า
ในตอนนี้ ข้าจะให้ทางเลือกกับพวกเจ้า ซึ่งพวกเจ้าเองก็ควรจะให้ทางเลือกกับตัวเองด้วยเหมือนกัน ถ้าพวกเจ้ายินดีที่จะอยู่กับข้าต่อไป ก็แค่พยักหน้าตอบมาเท่านั้น แล้วข้าจะต่อสู้กับอุปสรรคใดก็ตามที่เกิดขึ้นเพื่อปกป้องพวกเจ้า ตราบใดที่พวกเจ้าต้องการอยู่กับข้า ข้าสัญญาว่าข้าจะดูแลพวกเจ้าอย่างดีในอนาคต และจะไม่มีวันยอมให้ใครมารังแกพวกเจ้าอย่างแน่นอน
แต่หากว่าพวกเจ้าไม่สามารถยอมรับได้ ก็ถือซะว่าข้าติดหนี้พวกเจ้าในชาตินี้ ความสัมพันธ์ของเราจะจบลงตรงนี้ และนับจากวันนี้ไป เราจะไม่มีความรู้สึกใด ๆ ที่ผูกพันต่อกันอีก”
“เจ้าคนชั่ว! พูดพล่ามอะไรออกมา! อย่างนี้ก็หมายความว่าเจ้าต้องการจะเก็บทุกคนไว้หมดเลยอย่างนั้นรึ? ”
ฟีเรนซีบันดาลโทสะ เขาเลิกแขนเสื้อขึ้นด้วยตั้งใจจะจัดการกับหานซั่ว
สีหน้าของหานซั่วเคร่งขรึมขึ้นทันทีขณะที่จ้องมองไปยังฟีเรนซี ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความโกรธ
“แล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับท่านไม่ทราบ? คนที่ข้าอยากจะแต่งงานด้วยไม่ใช่ท่านสักหน่อย จะมาพูดให้มันมากความทำไมกัน?”
“บัดซบ! เจ้าคนปากพล่อย! ไม่เคยมีใครในจักรวรรดิแลนซล็อตกล้าพูดกับข้าแบบนี้มาก่อน เจ้าควรจะ….”
ฟีเรนซีตะโกนก้องและทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้าใส่หานซั่วเต็มที
“ท่านพ่อ ท่านอย่ามายุ่งกับเรื่องของข้าเลยนะคะ!”
แฟนนี่คว้าฟีเรนซีไว้ ก่อนจะตะโกนด้วยเสียงอันดัง
“ข้ายินดี! ข้าไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ตราบใดที่เจ้าต้องการข้า ข้าก็ยินดีจะอยู่เคียงข้างเจ้า!”
เอมิลี่ซึ่งมีน้ำตาไหลอาบแก้มเป็นคนแรกที่ประกาศจุดยืนของเธอออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้น และยินดีที่จะละทิ้งซึ่งทุกสิ่ง
เอมีลี่บีบมือหานซั่วไว้แน่นจนปลายนิ้วมือของเธอจิกลงไปบนเนื้อของเขา ราวกับว่าเอมิลี่พยายามเหลือเกินที่จะเค้นความแข็งแกร่งและความกล้าออกมาทั้งหมดที่มีออกมาด้วยวิธีนั้น
“ท่านพี่ ข้าขอโทษนะคะ ข้ารักเขา ข้าขอโทษที่สร้างปัญหาให้ท่าน แต่ข้าตัดใจจากเขาไม่ลงจริง ๆ”
น้ำตาของเอมิลี่ไหลพรั่งพรูออกมา ขณะที่เธอพูดและมองไปยังเอมีส
เอมีสตัวสั่นเล็กน้อย และนึกย้อนไปถึงความโศกเศร้าเมื่อตอนที่พวกเขายังเป็นเด็ก และการที่พวกเขาต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันมาตลอดหลายปี…
“เด็กโง่ เจ้าจะพูดอะไรแบบนี้เพื่ออะไรกัน ไม่ว่ายังไง ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ”
เอมีสมีท่าทีมุ่งมั่น และยิ้มตอบเอมิลี่ไปอย่างอ่อนโยน
