Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 388 (2)
GDK ตอนที่ 388 คำอ้อนวอนขององค์จักรพรรดิ Part 2
หานซั่วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าและตอบ
“ลอว์เรนซ์ ข้าบอกเจ้าได้แน่นอน ว่าประเด็นหลักในการคุยกันระหว่างข้าและองค์จักรพรรดิก็คือเจ้านี่แหละ รวมถึงผลประโยชน์ของตัวเจ้าเองด้วย ข้าเชื่อว่าความเป็นไปได้ที่เจ้าจะได้ครองบัลลังค์คงสูงขึ้นอย่างไม่คาดฝันเลยล่ะ”
“จ…จริงเหรอ? ไบรอัน เจ้าพูดจริงใช่มั้ย?”
เมื่อได้ยินคำตอบของหานซั่ว ลอว์เรนซ์ก็ทำท่าปลาบปลื้มดีใจอย่างเหลือล้นและถึงกับผุดลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง ลอว์เรนซ์ผู้ที่ไม่อาจข่มความรู้สึกยินดีได้อีกต่อไปก็เดินตรงยืนเบื้องหน้าหานซั่ว บีบไหล่เขาไว้แน่น และเอ่ยถามอย่างอดรนทนไม่ได้ขณะจ้องมองลึกเข้าไปในตาของเขา
หานซั่วตอบอย่างหนักแน่นเพื่อยืนยันในสิ่งที่ตนเองพูด พร้อมกับพยักหน้า
“ใช่แล้วล่ะ ถึงข้าจะเล่ารายละเอียดให้ฟังได้ไม่มาก แต่ข้ายืนยันได้เลยว่าเสด็จพ่อของเจ้าจะต้องปูทางให้กับเจ้าอย่างแน่นอน โชคเข้าข้างเจ้าแล้วนะ!”
แล้วลอว์เรนซ์ก็ระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสุดหัวใจ ความคุ้มคลั่งนั้นเผยออกมาหลังจากที่เขาต้องจิตตกมาเป็นระยะเวลานาน เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี และพูด
“ขอบใจนะไบรอัน เจ้าเป็นโชคดีของข้าจริง ๆ ไม่ว่าเจ้ากับเสด็จพ่อจะพูดคุยถึงเรื่องอะไรกัน ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญมากแน่ ๆ ข้าจะไม่ลืมบุญคุณเจ้าเลย”
ลอว์เรนซ์เป็นคนหัวไว เพียงได้ฟังสิ่งที่เล่า เขาก็รู้ทันทีว่าหานซั่วคือกุญแจสำคัญ และเป็นเหตุผลที่อูห์เทร็ดเจาะจงเรียกเขาไปคุย ไม่อย่างนั้นคงเรียกคนอื่นไปแล้ว
“ไบรอัน เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่มั้ย? อย่าบอกนะว่าองค์จักรพรรดิวางแผนที่จะสนับสนุนพี่ลอว์เรนซ์แล้วจริง ๆ น่ะ?”
ฟีบี้เริ่มมีปฏิกิริยาขึ้นมาบ้าง กิริยาอันอ่อนช้อยงดงามของเธอแปรเปลี่ยนไป พลางจ้องมองหานซั่วด้วยความตกตะลึง ราวกับว่าไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“อย่าถามข้าถึงรายละเอียดสิ พูดตามตรงนะ ข้าเองก็ยังไม่อยากเชื่อเลยเหมือนกัน แต่ความจริงก็ตามนี้ล่ะ อีกไม่นานเจ้าก็คงรับรู้ได้เอง”
หานซั่วผายมือออกอย่างช่วยไม่ได้ ขณะอธิบายกับฟีบี้
ลอว์เรนซ์เริ่มสงบสติอารมณ์ลงได้บ้างแล้ว และพูดขึ้นอย่างร่าเริง
“เอาล่ะ งั้นข้าก็ขอกลับไปเตรียมตัว ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงล่ะก็ ข้าก็จำเป็นต้องรีบเตรียมการเดี๋ยวนี้เลย”
“ไปเถอะ เจ้าเตรียมการไว้แต่เนิ่น ๆ ก็ดีเหมือนกัน”
หานซั่วตอบตกลงด้วยความยินดี
“ท่านพี่นี่ก็จำได้แต่เรื่องของตัวเอง ลืมเรื่องที่เราเพิ่งคุยกันเมื่อกี้นี้ไปแล้วเหรอ? ไบรอันกำลังตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงเลยนะคะ ถ้าท่านไม่ช่วยเขาตอนนี้ มีหวังเขาคงถูกตราหน้าว่าเป็นสมาชิกของศาสนจักรชั่วร้ายนั่นเพราะข่าวลือจากชาลส์และคนอื่น ๆ แน่ ๆ!”
