Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 410
หานซั่วรู้ดีว่าชาลส์จะต้องไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม หานซั่วก็คิดว่าการแก้แค้นของชาลส์คงยังไม่มาถึงอย่างรวดเร็วและรุนแรงมากนัก
ในคืนเดียวกัน ระหว่างที่หานซั่วกำลังศึกษาวิธีการเชื่อมต่อกับมิติมืดอยู่ในคฤหาสน์ ทันใดนั้นเอง จิตอันแข็งแกร่งของเขาก็สัมผัมได้ถึงออร่าที่ทรงพลังบางอย่างกำลังมุ่งหน้าตรงมายังคฤหาสนต์ของเขาจากระยะไกล
หานซั่วตื่นตัวขึ้นมาในทันที และรีบปลดปล่อยปีศาจอาคมทั้ง 12 ตนให้กระจัดกระจายออกไปทั้ง 12 ทิศราวกับใยแมงมุมโดยมีคฤหาสน์เป็นจุดศูนย์กลาง
กลุ่มอัศวิน 500 คน และกลุ่มอัศวินเทมพลาร์จากศาสนจักรแห่งแสงสว่างอีก 200 คน กำลังควบม้ามาทางคฤหาสน์ของหานซั่วจาก 4 ทิศทาง รวมทั้งจอมขมังเวทย์ธาตุแสงคอสส์ และยอดฝีมือคนอื่น ๆ ที่ไม่คุ้นหน้าจากศาสนจักรแห่งแสงสว่างอีกจำนวนหนึ่ง ขณะที่ยอดฝีมือผู้ทรงพลังในสังกัดของแอชเบิร์นก็แยกกันไปนำทัพของแต่ละกลุ่มเพื่อโอบล้อมคฤหาสน์ของหานซั่วเอาไว้
คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด เมื่อไร้ซึ่งแสงจันทร์ทุกอย่างก็มืดสนิท พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องอำพรางร่างกายขณะมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ของหานซั่วอย่างเปิดเผย แต่หานซั่วก็สามารถมองเห็นจิตสังหารในแววตาของอัศวินเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน
หานซั่วตื่นตัว และรีบออกจากห้องลับทันที ภาพที่เขาเห็นผ่านสายตาของปีศาจอาคมทั้ง 12 ตนนั้นเหนือความคาดหมายของเขาอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าอำนาจอิทธิพลของแอชเบิร์นและชาลส์จะยิ่งใหญ่สักเพียงใด แต่พวกเขาก็กล้าลงมืออย่างอุกอาจกลางนครออซเซ็นซึ่งเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิแลนซล็อตแบบนี้ได้อย่างไรกัน?
พื้นที่ ๆ หานซั่วอาศัยอยู่นั้นรายล้อมไปด้วยครอบครัวที่มั่งคั่งร่ำรวยและน่าเคารพนับถือ ซึ่งทุกคนต่างก็เป็นผู้มีอิทธิพลของจักรวรรดิ แม้จะเป็นคืนเดือนมืด แต่การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แบบนี้ก็ไม่มีทางที่จะปิดบังได้อย่างเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น นครออซเซ็นก็ยังเป็นศูนย์บัญชาการใหญ่ขององครักษ์ชุดดำ ทั้ง ๆ ที่แอชเบิร์นก็ไม่ใช่จักรพรรดิอูห์เทร็ด แต่อะไรทำให้เขากล้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้?
ความคลางแคลงใจมากมายวนเวียนอยู่ในหัวของหานซั่ว เขารู้เพียงแต่ว่าแอชเบิร์นต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ และการเคลื่อนไหวที่บ้าระห่ำเช่นนี้ก็ไม่น่าใช่สิ่งที่เจ้าจิ้งจอกเฒ่านั่นกล้าคิดจะทำ แต่โชคร้าย ที่การปรากฏตัวของคอสส์และยอดฝีมือใต้อาณัติของเขาอีกหลายคน ก็พิสูจน์ได้มากพอแล้วว่าปฏิบัติการในครั้งนี้เป็นฝีมือของแอชเบิร์นอย่างแน่นอน
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ขณะที่หานซั่วยังคงคิดไม่ตก คฤหาสน์หลังข้าง ๆ ก็เกิดไฟลุกพรึ่บขึ้นมาจนมันโหมกระหน่ำสูงขึ้นไปบนฟ้า ปีศาจอาคมตนหนึ่งบังเอิญเห็นเหตุการณ์ในทิศทางนั้น และพบว่าอัศวินกลุ่มหนึ่งได้บุกเข้าไปและเข่นฆ่าทุกคนที่เห็น เพียงชั่วพริบตา เลือดสด ๆ ก็ย้อมพื้นจนเป็นสีแดง และไม่มีแม้กระทั่งคนรับใช้คนใดที่รอดชีวิต
หานซั่วนึกขึ้นได้ทันทีว่าคฤหาสน์หลังนั้นเป็นของ เคานต์ทัลริค ผู้ที่ให้การสนับสนุนลอว์เรนซ์ และหานซั่วเองก็เพิ่งได้พบกับเขา เพราะลอว์เรนซ์แนะนำให้รู้จักในห้องประชุมลับเมื่อตอนเช้าที่ผ่านมานี้เอง คฤหาสน์ของเขาอยู่ไม่ไกลจากหานซั่วมากนัก ไม่คิดเลยว่าคฤหาสน์ของทัลริคจะตกเป็นเป้าโจมตีด้วยแบบนี้
ความคิดหนึ่งวาบขึ้นมาในหัวของหานซั่วทันที ในเมื่อแอชเบิร์นกล้ากระทำการอุกอาจโดยไม่เกรงกลัวอำนาจของจักรพรรดิอูห์เทร็ด ก็มีความเป็นไปได้เพียง 2 อย่าง อย่างแรก คือแอชเบิร์นรู้แน่แล้วว่าสถานการณ์คงไม่มีวันแก้ไขให้ดีขึ้นได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจที่จะปฏิวัติ
และอย่างที่สอง คือเป็นไปได้ว่าจักรพรรดิอูห์เทร็ดได้สิ้นพระชนม์ลงแล้ว แอชเบิร์นจึงไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้อำนาจของใครอีกต่อไป และกระทำการทุกอย่างได้โดยอิสระ ซึ่งก็คือการกำจัดใครก็ตามที่จะเป็นภัยต่อเขา และควบคุมนครออซเซ็นไว้ยู่ในกำมือให้ได้โดยเร็ว
แต่อย่างไรก็ตาม หากแอชเบิร์นต้องการที่จะปฏิวัติจริง ๆ เขาก็น่าจะเริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่วันที่จักรพรรดิอูห์เทร็ดแสดงเจตนารมณ์ในการสนับสนุนลอว์เรนซ์อย่างชัดเจน และไม่รีรอให้พระองค์ค่อย ๆ มอบอำนาจให้กับลอว์เรนซ์มาระยะหนึ่งแล้วแบบนี้ ดูเหมือนว่าทฤษฎีแรกจะมีความเป็นไปได้น้อยกว่า และการสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันของจักรพรรดิอูห์เทร็ดก็ดูจะสมเหตุสมผลมากที่สุด
และด้วยข้อสงสัยนี้เอง หานซั่วจึงเก็บปีศาจอาคมไว้ภายในคฤหาสน์จำนวน 2 ตน ในขณะที่สั่งให้ตนอื่น ๆ กระจัดกระจายกันออกไป โดยหนึ่งในนั้นตรงไปยังพระราชวัง
ด้วยพลังของปีศาจอาคม หานซั่วก็พบว่ายังมีอัศวินอีกหลายกลุ่มที่กำลังก่อตัวขึ้นท่ามกลางคืนอันมืดสนิท ในขณะที่บางเขตพื้นที่ก็กำลังตกอยู่ในสภาพการถูกฆ่าล้างบางไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นบรรดาขุนนางที่ให้การสนับสนุนลอว์เรนซ์ เจ้าชายองค์รอง หรือเจ้าชายองค์ที่สาม
เพียงครู่เดียว กลุ่มควันหนาแน่นก็ลอยคลุ้งขึ้นมาปกคลุมนครออซเซ็นไปทั่วทั้งเมือง เห็นได้ชัดว่าแอชเบิร์นและเจ้าชายองค์โตชาลส์ได้เริ่มปฏิบัติการกวาดล้างเหล่าผู้มีอิทธิพลฝั่งตรงข้ามอย่างเป็นทางการในคืนเดือนมืดนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพวกเขาทุกคนก็ล้วนประสบชะตากรรมเดียวกันที่ต้องตายหรือไม่ก็บาดเจ็บสาหัส
เมื่อคิดได้ข้อสรุปดังนั้น หานซั่วก็รีบตรงไปยังห้องของพ่อบ้านแคลลัสทันที และเนื่องจากแคลลัสค่อนข้างมีอายุมากแล้ว จึงนอนหลับไม่ลึกนัก ยิ่งไปกว่านั้น หานซั่วก็จงใจทำเสียงดังขณะมุ่งหน้าตรงเข้ามา แคลลัสจึงสะดุ้งตื่นขึ้นทันที
“ท่านมาร์ควิส เกิดอะไรขึ้นรึขอรับ?”
แคลลัสไม่เคยเห็นหานซั่วมีท่าทีฉุนเฉียวเช่นนั้นมาก่อน เขาจึงลุกขึ้นนั่งและร้องถามทันที
“ไม่ต้องเอาอะไรไปทั้งนั้น รีบไปปลุกพวกคนใช้คนอื่น ๆ ด้วย พวกเจ้าทุกคนต้องรีบออกไปจากคฤหาสน์และหนีเอาชีวิตรอด ดยุคแอชเบิร์นก่อการปฏิวัติขึ้นแล้ว กองกำลังอัศวินกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่ ถ้าพวกนั้นมาถึงล่ะก็ ทุกคนที่อยู่ที่นี่จะถูกฆ่าตายจนหมด เร็วเข้าเถอะ รีบหนีไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย!”
หานซั่วรีบอธิบายสถานการณ์อย่างรวดเร็ว เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่รอคำตอบและรีบออกไปจากคฤหาสน์ทันที และตรงไปยังสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ที่ฟีบี้อยู่
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
คฤหาสน์นี้เป็นที่ ๆ จักรพรรดิอูห์เทร็ดพระราชทานให้กับหานซั่ว แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้คิดว่ามันคือบ้าน จึงไม่มีใครในนั้นที่เขาเป็นห่วงและใส่ใจอย่างแท้จริง และหานซั่วก็มีนิสัยชอบเก็บของมีค่าไว้ในแหวนมิติอยู่แล้ว ในตอนนี้ จึงไม่มีใครหรือสิ่งของใด ๆ ที่มีค่าอยู่เลย เขาจึงรีบจากไปหลังจากที่เตือนแคลลัสทันที
น้อยคนนักที่จะรู้ถึงความสัมพันธ์ของหานซั่วและแฟนนี่ ยิ่งไปกว่านั้น แฟนนี่และลอว์เรนซ์ก็ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด พ่อของเธอก็คือฟีเรนซี ในฐานะผู้ครองชายแดนทางใต้ ฟีเรนซีจึงเป็นหนึ่งในคนไม่กี่คนที่แอชเบิร์นเป็นกังวล หานซั่วจึงไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของแฟนนี่มากนัก
ส่วนเอมิลี่ก็อยู่ที่ศูนย์บัญชาการใหญ่ขององครักษ์ชุดดำ ภายในนครออซเซ็น การป้องกันของศูนย์บัญชาการนั้นจึงถือว่ามั่นคงปลอดภัยมากที่สุด และยังมีวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายมากมายตั้งอยู่ภายในที่เชื่อมต่อไปยังเมืองหลักต่าง ๆ ของจักรวรรดิ ต่อให้แอชเบิร์นต้องการยึดที่นั่นให้ได้ด้วยจริง ๆ เขาก็ไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างแน่นอน และการจับตัวเหล่าสมาชิกระดับสูงขององครักษ์ชุดดำให้ได้นั้นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้มากขึ้นไปอีก
ดังนั้นแล้ว หานซั่วจึงไม่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเอมิลี่เช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม ฟีบี้นั้นทั้งใกล้ชิดสนิทสนมกับลอว์เรนซ์ และสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ของเธอก็มักจะขัดขวางแผนการชั่วร้ายของดยุคแอชเบิร์นอยู่เสมอ ที่นั่นจึงต้องตกเป็นเป้าโจมตีอย่างแน่นอน
ในฐานะดยุคผู้ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิ อำนาจและอิทธิพลของแอชเบิร์นจึงเป็นรองเพียงจักรพรรดิอูห์เทร็ดเพียงคนเดียว แม้แต่จอมดาบศักดิ์สิทธิ์คาเรลซึ่งเป็นอาจารย์ของฟีบี้ก็อยู่ภายใต้อำนาจของแอชเบิร์น และเมื่อเขาได้รับการสนับสนุนจากศาสนจักรแห่งแสงสว่างอย่างเต็มที่ เหล่ายอดฝีมือมากมายของแอชเบิร์นจึงแข็งแกร่งมากทีเดียว จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ลำพังพลังของจอมดาบศักดิ์สิทธิ์คาเรลเพียงคนเดียว จะสามารถสังหารแอชเบิร์นได้สำเร็จ
หานซั่วเหาะตรงไปยังสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ระหว่างทางนั้น เขาก็รับรู้ผ่านพลังของปีศาจอาคมว่าความเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นภายในนครออซเซ็นมากขึ้นเรื่อย ๆ คฤหาสน์มากมายหลายหลังถูกเผาทำลายจนเหลือแต่ซากปรักหักพังในเวลาเพียงสั้น ๆ และในขณะที่คฤหาสน์หลังเล็ก ๆ บางหลังรวมทั้งคนที่อยู่ในนั้นก็ถูกทำลายโดยการโจมตีของเวทย์สังหารขนาดใหญ่เพียงครั้งเดียว และทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากลางในเวลาเพียงชั่วอึดใจ
ความอำมหิตของแอชเบิร์นนั้นเฉียบขาดยิ่งนัก หากขึ้นชื่อว่าเป็นคนของฝั่งศัตรู ไม่ว่าจะเป็นคนรับใช้หรือแขกผู้มาเยือน เขาก็ไม่ปล่อยให้รอดชีวิตแม้สักราย ทุกคนคฤหาสน์มากมายของเหล่าขุนนางล้วนถูกสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยม และระหว่างนั้นเอง กองทัพที่เขาควบคุมอยู่ก็มุ่งหน้าไปยังประตูเมือง ด้วยตั้งใจจะยึดประตูเมืองให้ได้ทุกทิศ
ในขณะที่วงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายภายในนครออซเซ็นทุกแห่งก็ถูกแอชเบิร์นยึดเอาไว้ มีกองกำลังทหารคอยคุ้มกันวงเวทย์ไว้หลายต่อหลายชั้น ทำให้ไม่มีใครสามารถเดินทางออกจากนครออซเซ็นผ่านวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายได้เลย ดูเหมือนว่าแอชเบิร์นและชาลส์จะวางแผนการยึดนครออซเซ็นไว้อย่างรอบคอบมากทีเดียว เพื่อกำจัดศัตรูทุกคนที่อยู่ภายในนั้นให้สิ้นซาก
ปีศาจอาคมที่มุ่งหน้าไปยังพระราชวังได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญก่อนที่มันจะเข้าไปใกล้เสียอีก ในขณะที่กองกำลังทหารของเจ้าชายชาลส์ได้ยึดพระราชวังไว้หมดแล้ว ขณะที่ปีศาจอาคมสามารถผ่านเข้าไปในวังได้อย่างง่ายดาย มันก็พบว่าจักรพรรดิอูห์เทร็ดได้สิ้นพระชนม์แล้วจริง ๆ และมีผู้ปฏิวัติบางคนก็ถูกฆ่าตายที่นั่น
ด้วยสัญญาณเหล่านี้เอง หานซั่วก็คิดว่าการสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันของจักรพรรดิอูห์เทร็ดจะต้องเกี่ยวข้องกับเจ้าชายชาลส์อย่างบอกไม่ถูก มิเช่นนั้นแล้ว พระราชวังคงไม่ถูกปิดผนึกจนไม่มีข่าวใด ๆ เล็ดรอดออกไป ทำให้เจ้าชายองค์อื่น ๆ ไม่ทราบข่าวการจากไปขององค์จักรพรรดิเลยแม้แต่น้อย
ภายในคฤหาสน์ของแอชเบิร์น แอชเบิร์นและเจ้าชายชาลส์กำลังนั่งอยู่ด้วยกันกับเหล่าขุนนางผู้สนับสนุนอีกหลายคนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่กำลังแจกแจงหน้าที่สำคัญต่าง ๆ พวกเขาก็ไล่อ่านรายชื่อของขุนนางขึ้นมาทีละคน เพื่อสั่งให้พวกผู้ใต้บังคับบัญชาออกไปกำจัดคนเหล่านั้นให้สิ้นซาก
ปีศาจอาคมตนหนึ่งคอยสอดแนมอยู่ใกล้ ๆ จึงสามารถได้ยินบทสนทนาของแอชเบิร์น ชาลส์ และคนอื่น ๆ ได้อย่างชัดเจน หานซั่วก็เข้าใจในที่สุดว่าเหตุการณ์ในคืนนี้เป็นฝีมือการโต้กลับอย่างเหี้ยมโหดของพวกเขา
ทันใดนั้น ปีศาจอาคมตนหนึ่งที่ล่วงหน้านำหานซั่วไปถึงสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ก่อน ก็มองเห็นทหารกลุ่มหนึ่งกำลังไล่ฆ่าคนอย่างเลือดเย็น บรรดาพ่อค้าและทหารคุ้มกันของสมาคมพ่อค้าคนแล้วคนเล่าล้วนตายอย่างน่าอนาถด้วยธนูของทหารกลุ่มนั้น แต่อย่างไรก็ตาม โชคยังดีที่พวกทหารเพิ่งไปถึงเพียงหน้าอาคาร และยังไม่บุกไปถึงบริเวณด้านใน หานซั่วจึงรู้ว่าบี้ยังปลอดภัยดี
แต่อย่างไรก็ตาม หานซั่วก็ยังไม่วางใจ และใช้ศาสตร์เทพอสูรเพื่อบินไปยังสมาคมพ่อค้าตระกูลบูซท์ด้วยความเร็วสูงสุดราวกับอุกกาบาต ในใจก็นึกภาวนาขอให้เธอปลอดภัย เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้นกับฟีบี้แล้วล่ะก็ แม้ว่าเขาจะให้สัญญากับอูห์เทร็ดไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็ไม่สนใจอะไรนอกจากจะถลกหนังชาลส์ทั้งเป็น!
***********************