Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 411
ควันไฟพวยพุ่งขึ้นทั่วทุกบริเวณภายในสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ ขณะที่ทหารผู้ใต้บังคับบัญชาของแอชเบิร์นต่างบุกเข้ามาด้านในและฆ่าทุกคนที่เจอ ส่วนพวกทหารยามภายในสมาคมก็ไม่มีโอกาสได้ตอบโต้ เพราะส่วนใหญ่ก็ถูกฆ่าหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที
แล้วฟีบี้ที่ยังคงว้าวุ่นใจกับคำพูดของหานซั่วก็ถือดาบศักดิ์สิทธิ์ “ดาราพราย” และนำเหล่าทหารยามที่อยู่ภายในสมาคมให้ช่วยกันต้านไว้อย่างสุดกำลัง แต่อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก็ได้เลวร้ายลงอย่างชัดเจน
ทหารที่บุกเข้าโจมตีสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์นั้น มีทั้งยอดฝีมือจำนวนหนึ่งซึ่งให้การสนับสนุนชาลส์ และอัศวินเทมพลาร์จากศาสนจักรแห่งแสงสว่างที่ถือหอกสีเงินและไม่เห็นคุณค่าของใครในสายตา ทุกการโจมตีของหอกนำมาซึ่งความตายของเหล่าทหารยามและทุกคนที่เขาพบเห็น
นักเวทย์จำนวนหนึ่งร่ายเวทย์ออกมาอย่างต่อเนื่อง จนอาคารของสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์โหมกระหน่ำไปด้วยเปลวเพลิง โกดังเก็บสินค้าและอาหารต่างลุกไหม้อย่างรุนแรง คนรับใช้บางคนถูกไฟคลอกทั้งตัวขณะที่พยายามหนีออกจากห้องของตัวเองเพียงเพื่อมาเจอกับห่าลูกธนูที่กราดยิงเข้าใส่ และคนรับใช้ผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นก็ถูกยิงจนตาย
เพียงแค่เวลาช่วงสั้น ๆ สมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ก็ตกอยู่ในกำมือของศัตรูภายใต้การซุ่มโจมตี มีเพียงฟีบี้และทหารยามที่ซื่อสัตย์จำนวนหนึ่งที่รีบถอยหนีไปทางประตูด้านหลัง แต่ระหว่างนั้น ทหารยามที่อยู่เคียงข้างฟีบี้ถูกฆ่าตายอย่างต่อเนื่อง
“คุณหนูฟีบี้ วันนี้ท่านหนีไม่รอดหรอก!”
จอมเวทย์ห้วงมิติออเบรย์ยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะจ้องมองมาที่ฟีบี้และพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก
ก่อนหน้านี้ จอมเวทย์ห้วงมิติออเบรย์และคาเมรอนได้มาที่สมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์เพื่อบีบบังคับฟีบี้ โชคร้ายที่พวกเขามาเจอกับหานซั่วเข้าพอดี ในตอนท้าย ออเบรย์และคาเมรอนก็ถูกหานซั่วจัดการด้วยเวทย์อัคคีเหมันต์ ทำให้พวกเขาต้องทุกข์ทรมานด้วยความเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งและความร้อนแรงราวกับไฟที่คุกรุ่นอยู่ในร่างไปหลายวัน
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ออเบรย์รู้ดีว่าเป็นฝีมือของหานซั่ว อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าหานซั่วไม่ใช่คนที่เขาควรจะยั่วยุได้ จึงทำได้เพียงกล้ำกลืนกับความทรมานและเก็บซ่อนความคิดที่จะแก้แค้นไว้ในใจ
เมื่อได้กลับมายังสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์อีกครั้งในวันนี้ ออเบรย์ก็มีทั้งอัศวินเทมพลาร์จากศาสนจักรแห่งแสงสว่าง รวมทั้งนักเวทย์ยอดฝีมืออีกจำนวนหนึ่งอยู่ข้างกาย เขาจึงมั่นใจอย่างมากว่าจะต้องประสบความสำเร็จในสิ่งที่เขาตั้งใจจะทำเมื่อคราวก่อน คือการจับตัวฟีบี้และใช้เธอเพื่อข่มขู่จอมดาบศักดิ์สิทธิ์คาเรล เพื่อทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรที่จะคุกคามพวกเขา
ด้านหลังออเบรย์เป็นทหารนับร้อยที่มีทั้งอัศวินเทมพลาร์ผู้มีสัญลักษณ์รูปช่อมะกอกอยู่บนอก ส่วนฟีบี้ที่กำลังล่าถอยก็มีเพียงทหารยามราว 30 คนไปกับเธอ แม้ว่าฟีบี้จะเป็นถึงปรมาจารย์จอมดาบ แต่ก็ไม่มีท่างที่เธอจะรับมือกับคู่ต่อสู้มากมายขนาดนั้นได้
เมื่อออเบรย์พูดจบ เขาก็ร่ายเวทย์ “มิติกรีดแทง” ส่งใบมีดคมแวววาวเล่มหนึ่งให้พุ่งออกไป ทหารยามที่อยู่ข้าง ๆ ฟีบี้ ถูกเฉือนเนื้อออกไปชิ้นใหญ่ และ “เวทย์มิติกรีดแทง” ก็ทำให้ชิ้นส่วนส่วนร่างกายที่ถูกเฉือนหายไปในอีกมิติหนึ่ง
เปรี้ยง !!!
