Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 390 (1)
GDK ตอนที่ 390 ความยำเกรง Part 1
“ฮ่า ๆ ๆ ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ! การเลือกเรียนสาขาศาสตรแห่งความตายน่ะ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วล่ะ!”
เมื่อจีนเห็นเด็กนักเรียนกลุ่มนั้นกรูกันเข้ามาต่อแถวเพื่อเลือกสาขา เขาก็อดหัวเราะไม่ได้และรีบลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นใบลงทะเบียนให้กับทุก ๆ คน พลางยิ้มและอธิบาย
“ทุกคนกรอกรายละเอียดของตัวเองได้เลย ฮะ ๆ ๆ สาขาศาสตร์แห่งความตายของเราไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมากมายนักหรอก แล้วค่าเทอมก็ถูกที่สุดด้วย”
เห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มสาวเหล่านี้ถูกดึงดูดมาเพราะชื่อเสียงของหานซั่ว หลังจากที่ได้ยินคำแนะนำของจีน พวกเขาทุกคนก็โน้มตัวลงมากรอกใบลงทะเบียนบนโต๊ะอย่างตื่นเต้น
ยังมีเด็กนักเรียนอีกจำนวนหนึ่งที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ กระจายตัวกันอยู่ห่างออกไป ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้มาเป็นกลุ่มเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของพวกเขาทุกคนก็คือการหาที่ตั้งของสาขาศาสตร์แห่งความตาย เมื่อได้ยินเสียงตะโกนมาจากทางนี้ ทุกคนต่างก็มีทีท่าตื่นเต้นดีใจ และรีบตรงมายังสาขาศาสตร์แห่งความตายพร้อมกันทันที
“เฮ้ คาร์ไลล์! พลังจิตของเจ้าอยู่ในระดับยอดเยี่ยม ความสัมพันธ์กับธาตุมืดก็สูงมากด้วย ตราบใดที่เจ้าอยากจะเรียนสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดล่ะก็ เจ้าจะต้องได้เป็นจอมขมังเวทย์ธาตุมืดอย่างแน่นอน อย่าไปเลย! สำหรับนักเรียนอย่างเจ้า สาขาเวทมนตร์ธาตุมืดของเรามีสิทธิพิเศษมากมายให้ด้วยนะ!”
อาจารย์ประจำสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดรีบร้องตะโกนออกมาทันทีเมื่อเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังวิ่งตรงไปยังสาขาศาสตร์แห่งความตายที่อยู่ตรงหัวมุม
“ข้าต้องขอโทษด้วยครับ ข้าเข้าใจผิดไปว่าสาขาศาสตร์แห่งความตายคือสาขาเดียวกันกับสาขาเวทมนตร์ธาตุมืด ข้าก็เลยมาที่นี่ ข้าไม่รู้ว่าสาขาศาสตร์แห่งความตายก็รับนักเรียนโดยตรงเหมือนกัน ขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ ข้ามาที่นี่ก็เพราะอยากจะเป็นจอมขมังเวทย์ผู้ใช้ความตายเหมือนท่านมาร์ควิสไบรอัน ไม่ใช่เพราะสาขาเวทมนตร์ธาตุมืด”
การที่เด็กคนนี้รู้เกี่ยวกับตำแหน่งมาร์ควิสของไบรอัน แสดงว่าเขาคงจะไม่ได้มาจากครอบครัวธรรมดา ๆ อย่างแน่นอน เขาไม่ได้ดูหยิ่งผยองหรืออ่อนน้อมขณะพูดตอบ เพียงโค้งคำนับและจากไปยังสาขาศาสตร์แห่งความตายที่กำลังรับสมัครนักเรียนโดยไม่ลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของจอมเวทย์ธาตุมืด ดีโอ ซึ่งนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะรับสมัครของสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดเริ่มบูดเบี้ยวไปในทันที คาร์ไลล์เป็นนักเรียนที่เขาเฝ้ารอและปรารถนามาโดยตลอด จากตอนแรกที่คาร์ไลล์เข้ามายังวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาลิโลน ดีโอก็แน่ใจในทันทีว่าคาร์ไลล์เขาจะต้องเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมในการเรียนเวทมนตร์ธาตุมืดอย่างแน่นอน
ดังนั้นเพื่อที่จะได้รับคาร์ไลล์เข้ามา ดีโอถึงกับส่งอาจารย์ 2-3 คนไปประกบเขาโดยเฉพาะ และคาร์ไลล์ก็แสดงถึงความหลงใหลและปลาบปลื้มอย่างที่สุดมาแต่แรก ใครจะรู้ว่าสุดท้ายแล้ว คาร์ไลล์จะมุ่งไปยังสาขาศาสตร์แห่งความตายโดยไม่เหลียวหลังกลับมาแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าเหตุผลที่เขาเป็นมิตรกับคนพวกนั้นในทีแรก ก็เป็นเพราะความเข้าใจผิดล้วน ๆ ในความเกี่ยวข้องระหว่างสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดและสาขาศาสตร์แห่งความตาย เท่ากับว่านั่นเป็นการตบหน้าดีโอเข้าฉาดใหญ่เลยทีเดียว
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“แค่ทาสชั้นต่ำที่บังเอิญประสบความสำเร็จ มันจะวิเศษวิโสอะไรขนาดนั้นเชียว เหอะ!”
