Gate of God - ตอนที่ 521
ตอนที่ 521 รอ…
หลังจากที่ได้ต่อสู้กับองค์รัชทายาทมาอย่างยาวนานราชาต้วนเข้าใจเรื่องต่างๆในสภาเป็นอย่างดี เขารู้ดีว่า ฉือ เฮา กำลังพูดถึงอะไร
องค์รัชทายาทมีความได้เปรียบในสภา
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะชิงตำแหน่งรัฐมนตรีกฎหมายจากองค์รัชทายาทในสภาได้วิธีการเดียวคือให้องค์จักพรรดิเป็นผู้แต่งตั้ง
ฉือเฮา ได้แนะนำวิธีนี้ขึ้นมา
ในเมืองหลวงแห่งนี้คนที่จักรพรรดิเชื่อใจมีไม่มากนัก มีเพียงสามคนกับอีกครึ่งหนึ่ง
คนแรกคือซิง หยวนกัว แห่งกองตรวจการความมั่นคง ในฐานะผู้นำของกองตรวจการทั้ง 13 และเป็นเสาหลักของอาณาจักร
อย่างไรก็ตามซิง หยวนกัว ไม่เคยเข้าไปยุ่งกับเรื่องเหล่านี้ เหตุผลสำคัญคือ ซิง หยวนกัว ไม่จำเป็นต้องยุ่ง
นอกจากนี้ซิง หยวนกัว เป็นคนที่ภักดีต่อราชบัลลังก์
นั่นหมายความว่ามันเป็นไปไม่ไดที่ซิง หยวนกัว จะสนับสนุนการชิงบัลลังก์
ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง..
ครึ่งที่ว่านั่นคือรัฐมนตรีฝ่ายซ้ายยู่ ยี่ปิง ในฐานะหัวหน้าของเหล่าเจ้าหน้าที่ เขารู้ว่าจักรพรรดิกำลังคิดอะไรอยู่ และองค์จักรพรรดิก็เชื่อคำแนะนำของเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์ของ ยู่ ยี่ปิง ในสภาแล้ว จักรพรรดิทรงเชื่อใจเขาเพียงแค่ครึ่งเดียว
สำหรับคนสุดท้าย…
”เจ้าคิดว่าจะทันหรือไม่ถ้าข้าเคลื่อนไหวตอนนี้?”ราชาต้วนถามขณะคิด
หลังจากต่อสู้กับองค์รัชทายาทมานานหลายปีราชาต้วนรู้จักพี่ชายของเขาเป็นอย่างดี พี่ชายของเขาอาจจะแนะนำใครสักคนให้รับตำแหน่งนั้นในวันพรุ่งนี้ คำแนะนำของเขาต้องได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ส่วนมากเป็นแน่
”ข้าไม่รู้แต่ถ้าทำอะไรสักอย่างก็ดีกว่าไม่ทำ” ฉือ เฮา ส่ายหัวแล้วจิบชา
”เข้าใจแล้วข้าจะเตรียมการทุกอย่างให้เรียบร้อย “ราชาต้วนมองไปที่นายฮั่วและผู้อาวุโสเหวิน เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
”เลือกได้ดี”ฉือ เฮา ยังคงจิบชาต่อ ราวกับไม่ได้สังเกตุการกระทำของราชต้วน
…
เช้าวันถัดมา
องค์รัชทายาทสวมชุดเจ้าหน้าที่เขาเดินทางมาถึงสภาแล้ว รัฐมนตรีฝ่ายซ้าย ยู่ ยี่ปิง และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆก็มาถึงอย่างรวดเร็ว
พวกเขาพูดคุยกันเล็กน้อย
ราชาต้วนและฉือ เฮา มาถึงหลังจากนั้นพวกเขาเห็นสิ่งนี้และเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทันที อย่างไรก็ตามท่าทีของพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลง
เหล่าเจ้าหน้าที่หยุดการถกเถียงกันแล้วเข้าไปทักทายฉือ เฮา จากนั้น พวกเขาก็เชิญชวน ฉือ เฮา มากมาย
ทั้งเชิญมาทานอาหารเชิญมาล่าสัตว์ มาแข่งขั้น กระทั่งจิบน้ำชา
เวลาผ่านไป…
ที่ประชุมกำลังจะเริ่มแต่ทันใดนั้นขันทีเว่ยก็เดินเข้ามาในห้อง
”จักรพรรดิรู้สึกไม่ค่อยดีขอยกเลิกการประชุม!”ขันทีเว่ยประกาศแจ้งแก่เจ้าหน้าที่
”ขันทีเว่ยเมื่อวานนี้องค์จักรพรรดิยังดีๆอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”หนึ่งในเจ้าหน้าที่เอ่ยถาม
ขันทีเว่ยจ้องไปทางรัฐมนตรียู่ ยี่ปิง และเหล่าเจ้าหน้าที่ที่เต็มไปด้วยความสับสน “ผู้คนสามารถป่วยได้ตลอดเวลา ถูกต้องไหม เจ้าหน้าที่หลี่?”เขาตอบ
”ใช่แล้วใช่แล้ว ขันทีเว่ยพูดถูดแล้ว อย่างไรก็ตามเรามีบางสิ่งที่สำคัญจะพูดคุยกับองค์จักรพรรดิ อาการของเขาเป็นอย่างไร?”