จู่ ๆ ฟีบี้ที่กำลังหนีก็รู้สึกราวกับมีกำแพงที่มองไม่เห็นกระแทกเข้าที่หลังของเธอ จนร่างของเธอถึงกับเซมาข้างหน้าหลายก้าว
“ออเบรย์! เจ้ายังกล้าเสนอหน้ามาที่สมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ของข้าอีกรึ? พวกเจ้าบ้าไปแล้วรึไง? ถึงได้ไม่สนใจอะไรและฆ่าคนใช้กับทหารยามของข้าไปมากมายขนาดนี้?”
เห็นได้ชัดว่าฟีบี้ไม่รู้เลยว่าองค์จักรพรรดิอูห์เทร็ดได้สิ้นพระชนม์แล้วเหมือนกับหานซั่วในตอนแรก เธอหวาดกลัวอย่างมาก และไม่คิดว่าแอชเบิร์นจะกล้ากระทำการอุกอาจถึงเพียงนี้
“ฮ่า ๆ ๆ พวกเราไม่ได้บ้าซะหน่อย หลังจากคืนนี้ นครออซเซ็นและจักรวรรดิแลนซล็อตจะตกเป็นของเจ้าชายชาลส์ และคนที่เป็นศัตรูทุกคนจะต้องถูกกำจัด!”
ออเบรย์หัวเราะอย่างป่าเถื่อนก่อนจะตอบ
“หยุดพล่ามแล้วจับตัวผู้หญิงคนนั้นเร็วเข้าเถอะ เรามีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการอีกนะ”
อัศวินเทมพลาร์คนหนึ่งพูดขึ้น
เมื่อได้ยินอัศวินเทมพลาร์พูด ออเบรย์ก็รู้สึกอายและหยุดหัวเราะ ก่อนจะพยักหน้ารับคำ
“ท่านเครสโป ผู้หญิงคนนั้นเป็นปรมาจารย์จอมดาบ เราต้องร่วมมือกันถึงจะจับตัวเธอได้เป็น ๆ”
“งั้นก็รีบลงมือซะที!”