อาจารย์จากสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดผู้ถูกคาร์ไลล์ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย ก็ทำได้เพียงพูดจาดูถูกเพื่อระบายความขุ่นเคืองที่อยู่ในใจออกมา
“ดีโอ ไม่ใช่ว่าสาขาศาสตร์แห่งความตาย เป็นแค่สาขาย่อย ๆ ของสาขาเวทมนตร์ธาตุมืดหรอกรึ? ทำไมสถานการณ์ตอนนี้ถึงดูเหมือนกับว่าสาขาวิชาเวทมนตร์ธาตุมืดกำลังถูกสาขาศาสตร์แห่งความตายกดดันแทนเสียแล้วล่ะ ข้าไม่คิดเลยว่าช่วงที่ข้าไม่อยู่ ไม่เพียงแต่เจ้าจะไม่พัฒนาขึ้น แต่เจ้ายังทำให้สาขาวิชาเวทมนตร์ธาตุมืดตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้อีกนะ?”
นักเวทย์วัยกลางคนที่ร่างสูงและผอมบางปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ ดีโอ เขานิ่วหน้าขณะตำหนิดีโอซึ่งเป็นคนดูแลสาขาวิชาเวทมนตร์ธาตุมืด
“คราวลี่ย์ ถึงเจ้าจะได้เป็นจอมขมังเวทย์ธาตุมืดแล้วก็ตาม เจ้าก็อยู่นอกจักรวรรดิแลนซล็อตมาโดยตลอด เมื่อก่อนชื่อเสียงของเจ้าเลื่องลือมากก็จริง แต่ตอนนี้ก็ไม่มีเด็กคนไหนรู้จักเจ้ามานานมากแล้ว อีกอย่าง ระยะหลัง ๆ เจ้าไบรอันคนนี้ก็มีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างรวดเร็วและครองใจเด็ก ๆ แทบทุกคนในจักรวรรดิในฐานะวีรบุรุษที่แท้จริง ส่วนช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของเจ้าก็ผ่านไปแล้วล่ะ”
ดีโอจ้องมองไปยังจอมขมังเวทย์วัยกลางคนผู้นั้น และยิ้มอย่างขมขื่นขณะตอบ
คราวลี่ย์และดีโอต่างก็มาจากสาขาวิชาเวทมนตร์ธาตุมืดแห่งวิทยาลัยบาบิโลนด้วยกันทั้งคู่ ตอนที่คราวลี่ย์อยู่ที่สาขาวิชาเวทมนตร์ธาตุมืด ชัยชนะในการแข่งขันระหว่างสาขาตกเป็นของสาขาวิชาเวทมนตร์ธาตุมืดมาตลอดหลายปี เขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถก้าวขึ้นเป็นนักเวทย์ระดับสูงและจบการศึกษา กระทั่งได้เป็นจอมเวทย์ธาตุมืดในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งร่ำลือไปทั่วทั้งจักรวรรดิอยู่หลายปีทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คราวลี่ย์ได้เป็นจอมเวทย์ เขาก็ไม่ได้บรรลุไปยังระดับถัดไปได้ในทันที หลังจากนั้นพักหนึ่ง เขาได้ออกจากจักรวรรดิแลนซล็อต และเดินทางท่องไปยังจักรวรรดิต่าง ๆ ภายในอาณาจักรแห่งความลึกล้ำ และในที่สุดเขาก็ได้เป็นจอมขมังเวทย์ธาตุมืดในอีก 2-3 ปี ให้หลัง คราวลี่ย์และดีโอนั้นอายุเท่ากัน แต่เห็นได้ชัดว่าดีโอไม่ได้มีพรสวรรค์มากเท่าคราวลี่ย์ เขาจึงได้เป็นได้เพียงจอมเวทย์ธาตุมืดเท่านั้น เมื่อดีโอได้ยินว่าคราวลี่ย์กลับมายังจักรวรรดิแลนซล็อต จึงเชิญเขามาเพราะต้องการแรงสนับสนุนจากเขา
