Gate of God - ตอนที่ 505
ตอนที่ 505 ข้าอยากเดิน…
”นายน้อยเมิ่งไม่ได้จำผิดหรอกข้าคือ ฟาง เจิ้งจือ !””ชายหนุ่มคนนั้นพูดออกมาราวกับไม่ได้ยินเสียงที่ริมฝั่ง
เขาสงบมาก
อย่างไรก็ตาม…
เมิ่งอวี้ชู ตกใจที่ได้ยิน
ทำไมเขาถึงยอมรับมันออกมา?
นอกจากนั้นเขายังยอมรับมันต่อหน้าคนจำนวนมากเขาจะทำอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้น? เขาไม่กลัวเหรอ?
เขาไม่รู้งั้นรึว่าเขาถูกหมายจับ?
เมิ่งอวี้ชู ไม่สามารถเข้าใจได้ เขาต้องการให้ ฟาง เจิ้งจือ ถูกจับและเอาไประหารชีวิตซะ แต่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้
เขาต้องใจเย็นๆ และคิด
”เขาวางแผนที่จะปิดปากข้าหรือไม่?!”เมิ่ง อวี้ชู รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เขาแน่ใจว่าไม่มีใครกล้าฆ่าเขาที่นี่
ยกเว้น
ฟางเจิ้งจือ
แม้แต่ฉาน หลิง เขายังกล้าฆ่า ฐานะของ เมิ่ง อวี้ชู ไม่มีความหมายอะไรเลย
”นายน้อยเมิ่งดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะเขาไปข้างในเรือนั่งจิบชาสักหน่อยไหม? เราสามารถพูดคุยถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้ ข้ามีชาที่ดีมาก” ฟาง เจิ้งจือ ยิ้ม
”อ่า… ไม่ ไม่ ไม่เป็นไร ข้า… ข้ายังมีเรื่องให้ต้องทำ ใช่ๆข้ายังได้นัดคนไว้อีก…” เมิ่ง อวี้ชู ค่อยๆเดินถอยหลังไป
”อืม…ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ต้องการงั้นลาก่อน” ฟาง เจิ้งจือ โบกมือให้
”ลาก่อน?”เมิ่ง อวี้ชู ตกตะลึง
”หรือเจ้าอยากจะเข้าไปนั่งด้านในเรือล่ะ?”
”ฮ่าฮ่า… ไม่จำเป็นข้ารีบไปก่อนดีกว่า!” เมิ่ง อวี้ชู กระโดดลงจากเรือโดยไม่ลังเล
”จ๋อม!”
ผู้คนนับไม่ถ้วนเห็นเมิ่ง อวี้ชู กระโดดลงไปในแม่น้ำ อย่างไรก็ตามไม่มีใครเข้าใจว่า เมิ่ง อวี้ชู ทำมันได้ยังไง?
พวกเขาปล่อยเมิ่ง อวี้ชู ให้รอดมา?
เกิดอะไรขึ้น?
ฟางเจิ้งจือ เพิกเฉยต่อสายตาคนอื่น ขณะที่มองไปยัง เมิ่ง อวี้ชู “นายน้อยเมิ่ง มั่นใจแล้วหรือที่จะไม่นั่งเรือไปกับเรา?”
”ไม่เป็นไรไม่เป็นไร น้ำเย็นมาก ฮ่า ฮ่า … ข้าชอบว่ายน้ำเล่น… “สีหน้าของ เมิ่ง อวี้ชู เปลี่ยนไป เมื่อเขากำลังว่ายน้ำเข้าหาฝั่ง เขาไม่ได้มองย้อนกลับไปแม้แต่ครั้งเดียว
”งั้นข้าขอตัว”ฟาง เจิ้งจือ พูดก่อนจะเดินกลับเข้าไปด้านในเรือ
ที่ทางเข้าห้องโดยสาร…
ซูจิว หน้าซีด
”พวกเรา…่ยังไปที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือหรือไม่?”ซูจิว ถามอย่างระมัดระวัง
”แน่นอน”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”แต่ความวุ่นวายที่นี่…ไม่นานทั้งดินแดนเหนือ ไม่…ทั้งอาณาจักรเซี่ยจะตามล่าตัวท่าน” ซู จิว ลังเล
”ใช่แล้ว…พวกเจ้าทั้งหมดกลัวงั้นหรือ?”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้าก่อนจะมองไปยังหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมหน้าและอีกร่างหนึ่งที่ยืนอยู่ใต้เงามืด
”ไม่!”พวกเขาพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียง
”อืมแล้วเจ้าล่ะ ซู จิว?” ฟาง เจิ้งจือ มองไปที่ ซู จิว
”ไม่ข้าจะติดตามท่านไป ต่อให้ต้องลงไปยังก้นเบื้องของหุบเหวก็ตาม! ทำไม ข้าต้องกลัวด้วย ทำไมฉันต้องกลัว” ซู จิว ทุบหน้าอกตัวเอง
”ไม่มีใครกลัวก็ไม่มีปัญหาอะไร?”