เมื่อเห็นว่าลอว์เรนซ์กำลังจะจากไป ฟีบี้ก็พ่นลมอย่างขุ่นเคือง และรีบดุเขาทันที
แล้วลอว์เรนซ์ก็ตบศีรษะตนเองอย่างแรง เพราะจริง ๆ แล้วนั่นคือเหตุผลที่พวกเขารีบร้อนมาหาหานซั่ว เขายิ้มเป็นเชิงขอโทษก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“ไบรอัน ตอนนี้มีข่าวลือบางอย่างแพร่สะพัดออกไป ซึ่งน่าจะส่งผลเสียกับเจ้าอย่างรุนแรงเลยล่ะ ข้าคิดว่าเราควรหาวิธีรับมือเรื่องนี้กันดี ๆ เพราะนี่เป็นฝืมือของคอสส์จากศาสนจักรแห่งแสงสว่างกับชาลส์น่ะ เป้าหมายของพวกนั้นคือตั้งใจจะทำลายชื่อเสียงและภาพพจน์ของเจ้าที่สั่งสมมาในนครเบรทเทลให้ป่นปี้”
“พวกเราไม่ต้องไปวุ่นวายหรอก องค์จักรพรรดิ์ทรงตกลงจะช่วยข้าจัดการกับเรื่องนั้นให้แล้วล่ะ”
หานซั่วตอบลอว์เรนซ์ด้วยท่าทีสงบ
ลอว์เรนซ์และฟีบี้มองหน้ากันไปมาด้วยความตกตะลึงถึงขีดสุด เมื่อเห็นสีหน้าของลอว์เรนซ์ หานซั่วก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาและพูด
“เอาน่า ยังไงเจ้าก็รีบไปจัดการธุระของเจ้าเถอะ ไม่ต้องมาวิตกกังวลเรื่องของข้าหรอก เพราะเสด็จพ่อของเจ้าจะช่วยพวกเราจัดการเรื่องนั้นให้เองจริง ๆ”
“ตกลง งั้นข้าจะไม่อยู่เป็นก้างขวางคอพวกเจ้าสองคนแล้วล่ะ”
ลอว์เรนซ์เข้าใจในที่สุด พลางขยิบตาให้หานซั่วและฟีบี้ ก่อนจะออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ
“เดี๋ยว! ท่าทีเมื่อกี้มันอะไรกันน่ะ บ้าจริง อย่าให้ไบรอันทำท่านเข้าใจผิดแบบนี้สิ!”