โชคร้ายที่คราวลี่ย์จากจักรวรรดิแลนซล็อตนานเกินไป แม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่บางคนยังลืมเรื่องของเขาไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเด็กนักเรียนที่ชื่นชอบและหลงใหลในตัววีรบุรุษมากกว่า คราวลี่ย์ยืนอยู่ตรงนี้พักใหญ่ และแม้ว่าดีโอจะพยายามแนะนำเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็แทบไม่มีใครสนใจเขาเลย
“ดีโอ เจ้าไบรอันคนนั้นได้เป็นจอมขมังเวทย์ผู้ใช้ความตายในระยะเวลาสั้น ๆ จริงรึ?”
นักเวทย์ผู้ศึกษาเวทมนตร์ธาตุมืดมักจะมีออร่าแห่งความชั่วร้ายอยู่รอบตัว แม้แต่ คานไดด์ หนึ่งในสามผู้ทรงอิทธิพลแห่งองครักษ์ชุดดำ และจอมขมังเวทย์คราวลี่ย์ผู้นี้ก็มีออร่าแบบเดียวกัน ออร่าดำทะมึนที่เขาแผ่ออกมาจึงทำให้ดีโอรู้สึกหวาดกลัวไม่น้อย
เมื่อดีโอได้ยินคำถามของคราวลี่ย์ แม้ว่าเขาจะไม่อยากยอมรับเลยก็ตาม แต่ความจริงก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เขาจึงทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นและตอบออกไป
“เจ้าหมอนั่นมันเป็นเด็กประหลาด แล้วเขาก็ได้เป็นจอมขมังเวทย์ผู้ใช้ความตายเร็วขนาดนั้นจริง ๆ แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ เขาแทบจะไม่ได้ร่ำเรียนที่สาขาศาสตร์แห่งความตายเลย เพียงแค่โผล่มาบ้างบางครั้งคราว ไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมเขาถึงฝึกฝนได้เร็วขนาดนั้น”
“โอ้ หึหึหึ น่าสนใจดีนี่ เสียดายที่เขาไม่อยู่ที่นี่ ข้าล่ะอยากจะพบเขาจริง ๆ ในเมื่อถูกผู้คนในจักรวรรดิแลนซล็อตหลงลืมไปเสียนาน ถ้าได้ท้าสู้กับคนเก่ง ๆ สักคน เพื่อพิสูจน์ให้คนรู้ว่าข้ากลับมาแล้วได้ก็คงจะดี”
คราวลี่ย์พึมพำกับตัวเองขณะทำท่าทางคิดใคร่ครวญ
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ดีโอมองไปที่คราวลี่ย์และยุยงเขา
“จริงด้วย คราวลี่ย์ ในเมื่อตอนนี้เจ้านั่นได้อภิสิทธิ์มากมายในจักรวรรดิแลนซล็อต วิธีที่เร็วที่สุดสำหรับเจ้าก็คือการเอาชนะเขาให้ได้ ฮี่ ๆ ๆ เจ้าลองดูหน่อยเป็นไง เด็กนั่นเพิ่งจะได้เป็นจอมขมังเวทย์ผู้ใช้ความตายได้ไม่นานเอง และข้าก็รู้สึกว่าเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าหรอก”
เป็นเพราะดีโอและคราวลี่ย์เคยเรียนมาด้วยกัน ดีโอจึงรู้นิสัยของคราวลี่ย์เป็นอย่างดี เพียงแค่มองท่าทีของคราวลี่ย์ ดีโอก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และอดไม่ได้ที่จะยุยงเขา เมื่อครั้งที่คราวลี่ย์ยังเรียนอยู่ที่สาขาเวทมนตร์ธาตุมืด เขาขึ้นชื่อในเรื่องความหยิ่งผยอง และดีโอก็รู้ดีว่านิสัยของเขาไม่เปลี่ยนไปเลยแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายปี
“โชคร้ายจริง ๆ ที่วันนี้เจ้าหมอนั่นไม่อยู่ ไม่อย่างนั้น ข้าก็จะได้หยุดความรุ่งโรจน์ของเขาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย!”
