cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • สล็อตเว็บตรง
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • สล็อตเว็บตรง
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Manga Info
สล็อตเว็บตรง

Doombringer the 5th - ตอนที่ 145

  1. Home
  2. All Mangas
  3. Doombringer the 5th
  4. ตอนที่ 145
Prev
Manga Info

Ch.145 – งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา (1)

Translator : YoyoTanya / Author

Ch. 141

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา (1)

 

Part 1

 

หลังจากร่างของแบล็คโรสถูกเทเลพอร์ทออกจากลานประมูลไป แร็กน่าก็ค่อย ๆ ยืดตัวขึ้นยืน ก่อนจะยกมือขวาขึ้นมามองด้วยแววตาอันซับซ้อนอยู่ครู่หนึ่ง

เขายังรู้สึกชาที่ฝ่ามืออยู่เล็กน้อย นั่นเป็นผลจากการใช้มือหวดลงไปที่ก้นของแบล็คโรสอย่างต่อเนื่องแบบไม่มียั้ง และอาการชาบนฝ่ามือนี้ก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา

เพราะในชั่วแวบหนึ่งเขาปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลจนพลั้งมือไป

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความหงุดหงิดสะสมที่ลานาเทลลงมาก่อกวนการประมูลแถมยังไม่ยอมรามือไปง่าย ๆ อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะความหมั่นเขี้ยวที่มีต่อเด็กสาวผู้อวดดีซึ่งยังคงพูดจาข่มขู่ไม่ขาดปากจนเขาอยากจะสั่งสอนอีกฝ่ายให้เข็ดหลาบซะบ้าง แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม ซาลก็รู้ตัวดีว่าในชั่วระยะเวลาหนึ่งเขาใช้อารมณ์ส่วนตัวกับการลงโทษมากเกินไปจนถึงขั้นพลั้งมือ แถมยังรู้สึกสนุกกับมันซะอีก ซึ่งนับเป็นสิ่งที่ไม่ดีนัก

เพราะเขามองว่ามันอาจเป็นการเพาะบ่มนิสัยที่ไม่ดีขึ้นมาได้ ซาลจึงคิดว่าคราวหน้าควรจะต้องควบคุมตัวเองให้เข้มงวดกว่านี้ซะหน่อยแล้ว

ไม่นาน เสียงประกาศชื่อผู้ชนะในการประมูลก็ดังขึ้น แน่นอนว่ามันต้องเป็นชื่อของแร็กน่า เพราะตามกฎของการประมูล หากผู้ดูแลการประมูลลงมาย้ำราคาด้วยตนเองแล้วยังพ่ายแพ้ การประมูลก็จะสิ้นสุดลงทันที โดยผู้ที่เอาชนะผู้ดูแลการประมูลได้ก็จะเป็นฝ่ายชนะการประมูลไป แต่ต่อให้ไม่มีกฎนี้ก็คงไม่มีใครกล้าลงมาท้าประลองกับผู้ที่สามารถเอาชนะผู้ดูแลการประมูลได้อยู่ดี ผลลัพธ์ของมันจึงไม่แตกต่างกันนัก

ร่างของแร็กน่าถูกเทเลพอร์ทกลับขึ้นมายังห้องรับรองสำหรับผู้เข้าร่วมการประมูลหลังจากการประกาศจบลงเพียงไม่นานนัก ซึ่งทันทีที่กลับมาถึง ซาลก็พบว่าโทร่าซึ่งมีสีหน้าเหยเกกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์ ราวกับกำลังมองสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ และยังไม่ทันที่เขาจะได้ซักถามอะไร อีกฝ่ายก็แผดเสียงเจื้อยแจ้วออกมา

“โฮก! ไอ้โรคจิต! ซาดิสม์! โลลิค่อน! ขนาดอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ไร้ทางสู้ก็ยังกล้าทำร้ายและเหยียดหยามเขาขนาดนี้ นายยังเป็นคนอยู่รึเปล่า!?”

โทร่าตวาดออกมาด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยว แต่ซาลก็ไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดอะไรกับถ้อยคำเหล่านั้น เขากลับรู้สึกโล่งใจซะอีกเพราะคิดว่าหลังจากได้เห็นฝีมือของเขาแล้วโทร่าอาจจะมีท่าทีเปลี่ยนไป แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงปฏิบัติตัวต่อเขาเหมือนเดิมอยู่ ซาลจึงรู้สึกสบายใจมากกว่า

“เห~ คุณโทร่าดูยังไงว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กที่ไร้ทางสู้เนี่ย? ถึงผลของการต่อสู้จะดูเหมือนกับว่าผมสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย แต่ความจริงถ้าไม่ระวังละก็ตัวผมเองอาจเป็นฝ่ายถูกฆ่าได้ทุกเมื่อเลยนะครับ”

“ก็หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะต่อกรอะไรได้แล้วนี่นา! แต่นายก็ยัง.. ยังไปย่ำยีศักดิ์ศรีของเขาอีก! ถ้าจะทำแบบนั้นสู้ฆ่าให้ตายไปเลยดีกว่า!”

