Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน - ตอนที่ 748 ความคิดแจ่มชัดขึ้นมาทันใด
- Home
- All Mangas
- Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
- ตอนที่ 748 ความคิดแจ่มชัดขึ้นมาทันใด
ตอนที่ 748 ความคิดแจ่มชัดขึ้นมาทันใด
เรื่องราวของอิ่งจือสิ้นสุดลงแล้ว
งานของเหลียนเหมิงหลังจากนี้จะง่ายยิ่งขึ้น
เดิมทีเหลียนเหมิงซึ่งปัจจุบันนี้มีนักเรียนประถมแห่งความตาย นินจาจอมคาถา และราชาโจรสลัด รวมไปถึงคินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนา ความนิยมของเว็บไซต์จึงเพิ่มขึ้นทุกวัน
ตอนนี้มีสแลมดังก์ซึ่งกำลังเป็นกระแสร้อนแรงเพิ่มขึ้นมา!
การ์ตูนทั้งห้าเรื่องนี้ นอกจากคินดะอิจิกับคดีฆาตกรรมปริศนา อีกสี่เรื่องที่เหลือล้วนเป็นการ์ตูนซึ่งสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรม!
เมื่อเรื่องราวของการ์ตูนเหล่านี้อัปเดตอย่างต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ ความนิยมจะทวีคูณขึ้นอย่างแน่นอน!
เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้เป็นปู้ลั่วการ์ตูนก็ไม่อาจต้านทานได้!
ในที่นี้ต้องขอพูดถึงหานจี้เหม่ย…
หานจี้เหม่ยมีความสามารถ
เพื่อให้สอดคล้องกับความนิยมของสแลมดังก์ ระยะนี้เธอผลักดันผลประโยชน์มากมายจากเว็บไซต์ เพื่อดึงดูดนักเขียนการ์ตูนจากที่ต่างๆ
ในอดีตนักเขียนการ์ตูนไม่จำเป็นต้องเลือก ทำได้เพียงไปปู้ลั่ว เพราะฉะนั้นปู้ลั่วการ์ตูนจึงผูกขาดอุตสาหกรรมนี้ไปโดยปริยาย
ปัจจุบันนี้นักเขียนการ์ตูนมีทางเลือกใหม่ และเริ่มพิจารณาเข้าร่วมกับเหลียนเหมิง
บางคนได้ลงมือปฏิบัติแล้ว รวมไปถึงนักเขียนการ์ตูนฝีมือดีอีกบางส่วน
ต้องเข้าใจว่า
ปริมาณการเข้าชมของเหลียนเหมิงนั้นพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากความนิยมของการ์ตูนทั้งห้าเรื่องของอิ่งจือ!
ด้วยฐานปริมาณการเข้าชมที่แน่นอน เหลียนเหมิงจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ไม่เลวสำหรับนักเขียนการ์ตูน
แน่นอน
ปู้ลั่วการ์ตูนมีรากฐานที่มั่นคงและมีทรัพยากรมหาศาล ปัจจุบันนี้ยังคงเป็นอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรม ไม่ว่าการ์ตูนของอิ่งจือจะยอดเยี่ยมแค่ไหนก็ไม่มีทางทำลายความสำเร็จที่สั่งสมมานานหลายปีได้
บางทีก็อาจเป็นไปได้ เมื่อความนิยมของการ์ตูนเหล่านี้ขยายตัวอย่างเต็มที่
แต่นั่นจำเป็นต้องใช้เวลา
เพราะฉะนั้นปู้ลั่วการ์ตูนยังคงเป็นตัวเลือกแรกของทุกคน และเหลียนเหมิงเหมือนกับเป็นทางเลือกเสียมากกว่า
และการเคลื่อนไหวของหานจี้เหม่ยเท่ากับทำให้เวลานี้สั้นลงเรื่อยๆ ท้ายที่สุดแล้ว ทางเหลียนเหมิงก็ไม่มีทางพึ่งพาเพียงอิ่งจือได้
นั่นทำให้ความกังวลของหลินเยวียนลดน้อยลง
ในวันนี้
เมื่อมาถึงห้องทำงานที่สตาร์ไลท์
หลินเยวียนเริ่มขบคิดเกี่ยวกับเรื่องของฉู่ขวง
นับตั้งแต่ยอดนักสืบโฮล์มส์จบลง หลินเยวียนก็ไม่เปิดหนังสือเรื่องใหม่
เซี่ยนอวี๋และอิ่งจือออกมาโลดแล่นอยู่นานแล้ว ต่อจากนี้ควรให้อิ่งจือเคลื่อนไหวบ้าง
“หรือจะเปิดนิทานอีกดี?”
