Gate of God - ตอนที่ 499
ตอนที่ 499 ฤดูหนาวมาเยือน
สามสัปดาห์ต่อมา…
ฤดูหนาวของอาณาจักรเซี่ยได้มาถึง
หิมะปกคลุมเมืองโบราณจนทั้งเมืองกลายเป็นสีขาว
สายลมพัดแรง
ชาวเมืองมากมายยืนอยู่หน้าประตูเข้าวังพวกเขาสวมเสื้อผ้าหนาหลายชั้นและยืนรอด้านหน้า
รัฐมนตรีฝ่ายซ้ายยู่ ยี่ปิง ยืนอยู่ด้านหน้า เหล่าเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ด้านข้างผู้เข้าร่วมทุกคนต่างมองไปที่พวกเขา
หิมะโปรยปรายต่อเนื่องเกล็ดนำแข็งเกราะติดไหล่บ่า แต่พวกเขาก็ไม่เคลื่อนไหวไปไหน
พวกเขาทั้งหมดกำลังรอ…
พวกเขากำลังรอผลการทดสอบระดับสภา!
ตามปกติแล้วเพียงแค่ผลการทดสอบด้านปัญญายังไม่เพียงพอ ผลการทดสอบการต่อสู้จะเป็นที่ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม…
นี่เป็นกรณียกเว้น
ไม่มีใครรู้ผลการทดสอบระดับสภาไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นที่หนึ่ง
จากนั้นประตูก็เปิดออก
สายลมอันอบอุ่นพัดออกมาจากด้านในขณะเดียวกันเหล่าเจ้าหน้าที่และผู้เข้าร่วมต่างอยู่ในความเครียด พวกเขาเหยียดหลังและลดระดับศีรษะ อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งหมดมองไปที่ประตู
ไม่มีแม้แต่รัฐมนตรีกรมหรือหัวหน้าโรงเรียนหลวงนั่นหมายความว่าองค์จักรพรรดิหรือไม่ก็รัฐมนตรีฝ่ายซ้ายจะเป็นผู้ประกาศผลการทดสอบ
อย่างไรก็ตามแม้จะมีการเปิดประตูก็ตามยังไม่มีวี่แววของจักรพรรดิหลิน มู่ไป่
ขณะนั้นเองทหารในชุดเกราะสีทองทั้งแปดคนยืนอยู่ที่ประตู
พวกเขาแต่ละคนถือศิลาไว้ในมือด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมมันคือศิลาผลลัพธ์
”พวกเขาจะประกาศผลงั้นหรือ?”
ผู้เข้าร่วมและเจ้าหน้าที่ต่างมองไปที่พวกเขาแต่ก็ไม่พูดอะไรอย่างไรก็ตามเกิดความคิดเดียวกันในใจ
หอพิพากษาเป็นสถานที่จักรพรรดิจัดพิธีขึ้นครองบัลลังก์
และเป็นสถานที่ประกาศผลการทดสอบระดับสภาหลังจากประกาศผลทุกครั้งจะมีศิลาที่จารึกชื่อของผู้เข้าร่วมเอาไว้ในด้วยทองคำ
นี่คือความสำคัญของการทดสอบระดับสภา
อย่างไรก็ตาม…
ตามปกติแล้วผลการทดสอบระดับสภาจะถูกประกาศออกมาก่อนที่ศิลาจะถูกเปิดเผยต่อผู้คนอย่างไรก็ตามดูเหมือนครั้งนี้จะต่างออกไป
แผ่นศิลากำลังถูกนำออกมา
ทั้งเจ้าหน้าที่และผู้เข้าร่วมพูดสายลมที่เย็นเยือกทำให้พวกเขาเสียวสันหลัง
เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นของทหารทั้งแปดคนดังขึ้นหิมะปกคลุมหนาทั่วพื้น
แต่พวกเขาก็ไม่ลังเล
พวกเขาหยุดชะงักพวกเขาหยุดที่ประตูหอและวางศิลาลงบนพื้น
”ประกาศ!”
เสียงดังกระหึ่มดังออกมาจากด้านในหอพิพากษาทุกคนสามารถได้ยินมัน
ข้อความถูกถ่ายทอดไปตลอดทางจนถึงทางเข้า
”ประกาศ!”
”ประกาศ!่”
”…”
เสียงสะท้อนดังไปจนถึงปากทางเข้าวัง
เมืองที่ปกติคึกคักไปด้วยกิจกรรมแต่ตอนนี้
ทุกๆคนตั้งแต่พ่อค้าไปจนถึงเหล่าทหารต่างหยุดนิ่งในสิ่งที่กำลังทำ
ชื่อสีทองถูกเปิดเผยมีเพียงสิบรายชื่อที่อยู่บนศิลา
”ข้ามีชื่ออยู่บนศิลา!”เสียงที่ตื่นเต้นดังขึ้น
”ข้าด้วย!”ผู้เข้าร่วมคนอื่นต่างส่งเสียงการมีชื่อบนศิลาถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
จากนั้นมีเสียงที่สามจากนั้นเสียงที่สี่ …
”หนานกงเฮา เป็นอันดับหนึ่ง”
”แน่นอน!หนานกง เฮา พยายามอย่างมากในดินแดนภูเขาทางใต้ และได้ลงนามในสนธิสัญญาความสันติเป็นเวลาสิบปี มันแน่นอนอยู่แล้วที่เขาจะได้เป็นอันดับแรก”
”ก็ใช่แต่ว่า …ทำไม เหยียน ซิว ถึงได้อันดับสาม?”