“เฮ้ อย่าใช้คำที่มันชวนสับสนสิครับ ผมก็แค่ทดสอบให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่มีไม้เด็ดอะไรมาพลิกสถานการณ์อีกเท่านั้นเอง ถ้าเกิดปล่อยไว้แล้วเขามีร่างแปลงขั้นที่สาม กลายร่างเป็น ‘กั๊ดซิลล่า’ (หนึ่งในจ้าวมังกรตามตำนานของโลกเก่า) ได้ขึ้นมา ผมก็แย่น่ะสิ”

“ใครมันจะไปมีท่าแปลงร่างแบบนั้นได้เล่า!? นายนี่มัน…”

ในระหว่างที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น โทร่าจึงต้องสงบอารมณ์ลงเพราะรู้ว่ากำลังจะมีคนเข้ามาในห้อง ไม่นานนักประตูของห้องรับรองก็เปิดออก ก่อนจะมีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มคนหนึ่งเดินเข้ามาแนะนำตัว

“คุณแร็กน่าสินะครับ ผมแบร์โดร มาจากฝ่ายดูแลการประมูล คุณแร็กน่าเป็นผู้ชนะการประมูลไปด้วยราคา 5,500 โกลด์ ผมจึงมาเพื่อรับเงินประมูลและทำการส่งมอบ.. สินค้าน่ะครับ”

เมื่อพูดจบ แบร์โดรก็ขยับไปยืนด้านข้าง เผยให้เห็นหญิงสาวผมดำผู้สวมแว่นตากรอบหนาและมีหูเหมือนสุนัขจิ้งจอกซึ่งยืนอยู่ด้านหลังของเขา

ซาลนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังรำลึกถึงเรื่องอะไรบางอย่าง และในที่สุดเขาก็แสดงสีหน้าเหมือนกับเพิ่งนึกถึงสิ่งนั้นขึ้นมาได้

“อ้อ! จริงด้วย ผมประมูลคุณผู้หญิงคนนี้มานี่นา…”

ท่าทางของแร็กน่าสร้างความประหลาดใจให้กับแบร์โดรเป็นอย่างมาก โทร่าที่หน้าบึ้งอยู่แล้วก็ยังขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก แม้แต่หญิงสาวผมดำที่มีสีหน้าสงบนิ่งก็ยังแสดงความรู้สึกแปลกใจออกมาทางแววตา

“นี่นาย! ลืมของที่ตัวเองยื่นประมูลไปได้ยังไงกันน่ะหา!? ทั้งที่ต้องต่อสู้แย่งชิงอย่างเอาเป็นเอาตายมาขนาดนั้นเนี่ยนะ!?”

“ก็เพราะมันมีเรื่องต่าง ๆ เกิดขึ้นเยอะเกินไปต่างหากล่ะครับผมถึงได้ลืมน่ะ ช่วงท้าย ๆ ของการต่อสู้ก็ยังแอบนึกอยู่เลยว่า ‘เอ๊ะ? นี่เรากำลังทำอะไรอยู่หว่า?’ แต่เพราะการต่อสู้ตรงหน้ามันสำคัญกว่า ก็เลยไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่”

“กรอดดด นี่นายเพี้ยนรึเปล่าเนี่ย!?”

ข้อความช่วงท้ายนั้นซาลแค่แต่งเติมลงไปเพื่อเย้าแหย่โทร่าเล่นเท่านั้นเอง แต่ในบางช่วงเขาก็เผลอลืมเหตุผลเริ่มต้นของการต่อสู้ไปจริง ๆ มันจึงไม่ใช่เรื่องโกหกซะทีเดียว

ในระหว่างนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นแบร์โดรเริ่มจะมีสีหน้ากระอักกระอ่วน ซาลจึงตัดบทเพื่อเข้าเรื่องอีกครั้ง

“สรุปแล้วผมต้องจ่ายทั้งหมด 5,500 โกลด์ สินะครับ? ส่งบัตรมาสิครับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของแร็กย่า แบร์โดรก็นำบัตรแข็งทรงสี่เหลี่ยมขนาดเท่าฝ่ามือใบหนึ่งขึ้นมาและยื่นมันให้กับอีกฝ่าย ส่วนแร็กน่าก็ใช้ปลายนิ้วแตะสัมผัสที่บัตรใบนั้นเพื่อถ่ายเทเงินสดจากช่องมิติส่วนบุคคลของเขาลงไป

บัตรนี้คือบัตรเงินสดซึ่งมีช่องมิติเก็บของอยู่ภายใน ตัวบัตรถูกออกแบบมาให้ใส่ได้เฉพาะเหรียญกษาปณ์ซึ่งเป็นสกุลเงินที่ใช้กันในปัจจุบันเท่านั้น ภายในบัตรยังมีระบบตรวจสอบว่าแต่ละเหรียญที่ถูกใส่ลงไปนั้นเป็นเหรียญแท้หรือไม่อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบนับยอดรวมของเหรียญที่อยู่ในช่องมิติโดยอัตโนมัติ ทำให้มันเป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่แทบจะขาดไม่ได้ในปัจจุบัน

ตัวเลข 5,500 ซึ่งสร้างจากอักขระเวทมนตร์ปรากฏขึ้นที่แถบสีทองด้านข้างของบัตร เป็นหลักฐานว่าตอนนี้ภายในบัตรมีเงินจำนวน 5,500 โกลด์อยู่ เมื่อเห็นเช่นนั้น แบร์โดรก็พยักหน้ารับ ก่อนจะนำเอกสารฉบับหนึ่งยื่นให้กับแร็กน่าและเริ่มอธิบาย