อัศวินเทมพลาร์นามว่าเครสโปไม่พูดพร่ำทำเพลง เขายกหอกสีเงินขึ้นและมุ่งหน้าเข้าไปหาฟีบี้
ขณะที่เขากวัดแกว่งหอกสีเงิน ลำแสงสีขาวนวลสว่างไสวก็แผ่กระจายออกมาจากหอก ออร่าศักดิ์สิทธิ์บางอย่างค่อย ๆ แผ่ปกคลุมร่างของเครสโป แล้วชุดเกราะสีเงินของเขาก็เปล่งแสงสว่างออกมา ยิ่งทำให้ออร่าของเครสโปเจิดจรัสมากขึ้นอีก
ฟีบี้ชะงักไปในทันที และถอยออกไปเล็กน้อยก่อนที่เครสโปจะเข้าถึงตัว หลังจากนั้น เธอก็ฟาดดาบศักดิ์สิทธิ์ดาราพราย และบังเกิดเป็นรูปกากบาทขนาดยักษ์ที่พุ่งตรงไปยังเครสโปด้วยความเร็วสูง
เขาพ่นลมเบา ๆ ก่อนจะยกหอกขึ้นในระดับใจกลางของท่าฟันกางเขนศักดิ์สิทธิ์ และปัดป้องพลังนั้นให้ลอยขึ้นไปฟาดกิ่งต้นไม้ที่เป็นพุ่มหนาจนหักเป็น 2 ท่อน
“เพิ่งจะได้เป็นปรมาจารย์จอมดาบไม่นาน เจ้าควรจะอยู่เฉย ๆ ให้เราจับกุมอย่างว่าง่ายดีกว่านะ”
เครสโปพูดอย่างเย็นชา แล้วร่างของเขากลายเป็นเส้นแสงจากการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง หอกในมือพุ่งแทงเข้าใส่ฟีบี้อย่างรวดเร็วราวกับมีหอกอยู่นับร้อย
วงแสงสว่างเจิดจ้าระเบิดออกมาจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ “ดาราพราย” แสงดาวนั้นขยายวงกว้างออก ก่อร่างเป็นพลังรูปทรงไม้กางเขนมากมายหลายดวง พลังอันน่าสะพรึงกลัวของพวกมันระเบิดออกในทันที ทำให้หอกสีเงินนับร้อยที่พร่ามัวเหล่านั้นแตกสลายเป็นผุยผง ขณะที่พลังระเบิดขยายวงกว้างขึ้นอีก ทำให้เครสโปกัดฟันกรอดและรีบถอยหลังออกไปอีกหลายก้าว
“ดี… ดีมาก! เจ้ารู้วิธีหยิบยืมพลังของอาวุธศักดิ์สิทธิ์และปลดปล่อยท่าฟันกางเขนศักดิ์สิทธิ์ของคาเรลออกมาได้แล้วสินะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตาแก่คาเรลถึงได้ให้ค่ากับเจ้านัก!”
เครสโปถอยไปเล็กน้อย มีรูเล็ก ๆ ปรากฏอยู่บนเกราะสีเงินตรงบริเวณไหล่ของเขาถึง 8 รู สีหน้าของเขาเย็นชาขณะพูด
“ข้าก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าอัศวินเทมพลาร์แห่งศาสนจักรแห่งแสงสว่างจะมาเป็นสุนัขรับใช้ให้เจ้าชายชาลส์ นี่เป็นสิ่งที่องค์กรทางศาสนนาที่ละแล้วซึ่งทางโลกควรกระทำอย่างนั้นรึ? ”
ฟีบี้พูดเยาะเย้ยเขาเช่นกัน สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
“คุณหนู รีบไปเร็วเข้าเถอะ เราจะคุ้มกันด้านหลังให้เอง”
หัวหน้าทหารยามของสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ขอร้องฟีบี้อย่างหมดความอดทน
ฟีบี้ส่ายหน้าและพูดอย่างอับจนหนทาง
“ไม่มีทางให้หนีแล้วล่ะ”
เพราะกลุ่มของฟีบี้ไม่มีนักเวทย์ที่แข็งแกร่งเลยสักคน และการเผชิญหน้ากับกองกำลังที่มีทั้งม้าศึกและเต็มไปด้วยนักเวทย์และนักธนูแบบนี้ การหนีจึงไม่ใช่ทางเลือกที่สมควรนัก เพราะความเร็วในการบินของพวกนักเวทย์ที่บินได้นั้นเร็วกว่าพวกเขามาก
“ออเบรย์ บอกให้คนของเจ้ามาช่วยกันหน่อย หลังจากที่เราจัดการผู้หญิงคนนี้ ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำอีก อย่าเสียเวลาให้มากนักเลย”
เครสโปปรายตามองออเบรย์ และนิ่วหน้าขณะพูดด้วยความเย็นชา
ออเบรย์พยักหน้าเห็นด้วยและพูดตอบ
“ตกลง เราจะร่วมมือกัน”
หลังจากพยักหน้าให้ออเบรย์ เครสโปยกหอกขึ้นอีกครั้งและชี้ไปที่ฟีบี้ เพียงแค่ขยับหอกเล็กน้อย แสงสีเงินก็ระเบิดออกมา และในขณะเดียวกัน ออเบรย์เริ่มร่ายเวทมนตร์ห้วงมิติ ทำให้บรรยากาศรอบข้างปั่นป่วนและพุ่งตรงไปยังฟีบี้
เหล่านักเวทย์ที่อยู่ข้าง ๆ ออเบรย์เองก็ร่ายเวทย์ขึ้นมาตาม ๆ กัน ม่านเวทมนตร์จากทุกแขนงต่างพุ่งไปหาฟีบี้ แม้แต่นักธนูที่เคยอยู่ไกลออกไปก็รุดหน้าขึ้นมา พวกเขาขึ้นสายและเล็งมาที่ฟีบี้
เปรี้ยง !!!
