Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 390 (2)
GDK ตอนที่ 390 ความยำเกรง Part 2
“ท…ท่านเอมีส ที่ท่านพูดหมายความว่ายังไงกันครับ?”
วอยท์แลนเดอร์ผวาสุดขีด และพูดตะกุกตะกักขณะร้องถาม
“ไปทำความเข้าใจเอาเองเถอะ ฮ่า ๆ ๆ เหตุผลที่ข้าพูดเตือนเจ้าแบบนี้เพราะเห็นแก่ที่อุตส่าห์เชิญข้ามาหรอกนะ ดูอย่างพวกสาขาธาตุมืดสิ รับรองได้เลยว่าพวกนั้นคงถึงเวลาต้องชดใช้อย่างขมขื่นแน่ ๆ ไม่ช้าก็เร็ว โอ้ ไม่ช้าสิ เร็ว ๆ นี้เลยแหละ หืม? เขามาจริง ๆ ด้วย เพิ่งกลับมาจากวังขององค์จักรพรรดิได้ไม่นานนี้เองไม่ใช่รึ?”
ขณะที่เขากำลังพูดเตือนวอยท์แลนเดอร์ เขาก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงสง่าคนหนึ่งเดินมาแต่ไกล จึงอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาเบา ๆ
เมื่อหันมองตามเอมีสไป วอยท์แลนเดอร์ก็มองเห็นหานซั่วที่กำลังเดินมาเช่นกัน ก่อนจะโพล่งออกมาด้วยความตกตะลึง
“ให้ตาย! เจ้าเด็กนั่นสูงถึงขนาดนั้นได้ยังไงกันเนี่ย!”
ครั้งสุดท้ายที่วอยท์แลนเดอร์เห็นหานซั่ว เขายังสูงไม่ถึง 180 เซนติเมตรเลยด้วยซ้ำ เพราะหานซั่วจะพุ่งตัวไปหาแฟนนี่ทันทีที่เขากลับมายังสาขาศาสตร์แห่งความตาย คนทั่วไปจึงไม่มีโอกาสได้พบเขาเลยสักครั้ง ร่างของหานซั่วที่ฝึกฝนและบ่มเพาะเวทย์ปีศาจมานั้น ทำให้ตอนนี้เขาทั้งสูงและงามสง่าราวกับเทพอสูร พร้อมกับออร่าชั่วร้ายที่แฝงไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดใจแผ่ออกมา
แม้ว่าเขาจะอยู่ท่ามกลางฝูงชนจำนวนมาก ร่างกายที่สูงเด่นเป็นสง่าของเขาก็ยังสามารถดึงดูดสายตาของทุกผู้คนให้จับจ้องไปที่เขา
“อาจารย์แฟนนี่ นั่นไบรอันค่ะ!! ไบรอันมาแล้ว เขามาจริง ๆ ด้วย!”
ขณะที่ลิซ่ากำลังกวาดตามองไปรอบ ๆ อย่างไร้จุดหมาย และไม่คิดว่าหานซั่วจะกลับมาจริง ๆ เพียงเธอมองเห็นร่างที่โดดเด่นของหานซั่วจากปลายสายตา หัวใจของเธอก็ลิงโลดขึ้นมาทันที และอดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ
… พอได้มาเจอตัวเข้าจริง ๆ แบบนี้ ข้าถึงได้รู้ตัวว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ความพยายามในการลืมเขาให้ได้มันเปล่าประโยชน์สิ้นดี ข้าลืมเขาไม่ลงจริง ๆ ! …
หลังจากที่ร้องออกมา จู่ ๆ สีหน้าของลิซ่าก็หม่นหมองลง และคิดพลางถอนหายใจอย่างหดหู่
เมื่อได้ยินเสียงร้องของลิซ่า ดวงตาของแฟนนี่ก็เปล่งประกายความสุขออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เธอถึงกับลุกพรวดขึ้นมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่เมื่อรู้ตัวว่ามีคนมากมายอยู่รอบ ๆ ใบหน้าของเธอจึงแดงระเรื่อขณะค่อย ๆ นั่งลงอีกครั้ง พลางนึกโกรธตัวเองที่ไม่รู้จักสงวนท่าที เธอจึงแก้เขินด้วยการยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ และพยายามควบคุมน้ำเสียงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ก่อนพูดกับบรรดานักเรียนที่กำลังตื่นเต้น