ผู้เข้าร่วมมองดูแถวบนสุดของศิลาชื่อของหนานกง เฮา ถูกจารึกไว้อย่างชัดเจน
”ไม่ใช่นั่นมีเพียงแค่เก้าชื่อเท่านั้น!”
”เก้า?!”
”ดูสิชื่อของหนานกง เฮา ไม่ได้อยู่ตรงกลาง!”
”ไม่ได้อยู่ตรงกลาง?!”
”ใช่ต้องมีชื่อใครอยู่ข้างๆเขาด้วยแน่นอน..”
”เจ้ากำลังพูดว่าฟาง เจิ้งจือ… ”
เมื่อผู้เข้าสอบเห็นการจัดอันดับชื่อของหนานกง เฮา และล่างลงมาเป็น เหยียน ซิว พวกเขาก็เห็นความผิดปกติได้ทันที อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาพูดถึง ฟาง เจิ้งจือ พวกเขาทั้งหมดก็เงียบลง
”ผลลัพธ์ออกมาแล้วผู้ที่ได้สามอันดับแรกจะมีโอกาสสามารถเข้าร่วมการคัดเลือกของศาลาเต๋าสวรรค์ได้ หนานกง เฮา เจ้าจะเข้าร่วมหรือไม่?”เสียงเจ้าหน้าที่คนหนึ่งดังขึ้น ไม่มีใครสนใจเสียงพูดคุยด้านล่าง
”ข้าจะเข้าร่วม!”ร่างสีขาวโดดเด่นจากฝูงคนดวงตาของเขาเป็นประกาย
”ใช่แล้วมันเป็นเกียรติอย่างมากต่อตระกูลหนานกงและอาณาจักรเซี่ย ที่จะให้ท่านเป็นตัวแทนของพวกเราในการคัดเลือก!”ร่างหนึ่งตอบกลับ
ผู้เข้าร่วมทุกคนต่างอิจฉาในโอกาสนั้นศาลาเต๋าสวรรค์ที่คือสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการฝึกฝน
”นายน้อยหนานกงต้องผ่านแน่นอน!”
”มันเป็นสิ่งที่เจ้าควรได้รับที่จริงเจ้ามีความสามารถที่จะเข้าร่วมการคัดเลือกได้ตั้งแต่สี่ปีที่ผ่านมาแล้ว มันคงเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเจ้าในตอนนี้”
”ขอแสดงความยินดีด้วย!”
ผู้เข้าสอบต่างยินดีกับหนานกง เฮา
หนานกงเฮา โค้งคำนับให้พวกเขา ก่อนจะหันหน้ากลับไปหาฝูงชนด้วยความสงบเช่นเคย
ก่อนที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจะถามออกมา
”เหยียนซิว เจ้าต้องการเข้าร่วมการคัดเลือกของศาลาเต๋าสรรค์หรือไม่?”
”ทำไมบนแผ่นหินถึงไม่มีชื่อของฟาง เจิ้งจือ! ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากกลุ่มคน หน้าตาของเขาซีดเซียว เห็นได้ชัดว่าเขายังคงไม่ฟืนตัวจากอาการบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตามเขายังเดินตัวตรงได้อย่างไม่มีปัญหาชายเสื้อของเขาพัดไปตามสายลม
ชื่อของเขา…
เหยียนซิว!
”เหยียนซิว ข้าถามเจ้านะ?!” หนึ่งในเจ้าหน้าที่ตะโกนขึ้นมา
”ข้าถามว่าทำไมถึงไม่มีชื่อของฟาง เจิ้งจือ ที่แผ่นหิน?!” เหยียน ซิว เพิกเฉยต่อเสียงของเจ้าหน้าที่ เขาทอดสายตาไปด้านในของหอพิพากษา
”เหยียนซิว ที่นี่คือหอพิพากษา ระวังกริยามารยาทด้วย!” เสียงของรัฐมนตรีกรมกฎหมายดังขึ้น เขาจะไม่ยอมทนพฤติกรรมเช่นนี้
”ทำไมไม่มีชื่อของฟาง เจิ้งจือ?!” เหยียน ซิว ถามด้วยความมุ่งมั่น
”เหยียนซิว!” เสียงของรัฐมนตรีฝ่ายซ้าย ยู่ ยี่ปิง ดังขึ้น เสื้อสีแดงของเขาพัดไปตามสายลม
”ตามกฎของการทดสอบการทดสอบต่อสู้ได้จบลงก่อนที่จะมีสงครามแดนใต้ ตอนนั้น ฟาง เจิ้งจือ ควบคุมทหารไว้เกือบห้าหมื่น ผู้เข้าสอบตอนนั้นเหลือแค่ หนานกง เฮา และ ฟาง เจิ้งจือ เขาควรมีชื่อบนแผ่นหินนั่น!” เหยียน ซิว พูดออกมา
”คนทรยศสมควรที่จะถูกจัดอันดับงั้นรึ?”
