Gate of God - ตอนที่ 487
Gate of God ตอนที่ 487 การเปลี่ยนแปลงโชคชะตา
เวลาผ่านไป
อีกไม่นานกองกำลังเสริมกำลังจะมาถึงนี่คือกองกำลังของอาณาจักรเซี่ยที่เดินทางมาจากถิ่นฐานวานรน้ำแข็ง ฉาน หลิง ไม่ได้ยินดีกับเรื่องนี้เท่าไรนัก
สี่ชั่วโมงต่อมา…
การเสริมที่เหลือก็ได้เดินทางมาถึง
ทหารนับแสนเดินทัพเข้ามาในเนินเขาเหล็กขวัญกำลังใจและความเชื่อมั่นของพวกเขาถูกเติมเต็มจนนถึงจุดสูงสุด
จากนั้น…
เมื่อพวกเขาเห็นกองทัพปีศาจนอกเมืองการแสดงออกของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่…
เนินเขาเหล็กสามารถต้านทานทัพอันน่ากลัวเช่นนี้ไว้ได้ยังไงกัน?
”ฝ่าบาทองค์รัชทายาทจากอาณาจักรเซี่ย เดินทางมาถึงแล้ว!” หนึ่งในหัวหน้าถิ่นฐานกระซิบกับ ฉาน หลิง
”อืม”ฉาน หลิง พยักหน้า
ตอนนั้นเองหลิน เทียนหลง ผู้สวมชุดสีเงินได้เดินเข้ามาพร้อม ซิง หยวนกัว
”ข้าเป็นองค์รัชทายาทของของแดนใต้ฉาน หลิง ยินดีที่ได้พบฝ่าบาท!” ฉาน หลิง หน้าซีด แต่เขาก็ไม่ลืมทักทาย หลิง เทียนหลง ด้วยความเคารพ
”ท่านไม่ต้องทำอะไรให้เป็นทางการหรอกปีศาจได้ก่อปัญหาขึ้นเล็กน้อย ท่านได้ลำบากมามากแล้ว เมื่อข้ากลับมาข้าจะขอให้ทหารมาประจำการอยู่ที่นี่” ดวงตาของ หลิน เทียนหลง เต็มไปด้วยความคิดขณะมองไปที่บาดแผลของ ฉาน หลิง
ฉานหลิง เหล่ตาลง
อาณาจักรเซี่ย?
กองทหาร?!
เขารู้ดีว่าองค์รัชทายาทหมายถึงสิ่งใดเขารู้ดีว่าหลิน เทียนหลง จะทำอะไร ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในดินแดนภูเขาทางใต้
อย่างไรก็ตาม…
เขาไม่สามารถเป็นปรปักษ์กับหลิน เทียนหลงได้
หน้าอกของเขาสั่นเทาขณะที่เผยรอยยิ้ม อย่างไรก็ตาม ความสนใจของเขาอยู่ที่กองทัพปีศาจบนสนามรบมากกว่า
”แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถยึดถิ่นฐานเนินเขาเหล็กพวกเขาก็ยังไม่ถอนทัพ แรงจูงใจของพวกเขาคืออะไร? องค์รับชทายาท เป็นท่านจะถอนกำลังหรือไม่?”ฉาน หลิง พูด
”ฮ่าฮ่า… ” หลิน เทียนหลง หัวเราะออกมาเขาไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจในคำถามและมองไปยังพวกปีศาจ
”การที่พวกเขาไม่ถอนทัพมีเหตุอยู่2 ประการ อย่างแรกคือ แม้พวกเขาจะแพ้สงครามครั้งนี้ พวกเขาก็ยังคงได้เปรียบอยู่ ถ้าพวกเขาถอนทัพพวกเขาจะเสียขวัญกำลังใจในการต่อสู้นอกจากนี้ยังต้องใช้เวลาในการเตรียมตัวสำหรับการถอนทัพ หยุน ชิงวู ฉลาดพอที่จะไม่สั่งถอนทัพทันที!”เสียงของ ซิง หยวนกัว ดังขึ้นมา
”เจ้าพูดถูกถ้า หยุน ชิงวู ยังอยู่ ท่านไม่จำเป็นต้องกังวลไปเพียงแต่เพิ่มการป้องกันอีกเสียหน่อย” หลิน เทียนหลง พยักหน้า