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ว่ากันว่าพี่ชายนั้นก็เหมือนกับตัวแทนของพ่อ และเอมีสก็มักจะปฏิบัติต่อเอมิลี่เช่นนั้นมาโดยตลอด เมื่อตอนที่พวกเขายังเด็ก พ่อแม่ของพวกเขาต้องมาตายจากไป และเป็นเอมีสที่ทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูเอมิลี่ สิ่งที่พวกเขาทั้ง 2 คนมีในตอนนี้ ล้วนเป็นผลมาจากการเสี่ยงชีวิต และความพยายาม ในหัวใจของเอมีส คนที่สำคัญที่สุดย่อมเป็นน้องสาวของเขา เขายอมให้เอมิลี่แต่งงานกับตระกูลเบทเทอริดจ์ แต่แล้วสามีของเอมิลี่ก็มาเสียชีวิตในสนามรบก่อนที่พวกเขาจะได้ใช้ชีวิตฉันสามีภรรยา ตลอดหลายปีมานี้ การที่เอมิลี่ต้องกลายเป็นหม้าย ก็เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้มากพอแล้ว
เอมีสเข้าใจถึงความเจ็บปวดที่เอมิลี่ต้องทนแบกรับมาตลอดหลายปี เขาจึงเอาแต่โทษตัวเอง และหวังอยู่เสมอว่าเอมิลี่จะได้มีความสุขอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม เอมิลี่กลับไม่เคยหลงใหลใครเลย แม้เขาไม่ได้คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นสิ่งที่เหมาะสม แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมด เขาจึงให้ความสำคัญกับความสุขของน้องสาวเหนือสิ่งอื่นใด
“ขอบคุณนะคะ ท่านพี่”
เอมิลี่ร้องไห้และกล่าวขอบคุณ หลังจากนั้น เธอก็มองไปยังผู้เฒ่าฮานน์ซึ่งยังคงมีสีหน้าแปลก ๆ
“ท่านพ่อคะ ตลอดหลายปีมานี้ ข้ามีความสุขมากที่ได้อยู่ในตระกูลเบทเทอริดจ์ ข้านับถือท่านเหมือนพ่อแท้ ๆ ของข้า และข้าก็รู้ว่าท่านเองก็รักและเอ็นดูข้ามากเช่นกัน ข้ารู้สึกซาบซึ้งมากจริง ๆ และข้ารู้ว่าการกระทำของข้าทำให้ชื่อเสียงของตระกูลเบทเทอริดจ์ต้องเสื่อมเสีย ข้าขอโทษ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ได้โปรดให้อภัยข้าด้วยเถอะนะคะ ท่านพ่อ ท่านจะยังเป็นท่านพ่อของข้าเสมอ…”
ผู้เฒ่าฮานน์ชะงักไปและจ้องมองเอมิลี่ด้วยสายตาว่างเปล่า หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ผู้เฒ่าฮานน์ก็ถอนหายใจ และไม่ได้พูดอะไรอีก สีหน้าของเขาช่างดูสิ้นหวังขณะที่เดินกลับขึ้นไปยังห้องประชุมที่อยู่บนชั้น 3
“ข้าเองก็ยินดี! ข้าไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว ท่านพ่อ ข้าขอร้องล่ะ ท่านอย่ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของข้าเลยนะคะ!”
แฟนนี่คว้าแขนของฟีเรนซีไว้อย่างสุดแรงเกิด เพราะกลัวเหลือเกินว่าฟีเรนซีจะกราดเกรี้ยวขึ้นมาจนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ก่อนจะพูดต่อไป
“หากท่านไม่ให้สัญญา ข้าจะหนีออกจากบ้านอีกครั้ง แล้วท่านก็จะไม่ได้เห็นหน้าข้าอีกเลย!”
ฟีเรนซีที่ตะโกนเสียงดังราวกับจะฆ่าแกงหานซั่วเสียให้ได้นั้นกลับชะงักไปในทันที ใบหน้าของเขาแดงก่ำขณะที่ชี้หน้าดุด่าหานซั่ว
“ไอ้เลวนี่มันมีอะไรดีนักหนา? มีผู้ชายดี ๆ อีกตั้งมากมายในจักรวรรดิแลนซล็อต ทำไมเจ้าถึงต้องดึงดันที่จะอยู่กับเจ้าคนหลายใจพรรค์นี้ด้วย? เป็นเพราะมัน เจ้าถึงกับคิดจะทิ้งครอบครัวเลยงั้นรึ?”