”ไม่มีปัญหา!”ซู จิว ส่ายหัว
ฟางเจิ้งจือ ยิ้มแต่เขาไม่ได้เข้าไปในห้องโดยสารอีก เขาหันไปมอง เมิ่ง อวี้ชู และก่อนจะหันไปมองสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจากคนบนฝั่ง
ฟางเจิ้งจือ รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมฟาง เจิ้งจือ ถึงเลือกที่จะแสดงตัวตอนกลางวัน
มันไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างมาก
แม้แต่ซู จิว ก็ไม่เข้าใจ
ถ้าฟาง เจิ้งจือ ต้องการกลับไปหมู๋บ้าน เขาสามารถทำได้หลายวิธี เขาอาจจะปลอมเป็นพ่อค้า…
มีหลายวิธีที่เขาจะกลับมาอย่างปลอดภัยและไม่โดดเด่นจนเกินไป
ฟางเจิ้งจือ รู้เรื่องนี้
แต่เขาต้องการแบบนั้นงั้นหรือ?
ไม่!
ความคิดของฟาง เจิ้งจือ นั่นเรียบง่าย เขาต้องการกลับบ้านเกิด นั่นคือที่ที่เขาเติบโตมา
ทำไมเขาต้องปิดบังตัวเองด้วย
หมู่บ้านภูเขาทางเหนือคือบ้านของเขา!
เขาต้องการกลับไป
และเขาต้องการที่จะทำอย่างเปิดเผย!เขาต้องการให้คนทั้งโลกรู้ว่าเขากลับมาแล้ว
”ข้ากลับมาแล้วลองมาจับตัวข้าให้ได้สิ!”
ไม่ใช่ว่าฟาง เจิ้งจือ ไม่กลัวตาย หรือกล้าเป็นศัตรูกับอาณาจักรเซี่ยเพราะมีนิกายเงาหนุนหลัง…
เพราะว่า
เขาไมยอมรับที่จะกลับบ้านเกิดด้วยวิธีอันน่าอัปยศเช่นนั้น!
ผู้คนจำนวนมากเริ่มวิ่งหนีเมื่อมีทหารวิ่งมาที่ริมแม่น้ำ
ชื่อของฟาง เจิ้งจือ นั้นดึงดูดมากกว่าขื่อของราชวงศ์เสียอีก
แม้ว่าชื่อของฟาง เจิ้งจือ จะเป็นสิ่งต้องห้ามในปีที่ผ่านมา …
มันก็ไม่ได้ลดอิทธิพลหรือความมีชื่อเสียงของเขาลง
การต่อสู้ที่ดินแดนภูเขาทางใต้…
หรือสิ่งที่เขาทำในการทดสอบแห่งเต๋า…
เมื่อพูดถึงเรื่องเหล่านั้นผู้คนมักระวังไม่ให้หลุดชื่อหนึ่งออกมา…
อย่างไรก็ตาม
ทุกคนรู้ว่าคนคนหนึ่งมีบทบาทอย่างมากในเหตุการณ์เหล่านั้น
เขาคือฟาง เจิ้งจือ
หากปราศจากฟาง เจิ้งจือ พวกเขาก็คงไม่ชนะในสงครามครั้งนั้น หากปราศจาก ฟาง เจิ้งจือ ก็จะไม่มีผู้ที่เป็นอันดับหนึ่งคู่กับ หนานกง เฮา ซึ่งมันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ทุกการสอบที่เขาได้เข้าร่วม…
เขาได้อันดับหนึ่ง…
แม้ว่าชื่อของเขาจะหายไปจากแผ่นหินประกาศผลการทดสอบระดับสภา…
ทุกคนก็รู้ดีว่าเขาเสมอกับหนานกง เฮา
ฟางเจิ้งจือ มองไปยังทหารบนฝั่ง เขาดูผู้คนที่วิ่งพล่านไปทั่วทุกทิศทาง อย่างไรก็ตามเขาไม่มีความคิดจะถอย
”มาเลย!มาดูกันว่าใครจะหยุดข้าได้!”