“นี่คือสิทธิ์ในการครอบครองครับ… ‘บรรณารักษ์แห่งโคโรน่า’ คนนี้ถูกนำมาวางประมูลในฐานะของ.. สินค้า และนี่ก็คือสิทธิ์ในการครอบครองตัวเธอซึ่งลงนามโดยทางสมาคมผู้ใช้ศาสตร์มืดแล้ว ทั้งตัวเธอและคุณแร็กน่าจะได้รับการรับรองสถานะจากทางสมาคม ว่าผู้เป็นเจ้าของเธอคนนี้ก็คือคุณแร็กน่า ส่วนเธอก็เป็นทรัพย์สิน… ผู้ที่คิดจะแย่งชิงเธอไปด้วยกำลังจะถือว่าทำผิดต่อข้อบังคับของสมาคมผู้ใช้ศาสตร์มืดและต้องโทษสูงสุดคือประหารชีวิต การจะถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ในการครอบครองต้องเกิดจากความยืนยอมของคุณแร็กน่าเท่านั้น โดยต้องมีคนของสมาคมเป็นพยานว่าการถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ไม่ได้เกิดจากการถูกข่มขู่ด้วยครับ…”

นี่ไม่ใช่กฎข้อบังคับที่ร่างขึ้นเพื่อการค้าทาส แต่เป็นกฎพื้นฐานสำหรับสินค้าทุกชิ้นที่ถูกนำมาประมูล เพราะเจตนาของการประมูลนี้มีขึ้นเพื่อไม่ให้ผู้ใช้ศาสตร์มืดบางคนแอบไปใช้กำลังแย่งชิงสิ่งของจากผู้ที่ชนะการประมูลในภายหลัง จึงมีกฎพิเศษอย่างการย้ำราคาเพื่อท้าประลองขึ้นมาเพื่อให้คนที่มีเงินไม่พอก็สามารถใช้ฝีมือในการแย่งชิงได้ ส่วนผู้ที่ชนะการประมูลก็จะได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองจากทางสมาคม ทั้งเพื่อป้องกันไม่ให้มีคนแอบไปปล้นหรือข่มขู่บีบบังคับแย่งชิงสินค้านอกงานประมูล และเพื่อทำให้การประมูลมีความศักดิ์สิทธิ์ด้วย

ดังที่บอกว่ามันเป็นกฎพื้นฐานที่ร่างขึ้นเพื่อการซื้อขายสินค้าในงานประมูล แต่ครั้งนี้มันกลับแตกต่างออกไปเพราะมี ‘มนุษย์’ ถูกนำมาวางประมูลในฐานะของสินค้า ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แบร์โดรจึงกล่าวพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักและสีหน้าลำบากใจ เพราะเขารู้สึกกระดากปากเมื่อต้องใช้สรรพนามเรียกหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเหมือนกับเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง ซาลที่เห็นท่าทางของแบร์โดรจึงรู้สึกเบาใจลงบ้างที่สมาคมผู้ใช้ศาสตร์มืดไม่ใช่ผู้ช่ำชองการค้ามนุษย์และสามารถทำการซื้อขายมนุษย์เหมือนกับสิ่งของได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ

“อ้อ มีแต่ผมที่โอนกรรมสิทธิ์ในการครอบครองได้สินะครับ แล้วถ้าสิทธิ์ในการครอบครองนี้สูญหายหรือถูกทำลายไปล่ะครับ?”

“ถึงมันสูญหายหรือถูกทำลายไป ทางสมาคมผู้ใช้ศาสตร์มืดก็ยังมีบันทึกว่าคุณแร็กน่าเป็นผู้ครอบครองอยู่ดี เว้นแต่คุณแร็กน่าจะเป็นคนทำลายเอกสารสิทธิ์นี้ด้วยตนเองต่อหน้าพยานจากทางสมาคม จึงจะเป็นการแสดงเจตจำนงในการสละสิทธิ์ และทำให้สิทธิ์ในการครอบครองสิ้นสภาพไปครับ”

“โอ้ ดีเลย ถ้างั้นคุณแบร์โดรกับคุณโทร่าช่วยเป็นพยานให้หน่อยก็แล้วกันนะครับ”

“เอ๋?”

ทันทีที่พูดจบ แร็กน่าก็ร่ายเวทเพลิงใส่เอกสารสิทธิ์ที่เขาถืออยู่ในมือ ทำให้เอกสารสิทธิ์ฉบับนั้นซึ่งเป็นแค่แผ่นกระดาษใบเดียวถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่านไปในพริบตา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าทำให้ทั้งแบร์โดร โทร่า และหญิงสาวหูจิ้งจอก ต่างก็ต้องตกตะลึงจนตาค้าง

 

——————————————————————————–

 

Part 2

 

การกระทำของแร็กน่าเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน เพราะเขาต้องผ่านการต่อสู้อันยากลำบากกับกลุ่มนักผจญภัยระดับสูงและผู้ดูแลการประมูล ทั้งยังต้องจ่ายเงินอีก 5,500 โกลด์ ซึ่งนับเป็นเงินจำนวนไม่ใช่น้อย เพื่อให้ได้ ‘สินค้า’ ชิ้นนี้มา แต่เขากลับเผาเอกสารสิทธิ์ทิ้งไปดื้อ ๆ เพื่อสละสิทธิ์ในการครอบครอง มันเป็นการกระทำที่ดูไร้เหตุผลจนทำให้ทุกคนต้องรู้สึกงุนงงไปตาม ๆ กัน

แบร์โดร เจ้าหน้าที่ของฝ่ายดูแลการประมูลยังคงยืนอึ้งเหมือนกับยังปรับตัวกับสถานการณ์นี้ไม่ทัน  โทร่าก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้าลงอีกเพราะไม่เข้าใจการกระทำของแร็กน่าเลยแม้แต่น้อย แม้แต่หญิงสาวหูจิ้งจอกก็หรี่ตาลงและมีสีหน้าเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น

ในระหว่างที่ทุกคนยังอยู่ในอาการสับสน แร็กน่าก็เดินเข้าไปหาหญิงสาวหูจิ้งจอก ก่อนจะเอ่ยคำถามกับเธอ

“ทุกคนเรียกคุณว่า ‘บรรณารักษ์แห่งโคโรน่า’ แต่คุณเองก็คงจะมีชื่อจริง ๆ อยู่สินะครับ? ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรเหรอครับ?”