“คน ๆ นั้นคือไบรอันจ้ะ ถือว่าเป็นรุ่นพี่ของพวกเจ้าก็ได้นะ”
นักเรียนใหม่ของสาขาศาสตร์แห่งความตายทุกคนรู้ซึ้งถึงชื่อเสียงของหานซั่วเป็นอย่างดี และเมื่อพวกเขากรอกใบสมัครกันเสร็จเรียบร้อย ทันทีที่ได้ยินแฟนนี่พูด พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมา และต่างพยายามเขย่งปลายเท้าให้มากที่สุดเพื่อที่จะมองหาวีรบุรุษของพวกเขาให้เจอ และตอนนั้นเอง หัวใจที่บริสุทธิ์และเยาว์วัยของพวกเขาก็ตื้นตันไปด้วยอารมณ์และความตื่นเต้นดีใจ
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ขณะที่หานซั่วยังคงเดินต่อไป เขาก็รู้ตัวดีว่าเป็นพราะการปรากฏตัวของเขาเอง จึงทำให้สายตาของทุกคนต่างจับจ้องมาที่เขาเช่นนี้ หานซั่วมองไปรอบ ๆ แต่กลับไม่เห็นจุดรับสมัครของสาขาศาสตร์แห่งความตาย จึงรู้สึกสงสัยขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม หานซั่วก็รู้ว่าสาขาศาสตร์แห่งความตายเป็นสาขาย่อยของสาขาธาตุมืด ซึ่งพื้นที่รับสมัครของสาขาธาตุมืดก็กว้างขวางเกินจำเป็น และเมื่อเขาส่งปีศาจอาคมให้ลอยขึ้นไปเพื่อสำรวจจากมุมสูงเท่านั้น เขาถึงได้มองเห็นแฟนนี่ที่อยู่ตรงมุม ๆ หนึ่งด้านหลังสาขาธาตุมืด เมื่อเห็นว่ามีนักรบโครงกระดูก 5 ตนกำลังช่วยกันถือป้ายประกาศ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พลางคิดในใจ ว่าในฐานะวิทยาลัยเวทมนตร์ที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิ ทำไมการรับสมัครถึงดูราวกับเทศกาลอาหารเช่นนี้?
หานซั่วเดินตรงไปยังสาขาศาสตร์แห่งความตายทันที แต่ก่อนที่เขาจะไปถึง ดีโอก็รีบกระทุ้งคราวลีย์และกระซิบพูดด้วยเบา ๆ
“เจ้านั่นคือไบรอัน ถ้าเจ้าอยากจะหาโอกาสกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งล่ะก็ การเอาชนะเขาให้ได้ก็เป็นความคิดที่ดีนะ!”
คราวลีย์มองตามดีโอไป และถึงกับโพล่งออกมา
“ดีโอ เจ้าจำผิดคนรึเปล่า? เจ้านั่นเป็นนักเวทย์ผู้ใช้ความตายจริง ๆ รึ? ทำไมดูบึกบึนแข็งแรงยิ่งกว่าพวกนักรบเถื่อนแบบนี้ล่ะ!?”
ดีโอเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน ได้แต่ทำสีหน้าบิดเบี้ยวและอธิบาย
“ไม่ผิดหรอก ใช่เขาจริง ๆ จะว่าไป ได้ยินมาว่าเขาเองก็ฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้ที่ลึกลับบางอย่างอยู่ด้วยเหมือนกัน ถึงได้เอาชนะ เลอาห์ เคน แห่งสมาพันธ์พ่อค้าบรุทได้ คราวลีย์ นี่เจ้ากลัวงั้นรึ?