…
สายฝนเม็ดเล็กๆนับไม่ถ้วนตกกระทบแม่น้ำแห่งความสัตย์
”นายท่านฝนตก!”ซู จิว ขมวดคิ้ว ก่อนจะเดินไปกางร่มให้ ฟาง เจิ้งจือ
”อืม”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า ก่อนจะโบกมือให้ ซู จิว และเดินไปที่ท้ายเรืออย่างมั่นใจ
”เมฆฤดูใบไม้ผลิปกคลุมไปทั่วสวนท้องฟ้าที่มืดมนทำให้ดอกไม้มิเบ่งบาน”
”กลืบดอกร่วงหล่นและถูกพัดพาไปด้วยสายลม”
ฟางเจิ้งจือ หยุด ก่อนจะหันไปมองเหล่าอัจฉริยะและทหารที่ตามไล่ล่าเขาอยู่ ก่อนจะเผยยิ้มออกมา
ทุกคนต่างงุนงงกับเสียงของเขา
”เขาขับบทกวี!”
“เขายังมีอารมณ์มาทำมันอีกงั้นหรือ?”
”เขาไม่รู้ตัวงั้นรึว่าเขาไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้?”
ทุกคนไม่เข้าใจว่าทำไมฟาง เจิ้งจือ ถึงดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร
ฟางเจิ้งจือ มองไปยังทุกคน ก่อนจะท่องบทกวีต่อไป
”บทกวีที่ดี!บทกวีที่ดีจริงๆ!”
หนึ่งในนักปราชญ์ตะโกนขึ้นมา
”มันเป็นบทกวีที่ยอดเยี่ยมมากข้าไม่เคยได้ยินว่า ฟาง เจิ้งจือ เคยประชันบทกวีกับใคร ข้าไม่คิดว่าเขาจะแต่งมันได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้!”คนคนนั้นยังคงชื่นชม ฟาง เจิ้งจือ
เสียงนั้นดังก้องไปในอากาศ
นักปราชญ์คนอื่นๆก็ชื่นชมกับบทกวีของฟาง เจิ้งจือ เช่นกัน
”มันเป็นบทกวีที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
”ต่อให้เขาจะเป็นอาชญการแต่ความสามารถของเขาปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาถึงได้เป็นที่หนึ่งในการทดสอบระดับสภา!”
”ใช่นั่นคือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”
ทุกคนยังอุทานด้วยความตกใจอย่างต่อเนื่อขณะวิ่งไปข้างหน้า่แต่พวกเขาไม่รู้ว่าระยะห่างระหว่างพวกเขากับ ฟาง เจิ้งจือ กว้างขึ้นเรื่อยๆ
”เร็วๆตามให้ทัน พวกเราต้องจับ ฟาง เจิ้งจือ! จะปล่อยเขาหนีไปไม่ได้!” หนึ่งในผู้บัญชาการทหารสั่ง
เขาไม่สนใจบทกวี
การจับฟาง เจิ้งจือ ได้หมายถึงรางวัลอันยิ่งใหญ่
อย่างน้อยฟาง เจิ้งจือ ก็น่าจะไม่มีพลังอะไรแล้ว ไม่มีอะไรต้องกลัว!
พวกเขาไม่คิดจะปล่อยโอกาสทองนี้หลุดมือไป!
”ออกคำสั่งให้ขวางทางน้ำไว้!”
”อย่าปล่อยให้เขาออกไปนอกเมือง!”
”รับทราบ!”