ขณะที่การโจมตีของฟีบี้ขัดขวางลำแสงสีเงินเอาไว้ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงพลังอันรุนแรงที่ทำให้เธอเซถอยหลังไปเล็กน้อย แต่ทว่า ระยะที่ถอยไปทำให้ฟีบี้ก้าวเข้าไปในเวทมนตร์ห่วงโซ่มิติ แล้วพลังงานไร้รูปร่างทุกรูปแบบก็ถาโถมเข้าใส่ร่างของเธอ ทำให้ฟีบี้รู้สึกราวกับถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกจนไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่น้อย
“พาเธอไป ถ้าฟีบี้ตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเรา ตาแก่คาเรลนั่นก็จะได้รู้จักสถานะของตัวเองสักที!”
ออเบรย์หัวเราะร่วนด้วยความภาคภูมิใจ ขณะที่ออกคำสั่งอัศวินจำนวนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังเขา
“ฮี่ ๆ ๆ ผู้หญิงคนนี้ช่างงดงามจริง ๆ ผิวของเธอเนียนนุ่มสุด ๆ ไปเลย ข้าไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมีผิวเนียนขนาดนี้มาก่อนเลยนะ”
อัศวินที่เข้ามายิ้มกริ่มอย่างหื่นหระหาย และพยายามจะลูบไล้ใบหน้าของฟีบี้ขณะที่เขาใช้เชือกมัดเธอไว้
ขณะที่ฟีบี้ซึ่งไม่สามารถขยับตัวหรือพูดได้ ก็เห็นมือหยาบกร้านกำลังเอื้อมมาที่หน้าของเธอ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นกลัวและเดือดดาล เธอจึงคิดถึงหานซั่วขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ในเวลาที่รู้สึกไร้ทางสู้เช่นนี้
ถ้าตอนนี้เจ้ามาช่วยข้าได้ก็คงดี… ตราบใดที่เจ้ามา ข้าอาจจะให้อภัยเจ้าก็ได้ ข้าไม่ต้องการให้ใครอื่นแตะต้องข้านอกจากเจ้า…
เมื่อหญิงสาวหวาดกลัว รู้สึกไร้ทางสู้และอับจนหนทาง สิ่งแรกที่เธอคิดถึงย่อมเป็นคนรักของเธอ ฟีบี้เองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เมื่อเธอเห็นมือของอัศวินกำลังจะเอื้อมมาที่ใบหน้า เธอจึงรู้สึกกลัวเหลือเกิน และร้องหาหานซั่วอยู่ภายในใจ
ฉั่วะ !!!
ขณะที่มือหยาบกร้านนั้นเกือบจะสัมผัสที่ใบหน้าของฟีบี้ ก็เกิดเสียงบางอย่างดังขึ้นในทันที ทันใดนั้นเอง อัศวินก็กรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด มือของเขาถูกตัดออกจากข้อมือ และหล่นลงไปที่เท้าของฟีบี้พร้อมกับเลือดที่ไหลนองพื้น
“นั่นใครน่ะ!”
เครสโปตะโกนด้วยเสียงอันดัง เขาตั้งท่าเตรียมพร้อมและมองไปยังทุกทิศทุกทางโดยรอบ หอกสีเงินในมือส่งแสงสีเงินสว่างวาบขึ้นมา
ฉั่วะ !!!