”เขาล่วงละเมิดองค์หญิงแดนใต้!นั่นคือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้!เขาจะยังเหลือเกียรติอะไรอีก? นอกจากนี้เขายังก่อกบฎโดยการฆ่า ฉาน หลิง และทำร้ายองค์รัชทายาท ดีแล้วที่องค์จักรพรรดิไม่สั่งประหารเจ็ดชั่วโคตรเขา เจ้าต้องการอะไรอีก?”
”เหยียนซิว เจ้าต่างจาก ฟาง เจิ้งจือ เจ้ามาจากตระกูลชั้นสูง ตอนนี้เจ้าควรใช้โอกาสเข้าร่วมการคัดเลือกของศาลาเต๋าสวรรค์ ไม่ใช่มาพูดเพื่อช่วยเหลือพวกกบฎ!”
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดต่างไม่พอใจ
”เหอะ!ข้าถามเพียงแค่ว่าทำไมถึงไม่มีชื่อ ฟาง เจิ้งจือ อยู่บนนั้น!” เหยียน ซิว กำหมัดแน่น
”เหยียนซิว เจ้า… ” เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่สามารถหาคำเพื่ออธิบายความโกรธของพวกเขาได้
พวกเขาไม่เคยคิดว่าเหยียน ซิว จะกล้ามีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมด
เพียงแค่เพราะ
ฟางเจิ้งจือ
”เอี้ยด!”ทันใดนั้นประตูหอพิพากษาได้เปิดออก
เสียงฝีเท้าเหยีบย่ำพื้นหิมะดังขึ้นมา
ผู้เข้าสอบและเจ้าหน้าที่ต่างคุกเข่าลงทันที
”ทรงพระเจริญ!”พวกเขาพูดออกมาอย่างพร้อมเพียง
องค์จักรพรรดิมองไปยังเด็กหนุ่มคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่
”เจ้าถามว่าทำไมไม่มีชื่อฟาง เจิ้งจือ บนแผ่นหิน?” องค์จักรพรรดิพูดด้วยความสงบ แต่น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยอันตราย
”ใช่!”เสียงของ เหยียน ซิว ก็เย็นเยียบพอกัน
”เอาล่ะข้าได้เหลือที่ไว้ให้ชื่อเขา ตราบใดที่เขาพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ชื่อของเขาจะปรากฎขึ้นบนนั้น เป็นคำตอบที่พอใจหรือไม่?” ” องค์จักรพรรดิขมวดคิ้ว
”ฝ่าบาทโปรดใจเย็น!”
เจ้าหน้าที่ทุกคนตะลึงเมื่อพวกเขาได้ยินสิ่งนี้
เหยียนซิว ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขามองไปที่องค์จักรพรรดิและหันไปมองที่ว่างเว้นไว้ด้านข้างชื่อของ หนานกง เฮา
”เหยียนซิว องค์จักรพรรดิทรงถามเจ้า เจ้าต้องตอบคำถามของพวกเราแล้ว เจ้าจะเข้าร่วมการคัดเลือกหรือไม่?” เสียงของขันทีเว่ย ดังขึ้น
”ข้าจะเข้าร่วมเมื่อชื่อของฟาง เจิ้งจือ ปรากกฎบนนั้น!” เหยียน ซิว คุกเข่าลง
อย่างไรก็ตามเขายืนขึ้นอย่างรวดเร็วจากนั้นเขาก็หันหลังเดินไปที่ทางออกโดยไม่ลังเล
”เรื่องนี้…”
”เขาบ้าไปแล้ว!”
”ฝ่าบาทพวกเราควร… ”
เจ้าหน้าที่ต่างหันไปมององค์จักรพรรดิ
”ปล่อยเขาไป!”องค์จักรพรรดิโบกมือก่อนจะเดินกลับเข้าไปในหอพิพากษา
…
…..
ฤดูใบไม้ผลิหนึ่งปีต่อมา
ณที่พักหนึ่งอันเงียบสงบในอาณาจักรเซี่ย…
ดอกไม้กำลังเบ่งบานและมีกลิ่นหอม
หญิงสาวนางหนึ่งกำลังเดินเล่นอยู่ในสวน,ผิวขาวของนางเปล่งประกายสะท้อนแสงของดวงอาทิตย์ คิ้วของเรียวบาง แต่คมเข้ม
กลางหน้าผากของนางมีรอยสีแดงราวกับจุดสีแดงท่ามกลางทะเลสีขาว นางเป็นคนที่งดงามมาก
นางมองไปที่ทะเลสาบขณะเดินเล่นไปรอบๆ
ทะเลสาบเต็มไปด้วยดอกบัวแต่มีเพียงไม่กี่ดอกที่เบ่งบาน
”ทำไมพวกเขายังไม่ออกมาอีกหรือจะติดอยู่ที่ประตู?” เสียงของนางดังขึ้นเจือไปด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย