Girl, I’ll Teach You Cultivation – ฉันจะสอนเธอบ่มเพาะเอง - ตอนที่ 260
บทที่ 260
สิ่งที่อยู่ด้านหลัง
แผ่นดินไหวใช้เวลานานและเสียงกรีดร้องเองก็มีไม่ขาดสาย ในช่วงแรกเริ่ม มันยังคงได้ยินเสียงไซเรนอยู่ แต่ต่อมา แม้แต่เสียงไซเรนก็หายไป ถนนถูกทำลายลงไปโดยสิ้นเชิงยานพาหนะไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ และความมืดก็ปกคลุมทั่วทั้งเมือง ยิ่งไปกว่านั้น คืนนี้เองก็มองไม่เห็นแสงจันทร์ ดังนั้นมันจึงดูเหมือนว่าจุดสิ้นสุดของโลกได้มาถึงแล้ว ผู้คนเบียดเสียดกันในสถานที่ที่พวกเขาเชื่อว่าปลอดภัย ฟังเสียงกรีดร้องที่น่ากลัวของผู้อื่นที่มาจากทุกทิศทุกทาง
หนานก๋งโควเอ๋อเป็นสาวนักกีฬา ดังนั้นเธอจึงกล้าหาญมากกว่าเด็กนักเรียนทั่วไป แต่ถึงกระนั้นเธอก็กลัวและซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งใต้หินของภูเขา ก็ในเมื่อที่เธอรู้สึกอ่อนแรงมากเนื่องจากอาการวิงเวียนศรีษะจากแผ่นดินไหว
จุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวเริ่มเคลื่อนที่ช้าๆ ลงแล้ว เธอรู้สึกว่าส่วนที่เหลือก็เริ่มหยุดลงไป หนานก๋งโควเอ๋อผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมา เพื่อโทรหาที่บ้าน ถึงแม้ว่ามันจะมีแบตเพียงพอ แต่ก็ไม่มีสัญญาณ
“เวรเอ้ย!”
ใบหน้าของหนานก๋งโควเอ๋อซีดจางลง
ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เธอทำได้ก็คือรอให้ถึงรุ่งอรุณ จากนั้นเธอก็หวังว่าทีมกู้ภัยจะมาถึงอย่างรวดเร็ว แผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงเกินไป เธอเห็นรอยแยกทั่วเมืองฮ๋าในความมืดมิด ถนนเสียหายอย่างหนัก แม้ว่าทีมกู้ภัยจะมาถึง ถ้าจะช่วยชีวิตเธอก็คงต้องลำบากหน่อยแล้ว แต่ก็เคราะห์ยังดี ที่เธอรอดออกมาได้ทั้งๆ ทีไม่บาดเจ็บ
มันรอแค่เพียงแผ่นดินไหวหยุดนิ่ง เธอก็จะสามารถออกจากที่แห่งนี่ได้อย่างปลอดภัยเมื่อรุ่งอรุณ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ และในที่สุดแผ่นดินไหวก็หยุด เธอสัมผัสได้ถึงผู้คนจำนวนมากในบริเวณใกล้เคียง บางคนพูดคุยกันด้วยน้ำเสียงเบาๆ ดูเหมือนว่าจะมีคนบาดเจ็บและมีเลือดไหลออกมาตลอดด้วย แต่การที่รู้ว่ามีคนอื่นอยู่ นั้นก็ทำให้เธอสงบใจอยู่ภายใน หลังจากใช้เวลาตลอดทั้งคืนอย่างเป็นกังวล เธอก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
หลังจากรุ่งสาง แสงส่องผ่านฟากฟ้าและฉายลงมาบนพื้นดิน มีคนตะโกนอย่างตื่นเต้น “ฉันมีสัญญาณแล้ว!”
หนานก๋งโควเอ๋อตื่นขึ้นมาด้วยสิ่งนี้ เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีและเห็นว่ามีสัญญาณจริงๆ เธอโทรไปที่บ้าน พ่อแม่ของเธอแทบจะจมน้ำตายไปจากความกังวลแล้ว และไม่ได้นอนเลย ดังนั้นพวกเขาจึงดีใจที่เธอโทรไปหา “โควเอ๋อ หนูเป็นไรไหม?”
