Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 389 (1)
GDK ตอนที่ 389 สถานการณ์ของสาขาศาสตร์แห่งความตาย Part 1
ฟีบี้จากไปอย่างกราดเกรี้ยว โดยกำชับทิ้งท้ายไว้ว่าห้ามหานซั่วที่เพิ่งจะลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าตามเธอไปอย่างเด็ดขาด ซึ่งหลังจากที่ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่ตามฟีบี้ไป
ตระกูลเบทเทอริดจ์เป็นตระกูลขุนนางที่เลื่องชื่อภายในจักรวรรดิ แม้ว่าฮานน์จะเกษียณตัวเองจากกองทัพแล้ว แต่อิทธิพลของเขาก็ยังคงมีอยู่ หากฟีบี้ไปคุยกับเอมิลี่ด้วยตัวเอง อาจจะไม่ทำให้ปัญหาบานปลายนักก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม หากหานซั่วไปกับเธอด้วย เหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างหญิงสาวทั้ง 2 คนก็เป็นสิ่งที่หานซั่วไม่สามารถคาดเดาได้เลย
และหานซั่วก็ไม่ต้องการให้ตัวเองถูก 2 สาวกรีดร้องใส่พร้อม ๆ กันภายในคฤหาสน์ตระกูลเบทเทอริดจ์อย่างแน่นอน หากเป็นอย่างนั้น ไม่เพียงแต่จะมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานของเขา ก็อาจทำลายชื่อเสียงของทั้งฟีบี้และเอมิลี่อีกด้วย
หานซั่วขมวดคิ้วพลางนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง และคิดไม่ออกเลยว่าเขาควรทำอย่างไรดี ซึ่งสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจส่งปีศาจอาคม 2 ตนตามหลังฟีบี้ไป
ในขณะนั้น นครออซเซ็นปกคลุมไปด้วยความมืดมิดและมีอันตรายแฝงเร้นอยู่ทั่วทุกหนแห่ง หานซั่วเกรงว่าฟีบี้ซึ่งให้การสนับสนุนลอว์เรนซ์จะเจอปัญหา ยิ่งกว่านั้น เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าฟีบี้ต้องการจะคุยอะไรกับเอมิลี่ หากว่าเหตุการณ์เลวร้ายลง เขาคงไม่มีทางเลือกอื่นและโดนบีบให้แทรกตัวเข้าไปจัดการในที่สุด
เมื่อปีศาจอาคมติดตามฟีบี้ไปถึงคฤหาสน์ตระกูลเบทเทอริดจ์ ตรงข้ามกับสิ่งที่หานซั่วคาดการณ์ไว้ตอนแรกอย่างสิ้นเชิง ฟีบี้ที่เกรี้ยวกราดกลับสามารถข่มอารมณ์ของเธอไว้เมื่อไปถึงหน้าประตูของคฤหาสน์ตระกูลเบทเทอริดจ์อย่างปลอดภัย และบอกกับทหารยามว่าเธอต้องการพบกับเอมิลี่
เมื่อหานซั่วเห็นว่าฟีบี้ไม่ได้ฟาดงวงฟาดงาทันทีที่มาถึงคฤหาสน์ตระกูลเบทเทอริดจ์ เขาถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และรู้ดีว่าแม้ฟีบี้จะโกรธจัด แต่เธอก็ยังรู้จักวางกิริยาให้เหมาะสม เมื่อเอมิลี่ได้ยินว่าฟีบี้มาพบเธอโดยเฉพาะ เธอก็มีลางสังหรณ์ว่าจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และรู้ดีว่าหญิงสาวที่ชาญฉลาดอย่างฟีบี้อาจจะรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่างเข้าแล้ว
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
เอมิลี่รู้ว่าสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นสักวันได้มาถึงแล้วในที่สุด เธอสงบจิตสงบใจและออกมาพบฟีบี้ด้วยท่าทีกระตือรือร้น
“อ้าว ฟีบี้ ฮะ ๆ ๆ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน มาหาข้าถึงนี่ มีอะไรงั้นเหรอ?”
เอมิลี่เป็นสมาชิกขององครักษ์ชุดดำมานานหลายปี และสามารถแสดงท่าทีปกติแม้ว่าเธอจะแอบรู้สึกผิดอยู่ในใจ เธอส่งยิ้มที่เปล่งประกายขณะทักทายฟีบี้ราวกับน้องสาวคนหนึ่ง
“ฮิ ๆ ท่านเอมิลี่ ข้าก็แค่คิดถึงท่าน โอ ไม่ได้พบกันตั้งนาน ดูเหมือนท่านเอมิลี่จะดูสาวขึ้นมากเลยนะคะ ท่านมีเคล็ดลับอะไรกัน? ท่านต้องบอกข้าบ้างแล้วล่ะ!”