เมื่อฉาน หลิง ได้ยินเช่นนั้นแววตาของเขาก็เปล่งประกาย ในขณะที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่
”ท่านพูดว่ามีเหตุ2 ประการ อย่างที่สองคืออะไร?”ฉาน หลิง ถามออกมาอย่างตรงไปตรงมา
”ปล้น!ปีศาจต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการก่อสงครามครั้งนี้ พวกเขาตั้งใจจะยึดเมือง แต่ตอนนี้ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้แล้ว พวกเขาต้องมองหาอย่างอื่นแน่นอน”ซิง หยวนกัว กล่าวเพิ่ม
”ปล้น?! พวกเขาจะไปที่หนานหลิงงั้นหรือ?”ท่าทีของ ฉาน หลิง เต็มไปด้วยความตกตะลึง
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ขอความช่วยเหลือ
เขารู้ว่าหลิน เทียนหลง กำลังรอให้เขาทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตามถ้าเขาขอความช่วยเหลือ…
สิ่งที่ต้องแลกมาต้องสูงค่ามากกว่าถิ่นฐานหนานหลิงแน่ๆ
แม้ว่าพวกอาณาจักรเซี่ยเต็มใจจะช่วยก็ตามพวกเขาก็ไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยงกับทองคำเท่าหยิบมือ
ผลก็คือ…
การขอความช่วยเหลือนั้นไร้ประโยชน์
ฉานหลิง ไม่พูด
หลังจากเงียบไปสักพักองค์รัชทายาท หลิน เทียนหลง ก็หัวเราะออกมา แววตาของเขาเปล่งประกาย
”ในเทื่อท่านพูดแล้วถ้าข้าช่วยปกป้องเนินเขาเหล็กไว้สักสามวัน ท่านจะตกลงหรือไม่?”
”ตกลงขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่าน!”
ฉานหลิง พยักหน้าและโดดออกจากกำแพง
”ฝ่าบาทพวกเราจะติดตามไปด้วย!”หัวหน้าถิ่นฐานติดตาม ฉาน หลิง ออกไป
”เอาล่ะมันอาจจะยากสำหรับพวกเจ้า ข้าจะปกป้องที่นี่เอาไว้เอง” หลิน เทียนหลง ยิ้มและโค้งตัว
หลินเทียนหลง หันหลังกลับไปและมองกองทัพปีศาจที่ราวกับทะเลสีดำด้านหน้า แววตาของเขาเยือกเย็นขึ้นมาทันที
…
ตกพลบค่ำ
ภายในบ้านหินขนาดใหญ่ในถิ่นฐานเนินเขาเหล็ก
การตกแต่งภายในมีความงดงามเป็นอย่างมากมันถูกตกแต่งด้วยหนังสัตว์ทั้งบนกำแพง ทั้งพรมบนพื้น
อัญมณีมากมายแขวนลงมาจากด้านบนเพดานส่องสว่างทั่วห้อง
หลินเทียนหลง ถอดชุดคลุมสีขาวและวางลงบนแผ่นหนัง ดวงตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
เมื่อมาถึงที่นี่…
เขาได้ยินเกี่ยวกับการต่อสู้และเหตุการณ์ในกลืนกินโลก
”ฟางเจิ้งจือ! ข้าไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าการต่อสู้ที่นี่จะทำให้เจ้ามีชื่อเสียงขึ้นมา!”หน้าอก หลิน เทียนหลง สั่นไหวด้วยความโกรธ
”ฝ่าบาท,เจ้าหน้าที่ซูมาถึงแล้ว!”
ทันใดนั้นเสียงของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็ดังขึ้น
ไม่นานเจ้าหน้าที่ซู ในชุดสีดำก็เดินเข้ามา
”เจ้าหน้าที่ซูมาได้จังหวะพอดี” หลิน เทียนหลง จ้องไปที่เจ้าหน้าที่ซู
ซูฉิง ไม่ได้ประหลาดใจกับเรื่องนี้เขารู้ดีว่า หลิน เทียนหลง รู้สึกอย่างไร
หลินเทียนหลง ไม่ใช่คนเดียวที่ตกตะลึง
เมื่อเขาได้ยินเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่นี่เขาก็ตกตะลึงเช่นกัน
”ฝ่าบาทท่านกำลังกังวลเรื่องของ ฟาง เจิ้งจือ งั้นหรือ?”ซู ฉิง ถามเบาๆและโค้งตัวลง
”ฟางเจิ้งจือ?! ฮ่าฮ่า … เจ้าหน้าที่ซู ข้ารู้ว่าเจ้าอ่านสถานการณ์ได้ดีเยี่ยม แต่ครั้งนี้ข้าผิดหวังเสียจริง ไม่ว่าจะทำสิ่งใดสำเร็จ ณ ที่แห่งนี้ เขาไม่ได้มีผลอะไรต่อข้าแม้แต่น้อย “หลิน เทียนหลง ตอบอย่างรังเกียจ
”ท่านพูดถูกแล้วฟาง เจิ้งจือ ไม่สามารถทำอะไรท่านได้ แต่ … ” ซู ฉิง หยุดตัวเองเอาไว้
”แต่อะไร?พูดออกมา!”
”ฝ่าบาทท่านลืมเรื่องเกี่ยวกับผู้ส่งสารที่เดินทางมาที่ถิ่นฐานวานรน้ำแข็งไปแล้วหรือ?”
”ข้าได้สั่งชัดเจนแล้วและไม่มีอะไรบ่งชี้ได้ว่านั่นเป็นคำสั่งของข้า แม้ว่า ฟาง เจิ้งจือ จะไปบอกองค์จักรพรรดิก็ตาม ท่านพ่อก็ไม่มีทางสาวถึงตัวข้าได้”
”ไม่มีหลักฐานแต่ไม่ได้หมายความว่า ฟาง เจิ้งจือ จะไม่เกลียดท่าน” ซู ฉิง พยักหน้า
”แล้วยังไง?”หลิน เทียนหลง ตอบอย่างไม่พอใจ
”การมีส่วนร่วมของเขาในครั้งนี้ฟาง เจิ้งจือ อาจจะได้เลื่อนตำแหน่ง รวมไปถึงครอบครัวของเขาอาจได้รับการแต่งตั้งให้เป็นชนชั้นสูงท่านรู้หรือไม่ว่ารัฐมนตรีกรมพิธีการตายไปแล้ว? ถ้าข้าคิดถูก องค์จักรพรรดิคงแต่งตั้งตำแหน่งนั้นให้ ฟาง เจิ้งจือ เป็นแน่ ด้วยความสำเร็จของเขาในครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านี้นที่เขาจะได้เป็นรัฐมนตรี” ซู ฉิง กล่าวเพิ่ม
”พูดต่อ”หลิน เทียนหลง เริ่มเกิดความสนใจ
รัฐมนตรีกรมพิธีการ!