ท่ามกลางค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์ ลำแสงสีดำวาบผ่านไป แล้วอัศวินที่มือถูกฟันขาดในทีแรกก็ร้องอย่างทรมานขึ้นอีกครั้งจนทุกคนต่างหันมามอง รู้ตัวอีกที มืออีกข้างของอัศวินก็ถูกตัดออกไปแล้วเช่นกัน
“จับฟีบี้ไว้ เร็วเข้า!”
ออเบรย์มีสติขึ้นมาในทันที เขารีบสั่งอัศวินที่ยังคงแน่นิ่งและงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อัศวินจำนวนหนึ่งเริ่มขยับตัว และตั้งใจจะมัดฟีบี้ด้วยเชือกหนาในมือของพวกเขาเป็นอันดับแรก
ฉั่วะ !!! ฉั่วะ !!! ฉั่วะ !!!
แสงวาบสีดำปรากฏขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับเส้นด้ายสีดำที่ถักทอเป็นม่านแห่งรัตติกาล อัศวินที่อยู่ใกล้ ๆ ฟีบี้ล้วนถูกฟันมือขาดไปทีละคน และในชั่วพริบตา มือที่ถูกตัดออกจำนวนมากก็ร่วงหล่นและกองอยู่แทบเท้าของฟีบี้
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
เพราะฟีบี้ถูกพันธนาการไว้ด้วยเวทมนตร์ เธอจึงไม่สามารถขยับตัวได้ แต่สายตาของเธอไม่พลาดกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้าง ตอนนั้นเอง อยู่ดี ๆ ความปลาบปลื้มยินดีก็เอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจ ไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมาก ฟีบี้ก็รู้ว่าหานซั่วได้มาถึงแล้ว เมื่อวิกฤติเมื่อครู่ได้คลี่คลายลง เธอก็ลืมเรื่องแย่ ๆ ของหานซั่วไปชั่วขณะ และนึกขึ้นมาได้เพียงว่าหานซั่วได้ช่วยเธอไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ไบรอัน… บ้าที่สุดเลย ทำไมเพิ่งโผล่มาเอาป่านนี้…
ฟีบี้ร่ำร้องด้วยเสียงอันดังอยู่ในใจ ดวงตาของเธอฉายแววไปด้วยประกายแห่งความสุขและความอบอุ่นใจ เธอไม่ต้องวิตกกับอันตรายรอบตัวอีกต่อไปตราบใดที่มีเส้นแสงสีดำนั้นอยู่ และจะไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นกับเธออีกแล้ว
“ออกมานะ เจ้าขี้ขลาดที่ได้แต่แอบซุ่มโจมตี!”
เครสโปตะโกนเสียงดังขณะที่เขาพุ่งตัวไปหาฟีบี้
“เจ้านั่น… เจ้านั่นมาแล้ว!”
ออเบรย์ที่เพิ่งตื่นจากอาการตกใจตะโกนบอกเครสโป
เครสโปสับสนไปชั่วครู่ ก่อนที่จะเรียกสติได้อย่างรวดเร็วและตะโกนตอบกลับไป
“เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เจ้านั่นไม่มีปัญญาปกป้องตัวเองได้เลยด้วยซ้ำ มันไม่น่าจะมาช่วยเธอได้เร็วขนาดนี้หรอก!”
“พูดถึงใครเหรอ?”
น้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นจากไกล ๆ และเมื่อเสียงนั้นพูดจบ เงาดำร่างหนึ่งก็มายืนอยู่ข้าง ๆ ฟีบี้แล้ว
หานซั่วจ้องมองไปที่เครสโป ขณะที่มือซ้ายของเขาวางทาบไปที่แผ่นหลังของฟีบี้เบา ๆ และถ่ายพลังเข้าไปให้เธออย่างรุนแรง เกิดเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นรอบตัวฟีบี้ แล้วม่านเวทมนตร์รวมทั้งห่วงโซ่มิติของออเบรย์ก็ถูกทำลายจนแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ
ฟีบี้ที่ถูกพันธนาการไว้ก่อนหน้านี้จนไม่สามารถขยับตัวได้ ก็รู้สึกว่าเธอสามารถขับตัวทั้งตัวได้อีกครั้ง ก่อนหน้าที่หานซั่วจะมาถึง ฟีบี้ก็พร่ำแต่ร้องเรียกหาเขาอยู่ในใจ ถึงขนาดคิดไปว่าหากหานซั่วมาช่วยเธอไว้อีกครั้ง เธอจะให้อภัยเขา และในที่สุด หานซั่วก็ปรากฏตัวขึ้นจริง ๆ และอันตรายต่าง ๆ ก็หายไป แต่สุดท้าย เธอก็โยนเรื่องเหล่านั้นทิ้งไปทันที พลางคิดว่าเธอไม่ควรให้อภัยหานซั่วง่าย ๆ ขนาดนั้น แต่เธอก็ไม่พูดอะไรนอกจากพ่นลมด้วยความไม่พอใจเบา ๆ
“หึหึหึ เจ้ากล้าแตะต้องผู้หญิงของข้ารึ รนหาที่ตายซะแล้ว!”
หลังจากที่หานซั่วทำลายพันธนาการของฟีบี้ เขาก็จ้องมองไปยังกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสายตาน่าสะพรึงกลัว และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฮะ! ใครกันผู้หญิงของเจ้า? เจ้าคนหลายใจ!”
ฟีบี้รู้สึกมีความสุขแต่ก็ยังโกรธไม่หาย เธอได้แต่จ้องมองไปยังหานซั่วด้วยสายตาขุ่นเคือง
“ข้ายังไม่ให้อภัยเจ้าเรื่องนั้นนะ ขอร้องอย่าพูดอะไรไร้สาระแบบนั้นอีก!”
“แน่นอน คุณหนูฟีบี้ก็ต้องเป็นผู้หญิงของข้าอยู่แล้วสิ ถ้าเจ้าไม่ใช่ผู้หญิงของข้า ข้าจะถ่อมาตั้งไกลจากตอนเหนือของเมืองเพื่อมาช่วยเจ้าถึงนี่เหรอ?”
หานซั่วยิ้มขณะตอบฟีบี้
“เจ้าจริง ๆ ด้วย เป็นไปได้ยังไงกัน เจ้าหนีรอดจากท่านคอสส์มาได้ยังไง?”
สีหน้าของเครสโปเปลี่ยนไป เขามองหานซั่วด้วยความตกตะลึงขณะพูด
“คอสส์น่ะเหรอ? รู้สึกว่าจากที่สู้กัน 2-3 ครั้ง ฝ่ายที่หนีหางจุกตูดไปจะเป็นเจ้านั่นซะมากกว่านะ?”
หานซั่วตอบเครสโปเรียบ ๆ ขณะพูด แล้วเขาก็เรียกคทาหัวกะโหลกออกมา สีหน้าของเขาค่อย ๆ เย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ
“ครั้งนี้มันต่างออกไป นอกจากท่านคอสส์ ยังมีท่านเบลาต์อีกด้วย เจ้าหนีมาได้ยังไงกัน? ”
เครสโปรู้สึกสับสนงุนงงไปหมด และล่าถอยไปด้วยความหวาดกลัว
ชื่อเสียงด้านความชั่วร้ายและความแข็งแกร่งของหานซั่วเป็นที่รู้กันดีในศาสนจักรแห่งแสงสว่าง เพราะอาร์คบิชอปคอสส์ถูกจัดการครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยฝีมือของเขา แม้แต่เครสโปเองก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าด้วยความแข็งแกร่งของหานซั่ว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหานซั่วอย่างแน่นอน ความคิดที่จะหนีจึงผุดขึ้นมาในหัวใจทันที
“พวกเจ้าทุก ๆ คนไม่มีทางรอดออกไปจากที่นี่หรอก!”
หานซั่วประกาศชะตากรรมของพวกเขา ขณะที่คทาหัวกระโหลกเริ่มอัญเชิญอสูรมิติมืดออกมาจำนวนมาก
เมื่ออาร์คบิชอปคอสส์ผู้ซึ่งครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์อย่าง “คัมภีร์วิวรณ์” ไม่ได้อยู่ที่นี่ และไม่มีนักเวทย์ธาตุแสงสักคนที่จะสามารถชำระล้างเหล่าอสูรมิติมืดที่ปรากฏตัวออกมาได้ หานซั่วจึงรู้สึกมั่นใจว่าจะสามารถสังหารพวกเขาได้ทั้งหมด!
************************