ลูกสาวของพวกเขาไปที่เหลียวตง ซึ่งมันก็เพิ่งเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว พวกเขาจึงกลัวจริงๆ
หลังจากได้ยินเสียงแม่ของเธอแล้ว หนานก๋งโควเอ๋อที่มักจะเป็นคนที่มีความแน่วแน่มั่นคงกำลังร้องไห้เหมือนเด็กๆ “แม่!” เสียงร้องไห้ของเธอเริ่มดังขึ้น
“คนดีของแม่ หนูไม่เป็นไร ใช่ไหม? อย่าทำให้แม่กลัวสิ!”
หนานก๋งโควเอ๋อส่ายหัวของตัวเอง แต่ตามเรื่องราวแล้วแม่ของเธอย่อมไม่เห็นมัน หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็กล่าว “นะ หนูสบายดีและหนูก็ไม่ได้บาดเจ็บด้วย หนูแค่กลัวนิดหน่อยค่ะ”
“นั้นก็ดีแล้ว พ่อกับแม่เป็นห่วงหนูอยู่ทั้งคืนเลย”
อารมณ์ของหนานก๋งโควเอ๋อค่อยๆ คงที่อย่างช้าๆ “แผ่นดินไหวหยุดไปแล้ว ดังนั้นมันเลยไม่มีอันตรายแล้ว แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
แม่ของเธอกล่าวด้วยความหวาดกลัว “ข่าวรายงานว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงมาก เปลือกโลกดูเหมือนจะเคลื่อนตัวแบบมีนัยสำคัญ รอยแยกขนาดใหญ่เกิดขึ้นระหว่างเมืองฮ๋าและเมืองหยางเต๋อ พวกมันทั้งสองแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์ น้ำพุ่งออกมาจากใต้ดินและกลายเป็นแม่น้ำที่ใหญ่กว่าคลองของเจียงหนาน”
หลังจากถึงช่วงที่กระจ่างใสสุดของวัน ในที่สุดหนานก๋งโควเอ๋อก็สามารถรู้ได้ว่าเธออยู่ที่ไหน เธออยู่บนภูเขาสูงที่มีความสูงอย่างน้อยหลายร้อยเมตรจากระดับน้ำทะเล เธอสามารถมองเห็นเมืองฮ๋าทั้งหมดจากที่ที่เธออยู่ เธอรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังฝันไป แต่โรงแรมนั้นยังคงยังตั้งอยู่แบบสมบรูณ์พร้อมที่ยอดเขา มันเป็นทิวทัศน์ที่แปลกใหม่อย่างแท้จริง ซึ่งไม่สามารถสร้างสรรค์ขึ้นมาเองได้
หลังจากได้เห็นฉากนี้ เธอรู้สึกว่าเธอโชคดีจริงๆ ที่รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ได้โดยที่ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ
เสียงของปะป๋าหนานก๋งโควเอ๋อดังมาจากปลายสาย “โควเอ๋อ ตอนนี้หนูอยู่ไหน? พ่อจะส่งเฮลิคอปเตอร์ทหารในเขตท้องถิ่นไปรับหนู”
มากกว่าครึ่งหนึ่งของเมืองฮ๋าถูกทำลาย ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ทีมกู้ภัยจะเข้ามาตามถนน วิธีเดียวที่จะช่วยเหลือผู้คนได้ก็คือการใช้เฮลิคอปเตอร์
หนานก๋งโควเอ๋อพึมพำกับตัวเอง เมืองฮ๋าอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ที่เจียงซิ่วอยู่ เธอสงสัยว่าเขาจะเจอประสบแผ่นดินไหวเหมือนกันหรือไม่ ถ้าฉันออกไป แล้วเขาล่ะ? จะให้ฉันทิ้งเขาไป? เธอมาถึงข้อสรุปที่เธอไม่เคยคาดคิด “หนูยังไม่รู้ตำแหน่งที่จะจอดเฮลิคอปเตอร์ได้เลย เมื่อจะโทรหาใหม่ถ้าเจอแล้วนะ”
เธอวางแผนที่จะอยู่รั้งท้ายก่อน เพื่อที่จะได้ตามหาเจียงซิ่วและกลับไปด้วยกัน
“ดูแลตัวเองด้วย”