หนึ่งในหกรับมนตรีกรมที่รับผิดชอบด้านพิธีการและการฑูต มันเป็นหนึ่งในกรมที่สำคัญที่สุดในอาณาจักร เขาเคยควบคุมรัฐมนตรีมาแล้วครั้งหนึ่ง
แน่นอนว่า…
มันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุด
สิ่งสำคัญที่สุดคือหลิน เทียนหลง รู้ว่าจักรพรรดิจะรวมโรงเรียนหลวงและกรมพิธีการเข้าด้วยกัน ถ้ามันเกิดขึ้นล่ะก็ …
อิทธิพลของกรมพิธีการจะเหนือกว่า
”ฝ่าบาทข้ามั่นใจว่าท่านยังไม่ลืมเรื่องการเดิมพันระหว่าง ฟาง เจิ้งจือ และ ฉือ กูเหยียน ที่มีความเกี่ยวพันกับการแต่งงาน ก่อนหน้านี้ความเป็นไปได้ของเรื่องนั้นแทบเป็นศูนย์ แต่ถ้าหากเข้าขึ้นเป็นรัฐมนตรีกรมพิธีการล่ะ?” ซู ซิง ยิ้มออกมา
”เจ้ากำลังจะพูดถึงกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ?”แววตาของหลิน เทียนหลง แข็งค้าง
”ถูกต้อง!ฉือ กูเหยียน เป็นนักยุทธศาสตร์ของราชาต้วนมาตลอด แม้ว่า ฟาง เจิ้งจือ กับ ราชาต้วน จะมีเรื่องไม่ลงรอยกันบ้าง แต่ถ้า ฉือ กูเหยียน กับ ฟาง เจิ้งจือ แต่งงานกัน จะเกิดอะไรขึ้น?”
”พูดต่อไป”
”ถ้าฟาง เจิ้งจือ ได้เป็นรัฐมนตรีกรมพิธีการ รวมถึงลูกเขยของกองตรวจการศักดิ์สืทธิ์ รวมถึงท่าทีของ ซิง หยวนกัว ในวันนี้…ท่านคิดว่าสิบสามกองตรวจการจะวางตัวนิ่งเฉยอยู่อีกงั้นหรือ?”่
”เป็นไปไม่ได้!กองตรวจการความมั่นคงไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสงครามเพื่อแย่งชิงบัลลังก์ มันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน!” หลิน เทียนหลง ตอบออกมาด้วยความมั่นใจ
”ในทางทฤษฎีมันอาจจะเป็นแบบนั้นถ้าสิบสามกองตรวจการร่วมมือกับราชาต้วน ตระกูลเหยียน…ท่านคงไม่สามารถรักษาบัลลังก์ไว้ได้”
”เพี้ย!
รอยแตกปรากฏขึ้นบนเตียงของหลิน เทียนหลง
เขาลุกขึ้นนั่งดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
”แผนของเจ้าคืออะไร?่
”้ข้ามีแผนที่จำทำให้ความดีความชอบที่นี่กลายเป็นของท่านทั้งหมด” ดวงตาของ ซู ฉิง เป็นประกาย
”ให้ความดีความชอบแก่ข้าทั้งหมด?ฮ่าฮ่า .. เจ้าต้องล้อเล่นแน่ๆ สิ่งที่ ฟาง เจิ้งจือ ทำในตอนนี้ทุกคนต่างเห็นชัดเจน มันจะเป็นไปได้ยังไง?” หลิน เทียนหลง ไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้ยิน
”การขโมยเป็นวิธีที่ต่ำช้าที่สุดแต่แผนของข้าไม่ได้เป็นการขโมย แค่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์เล็กน้อย!”ซู ฉิง ส่ายหัว
”ฮ่าฮ่า… เจ้าวางแผนช่วยข้าเอาความดีความชอบทั้งหมด? เจ้าต้องบ้าไปแล้วแน่ ฮ่าฮ่า ทำไมเจ้าไม่บอกข้าล่ะว่าเจ้ามั่นใจในแผนการนี้แค่ไหน?” หลิน เทียนหลง หัวเราะ
”สิบเปอร์เซนต์!”ซู ฉิง ตอบโดยไม่ลังเล
”สิบ?เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่”ถ้าทีของ หลิง เทียนหลง แข็งค้างไปทันที
”ถ้ามันไม่ได้ผลข้าเต็มใจที่จะเอาชีวิตเข้าแลก!” ซู ฉิง ก้มหัวและคุกเข่าลง
”เอาล่ะบอกมาว่าแผนของเจ้าคืออะไร?!” หลิน เทียนหลง พยุง ซู ฉิง ให้ลุกขึ้นมา