หลินเยวียนยังไม่ลืมเรื่องที่ยังมีนิทานอีกหลายเรื่องในเนื้อเพลงแดนนิทานซึ่งยังไม่ได้เปิด
ในตอนนั้นเอง
กู้ตงเคาะประตูเข้ามา “ตัวแทนหลินคะ มีคนต้องการพบคุณ”
“ใครครับ”
“จ้าวเจวี๋ย หัวหน้าผู้จัดการของบริษัทค่ะ”
“พี่จ้าว?”
หลินเยวียนลุกขึ้นเดินไปยังหน้าประตู “อยู่ไหนครับ”
หลินเยวียนเซ็นสัญญาเข้าสตาร์ไลท์เพราะจ้าวเจวี๋ย ในแง่หนึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเธอมีบุญคุณกับเขา
ไม่เพียงเท่านี้ จ้าวเจวี๋ยยังเคยช่วยเหลือหลินเยวียนไว้มากมาย ทั้งยังเคยให้หลินเยวียนอาศัยอยู่ในบ้านที่ตนไม่ได้ใช้ โดยไม่เก็บค่าเช่าอีกด้วย
หลินเยวียนจดจำเรื่องเหล่านี้ได้
“อยู่นี่”
มีเสียงดังมาจากด้านหลังของกู้ตง จ้าวเจวี๋ยยิ้มพลางมองมาทางหลินเยวียน
“เชิญนั่งครับ”
หลินเยวียนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
จ้าวเจวี๋ยสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นในใจ เธอมองออกว่าหลินเยวียนต้องการมาต้อนรับด้วยตนเอง
วันนี้ต่างจากในอดีต
หลินเยวียนในอดีตต้องมีจ้าวเจวี๋ยคอยดูแล
หลินเยวียนในปัจจุบันนี้ กลับมีสถานะสูงมากในสตาร์ไลท์ แม้แต่ประธานกรรมการยังต้องเกรงอกเกรงใจเขา
สถานะของจ้าวเจวี๋ยนั้นเทียบกับหลินเยวียนไม่ได้เลย
พูดอย่างตรงไปตรงมาสักหน่อยก็คือ
จ้าวเจวี๋ยก็ยังต้องระมัดระวังเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเยวียนเช่นกัน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินเยวียนลุกขึ้นมาต้อนรับเธอ เธอก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว
อย่ามองว่าหลินเยวียนเย็นชากับคนอื่น
ที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกมาก
กู้ตงซึ่งอยู่ด้านข้างก็ประหลาดใจเช่นกัน ครั้งก่อนประธานกรรมการมาหา ไม่ยักเห็นตัวแทนหลินลุกขึ้นไปต้อนรับ
ดูเหมือนตัวแทนหลินจะให้ความสำคัญกับจ้าวเจวี๋ยซึ่งเป็นหัวหน้าผู้จัดการของบริษัทคนนี้มาก
เธอรีบรินชาให้
หลังจากนั่งลงแล้ว จ้าวเจวี๋ยเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “ห้องทำงานของเธอหรูจริงๆ พื้นที่กว้างกว่าห้องฉันสองเท่าได้”
“อื้ม”
หลินเยวียนพูด “เดี๋ยวผมจะไปบอกให้ประธานกรรมการเปลี่ยนเป็นห้องที่ใหญ่กว่านี้ให้พี่จ้าว”
จ้าวเจวี๋ย “…”
นี่คือพลังขององค์รัชทายาทเองหรือนี่?