ฟีบี้ที่ทำธุรกิจมานานรู้วิธีจัดการกับอารมณ์โกรธของเธอ จึงยิ้มอย่างสดใสขณะทักทายเอมิลี่
เอมิลี่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย เธอรู้ดีว่าฟีบี้ไม่ได้มาด้วยเจตนาดี และรู้ถึงสาเหตุที่ร่างกายของเธอเปลี่ยนแปลงไป ผิวสวยนวลเนียนของฟีบี้ก็เหมือนกันกับเธอไม่มีผิดเพี้ยน ราวกับเป็นหลักฐานมัดตัวชั้นดีที่ทำให้ฟีบี้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“ข้าไม่คู่ควรกับคำชมของเจ้าหรอก ฟีบี้ บางที อาจเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีเรื่องอะไร ก็เลยได้พักผ่อนแล้วก็นอนหลับเยอะขึ้น ข้าไม่ได้ดูสาวขึ้นอะไรขนาดนั้นหรอก”
เอมิลี่ยิ้มและพูดหยอกเย้า เมื่อเห็นว่ายังมีทหารยามอยู่รอบ ๆ เธอจึงทำได้เพียงหัวเราะเล็กน้อยขณะที่เดินไปหาฟีบี้
“ไหน ๆ เจ้าก็ไม่เคยมาหาข้าถึงที่นี่ ขึ้นไปคุยกันแบบส่วนตัวที่ห้องข้าดีกว่านะ”
“ข้าก็ตั้งใจอย่างนั้นล่ะค่ะ”
ฟีบี้ยิ้มและตอบ เธอยังคงมีท่าทีเป็นธรรมชาติขณะเดินไปยังห้องพักกับเอมิลี่ ทั้งคู่ดูราวกับพี่น้องที่ไม่มีความขัดแย้งระหว่างกันเลยแม้แต่น้อย
หานซั่วซึ่งได้เห็นและได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งคู่ผ่านปีศาจอาคมยังต้องชื่นชมในความสงบของผู้หญิงทั้งสอง และยังตระหนักถึงความสง่างามในการต่อสู้ของพวกเธอไม่น้อย ซึ่งไม่ใช่การตะโกนเสียงดังและกรีดร้องใส่กันอย่างที่เขาคิดเอาไว้ แต่กลับเป็นการต่อสู้ที่ซ่อนเร้นและคลุมเครือมากกว่านั้น
หลังจากที่เอมิลี่พาฟีบี้ไปยังห้องส่วนตัวของเธอ เอมิลี่ก็ร่ายเวทย์ม่านพลังป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่ารอบ ๆ ห้อง บางทีคงเพราะต้องการป้องกันไม่ให้การสนทนานี้เล็ดลอดออกไป ฟีบี้มีท่าทีเรียบเฉยขณะที่เอมิลี่ร่ายเวทย์เก็บเสียง และเฝ้ามองการร่ายเวทย์โดยไม่พูดอะไร
เมื่อเอมิลี่ร่ายเวทย์เสร็จ ปีศาจอาคมของหานซั่วก็สัมผัสได้ถึงออร่าสีดำที่ค่อย ๆ แผ่กระจายออกมาทั่วทุกทิศทาง หลังจากลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง หานซั่วก็เรียกปีศาจอาคมทั้ง 2 ตนให้ถอยออกมา และรอคอยอยู่นอกห้อง เพื่อไม่ให้เวทมนตร์ของเอมิลี่รับรู้ถึงตัวตนของปีศาจอาคม แต่เขาก็จะไม่ได้ยินการสนทนาใด ๆ ของพวกเธอเลยแม้แต่น้อย
“เฮ้อ… มีผู้หญิงหลายคนนี่มันปัญหาเยอะชะมัด!”
หานซั่วทำได้เพียงถอนหายใจ และรู้ว่าประสบการณ์ของตนในเรื่องแบบนี้ช่างอ่อนด้อยนัก
ขณะที่หานซั่วกำลังหนักอกหนักใจอยู่นั้นเอง พ่อบ้านแคลลัสก็เดินเข้ามาหาหานซั่ว ในมือถือจดหมายฉบับหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นด้วยความเคารพ
“ท่านมาร์ควิส นี่จดหมายของท่านขอรับ”
“มาร์ควิส?”
หานซั่วอึ้งไปทันที และมองไปที่พ่อบ้านแคลลัสก่อนจะถามด้วยความสงสัย
“แคลลัส เจ้าเรียกข้าผิดไปรึเปล่า?”
“ไม่ขอรับ ข้าเรียกไม่ผิดหรอก”
พ่อบ้านแคลลัสตอบด้วยรอยยิ้ม จ้องมองไปยังหานซั่วและพูดต่อ
“ท่านมาร์ควิส แม้ว่าราชโองการแต่งตั้งขององค์จักรพรรดิจะยังไม่ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังพวกเราหรอกนะขอรับ ฮะ ๆ ๆ พวกเราเป็นคนของท่าน ก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าองค์จักรพรรดิแต่งตั้งท่านให้มีบรรดาศักดิ์สูงขึ้น”
เมื่อแคลลัสพูดดังนั้น หานซั่วจึงเข้าใจขึ้นมาในทันที และรู้ว่าจักรพรรดิอูห์เทร็ดแห่งจักรวรรดิแลนซล็อตคงจะเริ่มปูทางเพื่อช่วยลอว์เรนซ์ทันทีที่เขาออกจากพระราชวังมา ทำให้ข่าวการแต่งตั้งตำแหน่งมาร์ควิสของเขาจึงเล็ดลอดออกมาด้วยเช่นกัน
และในเมื่อแม้แต่พ่อบ้านแคลลัสก็รู้เรื่องนี้ จึงเป็นข้อพิสูจน์ว่าองค์จักรพรรดิอูห์เทร็ดเองก็ได้แพร่ข่าวการแต่งตั้งของหานซั่วออกไป เขาจึงรู้สึกยอมรับและประทับใจกับการจัดการที่ยอดเยี่ยมขององค์จักรพรรดิอูห์เทร็ดไม่น้อย ก่อนจะขมวดคิ้วและถามต่อ
“โอ้ แล้วข่าวลือแย่ ๆ เกี่ยวกับข้าล่ะ ยังลือกันอยู่อีกรึเปล่า?”
“ท่านมาร์ควิส องค์จักรพรรดิทรงยืนยันความบริสุทธิ์ของท่าน และรับสั่งไม่ให้ใครสงสัยในเรื่องความภักดีของท่านที่มีต่อจักรวรรดิอีก หากยังมีใครกล้าปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับท่านต่อไป พระองค์ก็จะลงโทษเขาทันที และภายในวันเดียว ก็ไม่มีใครกล้าพูดว่าท่านเป็นคนของศาสนจักรแห่งความหายนะแล้วล่ะขอรับ”
พ่อบ้านแคลลัสมองหานซั่วและตอบอย่างจริงใจ
ทั้ง ๆ ที่หานซั่วเพิ่งเดินทางไปยังพระราชวังได้ไม่นาน เมื่อเขากลับมา องค์จักรพรรดิก็ได้จัดการอะไรไปแล้วตั้งมากมาย ทั้งข่าวลือในแง่ลบของหานซั่ว และยังแพร่ข่าวการแต่งตั้งเขาในฐานะมาร์ควิสอีกด้วย นี่เป็นข้อพิสูจน์ความเมตตาและไว้เนื้อเชื้อใจที่องค์จักรพรรดิมีต่อหานซั่ว และแม้แต่แคลลัสก็ยังรู้สึกปลาบปลื้มไปกับเขาด้วย
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
อย่างไรก็ตาม แคลลัสก็ไม่มีวันรู้เลยว่าภายในพระราชวัง ผู้ที่ทรงอำนาจสูงสุดในจักรวรรดิแลนซล็อตมีน้ำเสียงที่อ้อนวอนต่อหานซั่วเพียงใด ไม่มีแม้แต่ความน่าเกรงขามของผู้ทรงอำนาจที่จะแสดงต่อผู้ใต้บังคับบัญชาเลยแม้แต่น้อย
“ใครเป็นคนมาส่งจดหมายนี่มารึ?”
หานซั่วถามอย่างไม่ใส่ใจขณะมองดูจดหมาย
“คนที่มาส่งจดหมายดูเหมือนจะเป็นนักเรียนของวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนขอรับ เขาบอกว่า อาจารย์แฟนนี่ส่งจดหมายนี้มาให้ท่าน แต่ข้าก็ไม่ได้ถามอะไรให้มากความ และรีบนำมาส่งให้ท่านทันทีขอรับ”
แคลลัสตอบ
“เยี่ยมมาก!”
หานซั่วเอ่ยปากชมก่อนจะโบกมือให้แคลลัสออกไป จากนั้นเขาก็เปิดซองและอ่านกระดาษจดหมายสีเขียวอ่อนที่อยู่ภายใน
ลายมือของแฟนนี่ทั้งอ่อนช้อยและสวยงาม เนื้อหาของจดหมายบ่งบอกถึงความปรารถนาและแฝงไปด้วยเสน่ห์ของเธอจาง ๆ อีกทั้งยังระบุอีกว่า วันนี้เป็นวันแรกที่สาขาศาสตร์แห่งความตายเปิดรับสมัครนักเรียนใหม่ หวังว่าหานซั่วจะหาเวลาแวะมาที่สาขาศาสตร์แห่งความตาย และบางทีอาจจะกล่าวสุนทรพจน์สักเล็กน้อย เพื่อช่วยเป็นหน้าเป็นตาสำหรับสาขาศาสตร์แห่งความตายด้วย
เมื่ออ่านจดหมายจบ จมูกของหานซั่วก็สูดดมกลิ่นหอมจาง ๆ ของจดหมายสีเขียวอ่อน ขณะที่เขากำลังยิ้มกริ่มกับกลิ่นอายหอมสดชื่นของแฟนนี่ เขาก็นึกขึ้นได้ถึงความคาดหวังที่อาจารย์ใหญ่เอ็มม่ามีต่อเขา หานซั่วลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินทางไปยังวิทยาลัยเวทมนตร์และศาสตร์แห่งพลังบาบิโลนทันที ภายใต้บรรยากาศสดใสของฤดูใบไม้ผลิ การรับสมัครนักเรียนใหม่ประจำปีของวิทยาลัยบาบิโลนก็กำลังคึกคักไม่น้อย
—– จบตอนที่ 389 Part 1 —–