คำถามของแร็กน่าทำให้หญิงสาวหลุดจากภวังค์อีกครั้ง เธอรีบถอยห่างออกจากชายหนุ่มไปหลายก้าวพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาของอีกฝ่ายก่อนจะตอบกลับมาแบบตะกุกตะกัก

“ฉะ.. ฉันชื่อ โพเอเธีย ค่ะ.. โพเอเธีย ดาร์วิน ค่ะ”

น้ำเสียงอันนุ่มนวลของหญิงสาวนั้นค่อนข้างสั่นและแสดงออกถึงความประหม่าอย่างชัดเจน ดูเหมือนเธอจะเป็นคนที่ค่อนข้างขี้อายพอสมควร หรืออาจเรียกว่าไม่ค่อยคุ้นเคยกับการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นก็ได้

“โอเค ขอเรียกว่าคุณโพเอ็ท ก็แล้วกันนะครับ คุณโพเอ็ทพอจะมีคนรู้จักหรือมีที่ปลอดภัยที่อยากจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่บ้างรึเปล่าครับ? ถ้ามีละก็ เดี๋ยวผมจะพาไปส่งเองครับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของแร็กน่า โพเอ็ทก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับแบร์โดรและโทร่าที่แทบจะไม่เชื่อหูของตนเองด้วย

“ฉะ.. ฉัน… ไม่มีคนรู้จักหรอกค่ะ… แล้วก็คิดว่าคงไม่มีที่ไหนที่ปลอดภัยจากสมาพันธ์เทอร่าด้วย…”

โพเอ็ทตอบกลับมาโดยหลบสายตาไปทางอื่นเช่นเคย มันไม่ใช่อาการหลบสายตาแบบมีพิรุธที่ทำเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง แต่เป็นการหลบสายตาเพราะความไม่มั่นใจในตนเองทำให้ไม่กล้าสบตากับอีกฝ่ายเท่านั้น เมื่อบวกกับน้ำเสียงอันแผ่วเบาที่แฝงความเศร้าอยูลึก ๆ จึงทำให้หญิงสาวดูน่าเห็นใจมากขึ้นอีก

“อืม… งั้นถ้าเป็นบีสเทียล่ะครับ? ที่นั่นน่ะเป็นเมืองหลวงของเผ่าฮาลฟ์บีสเลยนี่นา พวกเขาต้องยินดีดูแลและให้การคุ้มครองกับคุณโพเอ็ทแน่ ๆ ครับ”

“เฮอะ! บีสเทียงั้นเหรอ? ถ้าที่นั่นปลอดภัยจริง แม่นี่จะมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกันล่ะ? แค่ประชากรฮาลฟ์บีสทั่ว ๆ ไป ทางบีสเทียกับซิลวานยังไม่มีปัญญาจะคุ้มครองเลย สำหรับคนที่มีค่าหัวสูงขนาดนี้ อยู่รอดได้เกินสามวันก็เก่งแล้ว!”

ผู้ที่กล่าวแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดนั้นก็คือโทร่า ซาลรู้สึกได้ว่าเธอไม่ชอบบ้านเกิดของตนเองสักเท่าไหร่นัก และอาจมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับที่นั่น แต่เขาก็ไม่คิดจะเอ่ยถามเพราะเห็นว่ามันอาจเป็นการไม่สมควร

โพเอ็ทแสดงอาการสะดุ้งออกมาเมื่อถูกโทร่าพูดแทรกอย่างกะทันหัน แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดจบ เธอก็ไม่ได้โต้แย้งอะไรทั้งยังผงกศีรษะเล็กน้อยราวกับยอมรับโดยอ้อมว่านั่นเป็นคำพูดที่ไม่ผิดไปจากความจริงนัก ก่อนที่เธอจะกล่าวเสริม

“ที่สำคัญคือ… การคงอยู่ของฉันจะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมายกับทั้งบีสเทียและซิลวาน สมาพันธ์เทอร่าคงใช้ความพยายามทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อนำตัวฉันกลับไป และอาจทำให้มีผู้บริสุทธิ์อีกมากมายต้องมารับเคราะห์ด้วย… ดังนั้นฉันจึงอยากไปซ่อนตัวในที่ ๆ อยู่นอกเหนือสายตาของสมาพันธ์เทอร่ามากกว่าน่ะค่ะ…”

โพเอ็ทกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเศร้าสร้อย ทำให้ซาลต้องหยุดครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง

เขาคิดว่าที่ ๆ เหมาะสมสำหรับหญิงสาวมากที่สุดน่าจะเป็นลิลลี่โฮไรซอน เพราะต่อให้เป็นสมาพันธ์เทอร่าก็คงไม่กล้าเข้าไปยุ่มย่ามที่นั่นแน่ ๆ โดยเฉพาะหากฝากโพเอ็ทให้เข้าเป็นคนของมหาวิทยาลัยลิลลี่โฮไรซอนอย่างเป็นทางการได้ สถานะของเธอก็จะยิ่งมั่นคง ซึ่งเขาเองก็พอจะมีลู่ทางในการนำเธอไปฝากไว้กับลิลลี่โฮไรซอนอยู่แล้ว แต่การแสดงความสัมพันธ์กับลิลลี่โฮไรซอนออกมาในตอนนี้ก็จะทำให้ทุกคนเกิดคำถามขึ้นมาซะเปล่า ๆ ซาลจึงคิดว่าควรปิดเรื่องนี้ไว้ก่อนจะดีกว่า

“ถ้างั้น… ระหว่างนี้คุณโพเอ็ทก็มาพักอยู่กับผมก่อนก็แล้วกันนะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะหาทางจัดแจงที่เหมาะสมให้อีกที”

ตั้งแต่ต้นจนจบ แร็กน่าไม่ได้แสดงท่าทีว่าต้องการจะรั้งตัวโพเอ็ทไว้เลยแม้แต่น้อย เขาเอาแต่ถามถึงความต้องการของเธอว่าเธอต้องการจะไปที่ไหน ทั้งยังเสนอทางเลือกให้เธอด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ประสงค์ที่จะครอบครองตัวเธอหรือแม้แต่คิดจะใช้ประโยชน์จากเธอเลยจริง ๆ ทำให้ทุกคนยิ่งรู้สึกข้องใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

ในที่สุดโทร่าที่ทนความสงสัยไม่ไหวก็เอ่ยถามออกมา

“นี่ ถ้านายไม่ได้ต้องการทั้งตัวเธอหรือความรู้ที่เธอครอบครองอยู่ แล้วนายลงไปประมูลแย่งตัวเธอมาเพื่ออะไรกันล่ะ?”

“หืม? ผมก็แค่ไม่อยากให้คนอื่นได้ตัวคุณโพเอ็ทไปเท่านั้นเอง ไม่ถูกเหรอครับ?”

“หา!? มันจะไปถูกได้ยังไงกันเล่า เหตุผลแค่นี้น่ะ!?”

“อืม… จะว่าไงดี.. ถึงจะไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่ผู้ร่วมประมูลคนอื่น ๆ คงอยากได้ ‘บรรณารักษ์แห่งโคโรน่า’ ไปในฐานะของทรัพย์สินหรือทาสซะเป็นส่วนใหญ่ ผมแค่ไม่อยากให้คุณโพเอ็ทถูกปฏิบัติเหมือนกับเป็นสิ่งของแบบนั้น และอยากให้เธอหลุดพ้นจากสภาพความเป็นทาส ก็เลยไปแย่งประมูลมาเพื่อปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระไงล่ะครับ”

คำตอบของแร็กน่าที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ และสีหน้าสบาย ๆ ราวกับมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาทำให้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง

โทร่าจ้องมองเขาอยู่เป็นเวลานาน เพราะยิ่งเวลาผ่านไปเธอก็ยิ่งไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเป็นคนยังไงกันแน่

หากนี่เป็นแค่คำพูดปากเปล่า อาจมีคนมองว่าเขาแค่พูดจาเพื่อให้ตัวเองดูดีเท่านั้น แต่สิ่งแรกที่แร็กน่าทำก็คือการเผาเอกสารสิทธิ์เพื่อสละสิทธิ์ในการครอบครองตัวโพเอ็ท ทำให้เธอพ้นจากสถานะของทรัพย์สินหรือทาสไปโดยทันที จึงไม่มีใครสามารถโต้แย้งได้ว่าคำพูดของเขาเป็นเพียงคำพูดสวยหรู เพราะเจ้าตัวได้พิสูจน์เจตนาด้วยการกระทำตั้งแต่ก่อนหน้านั้นแล้ว

โพเอ็ทที่เคยแสดงอาการเขินอายมาโดยตลอดก็จ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มอยู่เป็นเวลานาน ทั้งยังสบตากับเขาโดยไม่ยอมหลบสายตาไปทางไหน ราวกับเธอต้องการจะยืนยันความจริงที่ซ่อนอยู่ภายในดวงตาคู่นั้น แต่เธอก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ออกมาทางสีหน้าว่าพบคำตอบที่ต้นเองค้นหาหรือไม่

“เข้าใจแล้วค่ะ… ถ้าอย่างนั้นต้องขอรบกวนด้วยนะคะ”

ในที่สุดโพเอ็ทก็ตัดสินใจได้และกล่าวฝากตัวกับแร็กน่า ซึ่งเขาก็ยิ้มรับ ก่อนจะนำลูกแก้วลูกหนึ่งออกมา

มันเป็นลูกแก้วใสขนาดเท่าฝ่ามือ ภายในนั้นมีฉากจำลองของทุ่งหิมะซึ่งมีกระท่อมไม้หลังหนึ่งตั้งอยู่ แม้มันจะดูเหมือนกับลูกแก้วทิวทัศน์จำลองที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่ทิวทัศน์ภายในลูกแก้วที่แร็กน่าถืออยู่กลับให้ความรู้สึกเหมือนจริงราวกับเป็นห้วงมิติอีกแห่งหนึ่งที่ถูกนำมาใส่ไว้ในลูกแก้วก็ว่าได้

“ผมยังมีเรื่องต้องทำอีกนิดหน่อย คุณโพเอ็ทเข้าไปพักในนี้ก่อนก็แล้วกันนะครับ แล้วเดี๋ยวพอจัดการเรื่องต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกที”