เธอส่ายหน้ารัว “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น วันนี้ที่มาหาเธอ ก็เพราะมีเรื่องอยากขอความช่วยเหรอ”
“ได้ครับ”
หลินเยวียนรับปากในทันที
จ้าวเจวี๋ยยิ้มขมขื่น “ฉันยังไม่ได้บอกเลยว่าเรื่องอะไร”
“เรื่องอะไรครับ”
หลินเยวียนดื่มชาหนึ่งคำ
สีหน้าของจ้าวเคร่งขรึมขึ้นมา “บริษัทวางแผนว่าจะให้ฉันรับตำแหน่งหัวหน้าแผนกซีรีส์”
หลินเยวียนฉงนใจ “แผนกซีรีส์ไม่ใช่อาโจวดูแลเหรอครับ?”
จ้าวเจวี๋ยผุดยิ้มอีกครั้ง “เหล่าโจวงานยุ่งมาก ทั้งซีรีส์ทั้งทั้งหนังในรวดเดียว แถมยังมีงานบางส่วนของแผนกดนตรีที่ยังแยกจากเขาไม่ได้อีก เพราะฉะนั้นเขาเลยออกตัวแนะนำกับประธานกรรมการว่าให้ฉันไปดูแลแผนกซีรีส์ ฉันนับว่าเป็นการเลื่อนขั้น”
“ยินดีด้วยครับพี่จ้าว”
“ยังไม่ต้องพูดเรื่องแสดงความยินดี”
จ้าวเจวี๋ยจนใจ “แผนกซีรีส์ไม่ได้ดูแลง่ายๆ แผนกนี้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเรื่องบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศของฉู่ขวงโดยเฉพาะ นอกจากซีรีส์เรื่องนี้ แผนกซีรีส์มีผลงานแค่ไม่กี่เรื่องที่หยิบออกมาได้”
นี่คือความเป็นจริง
ถ้าไม่ใช่เพื่อบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ บริษัทไม่มีทางก่อตั้งแผนกซีรีส์ขึ้นมา แต่เนื่องจากบริษัทได้ก่อตั้งแผนกซีรีส์ให้แก่ซีรีส์เรื่องนี้ การเตรียมการหลายอย่างจึงเร่งรีบอยู่บ้าง และส่งผลให้แผนกยังพัฒนาได้ไม่เท่าที่ควร
และอาศัยบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศซีซันที่สองเก็บเกี่ยวชื่อเสียงมาได้บ้าง
ใช่แล้ว
ปัจจุบันนี้ซีรีส์บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศซีซันสองออกมาแล้ว ยังคงเป็นเรื่องราวของอาจารย์และลูกศิษย์ซึ่งเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกจากชมพูทวีปและต่อสู้กับภูตผีปีศาจ ยังคงได้รับความนิยมเป็นวงกว้างดังเคย แต่เนื่องจากเงินทุนสูงเกินไป เพราะฉะนั้นจึงใช้เวลานานเหลือเกินกว่าจะได้คืนทุน
นอกเหนือจากนั้น โปรเจกต์อื่นๆ ของแผนกซีรีส์ล้วนได้รับการตอบรับในระดับที่ธรรมดา
จะว่าไป การเข้ารับช่วงต่อในแผนกซีรีส์นั้นเป็นเรื่องดีสำหรับจ้าวเจวี๋ย ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็คือแผนกทั้งแผนก อย่างไรก็ตาม จะพัฒนาแผนกนี้ให้ดีได้อย่างไรนั้นกลับเป็นความท้าทาย ระยะนี้จ้าวเจวี๋ยปวดหัวกับเรื่องนี้มากที่สุด
ปวดหัวมาได้สองวัน เธอก็นึกถึงหลินเยวียน
เธอรู้สึกว่าบางทีหลินเยวียนอาจช่วยได้
ท้ายที่สุดแล้ว ผลงานชิ้นเอกของแผนกซีรีส์อย่างบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศนั้นมาจากปลายปากกาของหลินเยวียน
จ้าวเจวี๋ยไม่รู้ว่าหลินเยวียนก็คือฉู่ขวง เธอรู้เพียงว่าหลินเยวียนคือคนที่เขียนบทซีรีส์เรื่องนี้
หลินเยวียนเอ่ยถาม “พี่จ้าวอยากให้ผมเขียนบทซีรีส์?”