”หมอบอกเขาต้องใช้เวลาพักอย่างน้อย2-3 วันเป็นอย่างน้อย 5-6 วันเป็นอย่างมาก”
”โอ้ดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น เราจะรู้ได้หรือไม่ว่าเขาพักที่ไหน? ถ้าอย่างน้อยท่านโปรดบอกพวกเรา … ”
”จักรพรรดิพักอยู่ในที่พักของพระสนมฮั่วเฟยถ้าเจ้าอยากเข้าพบ เจ้าสามารถคุกเข่ารออยู่ที่ทางเข้าได้”ขันทีเว่ยโบกมือไปทางเจ้าหน้าที่หลี่ให้หลีกทาง
”ฮึ่มเนื่องจากจักรพรรดิอยู่ที่นั่น พวกเราจะไม่รบกวนเขา พวกเราจะรอจนกว่าอาการของเขาจะดีขึ้นแล้ว”
”องค์จักรพรรดิรอให้ข้าไปดูแลอยู่ดังนั้น ข้าขอตัว!”
”พวกเราเข้าใจแล้ว!”
รัฐมนตรีฝ่ายซ้ายยู่ ยี่ปิง ขมวดคิ้วหลังจากที่มอง ขันทีเว่ยจากไป เขาเริ่มคิดบางอย่าง “ฮั่วเฟย …”
…
เนื่องจากการประชุมถูกยกเลิกดังนั้นตำแหน่งรัฐมนตรีกรมกฎหมายคงต้องรอกันต่อไปแม้เรื่องของ ว่าน ฉง เองก็ต้องเลื่อนออกไปเช่นกัน
ว่านฉง เป็นรัฐมนตรีกรมกฎหมาย แม้จะมีหลักฐานชัดเจน แต่เขาก็ไม่สามารถถูกตัดสินได้จนกว่าจะได้รับความเห็นจากองค์จักรพรรดิ
เมืองดูเงียบสงบอย่างผิดปกติ
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีของว่าน ฉง เริ่มวิตกกังวลมากขึ้นทุกวัน พวกเขาตกอยู่ในอันตรายจนกว่ารัฐมนตรีกรมกฎหมายจะอยู่ฝ่ายเขา
รถม้านับไม่ถ้วนผ่านไปตามถนนของเมืองหลวงเกิดเหตุการทะเลาวิวาทเล็กๆน้อยๆตลอดเวลา
”หลบไปซะ!เจ้ากล้าขวางทางรถม้าตระกูลหลี่ได้อย่างไร! เจ้าเตรียมใจได้เลย!”
”ตระกูลหลี่งั้นหรือ?พวกเขาเป็นใครกัน? ทำไมเจ้าไมแหกตาดูล่ะว่าบนรถม้านี้มีใครอยู่? ถ้าเจ้าไม่หลบไป ข้าจะชนรถเจ้าให้พังเลย!”
”ว้าวน่ากลัวเหลือเกิน ทำไมไม่ลองดูล่ะ?!”
”ย่อมได้ข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงพลังของตระกูลจาง!เจ้ารออะไรอยู่ล่ะ ปลดล้อของรถม้าเขาซะ!”
”เจ้ามันก็เป็นแค่คนโอหังจากตระกูลชั้นต่ำ!”
”…”
รถม้านับไม่ถ้วนแล่นไปตามถนนอย่างไรก็ตามมีประตูหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มาก แต่ไม่มีรถม้าคันไหนมาหยุดที่หน้าประตูนี้เลย
บ้านพักของปิง หยาง!
มันตั้งอยู่ใจกลางเมืองและอยู่ติดกับวังเหล่าเจ้าหน้าที่่ต่างไม่มีใครอยากย่างกายเข้ามาใกล้ที่นี่
ทันใดนั้นรถม้าคันหนึ่งได้มาหยุดอยู่ด้านหน้าที่พักของปิง หยาง
จากนั้นเด็กหนุ่มคนหนึ่งก็กระโดดลงมาจากรถม้าพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
”ไงพี่ชายช่วยประกาศถึงการมาถึงของข้าหน่อยได้ไหม? ข้ามาหาเจ้าหน้าที่ฟาง!” เขาเดินไปที่ประตูและถามทหารยามคนหนึ่ง
จากนั้นเขาก็หยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมา
”เจ้าหน้าที่ฟาง…ฟางไหนงั้นรึ?” ทหารยามเมินเงินในมือของเด็กหนุ่ม
”แน่นอนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฟาง!”เด็กหนุ่มตอบ
”ข้าเข้าใจแล้ว”ทหารยามพยักหน้า ก่อนจะส่งสายตาให้ทหารที่อยู่ด้านใน
ทันใดนั้นทหารทั้งยี่สิบคนได้พุ่งออกมาจับเด็กหนุ่มคนนั้นกดไว้กับพื้น
เด็กหนุ่มตกตะลึง
”ข้าพูดผิดข้ามาที่นี่เพื่อหา ฟาง เจิ้งเจิ้ง! ข้าคือ เหวิน เต๋าเปา!”
”โอ้เจ้ามาหานายน้อยฟาง? ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้?!” ทหารหยุดทันทีเมื่อได้ยิน
เหวินเต็าเปา เต็มไปด้วยความขมขื่นแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เขาปาดน้ำตาและลุกขึ้น
”ช่วยไปบอกหน่อยได้ไหมว่าข้ามาถึงแล้ว?”
”แน่นอนรอสักครู่” ทหารพยักหน้า พร้อมกับหยิบเงินที่ตกอยู่บนพื้นเข้ากระเป๋า
”…” สีหน้าของ เหวิน เต๋า เปา เต็มไปด้วยความขมขื่นขึ้นกว่าเดิม
…
ในสวนภายในบ้านพักของ ปิง หยาง…
ฟางเจิ้งจือ แต่งตัวในชุดสีน้ำเงินเช่นเคย เขานอนอยู่บนเก้าอีตัวหนึ่ง
ปิงหยาง นั่งอยู่ข้างๆ ฟาง เจิ้งจือ นางสวมชุดสีแดงเช่นเคย ขณะมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ เงียบๆ
สำหรับเหยียน ซิว เขานั่งอยู่ใกล้ๆเช่นกัน เขาถือปากกาอยู่ในมือ ขณะที่เขียนบางอย่างบนกระดาษ
มันเป็นช่วงเวลาที่สงบมาก
ทันใดนั้นทหารในชุดเกราะปรากฎขึ้นที่ทางเข้าสวน
”ฝ่าบาทนายน้อยฟาง นายน้อยเหยียน เหวิน เต๋าเปา อยู่ที่นี่แล้ว”
”…”
เงียบ
ปิงหยาง, ฟาง เจิ้งจือ, เหยียน ซิว เงียบ ราวกับว่าไม่ได้ยินที่ทหารพูด
พวกเขายังคงทำในสิ่งที่พวกเขาทำอยู่ต่อไป
ทหารรออย่างอดทนเป็นเวลา15 นาที …
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังไม่สนใจ
”อะแฮ่มเหวิน เต๋าเปา มาอยู่ที่นี่แล้ว” เสียงของทหารดังขึ้นอีกครั้ง
”…”
เงียบ
ทหารมองเข้าไปที่ทั้งสามคนที่อยู่ในสวนเขาพบว่าทั้งสามคนยังมีท่าทีเช่นเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย
ทหารเริ่มแสดงร่องรอยแห่งความสับสน
เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ทหารยืนรอนิ่งๆอยู่ที่ทางเข้าราวกับเป็นรูปปั้น
หลังจากผ่านไป15 นาที ทหารอีกคนได้ปรากฎตัวขึ้น เขาพูดในสิ่งเดียวกันกับที่ทหารคนก่อนหน้านี้พูด
แต่ทั้งสามคนก็ยังไม่สนใจเช่นเคย
ทหารทั้งสองคนยืนนิ่งราวกับรูปปั้น
เวลาผ่านไป
จากชั่วโมงเดียวเป็นสองชั่วโมง…
จำนวนของ’รูปปั้น’ ที่ทางเข้าสวนมีมากขึ้นเรื่อย มีทั้งทหารในชุดเกราะ คนรับใช้ ทาสสุดท้าย…แม้แต่หัวหน้าผู้ดูแลบ้านก็กลายเป็นรูปปั้นเช่นกัน
ดวงอาทิตย์เกือบจะขึ้นถึงจุดสูงสุดความร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งสามคนไม่เคลื่อนไหวเช่นนั้นรูปปั้นทั้งหลายจึงไม่กล้าเคลื่อนไหวเช่นกัน พวกเขายังคงรอต่อไป
ในที่สุดปิง หยาง ก็หันมาและมองไปที่คนใช้คนหนึ่ง
นางไม่ได้พูดแต่กระพริบตา จากนั้นนางก็หันขึ้นไปมองดวงอาทิตย์
คนใช้มองเห็นและเข้าใจในทันทีไม่นานคนใช้ก็กลับมาพร้อมน้ำชา
ดวงตาของปิง หยาง สดใสขึ้นเมื่อเห็นมัน นางคว้าถ้วยชาจากมือของคนใช้มา
”เจ้าแพ้”ฟาง เจิ้งจือ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ และมองไปที่ ปิง หยาง
”ข้าแพ้รึ?ทำไมข้าถึงแพ้? ข้ายังไม่ทันพูดอะไรสักคำ!” ปิง หยาง หงุดหงิด
”เจ้าเปล่า?”
”ไม่อย่างแน่นอนเจ้าได้ยินข้าพูดอะไรออกมาหรือไง?”
”ข้าบอกว่าคนแรกที่เปิดปากจะแพ้ไม่ใช่คนแรกที่พูด เจ้าจะดื่มน้ำได้อย่างไรถ้าไม่เปิดปาก “ฟาง เจิ้งจือ ตอบอย่างเหยียดหยาม
”นั่นนับด้วยรึ?”ปิงหยาง ไม่อยากเชื่อหูของนาง
”เจ้าคิดว่ายังไง?”ฟางเจิ้งจือ ตอบกลับ
”เอาล่ะในครั้งนี้เจ้าชนะได้เพราะโกง เจ้าอยากถามอะไรก็ถามมา “ปิง หยาง ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่เต็มใจ
”คำถามของข้าไว้ก่อนก็ได้เหวิน เต๋าเปา รออยู่ข้างนอกนานกว่า 4 ชั่วโมงแล้ว”ฟาง เจิ้งจือ โบกมือให้นาง
”ใช่แล้วเหวิน เต๋าเปา อยู่ด้านนอกเกือบ 4 ชั่วโมงแล้ว” ทหารเกราะทองคำตอบด้วยความเคารพ
แต่
พวกเขากลับเต็มไปด้วยความขมขื่น
พวกเขารู้ว่าองค์หญิงปิง หยาง เป็นคนที่ดื้อรั้น พวกเขาชินกับเรื่องนี้ดี อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่คิดเลยว่าจะต้องรับใช้คนหัวดื้อพร้อมกันถึง 2 คน
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ลูกชายตระกูลเหยียนเหยียน ซิว เขาเองก็ร่วมเล่นด้วย!