ใบหน้าสวยสดงดงามของฟีบี้แดงก่ำขึ้นมาทันที ขณะบ่นไล่หลังลอว์เรนซ์ไปไม่หยุด
เมื่อลอว์เรนซ์จากไปแล้ว หานซั่วก็ยิ้ม เขาเดินเข้าไปหาฟีบี้และดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด ก่อนจะอุ้มเธอทั้ง ๆ ที่กำลังหัวใจเต้นแรง ตรงไปยังห้องนอนของเขา ระหว่างทาง มือของเขาก็ลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างของเธอไม่หยุด เมื่อเวลาครู่ใหญ่ผ่านไป ฟีบี้ก็นอนขดตัวอย่างเกียจคร้านซบอยู่บนแผ่นอกกว้างของหานซั่ว ทั่วทั้งร่างของเธอไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใด ๆ แต่ทว่าในขณะเดียวกัน หานซั่วยังคงเปี่ยมไปด้วยพลังอันล้นเหลือ โดยไม่มีทีท่าว่าเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย และหยิบตำราศาสตร์แห่งความตายขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ
เพราะฟีบี้ไม่ได้ใช้พลังออร่าใด ๆ ความอ่อนเพลียของเธอจึงมาจากการที่ใช้เรี่ยวแรงทางร่างกายอย่างหนัก เธอจ้องมองไปยังหานซั่วที่ยังดูมีกำลังเหลือเฟือ และจู่ ๆ ก็ยิ้มหวานออกมา ความขุ่นข้องหมองใจในระยะเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมาได้อันตรธานหายไปจนไม่สามารถปิดบังความรู้สึกปลื้มปริ่มที่ราวกับจะเอ่อล้นออกมานั้นไว้ได้
กระแสพลังงานประหลาดบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเธอ ค่อย ๆ โคจรไปตามแขนขาและทุกอณูในมวลกระดูก ทำให้ฟีบี้รู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวเป็นอย่างมาก ราวกับว่ากระแสพลังงานนั้นกำลังเติมเต็มร่างกาย ช่วยให้เธอฟื้นฟูพลัง หรือแม้แต่ทำให้แข็งแกร่งขึ้น
ฟีบี้ค่อย ๆ สัมผัส ตรวจสอบการฟื้นฟูและหล่อเลี้ยงร่างกายโดยพลังงานเหล่านั้น แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อรู้ในที่สุดว่าพลังงานลึกลับนี้มาจากหานซั่ว เพราะครั้งก่อนที่เธอร่วมรักกับเขา ฟีบี้ก็สัมผัสถึงพลังงานนี้ได้เช่นกัน เธอจึงรู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม เพราะเมื่อเทียบกับเวลาที่ร่างกายเหน็ดเหนื่อยจนสิ้นเรี่ยวแรงเพราะใช้กำลังมากไป เธอมักจะผล็อยหลับไปจนไม่เคยสัมผัสได้ถึงพลังอย่างชัดเจนเช่นนี้มาก่อน
แต่อย่างไรก็ตาม ฟีบี้ก็รู้ตัวว่าร่างกายของเธอกำลังพัฒนามากขึ้น เมื่อครั้งที่เธอกินยาบำรุงชีวิตเข้าไป ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอจะได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์หมดจด การฝึกฝนออร่าต่อสู้ดูเหมือนจะง่ายขึ้นมากเมื่อเทียบกับแต่ก่อน รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงในร่างกายบางอย่างที่ทำให้ฟีบี้สามารถบรรลุสู่ระดับ ปรมาจารย์จอมดาบ ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
หลังจากที่พยายามสัมผัสอยู่พักหนึ่ง ฟีบี้ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปจ้องมองหานซั่วที่เอาแต่อ่านตำราศาสตร์แห่งความตายอย่างขุ่นเคือง และเธอก็เข้าใจว่าทุกครั้งที่เขาและเธอร่วมรักกันอย่างมีความสุข เป็นหานซั่วเองที่ส่งกระแสพลังลึกลับนี้เข้ามาในร่างกายของเธอ และช่วยสร้างเสริมสภาวะต่าง ๆ ของร่างกายให้ดีขึ้น
“ไบรอัน…”
ฟีบี้กระซิบอย่างแผ่วเบา พลางเงยหน้าขึ้นมองหานซั่ว
หานซั่วซึ่งกำลังอ่านเกี่ยวกับรายละเอียดของอสูรกระดูก ก็ส่งเสียงคำรามต่ำในลำคอตอบกลับมา ยิ้มให้เธอพร้อมกับใช้มืออันใหญ่โตตบก้นที่กลมกลึงของเธอเบา ๆ พลางถามอย่างหยอกเย้า
“ว่าไง? อยากทำอีกรอบเหรอ?”
ใบหน้างดงามของเธอแดงก่ำทันทีด้วยความเขินอาย ก่อนจะดึงผ้าห่มผืนบางขึ้นมาคลุมเพื่อปิดบังเรือนร่างโค้งเว้าที่แสนน่าถวิลหาของตนเอง และตอบกลับไป
“เปล่าซะหน่อย แค่นี้ร่างกายของข้าไม่เหลือแรงจะทำอะไรแล้วนะ คนบ้า!”
“ฮ่า ๆ ๆ แล้วเจ้าอยากจะพูดอะไรล่ะ?”