แร็กน่ากล่าวพลางยื่นลูกแก้วให้กับโพเอ็ท ซึ่งแม้จะไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ว่าอีกฝ่ายต้องการให้ทำอะไร แต่เธอก็พอจะเดาออกว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับลูกแก้วลูกนี้ โพเอ็ทจึงยื่นมือออกไปแตะสัมผัสที่ลูกแก้ว ทันใดนั้นร่างของเธอก็ถูกอาบด้วยแสงสว่างก่อนจะหายวับไปในพริบตา

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง โพเอ็ทก็พบว่าตนเองกำลังยืนอยู่บริเวณทางเข้าด้านหน้าห้องโถงของกระท่อมไม้ขนาดใหญ่หลังหนึ่ง พื้นกระท่อมถูกปูด้วยพรมผืนใหญ่ซึ่งแผ่กว้างออกไปครอบคลุมเกือบทุกระเบียดนิ้ว บนพื้นก็มีเฟอร์นิเจอร์ไม้รูปทรงโดดเด่นวางประดับอยู่โดยรอบ ผนังของกระท่อมถูกสร้างด้วยการนำท่อนซุงขนาดกลางมาวางซ้อนและประกอบกันด้วยการเข้าลิ่มอย่างวิจิตรบรรจง ตรงปลายของห้องโถงยังมีเตาผิงที่เกิดจากการนำก้อนหินขนาดเท่าฝ่ามือจำนวนนับไม่ถ้วนมาก่อขึ้นเป็นเตา บริเวณโดยรอบก็ให้แสงสว่างด้วยโคมไฟสีนวล ทำให้เกิดบรรยากาศอันอบอุ่นและหรูหราไปในเวลาเดียวกัน

โพเอ็ทมองออกไปนอกหน้าต่างและพบว่า ภายนอกหน้าต่างมีสภาพเป็นทุ่งหิมะในยามราตรี คล้ายกับภาพทิวทัศน์จำลองที่เธอเห็นจากลูกแก้วไม่มีผิดเพี้ยน  เธอจึงมั่นใจว่านี่เป็นเรล์มที่อยู่ภายในลูกแก้วลูกนั้นนั่นเอง

แม้จะรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย แต่โพเอ็ทก็ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมา สีหน้าของเธอยังคงเรียบเฉยและไร้ซึ่งอารมณ์ แตกต่างจากยามที่อยู่ต่อหน้าคนอื่น ๆ มาก

“คนที่ชื่อแร็กน่าคนนี้… น่าสนใจกว่าที่คิดแฮะ…”

โพเอ็ทพึมพำกับตัวเองก่อนจะถอดรองเท้าออกและเดินเข้าไปในห้องโถง เพื่อสำรวจภายในของกระท่อมไม้อันหรูหราหลังนี้

 

——————————————————————————–

 

Part 3

 

การหายตัวไปของโพเอ็ททำให้ทั้งแบร์โดรและโทร่าต่างรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่พวกเขาก็พอจะคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้อยู่บ้าง จึงไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไป แม้ในใจจะยังคงรู้สึกสงสัยอยู่ก็ตาม

“มีดันเจี้ยนแบบพกพาอยู่ด้วยเหรอ? แต่ลูกแก้วนั่นมีขนาดแค่ฝ่ามือเองนี่นา? วิทยาการในปัจจุบันยังไม่สามารถย่อส่วนอาติแฟคสำหรับสร้างดันเจี้ยนแบบพกพาให้มีขนาดเล็กกว่า 1x1 เมตรได้เลยแท้ ๆ แล้วทำไมถึง…”

โทร่าได้แต่คิดว่าแร็กน่าช่างเป็นบุคคลที่เต็มไปด้วยปริศนา ยิ่งรู้เรื่องเกี่ยวกับเขามากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเกิดคำถามที่หาคำตอบไม่ได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เธอไม่สามารถสงบใจเวลาอยู่กับอีกฝ่ายได้เลยจริง ๆ

ในขณะเดียวกัน แร็กน่าก็เดินตรงไปหาแบร์โดร ก่อนจะเอ่ยคำถามกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่บรรยากาศที่แผ่ออกมากลับไม่ได้เป็นมิตรอย่างที่เขาแสดงออกทางสีหน้าเลยแม้แต่น้อย

“คุณแบร์โดรครับ คือผมอยากรู้ว่าคนที่นำคุณโพรเอ็ทมาวางประมูลเป็นใคร คุณแบร์โดรพอจะช่วยจัดการให้หน่อยได้รึเปล่าครับ?”

เมื่อถูกถามอย่างกะทันหันด้วยแรงกดดันอันบรรยายไม่ถูกนั้น แบร์โดรก็เกิดอาการชะงักไปวูบหนึ่ง เขาเองก็ได้รับชมการต่อสู้ของแร็กน่าผ่านการถ่ายทอดสด และได้เห็นฝีมือของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ทำให้รู้ว่าแร็กน่าเป็นบุคคลที่ไม่ควรล่วงเกินหรือทำให้ไม่พอใจไม่ว่าในกรณีใด ๆ แบร์โดรจึงรีบตอบอีกฝ่ายกลับไปโดยไม่มีความคิดที่จะปิดบังเลยแม้แต่น้อย