“ฝึกฝนศาสตร์การต่อสู้ด้วยรึนี่…”
คราวลีย์จ้องมองอย่างงงงัน ก่อนจะยิ้มอย่างมั่นใจและพูดขึ้น
“นักเวทย์ที่ไม่ตั้งใจฝึกฝนเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งให้เต็มที่แบบนี้แหละที่จัดการง่ายที่สุด! ถ้าเจ้าไม่บอก ข้าก็คงรู้สึกหวั่นเกรงอยู่เหมือนกัน แต่ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ข้าก็มั่นใจขึ้นมาแล้วล่ะ”
หานซั่วกำลังเดินไปยังสาขาศาสตร์แห่งความตาย พลางรู้สึกประหลาดใจที่ตกเป็นเป้าสายตาของผู้คน ไม่คิดเลยว่าการปรากฏตัวของตนเองจะทำให้ผู้คนตกตะลึงมากถึงขนาดนี้
ขณะที่พื้นที่รับสมัครของสาขาธาตุแสงเองก็โดดเด่นไม่แพ้ใคร หานซั่วจึงสังเกตเห็นเอมีสผ่านสายตาของปีศาจอาคม เมื่อเดินผ่านสาขาธาตุแสง เขาจึงจำต้องก้มศีรษะทักทายเอมีสที่กำลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์ ในฐานะที่เอมีสคือหนึ่งในสามผู้ทรงอิทธิพลขององครักษ์ชุดดำ จึงถือว่าเอมีสอยู่ในตำแหน่งที่เหนือกว่าหานซั่ว ยิ่งไปกว่านั้น เอมีสคือพี่ชายของเอมิลี่ ไม่ว่าจะเป็นที่สาธารณะหรือในที่ส่วนตัว หานซั่วก็ต้องแสดงความเคารพทุกครั้งที่พบเอมีส
เมื่อเอมีสที่กำลังจิบชาอย่างอารมณ์ดีมองเห็นท่าทีของหานซั่ว เขาก็ไม่รีรอที่จะยืนขึ้นและยิ้มตอบเพื่อทักทายกลับไป
สำหรับคนอย่างเอมีสที่แสดงความเคารพต่อผู้ที่อยู่ ๆ ก็มีอำนาจขึ้นมาโดยฉับพลันอย่างหานซั่ว วอยท์แลนเดอร์ก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่เอมีสแนะนำเขาก่อนหน้านี้ วอยท์แลนเดอร์ก็เข้าใจ ก่อนจะหันไปเห็นสาขาธาตุมืด และท่าทีกระวนกระวายของคราวลีย์ เขาก็รู้ทันทีว่าการแสดงสนุก ๆ บางอย่างกำลังจะเริ่มขึ้น
เมื่อเห็นว่าเอมีสถึงกับลุกขึ้นยืนเพื่อตอบรับการทักทายของตนเอง หานซั่วก็รู้สึกตกตะลึงพอควร เพราะไม่ว่าจะมองจากมุมไหน คนที่มีสถานะอย่างเอมีส แค่หันมาทักทายกลับตอนที่นั่งอยู่ก็เป็นการไว้หน้าเขามากพอแล้ว เขาจึงไม่นึกไม่ฝันเลยว่าเอมีสจะยืนขึ้นและแสดงความเคารพยำเกรงถึงเพียงนี้
และการทำเช่นนี้ ก็แปลว่าเอมีสปฏิบัติกับหานซั่วในฐานะผู้เท่าเทียม มิใช่ผู้ที่มีตำแหน่งด้อยกว่า เพราะตามจริงแล้ว ไม่ว่าจะด้วยอายุหรือตำแหน่งของหานซั่วในองครักษ์ชุดดำ ก็แทบไม่จำเป็นเลยที่เอมีสจะถึงกับยืนขึ้นเพื่อตอบรับการทักทาย
หานซั่วจึงส่งยิ้มเป็นประกาย ก่อนจะเดินตรงไปยังสาขาศาสตร์แห่งความตายต่อไปอย่างงง ๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับใส่ใจมากนักกับเหตุผลเบื้องหลังความเป็นมิตรของเอมีสในครั้งนี้
ทันใดนั้นเอง นักเวทย์วัยกลางคนที่ท่าทางชั่วร้ายคนหนึ่งก็มายืนขวางทางหานซั่วเอาไว้ คราวลีย์แอบมองหานซั่วอย่างพินิจพิจารณา ก่อนจะพูดขึ้น
“ท่านคือเคานต์ไบรอันใช่มั้ย? ฮะ ๆ ๆ ข้าขอแนะนำตัวเองสักหน่อย ข้าชื่อ คราวลีย์ ศิษย์เก่าจากสาขาธาตุมืดของวิทยาลัยบาบิโลน ข้าลุ่มหลงในการสำรวจและค้นคว้าด้านเวทมนตร์ และเพิ่งกลับมายังจักรวรรดิแลนซล็อตได้ไม่นาน…”
“พูดเข้าประเด็นเลยเถอะ!”
หานซั่วขมวดคิ้ว และพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่คราวลีย์จะได้ทันจบประโยค
คราวลีย์รู้สึกอับอายขึ้นมาทันที เพราะไม่คาดคิดว่าหานซั่ว ผู้ซึ่งมีบรรดาศักดิ์เป็นถึงเคานต์ จะพูดขัดจังหวะขึ้นมาอย่างหยาบคายเช่นนี้ คราวลีย์จึงตกตะลึงไปชั่วขณะ
“ได้ยินมาว่าเคานต์ไบรอันเป็นจอมขมังเวทย์ผู้ใช้ความตาย ไม่ทราบว่าท่านเคานต์จะตอบรับคำท้าดวลเพื่อเป็นเกียรติแก่ข้าสักหน่อยได้รึไม่?”
หลังจากที่ถูกหานซั่วขัดจังหวะ คราวลีย์ก็รู้สึกรำคาญใจขึ้นมาเล็กน้อย จึงรีบพูดเข้าประเด็นถึงเรื่องที่ต้องการจะท้าดวล
เมื่อได้ยินดังนั้น บรรดานักเรียนและอาจารย์ของสาขาธาตุมืดต่างก็รู้สึกตกตะลึง ไม่เว้นแม้กระทั่งความสนอกสนใจจากสาขาข้าง ๆ ที่ได้ยินคำเชิญท้าดวลด้วยเสียงอันดังของคราวลีย์อย่างชัดเจน ทุกคนจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ก่อนจะละทิ้งภารกิจของตนเอง และพุ่งเข้ามามุงดูด้วยความพร้อมเพรียง
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ณ จุดรับสมัครของสาขาศาสตร์แห่งความตาย แฟนนี่ซึ่งเฝ้าคอยมองหานซั่วอย่างไม่วางตาตั้งตาเขาปรากฏตัว ก็ได้ยินคำประกาศของคราวลีย์ด้วยเช่นกัน แต่ก่อนที่แฟนนี่จะได้ทำอะไร ทั้งลิซ่าและเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ ต่างก็รีบวิ่งออกไปก่อนแล้ว แฟนนี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับจีน
“อาจารย์จีน ขอโทษที่ต้องรบกวนนะคะ แต่ช่วยดูแลตรงนี้ให้หน่อย ข้าจะรีบไปดูสถานการณ์ตรงนั้นก่อนค่ะ!”
“เอาสิ ไปเถอะ ข้าจะเฝ้าตรงนี้ให้เอง”
จีนรู้ดีถึงความสัมพันธ์ระหว่างแฟนนี่และหานซั่ว จึงพยักหน้าอย่างเข้าใจและตอบกลับไป
“พวกเราก็รีบไปดูด้วยกันเถอะ ฮ่า ๆ ๆ เจ้าคนนั้นมาจากไหนกันนะ กล้าดียังไงมาท้าทายวีรบุรุษของเรา”
นักเรียนใหม่ของสาขาศาสตร์แห่งความตายทุกคนที่มาสมัครเพราะชื่อเสียงของหานซั่วรีบวิ่งไปตรงจุดนั้นด้วยความตื่นเต้น
เอมีสที่เพิ่งจะนั่งลง จู่ ๆ ก็สำลักน้ำชาออกมา ก่อนจะหันไปมองวอยท์แลนเดอร์ที่โดนน้ำชากระเซ็นใส่เข้าเต็ม ๆ ด้วยความกระอักกระอ่วน เขายิ้มอย่างอาย ๆ และพูด
“ขอโทษที พอดีเจ้าหมอนั่นทำอย่างที่ข้าคาดคิดไว้เลยน่ะ คงอยากจะฉวยโอกาสสร้างชื่อให้ตัวเองจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่เป็นไร”
วอยท์แลนเดอร์ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำชาบนร่าง เขายิ้มให้เอมีสอย่างชื่นชม เพราะไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่มีวันที่จะโทษหรือว่ากล่าวเอมีสอย่างเด็ดขาด