“ท่านพ่อ ท่านน่ะ เก่งกาจในสนามรบ แต่ท่านไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าความรักที่แท้จริงคืออะไร ท่านแม่ของข้าเฝ้ารอท่านมาตลอดทั้งชีวิต วิตกกังวลอยู่เสมอว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับท่านในสนามรบรึเปล่า ตอนที่ท่านแม่ป่วย ท่านก็ยังคงต่อสู้อยู่ในสนามรบที่ไกลออกไปนับพันไมล์ แม้แต่ตอนที่ท่านแม่ต้องตายไปอย่างทุกข์ทรมานจากโรคร้าย ท่านก็ไม่มาคอยอยู่เคียงข้างท่านแม่เลยด้วยซ้ำ
ท่านทำลายความสุขในชีวิตของท่านแม่ไปแล้ว อย่าบอกนะคะว่าท่านก็ต้องการทำลายความสุขของข้าด้วยเหมือนกัน?”
แฟนนี่เหมือนจะสติแตกขึ้นมาทันทีเมื่อฟีเรนซีสะบัดมือของเธอออก ขณะที่เขากำลังพุ่งตัวเข้าจู่โจมหานซั่ว เธอกรีดร้องขึ้นมา
แล้วฟีเรนซีที่ดิ้นรนออกมาจากแฟนนี่ด้วยความยากเย็นก็หยุดความเคลื่อนไหวในทันที ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวและหายใจติดขัด ราวกับสัตว์ร้ายที่ทำท่าจะวิ่งหนี
ทุกคนต่างชะงักงันไปชั่วขณะ บ้างมองไปที่ฟีเรนซีด้วยอาการอกสั่นขวัญแขวน เพราะกลัวว่าเขาอาจจะอาละวาดขึ้นมาอีกก็ได้ ด้วยชื่อเสียงของคน ๆ นี้ที่ไม่เคยมีพฤติกรรมเหมือนคนธรรมดาทั่วไป ทุกคนจึงเชื่อว่าเขาจะต้องคุ้มคลั่งอีกครั้งอย่างแน่นอน
แม้แต่หานซั่วเองก็ยังหวั่นใจและระมัดระวังตัวอยู่เงียบ ๆ เขาเชื่อว่าฟีเรนซีจะต้องจู่โจมเขาอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังแน่ ๆ จึงวางแผนไว้ว่าจะจัดการฟีเรนซีให้หมดสติและมัดเขาไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับพลังความแข็งแกร่งอันบ้าคลั่งของเขา แล้วค่อยอธิบายให้แฟนนี่ฟังทีหลัง
ภายใต้สายตาที่จับจ้องของทุกคน ฟีเรนซีที่มีสีหน้าบิดเบี้ยวกลับค่อย ๆ สงบลงเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม สีหน้าของเขายังคงเคร่งขรึมและน่ากลัว ครู่หนึ่งผ่านไป ฟีเรนซีก็หันมาและมองไปยังแฟนนี่ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นครั้งแรกตั้งแต่เขามาที่นี่
“ยัยหนู เจ้าแน่ใจแล้วรึ?”
แฟนนี่พยักหน้าทันที และตอบด้วยสีหน้าหนักแน่น
“ท่านพ่อ ข้าแน่ใจค่ะ”
“เจ้าหนุ่ม เจ้าจะทำให้แฟนนี่มีความสุขจริง ๆ ใช่มั้ย?”
ฟีเรนซีจ้องมองไปยังหานซั่วและเอ่ยถาม
“ตราบใดที่ข้ามีชีวิตอยู่ ข้าจะไม่มีวันยอมให้ใครมารังแกเธออย่างเด็ดขาด!”
หานซั่วยกมือขึ้นให้คำมั่นด้วยท่าทีสงบ
******************************************