“ระ.. เรื่องนั้น ผมเองก็ไม่ทราบหรอกนะครับ เพราะทางสมาคมไม่มีนโยบายให้สิทธิ์คุ้มครองแก่ผู้นำสินค้ามาขาย เนื่องจากการพิสูจน์เหตุที่เกิดกับผู้ขายว่าเกี่ยวข้องกับงานประมูลแน่รึเปล่านั้นเป็นเรื่องยุ่งยาก ทางเราจึงช่วยปกปิดตัวตนของผู้ขายสินค้าให้แทน จะได้ตัดปัญหาที่ผู้ขายจะถูกคุกคามหลังจบการประมูลออกไป คนที่รู้ชื่อที่แท้จริงของผู้ขายน่ะมีแค่ผู้อาวุโสที่เกี่ยวข้องกับการประมูลเพียงไม่กี่คน ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับรองลงมาอย่างผมน่ะไม่มีสิทธิ์รับรู้รายชื่อพวกนั้นหรอกครับ…”

“งั้นเหรอครับ อืม… ถ้างั้นก็ช่วยไม่ได้นะ”

แม้จะอยากรู้ชื่อของคนที่นำโพเอ็ทมาประมูลเพื่อดำเนินการอะไรบางอย่างกับคนผู้นั้น แต่ซาลก็ไม่คิดจะไปกดดันถึงระดับผู้อาวุโสของกลุ่มผู้ใช้ศาสตร์มืด โดยเฉพาะหากมันเป็นระเบียบข้อบังคับของทางสมาคมที่ต้องปกปิดชื่อของผู้นำสินค้ามาประมูล การไปบีบให้อีกฝ่ายฝ่าฝืนหรือเปลี่ยนแปลงกฎที่ตั้งขึ้นเองก็ดูจะเป็นอะไรที่ล้ำเส้นเกินไปหน่อย เขาจึงคิดว่าควรหาทางอื่นจะดีกว่า

ระหว่างนั้นเอง โทร่าก็สัมผัสได้ถึงการติดต่อที่ส่งเข้ามาทางแหวนสื่อสาร เธอจึงหยิบมันขึ้นมาสวมและหมุนตัวแหวนเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนโหมดเป็นการสื่อสารด้วยโทรจิต คนอื่น ๆ จะได้ไม่สามารถรับฟังการสนทนานี้ได้

“อื้ม นี่ฉันเอง มีอะไรเหรอ?”

“คุณโทร่าครับ ตอนนี้เหล่าผู้อาวุโสมีคำสั่งให้เรียกตัวนักผจญภัยระดับสูงของทุกกลุ่มมาประชุมกันที่ชั้นเก้าเป็นการด่วนเลยครับ”

“เอ๋? เรียกประชุมด่วนงั้นเหรอ? อืม… เข้าใจล่ะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”

“เอ่อ เดี๋ยวก่อนครับ คุณไลคัสยังมีคำสั่งมาอีกว่า ให้คุณโทร่าส่งคุณแร็กน่าขึ้นมาที่ชั้นสิบด้วยครับ”

“หา? ให้ส่งเจ้านั่นไปที่ชั้นสิบงั้นเหรอ? แต่มันเป็นคนนอกนะ?”

“ผมเองก็แค่ได้รับคำสั่งมาอีกทีน่ะครับ เลยไม่รู้รายละเอียด แต่คุณไลคัสมีคำสั่งมาแบบนี้จริง ๆ นะครับ”

“อืม… งั้นช่างเถอะ ฉันจะจัดการให้ ขอบใจมากนะ”

เมื่อพูดจบ โทร่าก็ตัดการสื่อสารกับอีกฝ่ายไป ก่อนจะหันมาจ้องมองแร็กน่าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความข้องใจ

“เรียกระดมพลนักผจญภัยระดับสูงทั้งหมด แถมยังให้ส่งเจ้านี่ไปที่ชั้นสิบอีก… เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่นะ…”

ในระหว่างที่โทร่ากำลังครุ่นคิดอยู่ แร็กน่าก็หันมาสบตากับเธอเข้าพอดี เธอจึงกล่าว ‘เชิญ’ เขาตามคำสั่งที่ได้รับมา

“คุณไลคัสบอกว่าอยากเจอนายน่ะ ตามมาด้วยกันหน่อยสิ”

เมื่อพูดจบ โทร่าก็เปิดประตูและเดินออกจากห้องไป ทำให้ซาลที่ยังปรับตัวไม่ทันต้องยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตามเธอออกไป

โทร่าพาซาลขึ้นวงเวทเคลื่อนย้ายตรงมายังชั้นเก้าด้วยสิทธิ์ของฝ่ายดูแลนิทรรศการ ทันทีที่ขึ้นมาถึงซาลก็สังเกตว่าบนชั้นนี้มีเจ้าหน้าที่ของฝ่ายจัดงานเดินกันให้ขวักไขว่ ทุกคนต่างก็มีท่าทีเร่งรีบ บรรยากาศโดยรอบจึงเป็นการประกาศตัวเองอย่างโจ่งแจ้งว่ากำลังเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นภายในงาน

หลังจากเดินผ่านโถงทางเดินที่มีความยาวหลายสิบเมตรเข้ามายังส่วนในของชั้นเก้า ทั้งสองก็มาถึงห้องวงเวทเคลื่อนย้ายอีกห้องหนึ่ง ซึ่งคราวนี้โทร่าได้หยุดยืนอยู่นอกวงเวท และบอกให้ซาลเข้าไปในวงเวทเคลื่อนย้ายเพียงลำพัง

“คุณไลคัสกำลังรอนายอยู่ที่ชั้นบน รีบขึ้นไปสิ โฮก~”

“เอ๋? แล้วคุณโทร่าจะไม่ขึ้นมาด้วยกันเหรอครับ?”