จ้าวเจวี๋ยส่ายหน้า “เธอเองก็งานล้นมือ ฉันรู้สึกละอายใจที่ให้เธอช่วยงานใหญ่แบบนั้น แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบทจริงๆ นายรู้ว่าระยะนี้บริษัทกำลังออกอากาศซีรีส์กำลังภายในเรื่องหยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกอใช่ไหม?”
“รู้ครับ ตอนเด็กๆ ผมเคยดูซีรีส์เรื่องนี้”
ทุกวันนี้หลินเยวียนไม่ได้ดูซีรีส์ แต่แม่ของเขาชื่นชอบมาก
และแม่ก็ดูซีรีส์เรื่องหยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกอซึ่งกำลังออกอากาศนี้เช่นกัน
นั่นอาจเกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่าซีรีส์เรื่องนี้ผลิตโดยสตาร์ไลท์
เพราะว่าหลินเยวียน แม่จึงมีความรู้สึกในเชิงบวกกับสตาร์ไลท์ และสนับสนุนผลงานของสตาร์ไลท์อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ แม่ไม่ได้ชื่นชมมากนัก
ระยะนี้คล้ายกับมีแนวโน้มที่ผู้อ่านจะละทิ้งซีรีส์
นอกจากนั้นหลินเยวียนยังมีความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้จากความทรงจำในวัยเด็กของเขา
ทุกวันนี้ไม่มีใครอ่านนิยายกำลังภายในแล้ว
แต่สมัยหลินเยวียนยังเด็ก นิยายกำลังภายในยังคงได้รับความนิยม
หยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกอนี้คือนิยายกำลังภายในที่คลาสสิกอย่างยิ่ง ผู้เขียนคือหลิ่วเยี่ยเตา
สถานะของหลิ่วเยี่ยเตาในวงการนิยายกำลังภายในเทียบเท่ากับกิมย้งหรือโกวเล้งบนโลก
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้อีกฝ่ายแขวนปากกาไปแล้ว
เนื่องจากปัจจุบันนี้ไม่มีใครชอบอ่านนิยายกำลังภายในอีกต่อไป
จะว่าไป
อาจเป็นเพราะการรับรู้โดยตรงผ่านภาพและฝีมือการแสดงของนักแสดง ถึงแม้จะไม่มีใครอ่านนิยายกำลังภายในแล้ว ทว่ายังคงมีตลาดซีรีส์กำลังภายใน นี่คือปรากฏการณ์ที่อัศจรรย์อย่างยิ่ง
ดังนั้น
มีซีรีส์กำลังภายในมากมายออกอากาศในแต่ละปี หลายเรื่องในนั้นได้รับความนิยม
และเรื่องหยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกอของหลิ่วเยี่ยเตา ในฐานะผลงานกำลังภายในคลาสสิกชิ้นเอก หลายปีที่ผ่านมา บริษัทต่างๆ นำมาถ่ายทำใหม่ไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง ทุกครั้งล้วนสามารถดึงดูดผู้ชมได้ ต่อให้ทุกคนคุ้นเคยกับเรื่องราวและตัวละครเป็นอย่างดีก็ตาม
หลินเยวียนเคยดูซีรีส์ของบลูสตาร์เรื่องนี้เมื่อเขายังเป็นเด็ก
เขาพอจะเข้าใจเกี่ยวกับโครงเรื่อง
“งั้นเธอคงรู้เกี่ยวกับสถานการณ์แล้ว”