“หนูปลอดภัย”
“ติดต่อมาได้ตลอดนะ”
ท้องฟ้าค่อยๆ จางหายไป และคนที่ซุกอยู่ข้างในก็เริ่มออกมา มีบางคนปรากฏตัวออกมาตามท้องถนน แต่ถนนนั้นก็เป็นหลุมเป็นบ่อ และยังมีหลุมที่ลึกหลายเมตรอยู่ทุกที่ แม้แต่แพทย์จากโรงพยาบาลก็หนีไป ดังนั้นโรงพยาบาลจึงกลายเป็นว่างเปล่า ผู้บาดเจ็บไปที่นั่นโดยไม่รู้เรื่องนี้ และผู้ที่ต้องการออกจากเมืองร้างนี้ก็ไปได้ด้วยแม่น้ำที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาเพียงข้ามคืน
ภายในหน้าจอขนาดใหญ่ของห้างสรรพสินค้า ข่าวกำลังออกอากาศ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ไม่กี่แห่งที่มีสัญญาณโทรศัพท์ ข่าวนี้เพิ่งรายงานเรื่องแผ่นดินไหวที่เมืองฮ๋าไป พนักงานกู้ภัยกำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะทำการปิดล้อม และแม้กระทั่งกองทัพก็ปรากฏตัวขึ้น เรือสปีดโบ๊ทหลายประเภทแล่นไปตามกระแสน้ำในน้ำ โดยมีเจตนาที่จะขับไปยังเมืองฮ๋า
เมื่อมองจากมุมบนทั้งเมืองของเมืองฮ๋า ผู้คนในพลาซ่ากลายเป็นตื่นตระหนก
“ความเสียหายรุนแรงมาก!”
มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันที่พลาซ่า ทุกคนดูเหมือนจะหมดความรู้สึกหลังจากดูที่หน้าจอ ครอบครัวและบ้านเรือนของพวกเขาหายไป และเมืองนั้นก็ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง พวกเขาหวังว่ารัฐบาลจะเร่งดำเนินการเร็วไ และช่วยพวกเขาหลุดพ้นจากความทุกข์ยาก
คนที่อยู่ตีนภูเขาเริ่มเดินลงา ภูเขาไม่ได้ดูเหมือนว่ามันขึ้นมาจากใต้ดินเลย มันถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้และพืช มันมีแม้แต่กระทั่งพืชที่หายากบางชนิดจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่มีเส้นทางลงจากภูเขา ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทำได้แต่ปีนลงเท่านั้น
ใช้ประโยชน์จาการเป็นวัยรุ่นของเธอ หนานก๋งโควเอ๋อเองก็ริเริ่มที่จะมีความคิดปีนป่าย เธอวางแผนที่จะเข้าเมือง และมองหาที่ๆ สามารถกินข้าวได้ และไปหาเจียงซิ่ว
และในตอนนี้เอง เจียงซิ่วก็รวมตัวกันอยู่ที่ทางเข้าโรงเรียนประถมพร้อมกับชาวบ้าน แม้ว่าแผ่นดินไหวจะไม่ส่งผลกระทบต่อหมู่บ้านรุนแรงเช่นเดียวกับเมืองฮ๋า แต่บ้านหลายหลังก็พังทลายลงมา คืนที่แล้ว เขาได้เห็นการล่มสลายของเมืองฮ๋าจากมุมมองของกระบี่สั้น ตอนนี้ รอยแยกหลายแห่งเปิดขึ้นในเมืองฮ๋า หลายที่มีผืนแผ่งดินยกขึ้นสูง แม่น้ำสายเล็กๆ หลายแห่งก่อตัวขึ้น และแม้แต่กระทั่งแม่น้ำสายใหญ่ก็มี ภูเขาหลายลูกผุดขึ้นรอบเมือง
โลกไม่เคยประสบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้มาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ยังรู้สึกเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับโลกนี้ คำกล่าวของราชาอเล็กอาจเป็นจริง โลกนี้เปลี่ยนไปจริงๆ
“โว้ว!”