หานซั่ววางตำราศาสตร์แห่งความตายในมือลง เขาถามพร้อมกับยิ้ม ในขณะที่มือซ้ายของเขาก็ช่วยเธอดึงผ้าขึ้นมาห่มเพื่อปิดบังผิวกายที่ขาวนวลเนียนราวกับหยกของเธออย่างอ่อนโยน
“เจ้าทิ้งอะไรบางอย่างไว้ในร่างกายของข้า… ทุกครั้งที่เรา… ร่วมรักกันใช่มั้ย?”
ใบหน้าของฟีบี้แดงก่ำขณะถามด้วยเสียงที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ก็แน่ล่ะสิ ข้าทิ้งอะไรที่พิเศษมาก ๆ ไว้ข้างในจริง ๆ ฮ่า ๆ ๆ พวกมันก็คือเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตไง สารบริสุทธิ์ที่เป็นจุดกำเนิดของชีวิตมนุษย์ เพียงแต่มันจะไม่แตกหน่อเหมือนพวกพืชก็เท่านั้นเอง ทำไมอยู่ดี ๆ ก็ถามขึ้นมาล่ะ? หรือจริง ๆ แล้วเจ้าอยากจะถามว่าทำไมท้องของเจ้าจึงยังไม่ป่องออกมากันแน่? โอ้ เรื่องนี้โทษข้าไม่ได้นะ บางที เจ้าอาจจะยังพยายามไม่มากพอล่ะมั้ง?”
หานซั่วยิ้มอย่างชั่วร้ายขณะตอบคำถามฟีบี้
เมื่อฟีบี้เห็นรอยยิ้มที่แสนเจ้าเล่ห์ของหานซั่ว เธอก็รู้ทันทีว่าเขาเข้าใจคำถามของเธอผิดไป เธอจึงอดไม่ได้ที่จะตำหนิเขาด้วยความเขินอย่างที่สุด
“ไม่ใช่นะ! ข้าหมายถึงพลังงานที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายให้ข้านี่ต่างหาก!”
เมื่อฟีบี้พูดขึ้นมา หานซั่วก็กระจ่างทันที
“อ๋อ หมายถึงเรื่องนั้นเอง ฮ่า ๆ ๆ อย่ากังวลไปเลย พลังงานพวกนั้นมีแต่จะให้คุณกับร่างกายของเจ้าเท่านั้นแหละ แล้วก็ไม่เป็นอันตรายใด ๆ เลยด้วย อย่าไปใส่ใจมากนักเลย ยังไงซะ เจ้าก็รู้แค่ว่ามันทำให้ร่างกายของเจ้าพัฒนามากขึ้นก็พอ”
“รู้แล้ว ข้าต้องรู้อยู่แล้วสิว่าพลังงานนั้นมีประโยชน์กับร่างกายของข้า แต่ที่ข้ากังวลน่ะ คือกลัวว่ามันจะมีผลกระทบต่อพลังความแข็งแกร่งของเจ้ารึเปล่าต่างหาก”
ฟีบี้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของเธอดี แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ที่เป็นถึงปรมาจารย์จอมดาบ เธอก็รู้ดีว่า ไม่ว่าพลังงานใดก็ตามที่จากแหล่งกำเนิดของมันมา จะต้องส่งผลกระทบต่อคน ๆ นั้นอย่างแน่นอน เธอจึงเป็นห่วงและเกรงว่าหานซั่วจะได้รับอันตรายจากสิ่งนั้น
“ฮะ ๆ ๆ ไม่ต้องห่วง มันเรียกว่าการบ่มเพาะคู่ร่วมน่ะ ตอนที่ข้าถ่ายทอดพลังงานเข้าไปในตัวเจ้า จริง ๆ แล้วข้าเองก็ได้รับพลังงานของเจ้ากลับมาเหมือนกัน เจ้าแค่ไม่รู้ตัวก็เท่านั้นเอง ไม่งั้นข้าจะทำให้เจ้าทำท่าแปลก ๆ ตั้งหลายท่าไปทำไมกันล่ะ? จริง ๆ แล้วเรื่องนี้ถือเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งเลยนะ นี่ข้าก็ดันนึกไปว่าเจ้ายังอยากทำเรื่องหื่น ๆ ต่อซะอีก”
หานซั่วอธิบายให้ฟีบี้ฟังพร้อมกับยิ้ม
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟีบี้ก็หน้าแดงลงไปถึงคอ จนกระทั่งลามแดงไปทั้งตัว เธอรีบรัวกำปั้นทุบลงไปบนแผ่นอกของหานซั่ว
“ไร้สาระที่สุด! เคยมีศาสตร์บ้าบอแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่เจ้าจับข้าทำท่าน่าอายพวกนั้นก็เพราะจะสนองความชอบพิศดารส่วนตัวของเจ้าเฉย ๆ ต่างหาก เจ้าคนร้ายกาจ ยังจะมาโกหกข้าอีกนะ!”