“คนที่ถูกเรียกตัวไปที่ชั้นสิบมีแค่นายคนเดียว ส่วนฉันมีหน้าที่แค่พามาส่งเท่านั้น แล้วฉันยังต้องไปสมทบกับคนอื่น ๆ ต่อด้วย อย่ามาทำให้เสียเวลาน่า”

ความจริงคือชั้นสิบจัดเป็นเขตหวงห้ามที่นอกจากเหล่าผู้อาวุโสแล้วก็มีแต่ผู้ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปได้ ซึ่งในคำสั่งของไลคัสก็บอกแค่ว่าให้โทร่า ‘ส่ง’ แร็กน่าขึ้นไปที่ชั้นสิบ แปลว่าให้เธอส่งเขาขึ้นไปด้วยวงเวทเคลื่อนย้าย ไม่ใช่ให้พาขึ้นมาส่งด้วยตัวเอง โทร่าจึงยังไม่มีสิทธิ์ที่จะขึ้นไปบนชั้นสิบในตอนนี้

ซาลไม่ได้รู้สึกติดใจอะไรอยู่แล้ว เขาจึงยอมเดินเข้าไปในวงเวทอย่างว่าง่าย เพียงครู่เดียวแสงจากวงเวทก็ส่องสว่างขึ้นมาอาบร่างของเขา และพริบตาต่อมา ร่างของแร็กน่าก็มาปรากฏขึ้นบริเวณใจกลางของห้องโถงขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง

ที่นั่น ไลคัส, เนเน็ต, อากาล่อน, และชายวัยกลางคนอีกสามคนซึ่งสวมชุดคลุมสีดำสนิท กำลังยืนล้อมวงกันอยู่รอบโต๊ะขนาดใหญ่ บนโต๊ะตัวนั้นกำลังฉายภาพเสมือนของภูมิประเทศแห่งหนึ่งซึ่งมีพีระมิดแก้วตั้งอยู่ตรงกลาง มันก็คือแผนที่สามมิติของบริเวณโดยรอบพีระมิดนั่นเอง

ทันทีที่ซาลมาถึง เนเน็ตก็กล่าวทักทายเขาในทันที

“โอ้ มาแล้วเหรอจ๊ะ? เข้ามานี่สิ  เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันเยอะแยะเลย”

เนเน็ตกล่าวพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย แต่ซาลก็มองออกว่ารอยยิ้มของเธอนั้นดูไม่เป็นธรรมชาติเท่ากับเวลาปกติ เหมือนเธอกำลังฝืนแสดงออกให้ดูเป็นธรรมชาติอยู่มากกว่า

เมื่อเขาเดินไปใกล้ ไลคัสที่ยังคงมีสีหน้าตึงเครียดไม่เปลี่ยนแปลงก็เอ่ยคำพูดขึ้น

“จะขอพูดอย่างรวบรัดเลยก็แล้วกัน คือตอนนี้พวกเราทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะสถานที่จัดงานแห่งนี้ได้กลายเป็นที่ที่ไม่ปลอดภัยไปแล้ว”

ซาลพอจะเดาออกอยู่แล้วว่าคงเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้น เขาจึงไม่รู้สึกแปลกใจมากนัก แต่หากได้ฟังข่าวใหญ่แบบนี้แล้วยังมีสีหน้าเรียบเฉยก็คงจะดูน่าสงสัยเกินไปหน่อย เขาจึงแสร้งทำเป็นตกใจที่ได้ยินเรื่องนี้ก่อนจะถามกลับไป

“เห? ทำไมเหรอครับ?”

“เพราะพีสคีปเปอร์สืบรู้ที่ตั้งของสถานที่จัดงานและทำการระดมพลมาปิดล้อมเราแล้วน่ะสิ”

เมื่อพูดจบ ไลคัสก็วาดมือผ่านด้านบนของโต๊ะแผนที่ ทำให้ภาพทิวทัศน์สามมิติบนโต๊ะตัวนั้นย่อขนาดลง หรือต้องพูดว่าเป็นการซูมออกให้เห็นพื้นที่ในระยะไกลมากกว่า ซึ่งหลังจากซูมออกไปได้ระยะหนึ่ง การเคลื่อนไหวของแผนที่ก็หยุดลง เผยให้เห็นจุดแสงสีแดงจำนวนห้าจุดที่กำลังล้อมพีระมิดแก้วอยู่ทุกด้านจากระยะที่ห่างออกไป

เมื่อได้เห็นภาพนี้ ดวงตาของแร็กน่าก็เบิกโพลงขึ้น

ไม่ใช่เพราะเขารู้สึกตกใจกับภาพที่ได้เห็น แต่เพราะเขานึกย้อนไปถึงคำพูดของเอ็มเมอริชที่เคยพูดคุยกันตอนประชุม รวมไปถึงคำพูดของแซนโดรที่เคยพูดกับเขาเมื่อนานมาแล้ว ทำให้เขารู้สึกกระอักกระอ่วนจนแสดงสีหน้าประหลาด ๆ ออกมา

“งานเขาจัดมาตั้งหลายปีไม่เคยจะมีปัญหาอะไรเลย แต่พอเรามาแจมแค่ครั้งเดียวก็โดนพีสคีปเปอร์บุกตีเลยงั้นเหรอ? นี่เรา… เป็นตัวหายนะจริง ๆ รึเนี่ย?”

Prev
Manga Info
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "ตอนที่ 145"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF