Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 404.1
ทันทีที่การ์กอยล์ตัวแรกปรากฏตัว ฟลอริด้าก็รู้ทันทีว่าศัตรูผู้เหี้ยมโหดอำมหิตได้มาถึงแล้ว และการต่อสู้ครั้งนี้ก็ไม่มีทางให้หันหลังกลับ ดังนั้น ฟลอริด้าจึงเปิดการโจมตีโดยไม่คิด โดยตั้งใจลดจำนวนอสูรมิติมืดให้ได้มากที่สุด เพื่อบุกโจมตีฐานที่มั่นของกองกำลังฯ พิฆาตวิญญาณให้ราบคาบจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง
การ์กอยล์จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏอยู่รอบตัวของหานซั่ว และพุ่งเข้ามาพร้อมกันกับหานซั่วที่เคลื่อนที่เข้าใกล้ฟลอริด้าอย่างช้า ๆ ในตอนแรกนั้น ฟลอริด้ารู้สึกหวาดกลัว แต่ด้วยความโกรธเกลียดเคียดแค้นที่มีต่อเขา ทำให้รู้สึกพลุ่งพล่านจนสายจับจ้องไปยังหานซั่วด้วยความอาฆาต
ฟลอริด้าไม่มีเหตุผลใดเลย ที่จะไม่เกลียดชังเขา!
นับตั้งแต่วันที่เขาเดินทางมายังหุบเขาแสงตะวัน ก็ดูเหมือนจะเป็นความโชคร้ายสำหรับฟลอริด้า เริ่มแรก หานซั่วก็แย่งฟีบี้ที่ฟลอริด้าหลงใหลหัวปักหัวปำไปจากเขา หลังจากนั้น เขาก็ไปรวมกลุ่มกับทรังคส์ ศัตรูคู่แค้นของฟลอริด้า และเขายังทำให้ฟลอริด้าต้องอับอายนับครั้งไม่ถ้วน แม้กระทั่งเล่นงานเขาจนบาดเจ็บสาหัสต่อหน้าผู้คนมากมาย
นอกจากนี้ หานซั่วยังทำลายแผนการลอบฆ่าอันแยบยล และสังหารเฟอร์กูสัน ปู่ผู้เป็นที่รักของเขา ทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับศาสนจักรแห่งแสงสว่างย่ำแย่ลงไปอีก
ก่อนที่หานซั่วจะมา ทุกอย่างภายในหุบเขาแสงตะวันกำลังเป็นไปอย่างที่ฟลอริด้าต้องการ เมื่อได้รับการสนับสนุนจากศาสนจักรแห่งแสงสว่าง ฟลอริด้าก็มีความมั่นใจอย่างมากที่จะเข้ามาแทนที่กองกำลังฯ ไคโร กลายเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริง และควบคุมทรัพยากรจำนวนมหาศาลที่อยู่ในหุบเขาแสงตะวันได้สำเร็จ
ตามแผนการเดิมของเขา กองกำลังฯ เคียวรุ้งจะได้รับสิทธิ์ในการปกครองหุบเขาแสงตะวัน โดยมีกองโจรของกุสตาฟจอมเชือดคอยหนุนหลังอยู่ในเงามืด และเขาจะค่อย ๆ จัดการกับกลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ในหุบเขาแสงตะวัน จนกระทั่งสามารถครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในนั้น
แต่ช่างน่าเสียดาย การปรากฏตัวของหานซั่วกลับทำให้สถานการณ์ทุกอย่างย่ำแย่ลง และสวนทางกับสิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้อย่างสิ้นเชิง แม้หานซั่วจะจากไป เขาก็ยังทิ้งกองกำลังฯ พิฆาตวิญญาณไว้เป็นเสี้ยนหนามที่คอยกัดกินความหวังและสิ่งที่เขาตั้งใจทีละเล็กทีละน้อย
“ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดของข้า คือข้าไม่ได้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อฆ่าเจ้าเสียตั้งแต่แรก!”
ฟลอริด้าจ้องมองหานซั่วด้วยสายตามุ่งร้าย เขากัดฟันขณะพูด น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยควาเคียดแค้นชิงชัง
หานซั่วหัวเราะลั่นขึ้นมาในทันที เสียงหัวเราะของเขาก้องกังวาน ราวกับเป็นเสียงคำรามของมังกรที่กู่ร้องก้องฟ้า ไม่เพียงแต่บริเวณโดยรอบ แม้แต่ลอเรตันและคนอื่น ๆ ก็สามารถได้ยินเสียงนั้นอย่างชัดเจน
“ฟลอริด้า ข้าล่ะรู้สึกสมเพชเจ้าจริง ๆ เจ้าช่างไร้เดียงสาเหลือเกินที่เชื่อว่าการสนับสนุนจากปู่ของเจ้า จะทำให้เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจในหุบเขาแสงตะวัน ทั้ง ๆ ที่เจ้าเองก็ฮุบกองกำลังฯ เคียวรุ้งมาจากคนอื่นแท้ ๆ แถมยังแอบร่วมมือกับกลุ่มโจรที่ชั่วร้ายที่สุดในเงามืด เจ้าคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกฏหมายรึยังไงกัน!
เฮ้อ… ช่างน่าเสียดาย น่าเสียดายจริง ๆ ไม่ได้มีแค่เจ้าที่ฉลาดคนเดียวหรอกนะ และนี่ก็ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะตัดสินสินอะไรได้เสียด้วย ในเมื่อปู่ของเจ้าไม่สามารถอยู่ปกป้องเจ้าไปได้ตลอดชีวิต ตาเฒ่าเฟอร์กูสันน่ะตายไปแล้ว เจ้าก็ไม่เหลือไพ่เด็ด ๆ ในมืออีกแล้วล่ะ ฮ่า ๆ แล้วข้าจะมาพูดเรื่องไร้สาระกับเจ้าทำไมเนี่ย? เอาเถอะ อีกเดี๋ยวเจ้าก็ต้องตายแล้วล่ะ!”
หานซั่วยิ้มเยาะเย้ยฟลอริด้า
เมื่อเขาได้ยินคำเย้ยหยันของหานซั่ว สีหน้าของฟลอริด้าบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด ราวกับว่ามีใครเหยียบเขาด้วยรองเท้าสกปรกโสโครกที่สุด เขาจ้องมองหานซั่วซึ่งกำลังเข้ามาใกล้ด้วยสายตาชิงชัง และสูดหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“วันนี้ จะมีคนรอดชีวิตแค่คนเดียว ไม่เจ้าก็ข้า!”
“คนที่ต้องตาย ก็คือเจ้าแน่นอนอยู่แล้ว!”
หานซั่วร้องตะโกนอย่างเยือกเย็น และเร่งความเร็วเข้าไปหาฟลอริด้า เขาดูราวกับสายฟ้าผ่าที่พาดผ่านท้องฟ้า ขณะพุ่งเข้าใส่ฟลอริด้าด้วยความเร็วสูง
ในขณะเดียวกัน การ์กอยล์อีกนับพันที่อยู่ด้านหลังของหานซั่วก็กระจายตัวกันออกไปเป็นกลุ่ม ๆ ราวกับฝูงแมลงยั้วเยี้ยที่พุ่งเข้าใส่เหล่ายอดฝีมือที่ถูกโจมตีโดยการ์กอยล์ฝูงแรกที่ปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้า
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กกำลังยืนอยู่อย่างสง่างามบนส่วนที่แบนราบบนหลังของอสูรกระดูก เนตรอสูรสีม่วงของส่องประกายแวววาว ขณะจ้องมองการสู้รบ ณ ที่แห่งนั้น ก่อนจะชี้หอกกระดูกที่ยาวกว่า 3 เมตรไปที่ อดัม เมนโล แล้วปีกของอสูรกระดูกกระพือขึ้นครั้งหนึ่ง พร้อมกับพุ่งตัวไปหา อดัม เมนโล ในทันที
ทั้งฮาร์พี อินทรีน้ำแข็ง เปกาซัส กริฟฟิน มังกรไวเวิร์น และสัตว์วิเศษอีกหลากหลายชนิดล้วนถูกทำให้เชื่องด้วยความทุ่มเทราคาแพงของตระกูลเมนโล สัตว์วิเศษเหล่านี้สามารถจัดการกับการ์กอยล์ได้จำนวนหนึ่งในการโจมตีแต่ละครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ยังมียอดฝีมือที่เป็นนักดาบหรือนักเวทย์อยู่บนหลังของพวกมันอีกด้วย ในทางทฤษฏีแล้ว พวกเขาก็ไม่น่าจะมีข้อเสียเปรียบมากนัก
แต่โชคร้ายที่ความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น แม้ว่าสัตว์วิเศษและยอดฝีมือที่อยู่บนหลังของมันจะสามารถจัดการกับการ์กอยล์ได้นับสิบ แต่เมื่อถูกฝูงการ์กอยล์ขนาดใหญ่บุกเข้าโจมตี ออร่าที่หนาแน่นก็ทำให้พวกเขาสูญเสียความมั่นใจ กลิ่นเน่าเหม็นรุนแรงยากเกินจะทานทนนั้นสร้างปัญหาให้กับพวกเขาเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้
อีกทั้งยังมีการ์กอลย์จำนวนมากเกินไป เมื่อการ์กอยล์ 10 ตัว เข้าจู่โจมพร้อม ๆ กัน แม้แต่สัตว์วิเศษระดับสูงอย่างฮาร์พี หรือแม้แต่กริฟฟินก็ไม่สามารถต้านทานได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีมังกรดำกิลเบิร์ตและไฮดร้าลาเนีย สุดยอดสัตว์วิเศษอีกถึง 2 ตัว ก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างโกลาหลมากขึ้นอีก ไม่นานนัก ฝูงการ์กอยล์ก็คร่าชีวิตยอดฝีมือไปได้จำนวนมาก รวมทั้งสัตว์วิเศษที่พวกเขาขี่ก็ถูกสังหารจนตายเช่นกัน พวกเขาต่างร่วงหล่นลงสู่ก้นบึ้งอันไร้ที่สิ้นสุด
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กถือหอกกระดูกยาวกว่า 3 เมตรอยู่ท่ามกลางฝูงการ์กอยล์ที่มากมายจนนับไม่ถ้วน ทั้งมันและอสูรกระดูกต่างสามารถทานทนต่อเวทมนตร์ระดับธรรมดา ขณะที่มันขี่อสูรกระดูกอย่างน่าเกรงขามและบินมุ่งหน้าไปยัง อดัม เมนโล ฮาร์พีตัวหนึ่งก็กางกรงเล็กแหลมคมหมายจะพุ่งเข้าจู่โจมเจ้าโครงกระดูกตัวเล็ก แต่ก่อนที่มันจะทันได้เข้าถึงตัว มันก็ถูกแทงด้วยหอกกระดูกที่ยาวกว่า 3 เมตรเล่มนั้นจนตาย
หลังจากที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กแทงฮาร์พีที่มีลำตัวยาวหลายเมตร หอกอันทรงพลังก็ยังไม่หยุดยั้ง และพุ่งไปปลิดชีพนักเวทย์ธาตุไฟอีกคนด้วยเช่นกัน เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กใช้หอกกระดูกของมันยกร่างขนาดมหึมาที่หนักอึ้งของฮาร์พีขึ้นสูง และด้วยแรงสั่นสะเทือนอันน่าประหลาดบริเวณกระดูกนิ้วมือ ปราณแห่งความตายจำนวนมากก็หลั่งไหลจากหอกกระดูกและแผ่ซ่านไปยังร่างของฮาร์พี และทำให้ร่างนั้นระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงเหนือหัวของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กในที่สุด
เศษเนื้อสด ๆ ของฮาร์พีที่ผสานกับปราณแห่งความตายกระจัดกระจายไปทั่วราวกับการระเบิดของก้อนหิน ใครก็ตามที่โดนเศษเนื้อของฮาร์พีจะได้รับผลกระทบบางอย่าง แม้จะเป็นเพียงปราณแห่งความตายอันน้อยนิดก็สามารถทำให้เกิดอาการหนาวเหน็บตั้งแต่หัวจรดเท้า จนกระทั่งชาจนไม่สามารถเคลื่อนไหวใด ๆ ได้อีก
ขณะที่เจ้าโครงกระดูกพุ่งตัวไปยัง อดัม เมนโล มันก็สามารถกำจัดฮาร์พีที่อยู่ระหว่างทางได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามแต่อย่างใด ทันใดนั้น ทุกคนก็ตระหนักถึงความน่าสยดสยองของอสูรมิติมืดตนนี้ ขณะที่ต้องรับมือกับการ์กอยล์นับไม่ถ้วนที่กระจายตัวอยู่เต็มท้องฟ้า พวกมันก็ร่วมมือกันได้ดี และยังเปิดเส้นทางให้เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กสามารถพุ่งผ่านไปยัง อดัม เมนโล ได้โดยตรง
ขณะที่ อดัม เมนโล กำลังจับตามองมังกรดำกิลเบิร์ต อย่างใกล้ชิด ร็อกปีกทองที่เขาขี่อยู่ก็ยังสามารถใช้เวทมนตร์ธาตุลมได้เป็นอย่างดี มันส่งคลื่นคมมีดวายุออกมาจากทุกทิศทางโดยไม่ต้องขยับปีกมากนัก ทำให้การ์กอยล์ทุกตัวที่พยายามเข้าจู่โจม อดัม เมนโล ต่างถูกฆ่าตายไปทีละตัว ๆ ด้วยคมวายุของร็อกปีกทอง
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับร็อกปีกทองซึ่งเป็นหนึ่งในสุดยอดสัตว์วิเศษระดับสูงที่สุด เห็นได้ชัดว่าฝูงการ์กอยล์ไม่สามารถต่อกรกับมันได้เลย แม้ว่าขนของร็อกจะหายไปมาก แต่ความสามารถในการป้องกันของร็อกปีกทองก็ยังถือว่าแข็งแกร่งกว่าสัตว์วิเศษทั่วไปมากอยู่ดี
และเป็นเพราะเหตุนี้เอง หานซั่วจึงไม่สั่งให้การ์กอยล์โจมตี อดัม เมนโล โดยเปล่าประโยชน์ แต่ขอให้กิลเบิร์ตเป็นผู้ที่คอยขัดขวาง อดัม เมนโล แทน ซึ่งเมื่อพัฒนาร่างเข้าจนกลายเป็นสุดยอดสัตว์วิเศษระดับ 2 แล้ว กิลเบิร์ตก็นับได้ว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับร็อกปีกทองที่หานซั่วเคยทำให้มันบาดเจ็บสาหัสไปก่อนหน้านี้ทีเดียว
พิษและเปลวเพลิงมากมายถูกพ่นออกไป ผสานเข้ากับการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งของลาเนีย ทำให้เกิดอุปสรรคใหญ่หลวงต่อทั้ง อดัม เมนโล และร็อกปีกทอง เขาจึงรู้สึกเกรี้ยวกราดมากเกินกว่าที่จะทนได้ไหว
อย่างไรก็ตาม ร็อกปีกทองเป็นสัตว์วิเศษระดับสุดยอด และ อดัม เมนโล ก็เป็นถึงอัศวินนภา เมื่อทั้ง 2 ร่วมมือกัน ความแข็งแกร่งของทั้งคู่จึงไม่สามารถเทียบได้ง่าย ๆ ดังนั้นแล้ว กิลเบิร์ตและลาเนียจึงไม่สามารถชิงความได้เปรียบใด ๆ มาได้เลย
ขณะที่กิลเบิร์ตคำรามก้องไปที่ อดัม เมนโล เพื่อหมายจะก่อกวน เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ปรากฏตัวขึ้นบนหลังอสูรกระดูกของมัน เมื่อมาถึง ดวงตาปีศาจสีม่วงของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็เปล่งประกายขณะที่มันทำท่าทางสื่อสารบางอย่างกับกิลเบิร์ต
เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กใช้หอกกระดูกของมันชี้ไปที่กิลเบิร์ต ก่อนจะชี้ไปที่คนอื่น ๆ ที่กำลังสู้กับการ์กอยล์อย่างสิ้นหวัง หลังจากนั้น ระหว่างที่กิลเบิร์ตกำลังตกตะลึง เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็ชี้หอกกระดูกของมันไปที่ อดัม เมนโล ก่อนจะใช้อีกมือชี้ไปที่ตัวของมันเอง
หลังจากที่มันทำท่าทางเหล่านั้นเสร็จสิ้น ดวงตาสีม่วงของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็เปล่งประกายขณะมองตรงมายังกิลเบิร์ต ดวงตาที่เหมือนดั่งโคมไฟของกิลเบิร์ตก็มองมาที่เจ้าโครงกระดูกอย่างงงงัน ขณะที่ลาเนียยังคงโจมตี อดัม เมนโล และร็อกปีกทองอย่างต่อเนื่อง กิลเบิร์ตก็ถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“เจ้ากำลังจะบอกว่า ให้ข้าไปโจมตีคนอื่น ๆ แล้วทิ้งเจ้านี่ให้เจ้าจัดการอย่างงั้นเหรอ?”
เนตรอสูรสีม่วงของเจ้าโครงกระดูกสว่างวาบขึ้นกว่าเดิม และพยักหน้าให้กิลเบิร์ต ราวกับกำลังตอบว่า ก็ใช่น่ะสิ เจ้าถอยไปสักที เลิกมาขวางทางข้าได้แล้ว!
มังกรดำกิลเบิร์ตประหลาดใจอย่างที่สุด และจ้องมองเจ้าโครงกระดูกและอสูรมิติมืดที่มันขี่อยู่ด้วยความตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง
“บ้าจริง เจ้าสัตว์ไร้หัวใจ ทำไมไม่มาช่วยข้าสักที?”
อีกด้านหนึ่ง ลาเนียกำลังป้องกันการโจมตีจาก อดัม เมนโล อย่างสิ้นหวัง เมื่อเธอเห็นว่ากิลเบิร์ตที่ต่อสู้เคียงข้างเธออยู่ก่อนหน้านี้ กำลังจ้องมองไปที่อีกด้านอย่างเลื่อนลอย เธอจึงรีบตำหนิเขา
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
มังกรดำกิลเบิร์ตได้สติในทันที เขามองไปที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กอีกครั้งหนึ่ง และเห็นว่าเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กยกหอกกระดูกยาว 3 เมตรของมันพุ่งเข้าโจมตี อดัม เมนโล ด้วยความหยิ่งผยอง ขณะที่หอกกระดูกชี้ไปที่ อดัม เมนโล ปราณแห่งความตายจำนวนมหาศาลก็ระเบิดออกไปทุกทิศทุกทาง
ในตอนนั้น กิลเบิร์ตก็รู้ทันทีว่าในร่างเล็ก ๆ ของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กนั้นเต็มไปด้วยพลังลี้ลับที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง! แม้ว่าเขาจะพัฒนาร่างเป็นสัตว์วิเศษระดับ 2 แล้ว เจ้าโครงกระดูกก็ยังมีความน่าสะพรึงกลัวมากกว่าตัวเขาเอง และแข็งแกร่งมากพอที่มันจะสามารถฆ่ากิลเบิร์ตได้เลยทีเดียว
“ลาเนีย ไปกันเถอะ เราไปจัดการคนอื่น ๆ ดีกว่ามาเสียเวลากับตาแก่นี่!”
เมื่อเข้าใจในสิ่งที่เจ้าโครงกระดูกตัวเล็กสื่อออกมา กิลเบิร์ตก็ตะโกนบอกลาเนียในทันที
“เจ้าโง่! จะบ้าไปแล้วรึไง? นายท่านสั่งให้เราจัดการกับตาแก่นี่ไม่ใช่เหรอ? เจ้าอยากโดนลงโทษรึไงกัน? ทำไมยังไม่มาช่วยข้าอีก!”
ขณะที่ลาเนียพูด ร่างของเธอก็ค่อย ๆ พรางตัวจนอันตรธานหายไป ก่อนจะปลดปล่อยน้ำปริมาณมหาศาลพุ่งเข้าใส่ อดัม เมนโล
“มีบางคนเสนอตัวจะจัดการเจ้าหมอนั่นแล้ว อย่ามามัวขวางเขาเลย ไปกันเถอะ!”
มังกรดำกิลเบิร์ตตอบเสียงดัง
“แม่สาวจอมยั่ว รีบเข้าเถอะ มากับข้า!”
ลาเนียที่กำลังใช้มวลน้ำปกปิดร่างกายของเธออยู่ก็ค่อย ๆ เผยร่างออกมา เมื่อเธอเห็นเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กกำลังขี่อสูรกระดูกบินตรงเข้าไป ลาเนียก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จึงได้แต่พูดเยาะเย้ยกิลเบิร์ต
“เจ้ามังกรโง่ เจ้าโครงกระดูกตัวกระเปี๊ยกนั่นน่ะเหรอที่เจ้าพูดถึง?”
ทันทีที่ลาเนียพูดจบ เนตรอสูรสีม่วงของเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กก็เปล่งแสงสีม่วงออกมาอีกครั้ง แล้วหอกกระดูกยาว 3 เมตรของมันก็ปลดปล่อยปราณแห่งความตายจำนวนมหาศาล ทำให้ความรู้สึกสิ้นหวังและโดดเดี่ยวแผ่ซ่านออกไปทั่วทุกทิศ
ลาเนียเองก็รู้สึกได้ถึงออร่าปริมาณมหาศาล จนเธอได้แต่ประหลาดใจอย่างเหลือล้นขณะจ้องมองเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กที่ลอยอยู่ด้านบนอย่างไม่เชื่อสายตา เธอนิ่งเงียบไปในทันที เมื่อกิลเบิร์ตเร่งเร้าเธออีกครั้ง ลาเนียก็ไม่ลังเลใจใด ๆ อีก ในใจของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางจากที่ตั้งใจจะพุ่งไปหาเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กและอสูรกระดูก เธอก็บินมาอยู่เคียงข้างกิลเบิร์ตแทน
“จ… เจ้าโครงกระดูกตนนั้นคืออะไรกัน? ทำไมข้าถึงสัมผัสพลังที่น่าสะพรึงกลัวจากมันได้มากมายขนาดนี้ล่ะ?”
เมื่อลาเนียมาถึงข้างกายกิลเบิร์ต เธอก็เก็บงำความสงสัยในใจไว้ไม่ได้อีกต่อไป และร้องถามออกมา
—– จบ GDK ตอนที่ 404 Part 1 —–