ดูรูปถ่ายของเมืองฮ๋าจากในข่าว ชาวบ้านต่างก็ส่งเสียงร้อง แรงทำลายล้างรุนแรงเกินไปและคล้ายคลึงกับภาพยนตร์ที่กล่าวถึงจุดจบของโลก
เป็นไปไม่ได้ที่จะประเมินการบาดเจ็บล้มตายในตอนนี้ แต่แน่นอนว่ามันต้องเป็นตัวเลขที่ไม่เล็กน้อย
“ลูกของฉันทำงานพาร์ทไทม์อยู่ในเมือง”
“เขาต้องไม่เป็นไร ใช่ไหม?”
แสงแดดยามเช้าขึ้นเหนือเมืองนี้มันทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น เจียงซิ่วมีความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้ในหัวใจ สายตาของเขากวาดไปทั่วบริเวณ และค้นพบสายตาที่ข่นลุกคู่นึงกำลังส่องแสงอยู่ในความมืดมิดของบ้านที่ถูกถล่ม ฟังจากเสียงหายใจ มันดูเหมือนเสียงของสัตว์ร้าย ฉากนี้ทำให้เจียงซิ่วระลึกถึงสัตว์ที่เขาพบในเมืองโบราณ สิ่งมีชีวิตแปลกๆ ที่ไม่ได้มาจากโลกนี้
“โอ้แม่เจ้า!”
ผู้หญิงคนหนึ่งก็สังเกตเห็นมันเช่นกันและร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว
สิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดนั้นมีขนาดใหญ่มาก และด้วยความมืดมิดของบ้านหลังนั้นก็ส่งผลทำให้มันดูน่ากลัว
“นั่นคืออะไร?”
“หมีรึเปล่า?”
มันมีหมีอยู่ในภูเขาเหลียวตง
“ทำไมหมีถึงออกมาจากภูเขา?”
มีคนตะโกน “จะมัวแต่ยืนงงไปทำไม? หาปืนมาเร็ว ไม่ใช่ว่าบ้านของพวกผู้ชายมีปืนล่าสัตว์อยู่? ไปเอามันมาเร็ว”
ทุกคนดูเหมือนจะตื่นขึ้นจากอาการมึนงง
สัตว์ประหลาดส่งเสียงขู่คำรามเสียงต่ำจากคอของมัน มันฟังดูทั้งลึกลับและน่ากลัว แต่มันก็ไม่กล้าออกมาจากความมืดมิดของตัวบ้าน
มันกลัวแสงแดด? เจียงซิ่วครุ่นคิด
ชาวพื้นเมืองเหลียวตงต่างก็กล้าหาญ หลังจากคว้าปืน พวกเขาก็ยิงมันใส่สัตว์ประหลาดด้วยความตั้งใจที่จะดูว่ามันคือตัวอะไร อย่างไรก็ตาม การกระทำนี้ดูเหมือนจะทำให้สัตว์ประหลาดนั้นโมโห
ทันใดนั้นเองมันก็อ้าปากแล้วก็คำราม ส่งผลให้คลื่นเสียงกระเพื่อมออกไปด้านนอก ชาวบ้านกรีดร้องขณะที่พวกเขากระเด็นออกไปข้างหลังเนื่องจากสิ่งนี้ มันราวกับว่าพวกเขาถูกพายุพัดกลับมา
นักล่าคนนั้นกลัวและยิงสัตว์ประหลาดอย่างไร้ความปราณีอีกครั้ง มันไม่ชัดเจนนักว่าโดนหรือพลาด แต่เงาออกมาจากความมืด และกระโดดได้ถึง 5-6 เมตรในครั้งเดียว มันเข้ามาด้วยความเร็วสูง
ดวงตาของเจียงซิ่วเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เห็นรูปร่างของสัตว์ประหลาดได้ชัดเจนแล้ว
มันมีรูปลักษณ์ที่ดุร้าย และเป็นร่างคล้ายสิงโตที่มีเกราะอยู่ทั่วตัว
“สิงโตปีศาจ!”