คำแนะนำของดีโอสอดรับกับความตั้งใจของคราวลีย์อย่างพอเหมาะพอเจาะ และตัวเขาเองก็มั่นใจในพลังความแข็งแกร่งของตนเองเป็นอย่างมาก จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ที่โต๊ะของสาขาเวทมนตร์ธาตุมืด บรรดาอาจารย์ของสาขาวิชาอื่น ๆ ก็กำลังสบถสาปแช่งอยู่เงียบ ๆ เช่นกัน โดยเฉพาะสาขาเวทมนตร์ธาตุแสง ในตอนนี้ จอมเวทย์ธาตุแสงวอยท์แลนเดอร์ ผู้ที่ดูแลสาขาเวทมนตร์ธาตุแสงอยู่ก็มีสีหน้าท่าทางขุ่นเคืองไม่แพ้กัน จนถึงขั้นตะโกนออกมา
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!! ขนาด ไลแลค ที่มีความเชื่อมโยงกับธาตุแสงมากที่สุด กลับไปเข้าสาขาศัตรูอย่างศาสตร์แห่งความตาย เธอไม่รู้เลยรึว่าด้วยศักยภาพอย่างเธอ การเรียนเวทมนตร์ธาตุแสงคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุด? แล้วไอ้พวกอสูรมิติมืดของผู้ใช้ความตายจะคู่ควรเท่ากับเวทมนตร์ธาตุแสงได้ยังไง นี่มันจะพิลึกกันไปใหญ่แล้ว!”
อีกผู้หนึ่งที่นั่งด้านหลังสาขาเวทมนตร์ธาตุแสงคือคนที่หานซั่วรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาคือหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลแห่งองครักษ์ชุดดำ จอมขมังเวทย์ธาตุแสงเอมีส นั่นเอง ในตอนนี้ เอมีสกำลังมีความสุขอยู่กับการดื่มชา เขานั่งอย่างสบาย ๆ และยิ้มขณะมองไปยังวอยท์แลนเดอร์ โดยไม่ออกความเห็นใด ๆ
จอมดาบอีกคนหลายคนยืนอยู่ด้านหลังเอมีส และให้การคุ้มครองเอมีสอยู่ พวกเขาก็ไม่สนใจคำพูดของวอยท์แลนเดอร์เช่นกัน ในสายตาของพวกเขา ความปลอดภัยของเอมีสคือสิ่งสำคัญที่สุด
วอยท์แลนเดอร์บ่นอุบ จากนั้นก็หันมาทางเอมีสและพูดขึ้น
“ท่านเอมีส ท่านไม่คิดว่าเรื่องนี้มันเหลวไหลบ้างรึครับ? สาขาศาสตร์แห่งความตายเป็นแค่สาขาวิชาเล็ก ๆ แล้วพวกเขาก็แค่เกิดโชคดีขึ้นมาเพราะเด็กรับใช้คนนึง ยังมีหน้ามาฉกนักเรียนของพวกเราไปแบบนี้อีก”
เอมีสเองก็จบการศึกษาจากสาขาเวทมนตร์ธาตุแสงด้วยเช่นกัน และตอนนี้ก็กลายเป็นมหาเสนาบดีที่มีอำนาจเด็ดขาดภายในจักรวรรดิแลนซล็อต ในสายตาของเหล่าขุนนางในจักรวรรดิ เอมีสเป็นเหมือนกับปีศาจร้ายที่น่าสะพรึงกลัว หากเขาพุ่งความสนใจไปที่ครอบครัวของขุนนางผู้คิดคดคนใดก็ตาม ครอบครัวนั้นจะต้องพบกับความโชคร้ายอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเอมีสจะไม่ได้มีความประทับใจอะไรในตัววอยท์แลนเดอร์ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าเขาถึง 2 ระดับ เขาเองก็ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อสาขาเวทมนตร์ธาตุแสง ดังนั้น เขาจึงตอบรับคำเชิญของวอยท์แลนเดอร์ และเมื่อตอนนี้เขาได้ยินเสียงบ่นอุบของวอยท์แลนเดอร์ เอมีสจึงยิ้มเล็กน้อยและตอบออกไปอย่างนุ่มนวล
“ไบรอันเป็นถึงมาร์ควิสแห่งจักรวรรดิแลนซล็อต และได้รับความไว้วางใจจากองค์จักรพรรดิมากทีเดียว เจ้าเองก็ระวังคำพูดไว้หน่อยก็ดีนะ”
สำหรับวอยท์แลนเดอร์ซึ่งไม่รู้ว่าหานซั่วเป็นสมาชิกองครักษ์ชุดดำ และพูดจาดูถูกหานซั่วต่อหน้าเอมีส เขาย่อมไม่ได้ประโยชน์อันใดจากเรื่องนี้อย่างแน่นอน เมื่อวอยท์แลนเดอร์ได้ยินคำตอบของเอมีส เขาก็ตกใจและมองเอมีสด้วยท่าทีตระหนก และไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเอมีสถึงพูดเข้าข้างหานซั่วแบบนั้น
“ฮะ ๆ ๆ เจ้าก็แค่จัดการเรื่องของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ พวกนักเรียนที่ไปสมัครเข้าสาขาศาสตร์แห่งความตายก็เพียงเพราะหลงใหลคลั่งไคล้ในวีรบุรุษอย่างหน้ามืดตาบอด หลังจากนี้ เมื่อพวกเขารู้ตัวว่าตนเองไม่เหมาะกับการเรียนในสาขาศาสตร์แห่งความตาย ข้าเชื่อว่าพวกเขาก็จะคิดได้ และกลับมาหาสาขาเวทมนตร์ธาตุแสงเองนั่นแหละ เจ้าไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลไปหรอก”
ในฐานะสมาชิกระดับสูงขององครักษ์ชุดดำ เอมีสสามารถมองเหตุการณ์ได้อย่างเฉียบขาดและแนะนำวอยท์แลนเดอร์
“ข้า… ก็ข้าควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่นี่ครับ!”
วอยท์แลนเดอร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตระหนักว่าสิ่งที่เอมีสพูดนั้นมีเหตุผล อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
เอมีสแอบเหลือบมองวอยท์แลนเดอร์อย่างรังเกียจ พลางคิดในใจว่าไบรอันในตอนนี้ ไม่ใช่คนที่อาจารย์ธรรมดา ๆ จากสาขาธาตุแสงอย่างเขาจะมาดูถูกได้ง่าย ๆ เอมีสครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และเห็นแก่ความรู้สึกที่เขามีต่อสาขาธาตุแสง จึงเตือนออกไปอีกครั้ง
“วอยท์แลนเดอร์ ไบรอันไม่ใช่คนที่เจ้าจะไปยั่วยุได้หรอกนะ ต่อให้เจ้าควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ เจ้าก็ต้องบังคับตัวเองให้ได้อยู่ดี แต่ถ้าทำไม่ได้ สิ่งที่รออยู่ก็จะมีแต่ความตายของเจ้าเท่านั้นแหละ”
เอมีสครอบครองตำแหน่งใหญ่ภายในองครักษ์ชุดดำ และยังเป็นคนสนิทขององค์จักรพรรดิ จากการที่พระองค์ทรงจัดการทำอะไรไปแล้วมากมายในวันนี้ เขาก็มองเห็นสัญญาณทันทีว่าเหล่านั้นคือการเตรียมการก่อนที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ ไม่มีใครในจักรวรรดิกล้าต่อต้านหานซั่วอีกแล้ว แม้แต่ตัวเขาเองก็ทำไม่ได้เช่นกัน นับประสาอะไรกับอาจารย์ธรรมดา ๆ คนนี้…?
—– จบตอนที่ 390 Part 1 —–