จ้าวเจวี๋ยถอนหานใจ “หลังจากบริษัทซื้อหยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกอ เชิญนักแสดงซีรีส์แถวหน้ามาสองท่าน ให้ความสำคัญสูงมากด้วย แต่อาจเป็นเพราะผู้ดูซีรีส์เรื่องนี้จนเบื่อแล้ว ดังนั้นต่อให้ทัพนักแสดงของเราดี ผู้ชมก็ไม่ซื้อ ช่วงนีเรตติงตกลงเรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปซีรีส์จะขาดทุนย่อยยับ เพราะฉะนั้นฉันเลยคิดว่าเธอจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับนักเขียนบทของเราได้ไหม ชี้แนะพวกเขาสักหน่อย ถึงยังไงทั้งบริษัทก็เข้าใจฝีมือในการเขียนบทของเธอดี…”
หลินเยวียนชะงัก
เขาคิดว่าจ้าวเจวี๋ยจะให้เขาเขียนบทซีรีส์ นึกไม่ถึงว่าจะให้เขามากอบกู้สถานการณ์
“ซีรีส์ออกอากาศแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหา เพราะซีรีส์เรื่องนี้ของพวกเราถ่ายทำไปออกอากาศไป บทสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น”
หลินเยวียนขมวดคิ้ว
เรื่องนี้แตะถึงจุดบอดทางปัญญาของเขา
เขาถนัดการหยิบบทออกมา ไม่ใช่การแก้ไขบทของคนอื่น และเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะแก้ไขบทได้ดีกว่าเดิม
“ฉันรู้ว่าเธออาจรู้สึกลำบากใจ”
จ้าวเจวี๋ยลังเลชั่วขณะก่อนจะเอ่ยขึ้น “เพราะฉะนั้นฉันกำลังคิดว่า ถ้าเธอลำบากใจ เธอจะขอให้อาจารย์ฉู่ขวงช่วยสักหน่อยได้ไหม พวกเธอสนิทกัน ขอให้เขาช่วยเกลาเรื่องสักหน่อยก็ได้ เรื่องค่าตอบแทนเดี๋ยวฉันคุยเอง หลักๆ คือเงินทุนของซีรีส์เรื่องนี้สูงมาก บริษัทตั้งความหวังกับซีรีส์เรื่องนี้ไว้สูง ฉันคิดว่าสามารถกอบกู้โครงเรื่องไว้ได้…”
หลินเยวียน “…”
จ้าวเจวี๋ยกระแอม “เธอเป็นเพื่อนกับอิ่งจือด้วยใช่ไหม ถึงจะเป็นนักเขียนการ์ตูน แต่ถ้าออกความคิดเกี่ยวกับพล็อตซีรีส์สักหน่อยคงไม่มีปัญหา ถึงยังไงก็มีความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานระดับนั้น อย่างที่บอกไป เรื่องค่าตอบแทนฉันจะคุยเอง”
หลินเยวียน “…”
เขาพูดไม่ออก
พูดออกไปจ้าวเจวี๋ยอาจไม่เชื่อ เซี่ยนอวี๋ทำเรื่องนี้ไม่ได้ อิ่งจือและฉู่ขวงรวมร่างกันก็ทำไม่ได้
ในขณะนั้นเอง
จู่ๆ ระบบของหลินเยวียนก็ส่งติ๊งต่อง
“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้เริ่มต้นภารกิจ : กอบกู้ซีรีส์กำลังภายในที่กำลังจะพัง ภารกิจคือต้องเพิ่มเรตติงของซีรีส์เป็นสองเท่า รางวัลภารกิจคือความสามารถในการเขียนพู่กันระดับปรมาจารย์ คำเตือนอย่างเป็นมิตรข้อที่หนึ่ง ความสามารถในการเขียนพู่กันระดับปรมาจารย์โดยทั่วไปจำเป็นต้องเปิดจากกล่องสมบัติทองคำเท่านั้น คำเตือนอย่างเป็นมิตรข้อที่สอง โฮสต์สามารถใช้รูปแบบบทของเรื่อง ‘เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์และฮวาอู๋เชวีย[1]’ มาดัดแปลงได้ โดยรายละเอียดเป็นอย่างไรโฮสต์จำเป็นต้องค้นคว้าด้วยตัวเอง”
ภารกิจมาแล้ว!