หานซั่วยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ เขายิ้มอย่างขมขื่นขณะอธิบาย
“ที่รัก ข้าไม่ได้หลอกลวงเจ้าเลย ในโลกนี้ยังมีศาสตร์การต่อสู้อีกมากมายที่เจ้ายังไม่เคยรู้จัก แต่ไม่ว่ายังไง ศาสตร์นี้ก็มีอยู่จริง ๆ นะ ส่วนท่าที่ข้าจัดให้เจ้าทำพวกนั้นจริง ๆ แล้วมันก็มีจุดประสงค์พิเศษของมันอยู่ แต่เจ้าไม่ได้ลองพยายามสัมผัส เพราะมัวแต่รู้สึกดีอยู่ไงล่ะ งั้นครั้งหน้าถ้าเจ้าลองตั้งใจสังเกตดูดี ๆ เจ้าก็จะรู้เองนั่นล่ะว่าที่ข้าพูดคือเรื่องจริง”
ดูเหมือนฟีบี้จะถูกโน้มน้าวด้วยคำอธิบายของหานซั่วมากพอควร เธอจ้องมองเขาอย่างคิดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง และรู้ว่าหานซั่วไม่ได้พูดเล่น จึงตอบออกไปอย่างนุ่มนวล
“ไบรอัน เจ้าพูดความจริง มีศาสตร์แบบนั้นอยู่จริง ๆ สินะ”
หานซั่วพยักหน้าและยิ้มตอบ
“ก็ใช่น่ะสิ และต้องด้วยวิธีนี้เท่านั้นนะ ที่ทำให้ความสุขสมของพวกเรามาเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้กันและกันแบบนี้ แล้วก็ไม่ต้องห่วงเลย พลังงานที่อยู่ในร่างกายของเจ้าตอนนี้ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับข้าหรอก”
เมื่อหานซั่วอธิบายดังนั้น แม้เธอจะยังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย แต่ฟีบี้ก็ไม่ได้รบเร้าที่จะถามต่อ เธอเพียงขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด แต่หลังจากนั้นพักหนึ่ง ก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ และหันไปมองหานซั่วด้วยสีหน้าเคร่งขรึมพร้อมกับถาม
“ไบรอัน มีคำถามหนึ่งที่ข้าเก็บเอาไว้มานานมากแล้ว วันนี้เจ้าช่วยตอบข้าหน่อยได้มั้ย?”
“พูดมาสิ คำถามอะไรเหรอ?”
มืออันใหญ่โตของหานซั่วลูบไล้แผ่นหลังของฟีบี้ เขาหลับตาพริ้ม และถามอย่างเกียจคร้าน
“เรื่องของเอมิลี่มันยังไงกันแน่? อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเธอเลย หึ! ข้าเคยเจอเธอมาหลายครั้ง ผิวกับร่างกายของเธอเปลี่ยนไปมากเป็นพิเศษเหมือนกันกับข้าเลย ไบรอัน ข้าหวังว่าเจ้าจะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าทั้งสองคน และไม่โกหกข้านะ”
ฟีบี้จ้องมองหานซั่วอย่างไม่วางตา พร้อมกับพรั่งพรูคำถามที่ค้างคาใจเหล่านั้น
เมื่อหานซั่วได้ยินชื่อ “เอมิลี่” เขาก็สะดุ้งขึ้นมาทันที เมื่อฟีบี้จบคำถามของเธอ ในหัวของเขาก็สับสนและตีกันยุ่งเหยิงไปหมด หลังจากที่รีบคิดใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง หานซั่วก็ถอนหายใจและตอบออกไป
“ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แล้ว งั้นข้าก็คงไม่ปิดบังอะไรเจ้าอีกแล้วล่ะ ในป่าทมิฬเมื่อนานมาแล้ว ตอนที่ศาสตร์การต่อสู้พิเศษที่ข้าฝึกฝนมันเกิดควบคุมไม่อยู่ขึ้นมา ข้าบังเอิญไปข่มขืนเธอ โดยที่ข้าเองก็ไม่รู้ตัวน่ะ…”
เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ หานซั่วก็รู้ดีว่าหากปิดบังต่อไปก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น เขาจึงพยายามอธิบายลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและเอมิลี่ให้เธอฟัง
“อย่างที่คิดไว้เลย เจ้ามีอะไรกับเธอมาแล้วจริง ๆ ด้วย ข้าก็สงสัยมาตลอดว่าทำไมผิวของเธอถึงได้ขาวเนียนเหมือนกับข้าไม่มีผิด เยี่ยมไปเลย ที่แท้ก็เพราะเจ้านี่เอง ไบรอันนะ ไบรอัน ต้องให้กล้าบ้าบิ่นแค่ไหนถึงได้ไปข่มขืนลูกสะใภ้ของตระกูลเบทเธอริดจ์ได้แบบนั้น…”
ใจหนึ่งฟีบี้ก็นึกโกรธหานซั่วขณะที่เธอระบายคำพูดออกมาอย่างกราดเกรี้ยว อีกใจหนึ่งก็อยากลุกขึ้นแต่งตัวและหนีไปให้พ้นหน้า แต่เขาก็รั้งเธอเอาไว้
หานซั่วโอบกอดฟีบี้ไว้แน่น และรีบอธิบาย
“ในสถานการณ์แบบนั้น ข้าไม่มีทางเลือกอื่นจริง ๆ เจ้าก็รู้นี่ว่าเจ้าคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับข้า ส่วนเรื่องที่ไปอยู่กับเอมิลี่นั่นมันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นเองนะ…”
“ข้าไม่คิดว่ามันง่ายอย่างนั้นหรอก ยัยเอมิลี่นั่นสวยรวยเสน่ห์ออกจะตายไป เธอเก่งเรื่องบนเตียงมากมั้ยล่ะ? หรือเพราะเธอยั่วยวนเจ้าให้หลงจนโงหัวไม่ขึ้นไปแล้ว? รู้บ้างรึเปล่าว่าเธอเป็นถึงสะใภ้ของตระกูลเบทเธอริดจ์? แล้วพี่ชายของเธอก็คือเอมีสที่น่ากลัวคนนั้น?”
หานซั่วพยักหน้าและอธิบายต่อ
“แต่ตอนที่ข้าข่มขืนเธอ ข้าคิดว่าเธอเป็นแค่สายลับของจักรวรรดิอื่นนี่นา!”
เมื่อฟีบี้ดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของหานซั่ว เธอก็รีบลุกขึ้นแต่งตัว จ้องมองหานซั่วด้วยสายตาเกลียดชัง และตะโกนอย่างบันดาลโทสะ
“ข้ารู้ว่ามันต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลระหว่างพวกเจ้าทั้งคู่ ตั้งแต่ตอนงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ของท่านพ่อของพี่ลอว์เรนซ์เมื่อครั้งนั้นแล้ว! เพราะดูเหมือนพวกเจ้าจะรู้จักกันมานาน เอมิลี่ทำเกินไปแล้วจริง ๆ รวมหัวกับเจ้ามาหลอกลวงข้า…!”
เมื่อเธอพูดจบ เธอก็แต่งตัวเสร็จแล้วเช่นกัน และกำลังจะออกไปจากห้องด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด
“นั่นเจ้าจะไปไหนน่ะ?”
หานซั่วตกใจและรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าทันที
“ก็ไปหาแม่เอมิลี่จอมยั่วคนนั้นน่ะสิ อย่าตามข้ามานะ ข้าจะไปคุยกับเธอตามลำพัง!”
ฟีบี้ตอบและรีบออกไปจากคฤหาสน์ของหานซั่วอย่างรวดเร็ว