ทหารต่างตอบรับ
บนเรือ…
ฟางเจิ้งจือ ยินอยู่ด้านหน้าและมองขึ้นไปบนฟ้า เขาไม่สนใจเสียงความวุ่นวาย
”นายท่านถ้าเราตรงไปข้างหน้าอีกหน่อย ก็จะถึงทางออกแล้ว!”ซู่ จิว ไม่สามารถชื่นชมบทกวีของ ฟาง เจิ้งจือ ได้อย่างเต็มที่
สำหรับเขา..
การออกไปจากที่นี่ให้ได้สำคัญกว่า
”อืมข้าไม่ได้เห็นประตูผ่านมณฑลฮวายอันมานานแล้วข้าสงสัยว่ามันเปลี่ยนไปมากไหม?”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”ประตู?”ซูจิว ตกตะลึง
”นายท่านจะบอกว่าต้องการออกจากเมืองด้วยการเดิน?”หญิงสวมผ้าปิดหน้าพูดขึ้น
”อืม”ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”ท่าเรือ!”นางออกคำสั่งทันทีโดยไม่พูดอะไร
”รับทราบ!””คนงานพยักหน้า
ซูจิว ยืนงงงวย
พวกเขากำลังจะออกไปจากเมืองแล้วเหตุใด ฟาง เจิ้งจือ จึงเลือกที่จะเดินเท้า? เขาจะทำให้ชีวตตัวเองลำบากขึ้นทำไม?! ซู จิว ไม่เข้าใจ แต่เขาไม่ได้ถาม
เพราะ… ในช่วงปีที่ผ่านมา … ฟาง เจิ้งจือ มักจะทำถูกเสมอ
…
เรือลำใหญ่ค่อยๆชะลอลงและเคลื่อนตัวเข้าริมฝั่งก่อนที่มันจะหยุดลง
”เกิดอะไรขึ้น?”
”เรือเข้าจอดที่ท่า?”่
”ข้าตาฝาดไปงั้นหรือ?”่
ทหารต่างตกตะลึง
คนอื่นเองก็มีปฏิกริยาเช่นเดียวกันเมิ่ง อวี้ชู ที่พึ่งขึ้นฝั่งได้หันไปมองเช่นกัน
ทำไมฟาง เจิ้งจือ ถึงหยุด?
หรือว่า…
เขาต้องการที่จะอยู่ในเมือง?
ขณะที่พวกเขากำลังคิดนั้นเองก็ให้ใครบางคนขึ้นฝั่งมาจากนั้นก็คนที่สอง สาม สี่…
”พวกเขากำลังขึ้นฝั่ง!”
”เร็วเข้าจับ ฟาง เจิ้งจือ!”่
ผู้บัญชาการทหารฟื้นตัวจากความตกใจอย่างรวดเร็วพวกเขาไม่สนใจว่าทำไม ฟาง เจิ้งจือ ถึงหยุด
”นายท่านเชิญตามสบาย ข้าจะหยุดพวกเขาเอง!” หญิงสาวสวมผ้าปิดหน้ามองไปยังเหล่าทหารด้วยความเย็นชา
”อืมข้าจะกลับบ้าน ข้าไม่ต้องการให้ใครถูกฆ่า” ฟาง เจิ้งจือ พยักหน้า
”โปรดมั่นใจข้ารู้ขีดจำกัดดี” นางเดินหันหลังไป
ดาบของนางเปล่งประกาย
ทันใดนั้นสายฝนที่ตกลงมาพลันกลายเป็นหิมะตกลงบนขาของเหล่าทหารแม้น้ำแห่งความสัตย์ค่อยๆกลายเป็นน้ำแข็งเช่นกัน
ปากของทุกคนอ้าค้างเมิ่ง อวี้ชู เองก็เช่นกัน
ตอนนั้นเองที่พวกเขาเข้าใจเรื่องหนึ่ง…
จำนวนที่มากกว่าของพวกเขาไม่ได้หมายความว่าจะชนะ
ถ้าคู่ต่อสู้นั้นมีความสามารถมากเกินไป
มันเป็นสัจธรรม
นายท่านประตูเมืองออกจากมณฑลยังคงเป็นเหมือนเดิมหรือไม่?”ไม่มากก็น้อย?”