หลินเยวียนเกือบคิดไปแล้วว่าระบบจะไม่ส่งมอบภารกิจใหม่ให้เขาอีกต่อไป นึกไม่ถึงว่าระบบจะมอบภารกิจมาให้ตนในวันนี้!
“รับภารกิจ!”
หลินเยวียนรับภารกิจโดยไม่ลังเล ยังไม่ต้องพูดถึงว่าทำได้หรือไม่ เพราะไม่ว่าอย่างไรต่อให้ภารกิจล้มเหลวก็ไม่มีบทลงโทษ
อีกทั้งรางวัลภารกิจคือความสามารถด้านการเขียนพู่กันระดับปรมาจารย์เชียวนะ!
มันช่างหอมหวนยั่วยวนใจ!
นอกจากนี้ ระบบคล้ายกับมอบทิศทางในการดัดแปลงผลงานให้กับเขา!
“ผมจะลองดู”
หลังจากรับภารกิจ หลินเยวียนจึงบอกกับจ้าวเจวี๋ยเช่นนี้
มาลองคิดดูแล้ว
หลินเยวียนจึงเอ่ยเสริมไปอีกหนึ่งประโยค “พวกเราจะลองดู”
“เธอรับปากแล้ว!?”
จ้าวเจวี๋ยพลันปลาบปลื้มใจขึ้นมาทันใด แต่ถ้าเป็นสามสหายซึ่งมีฝีมือในการสร้างสรรค์ผลงานที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ บาทีอาจมีความหวังขึ้นมาจริงๆ ก็ได้!
“ครับ”
หลินเยวียนพยักหน้า
“งั้นเดี๋ยวให้บทเธอไปก่อน ตอนนี้พวกเราออกอากาศไปแล้วสิบสองตอน หลังจากนี้เธอสามารถอ้าง อิงเนื้อหาได้ตามสบาย อยากแก้ตรงไหนก็แก้ได้!”
ขณะที่พูด
จ้าวเจวี๋ยหยิบบทซึ่งเธอตั้งใจนำมา “นอกจากนี้เธอจะดูซีรีส์สิบสองตอนก่อนหน้านี้ก็ได้ บางทีอาจได้แรงบันดาลใจ”
หลินเยวียนพยักหน้า
จ้าวเจวี๋ยกลับไปอย่างเป็นปลื้ม เพียงแต่หว่างคิ้วของเธอยังคงปรากฏร่องรอยของความกังวล นี่เป็นเพียงการเคลื่อนไหวซึ่งมาพร้อมกับความเสี่ยง
ต้องเปลี่ยนสคริปต์ชั่วคราว ทั้งยังต้องแก้ไขบทให้สนุกมากพอ เพื่อกอบกู้เรตติงกลับมา
นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย
ถึงอย่างไรหลินเยวียนก็มารับไม้ต่อชั่วคราว มีหรือที่ไอเดียบรรเจิดจะเกิดขึ้นมาง่ายๆ ถึงขั้นนั้น?
ท้ายที่สุด นี่คือวิธีการที่สิ้นหวัง เฉกเช่นการรักษาม้าที่ตายแล้วราวกับมันยังมีชีวิตอยู่
หลังจากจ้าวเจวี๋ยออกไป
หลินเยวียนเริ่มจมอยู่ในห้วงความคิด
ภารกิจที่ระบบมอบให้ล้วนมีระดับความยากไม่สูงนัก
บางทีตนควรตั้งใจดูหยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกอ หลังจากนั้นก็พยายามกอบกู้เรตติงของซีรีส์ให้ได้!
ในนี้ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่ควรให้คนนอกล่วงรู้
นั่นคือปัญหาของแผนกซีรีส์ อันที่จริงมีความเกี่ยวข้องกับหลินเยวียนโดยตรง ถึงขั้นที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมากด้วยซ้ำไป
ต้องเข้าใจ
ว่าซีรีส์ เรื่องบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศใช้งบประมาณของแผนกซีรีส์ไปมากเหลือเกิน!
ทั้งซีซันหนึ่งและซีซันสอง
ใช้เงินไปหลายพันล้านหยวนเชียวนะ!
ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ทำกำไร ต่อให้มีสินค้าซึ่งช่วงคืนทุน ทว่าจนถึงปัจจุบันนี้ยังคงมีสภาวะขาดทุนอยู่บ้าง
คำวิจารณ์และคะแนนจากชาวเน็ตสูงเป็นประวัติการณ์ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพราะเงิน!
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ แผนกซีรีส์ไม่สามารถล้มเหลวได้ บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศสูบเลือดสูบเนื้อมากเกินไป!
และด้วยเหตุผลนี้เอง
หลังจากจ้าวเจวี๋ยเข้ามารับตำแหน่งในแผนกนี้ เธอจึงเค้นสมองอย่างหนักว่าจะกอบกู้เรตติงของหยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกออย่างไร
เรื่องนี้ หลินเยวียนไม่สามารถหลบหนีความผิดได้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาต้องการทำให้บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศกลายเป็นผลงานลิขสิทธิ์ระดับแนวหน้าและทุ่มเงินมหาศาลในการผลิต แผนกซีรีส์น่าจะขยับขยายได้คล่องตัวกว่านี้
อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้ถึงขั้นขยับตัวไม่ไหว จนแบกรับกับความล้มเหลวของซีรีส์กำลังภายในเพียงเรื่องเดียวไม่ได้
ถึงอย่างไรสตาร์ไลท์ก็มีกิจการใหญ่โต ขาดทุนบ้างก็ช่างปะไร
ไม่ใช่เพราะเรื่องในแผนกนี้ซับซ้อนเกินไปหรอกหรือ?
ต่อให้เพื่อการนี้ หลินเยวียนก็จำเป็นต้องพยายามขบคิดหาวิธี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสนิทสนมของเขากับพี่จ้าว
“ก่อนอื่น จะต้องปรับแก้เต็มรูปแบบ…”
ทำไมระบบถึงบอกว่าซีรีส์เรื่องนี้อ้างอิงจากรูปแบบของเรื่องคู่แฝดเสี่ยวอวี๋พิชิตมารได้ล่ะ”
“เหมือนว่าจะเป็นผลงานเรื่องหนึ่งบนโลกที่ดังมาก เรตติงเป็นผู้นำของตลาดด้วยซ้ำไป…”
“แต่ฉันมีปัญหาเรื่องความทรงจำ จำเนื้อหาของเรื่องไม่ได้แล้ว”
“ซีรีส์เรื่องนั้นฆ่ากันยับมาก”
“ความทรงจำเดียวที่เหลืออยู่ในสมองมีแต่ฆ่าๆๆๆๆ …”
“…”
หลินเยวียนไม่คิดต่อไปอีก และสั่งผลิตเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์และฮวาอู๋เชวียออกมาในทันที
หลังจากนั้น ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมความทรงจำที่ตนมีต่อเรื่องนี้จริงเหลือเพียงฆ่าๆๆๆๆ
เอาสิ!
ตัวละครที่ชื่อว่า ‘เจียงอวี้เยี่ยน’ ในเรื่องนั้นจนฆ่าหมดทั้งเรื่องจนเหลือแค่เพียงชื่อเรื่องแล้ว!
ที่น่าสนใจไปว่านั้นคือ
หยางเสี่ยวฝานและฉินเทียนเกอซึ่งบริษัทถ่ายทำนั้น มีเรื่องราวคล้ายคลึงกับผลงานที่ฆ่าจนเกลี้ยงจนเหลือเพียงชื่อเรื่องมาก!
บางคนแทบสามารถยกเรื่องราวของซีรีส์เรื่องนั้นมาได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง!
ความคิดของหลินเยวียนแจ่มชัดขึ้นมาทันใด!
ออกมาเลย!
เจ้าแก่ฉู่ขวง!
การส่งคนกลับบ้านเก่า คือความสามารถพิเศษของนาย!
[1] เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์และฮวาอู๋เชวีย หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘คู่แฝดเซียวฮื้อยี้พิชิตมาร’ คือซีรีส์ซึ่งสร้างขึ้นจากนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ‘เดชเซียวฮื้อยี้’ โดยโกวเล้ง