cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • สล็อตเว็บตรง
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • สล็อตเว็บตรง
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next
สล็อตเว็บตรง

Doombringer the 5th - ตอนที่ 144

  1. Home
  2. All Mangas
  3. Doombringer the 5th
  4. ตอนที่ 144
Prev
Next

Ch.144 – งานประมูลแห่งความมืด (5)

Translator : YoyoTanya / Author

Ch. 140

งานประมูลแห่งความมืด (5)

 

Part 1

 

ของเหลวสีแดงเข้มปริมามหาศาลได้ไหลอาบไปทั่วลานประมูลจนทำให้มันมีสภาพราวกับเป็นทะเลเลือด และผู้ที่ยืนอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของทิวทัศน์อันน่าขนลุกนั้นก็คือเด็กสาวผมดำคนหนึ่ง ที่คอและหน้าท้องของเธอต่างก็มีบาดฉกรรจ์ซึ่งมีเลือดไหลอาบลงไปจนถึงปลายเท้า ร่างกายของเธอซีดเผือดจากการเสียเลือดจนกลายเป็นสีขาวซีด  ตรงกันข้ามกับดวงตาของเธอที่เปลี่ยนเป็นสีดำสนิทโดยมีนัยน์ตาสีเหลืองอำพันอยู่ภายในแทน ทำให้เธอดูราวกับเป็นซากศพที่มีชีวิต

แต่ในเวลานั้นเองก็เกิดปรากฏการณ์อันแปลกประหลาดขึ้น เพราะเลือดที่ไหลรินออกมาจากปากแผลของเด็กสาวได้หยุดลงแถมยังไหลย้อนกลับเข้าไปในร่างกายของเธออย่างผิดธรรมชาติ โดยดึงเอาทะเลเลือดที่เจิ่งนองอยู่บริเวณปลายเท้าขึ้นมาด้วย

ไม่นานนัก บาดแผลฉกรรจ์บนร่างกายของเด็กสาวก็เริ่มสมานตัวเองอย่างรวดเร็วจนกลับเป็นผิวขาวนวลละเอียดอันไร้รอยขีดข่วน อาภรณ์ที่ฉีกขาดของเธอจนก็กลับสู่สภาพสมบูรณ์อีกครั้ง ราวกับเธอไม่เคยได้รับการบาดเจ็บใด ๆ มาก่อนเลย

เหล่าผู้ชมที่ดูการประลองครั้งนี้อยู่ต่างก็รู้สึกตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น เพราะแม้แต่ในหมู่ผู้ใช้ศาสตร์มืด ก็มีเพียงน้อยคนที่จะรู้จักความสามารถแบบนี้

“นั่นมัน… ‘ดีโวริ่งบลัด’ (Devouring Blood) หนึ่งในทักษะระดับสูงสุดของเผ่าแวมไพร์ที่สามารถใช้เลือดในการย่อยสลายสิ่งมีชีวิตอื่นแล้วแปรสภาพให้กลายเป็นเลือดได้ ว่ากันว่าถ้ามีระดับพลังสูงกว่าอีกฝ่ายมาก ๆ จะสามารถใช้ท่านี้กลืนกินคู่ต่อสู้ได้ทั้งตัวเลยนะคะ แต่ถึงจะไม่สามารถดูดกลืนคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันได้ก็ยังใช้แปรสภาพสิ่งมีชีวิตรอบ ๆ อย่างต้นไม้ใบหญ้าให้กลายเป็นเลือดแล้วนำมาฟื้นฟูร่างกายหรือใช้ในการต่อสู้ได้อยู่ดี วิชานี้ก็ถือว่าเป็นทักษะระดับทริปเปิลเอสของเผ่าแวมไพร์เหมือนกัน มิน่าล่ะหนูแบล็คโรสคนนั้นถึงกล้าลงไปประลองทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่นักผจญภัยธรรมดา เพราะเธอมีไพ่เด็ดแบบนี้เก็บเอาไว้นั่นเอง”

เนเน็ตที่ยืนดูการต่อสู้ผ่านหน้าจอเวทมนตร์ของห้องควบคุมกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เพราะแม้จะเคยได้ยินเกี่ยวกับทักษะนี้มาบ้าง แต่เธอก็เพิ่งจะมีโอกาสได้เห็นของจริงเป็นครั้งแรก

“แบล็คโรส… เด็กเผ่าแวมไพร์ที่สนิทสนมกับอากาล่อนคนนั้น… ก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นนักผจญภัยระดับสูง แต่ไม่นึกว่าจะซุกซ่อนความสามารถแบบนี้เอาไว้ด้วย… เห็นทีคงต้องเพิ่มมาตรการตรวจสอบปูมหลังของแต่ละคนให้เข้มงวดขึ้นซะแล้ว…”

ไลคัสที่นั่งชมการต่อสู้อยู่ข้าง ๆ ได้พูดพึมพำกับตัวเองออกมา ทำให้เนเน็ตได้แต่ยิ้มอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะหันไปติดตามการต่อสู้อีกครั้ง

 

ที่ลานประมูล แบล็คโรสซึ่งฟื้นฟูร่างกายกลับมาจนสมบูรณ์แล้วก็ยกมือขวาขึ้นมาที่ระดับอกก่อนจะกำและแบมืออยู่หลายครั้งในขณะที่จ้องมองมันพลางครุ่นคิดไปด้วย

“ยังรู้สึกชาตามปลายนิ้วอยู่นิดหน่อยแถมยังโคจรพลังได้ไม่ค่อยสมบูรณ์ แปลว่ายังได้เลือดกลับมาไม่ครบ… ใช้ ‘ดีโวริ่งบลัด’ ในร่างนี้เป็นการกระทำที่ฝืนตัวเองเกินไปจริง ๆ … แค่แปรสภาพต้นไม้ประหลาดนั่นให้กลายเป็นเลือดแล้วดึงกลับมารักษาตัวเองเท่านี้ก็เต็มที่แล้ว… เรามีพลังไม่พอที่จะแปรสภาพเลือดที่เหลืออยู่บนพื้นทั้งหมดนี้ให้เป็นอาภรณ์เลือด แต่อย่างน้อยก็ยังพอควบคุมและใช้งานมันได้ล่ะ…”

หลังจากสำรวจความสมบูรณ์ของร่างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวก็เหลือบตากลับขึ้นมามองดูชายหนุ่มผมแดงที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่สิบเมตรอีกครั้งและเผยรอยยิ้มออกมา ก่อนที่เธอจะพุ่งตัวเข้าหาอีกฝ่ายในทันที

การเคลื่อนไหวของแบล็คโรสทำให้ทั้งแร็กน่าและเหล่าผู้ชมที่ดูการต่อสู้อยู่ต่างก็ต้องแสดงสีหน้าตกตะลึงโดยพร้อมเพรียงกัน นั่นก็เพราะทันทีที่เธอพุ่งตัวออกมา บ่อเลือดขนาดใหญ่ที่เจิ่งนองอยู่ก็เคลื่อนตัวไปตามพื้นศิลาของลานประมูลพร้อม ๆ กับเธอด้วย

ในมุมมองของผู้ชมที่ดูผ่านหน้าจอเวทมนตร์จะเห็นเหมือนกับบ่อเลือดขนาดใหญ่นั้นเป็นเงาของวัตถุอะไรบางอย่างที่ทอดลงมาจากฟากฟ้าและเคลื่อนที่ตามการเคลื่อนไหวของแบล็คโรสไป แต่สำหรับแร็กน่าที่กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้โดยตรงและเห็นบ่อเลือดทอดยาวไปไกลเกือบสุดระยะสายตานั้น มันทำให้เกิดภาพราวกับว่าลำน้ำเลือดสีดำสนิทกำลังถาโถมเข้ามาหาเขาอย่างเชี่ยวกรากพร้อม ๆ กับการเคลื่อนไหวของเด็กสาว

เดิมทีบ่อเลือดนั้นก็แผ่กว้างออกจากจุดที่แบล็คโรสยืนอยู่เป็นรัศมีเกือบยี่สิบเมตรอยู่แล้ว ส่วนแร็กน่านั้นยืนอยู่ห่างจากบริเวณปลายขอบของมันไปเพียงไม่กี่เมตร เมื่อบ่อเลือดทั้งวงเคลื่อนตัวเข้ามาหาเขาอย่างกะทันหันจึงทำให้ลำน้ำเลือดพุ่งเข้ามาถึงตัวเขาได้ภายในชั่วอึดใจ

แม้จะรู้สึกตัวช้าไปเล็กน้อย แต่แร็กน่าก็ยังตั้งสติได้ทันและรีบดีดตัวออกจากจุดที่ยืนอยู่ในทันทีเพื่อทิ้งระยะห่างจากบ่อเลือดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่าในระหว่างที่เขากำลังลอยตัวอยู่ในอากาศนั้นเอง แบล็คโรสก็สะบัดดาบในมือขวาของเธอไปข้างหน้าราวกับเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นธารเลือดใต้ฝ่าเท้าของเธอก็เพิ่มความเร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดด จนไหลไปอาบชโลมบริเวณที่อีกฝ่ายสามารถใช้ในการลงสู่พื้นได้เกือบทั้งหมด

ด้วยภาวะคับขัน แร็กน่าจึงรีบวาดมือไปบนอากาศเพื่อร่ายเวท ก่อนจะกำหมัดแล้วทำท่าดึงเหมือนกับกำลังฉุดกระชากอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นร่างของเขาก็หยุดอยู่กลางอากาศก่อนจะพุ่งทแยงขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง ราวกับเขาคว้าจับเชือกที่ไม่มีใครมองเห็นเอาไว้ได้ และใช้มันดึงตัวเองขึ้นฟ้าไป

มันคือเวทบินแบบเฉพาะตัวของซาลที่อาศัยการลดแรงดึงดูดในจุดที่ตนอยู่และเพิ่มแรงดึงดูดในอีกจุดหนึ่งเพื่อสร้างแรงเหนี่ยวนำในการเคลื่อนที่ไปบนอากาศ แต่เพราะรีบใช้ออกมาในจังหวะที่กำลังจวนตัวทำให้เขาไม่สามารถเลือกทิศทางในการเคลื่อนที่ได้มากนัก ตอนนี้แร็กน่าจึงพุ่งตัวย้อนกลับไปทางแบล็คโรสแทน

เขาวาดมือร่ายเวทอีกครั้งเพื่อทำการผ่อนแรง ทำให้ร่างของแร็กน่าค่อย ๆ ลอยช้าลงจนหยุดอยู่กลางอากาศ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้เปลี่ยนทิศ ทะเลเลือดที่อยู่เบื้องล่างก็เกิดการปั่นป่วนบ้าคลั่งและยกตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้มีเสาเลือดสี่ต้นพุ่งขึ้นมาล้อมเขาเอาไว้จากทุกทิศ

เมื่อเสาเลือดเหล่านั้นพุ่งตัวขึ้นมาได้ระดับแล้ว ส่วนยอดของมันก็ค่อย ๆ โน้มตัวเข้ามาหาชายหนุ่มจากด้านบน ส่วนแบล็คโรสเองก็พุ่งตัวตามขึ้นมาด้วยเสาเลือดต้นที่ห้าซึ่งเธอยืนอยู่บนยอด ทำให้รูปร่างของทะเลเลือดที่แปรเปลี่ยนไปนี้เริ่มชัดเจนขึ้น

ตอนนี้มันกลายเป็นอุ้งมือขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากเลือดสีดำสนิท เสาทั้งสี่ต้นที่กำลังโน้มลงมาก็คือนิ้วชี้ไปจนถึงนิ้วก้อยที่กำลังบีบกำ ส่วนเสาต้นที่ห้าซึ่งดันตัวแบล็คโรสขึ้นมาก็คือนิ้วโป้งนั่นเอง และแร็กน่าก็กำลังลอยตัวอยู่ท่ามกลางอุ้งมือขนาดยักษ์นี้

แบล็คโรสที่ยืนอยู่บนนิ้วโป้งกำลังตั้งท่าเตรียมพร้อมเต็มพิกัดราวกับว่าเธอสามารถพุ่งตัวออกมาโจมตีได้ทุกเมื่อ ส่วนนิ้วมือขนาดยักษ์ทั้งสี่ที่ล้อมเขาจากทุกด้านนั้น ซาลรู้ว่ามันสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์หรือเพิ่มความเร็วในฉับพลันได้ตลอดเวลา การจะหลบหนีออกจากอุ้งมือโลหิตนี้จึงไม่ใช่เรื่องง่าย และนิ้วมือแต่ละนิ้วยังค่อย ๆ บีบวงแคบเข้ามาพร้อมกับแบล็คโรสที่เข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ แปลว่ายิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไป พื้นที่ที่เขาเคลื่อนไหวได้ก็จะยิ่งถูกจำกัดลง และทำให้โอกาสในการหนีรอดลดต่ำลงไปอีก

ความจริงคือแค่ในภาวะที่เป็นอยู่นี้ ซาลก็คิดว่าการหลบหนีออกจากวงล้อมเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้แล้ว เพราะความเชี่ยวชาญในเวทลอยตัวของเขายังไม่สูงถึงระดับที่สามารถเคลื่อนไหวไปบนอากาศได้อย่างอิสระนั่นเอง เขาอาจเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศได้สักครั้งสองครั้งเพื่อหลบนิ้วมือที่บีบเข้ามา แต่ด้านหลังก็ยังมีแบล็คโรสที่รอเข้าโจมตีเป็นลำดับที่สามอยู่อีก และความสามารถในการเคลื่อนที่บนอากาศของเธอก็เหนือกว่าเขามากด้วย

ทางเลือกของซาลจึงเหลือแค่ใช้เวทอัญเชิญในการฝ่าออกจากวงล้อมไปให้ได้เท่านั้น

“พลังเวทของเขายังไม่น่าจะฟื้นฟูถึงระดับที่อัญเชิญนิโคลออกมาได้อีกครั้ง หรือถึงทำได้ก็ไม่น่าจะปลดปล่อยพลังได้เต็มที่ แบบนั้นเราก็ยังพอจะใช้ทะเลเลือดนี้ป้องกันการโจมตีได้อยู่ ตัวเลือกลำดับถัดไปคือการใช้เดธเซนเทนซ์ของคุณแซนโดร แต่เราก็พอจะมีวิธีรับมือเอาไว้แล้วล่ะนะ”

แบล็คโรสแอบยิ้มออกมาเมื่อพิจารณาถึงทางเลือกต่าง ๆ ของซาลที่จะช่วยให้รอดไปจากสถานการณ์นี้ได้ เธอมั่นใจว่าตนเองเตรียมวิธีรับมือเอาไว้หมดแล้ว ถึงกระนั้นก็ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีไม้ตายก้นหีบอะไรออกมาใช้พลิกสถานการณ์ได้อีก และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นจนหายใจแรงกว่าปกติ

 

——————————————————————————–

 

Part 2

 

ทางด้านซาล เขาก็รู้ข้อจำกัดของตนเองในสถานการณ์นี้ดีเช่นกัน จึงเร่งหาวิธีรับมือด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ถึงจะฝืนอัญเชิญนิโคลออกมาได้แต่พลังโจมตีก็คงจะไม่สมบูรณ์ ถ้าลานาเทลหลบลงไปใต้ทะเลเลือดนี้และใช้มันเป็นที่กำบัง แอพโซลูทซีโร่คงแผ่ไปไม่ถึงแน่… ส่วนเดธเซนเทนซ์ของแซนโดรก็เป็นการโจมตีจากด้านบน นิ้วเลือดทั้งสี่นี้กำลังเข้ามาอยู่ในตำแหน่งที่บังการยิงได้พอดี แถมตัวเราเองยังอยู่ในรัศมีการยิงด้วย หรือต่อให้เราไม่ได้อยู่ตรงนี้ ลานาเทลก็คงหลบการโจมตีที่ต้องใช้เวลารวบรวมพลังแบบนั้นได้อยู่ดี ถ้าใช้พลังเวทหมดแล้วและต้องอาศัยแค่เชิงดาบในการต่อสู้ เราก็ไม่มีทางชนะแน่… จะทำยังไงดีนะ…”

ไม่ว่าจะพยายามครุ่นคิดเท่าไหร่ ซาลก็นึกหาวิธีที่จะรอดพ้นไปจากสถานการณ์นี้ไม่ออก ทะเลเลือดที่แบล็คโรสแปรสภาพให้กลายเป็นฝ่ามือเลือดขนาดยักษ์นี้คืออุปสรรคสำคัญที่จำกัดทางเลือกของเขาเอาไว้ เพราะอีกฝ่ายสามารถใช้งานมันได้ทั้งในเชิงรุกและเชิงรับตามแต่สถานการณ์ ราวกับว่าเขาต้องต่อสู้โดยอยู่ในอุ้งมือของฝ่ายตรงข้ามจริง ๆ

“บ้าชะมัด.. ถ้าไม่มีฝ่ามือเลือดนี่ละก็…… เดี๋ยวซิ? ฝ่ามือเลือดงั้นเหรอ!?”

ทันใดนั้นซาลก็มีสีหน้าเหมือนกับเพิ่งจะคิดอะไรออกและเริ่มการร่ายเวทอัญเชิญ

เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย แววตาของแบล็คโรสก็ฉายแววประหลาดใจออกมาแวบหนึ่ง เพราะด้วยเวลาที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดนี้ไม่ว่าจะเป็นร่างอัญเชิญของนิโคลหรือแซนโดรก็ไม่น่าจะสามารถกอบกู้สถานการณ์ได้ทัน

“คิดอะไรออกแล้วเหรอคะ? แต่ฝ่ามือเลือดก็บีบเข้ามาจนเลยระยะปลอดภัยแล้วล่ะ ไหนขอดูซิว่าจะมีไม้เด็ดอะไรซ่อนไว้อีก”

แบล็คโรสย่อตัวลงเพื่อเตรียมตอบสนองต่อเวทอัญเชิญที่อีกฝ่ายร่ายออกมา เธอมั่นใจว่าซาลคงทำได้แค่พยายามฝ่าวงล้อมออกไปจากฝ่ามือเลือดด้วยสิ่งที่เขาอัญเชิญออกมาเท่านั้น และเมื่อร่างอัญเชิญหายไป เธอก็จะอาศัยจังหวะนั้นในการเข้าโจมตี

วงเวทขนาดเท่าตัวคนก่อรูปร่างและประสานตัวกันอย่างรวดเร็วขึ้นที่ปลายฝ่ามือของแร็กน่า จากนั้นมันก็เปล่งแสงสว่างวาบจนดูราวกับเป็นประตูที่สร้างขึ้นจากแสง ก่อนจะมีร่างของคนผู้หนึ่งก้าวออกมา

ทันทีที่เห็นร่างนั้น ดวงตาของแบล็คโรสก็ต้องเบิกโพลงขึ้นด้วยความตกตะลึง และอาการระรื่นของเธอก็เลือนหายไปจากใบหน้าโดยสิ้นเชิง

เพราะบุคคลที่ก้าวออกมาจากวงเวทเป็นหญิงสาวผู้มีผมยาวสีดำขลับราวกับเส้นไหม เธอมีดวงตาสีม่วงใสที่ส่องประกายราวกับอัญมณีคู่หนึ่งประดับอยู่บนใบหน้าอันเรียวงามได้สัดส่วน รอยยิ้มของเธอทั้งดูเยือกเย็นและทรงอำนาจ ราวกับเธอเป็นราชินีผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง

แม้คนทั่วไปอาจไม่รู้ว่าหญิงสาวคนนี้คือใคร แต่สำหรับแบล็คโรสแล้วเธอรู้ได้ในทันทีว่า หญิงสาวผมดำที่ถูกอัญเชิญออกมานี้ก็คือร่างเสมือนของ ลานาเทล ซันรีเวอร์ ราชินีแวมไพร์แห่งวาลาเชียนั่นเอง

ในระหว่างที่แบล็คโรสยังคงอยู่ในอาการตกตะลึง หญิงสาวผมดำก็ชักดาบเคลย์มอร์คู่ใจออกมา ก่อนจะหมุนปลายดาบลงแล้วทิ้งตัวลงไปปักดาบเข้าใส่อุ้งมือเลือดที่อยู่เบื้องล่าง โดยมีแร็กน่าที่เอามือข้างหนึ่งยึดไหล่ของหญิงสาวเอาไว้ตามลงไปด้วย

ทันทีที่ถูกแทง อุ้งมือเลือดขนาดยักษ์นั้นก็เกิดการสั่นไหวอย่างหนัก พื้นผิวที่เคยควบแน่นจนแทบจะเป็นของแข็งก็กลับคลายตัวลงจนดูคล้ายกับของเหลวอีกครั้ง มันไหลเชี่ยวราวกับทะเลคลั่งที่กำลังปั่นป่วนด้วยลมพายุ ในเวลาเดียวกันนั้น บริเวณไหล่ของหญิงสาวผมดำผู้กุมดาบอยู่ก็เริ่มมีเส้นใยสีแดงเข้มปรากฏออกมา เส้นใยเหล่านั้นเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วและถักทอกันจนกลายเป็นผ้าคลุมสีดำสนิทซึ่งมีเงาสีแดงสะท้อนยามที่ถูกแสงตกกระทบ มันขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็วสวนทางกับอุ้งมือเลือดที่ถูกดาบปักตรึงอยู่ซึ่งดูจะค่อย ๆ ลดขนาดลงทีละน้อย

“ยะ.. แย่แล้ว!!”

แบล็คโรสอุทานออกมาก่อนจะรีบพุ่งตัวลงไปเพื่อยับยั้งการกระทำของอีกฝ่าย เพราะสิ่งที่หญิงสาวผมดำกำลังทำอยู่นั้นก็คือการใช้ดาบเขี้ยวแวมไพร์ดูดกลืนฝ่ามือเลือดแล้วนำมาสร้างเป็นผ้าคลุมของตนแทนนั่นเอง

ทันใดนั้นหญิงสาวผมดำก็ดึงดาบออกจากฝ่ามือเลือดอย่างแรง เสี้ยววินาทีต่อมาอุ้งมือขนาดยักษ์นั้นก็แตกสลายกลายเป็นของเหลวไปอีกครั้ง ราวกับสิ่งที่ยึดเหนี่ยวรูปร่างของมันไว้ได้ถูกทำลายลงจนไม่อาจคงสภาพได้อีก ส่วนหญิงสาวก็ตวัดดาบในมือขึ้นไปปัดป้องการโจมตีของแบล็คโรสได้อย่างรวดเร็วผิดกับรูปร่างที่ดูใหญ่โตและเทอะทะของมัน

การโจมตีของแบล็คโรสถูกสกัดเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ด้วยการตวัดดาบแค่เพียงครั้งเดียว แถมตัวเธอยังถูกผลักให้ถอยหลังกลับไปอีกหลายเมตรด้วย ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะตั้งหลักได้อีกครั้ง หญิงสาวผมดำก็กุมดาบมั่นด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะฟันออกไปอย่างแรง แม้ตัวของหญิงสาวจะไม่ได้ขยับออกจากจุดที่ยืนอยู่ แต่ก็เกิดคมดาบสีดำทรงจันทร์เสี้ยวแผ่พุ่งออกมาจากการโจมตีนั้นและตรงเข้าใส่แบล็คโรสในทันที

ด้วยความเร็วของคมดาบบวกกับระยะที่ค่อนข้างกระชั้นชิด แบล็คโรสจึงได้แต่ไขว้ดาบเพื่อป้องกันการโจมตีนั้นเอาไว้ เธอถูกแรงปะทะดันให้ถอยห่างออกไปอีกนับสิบเมตรกว่าจะสะบัดดาบในมือเพื่อเปลี่ยนทิศทางของคมดาบสีดำนั้นไปทางอื่นได้ ทว่าเมื่อหันกลับมาอีกครั้งเธอก็ต้องพบกับภาพที่น่าตกตะลึงมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

เพราะดาบเคลย์มอร์ในมือของฝ่ายตรงข้ามกำลังถูกเคลือบด้วยของเหลวสีดำซึ่งซ้อนตัวกันชั้นแล้วชั้นเล่าจนตัวดาบที่เคยมีความยาวเกือบสองเมตรอยู่แล้วยิ่งยาวขึ้นไปอีก ในเวลาเดียวกันผ้าคลุมผืนใหญ่บนหลังของหญิงสาวก็หดตัวลงอย่างรวดเร็ว ราวกับมันกำลังถูกดูดเข้าไปในตัวเธอแล้วส่งผ่านมาใช้สร้างคมดาบสีดำสนิทนี้

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงแค่พริบตา ผ้าคลุมผืนใหญ่ที่เคยโบกสะบัดอยู่บนหลังของหญิงสาวก็หดสั้นลงจนหายวับไป ส่วนดาบเคลย์มอร์ในมือของเธอก็ถูกเคลือบด้วยของเหลวสีดำจนมีความยาวเพิ่มขึ้นเป็นเกือบห้าเมตร แม้ความกว้างของมันจะคงเดิมก็ตาม

ทันใดนั้น หญิงสาวผมดำก็แผ่จิตสังหารอันรุนแรงออกมา ก่อนที่จะตวัดดาบในมือฟันออกไปด้วยความเร็วที่นักผจญภัยทั่วไปไม่สามารถมองได้ทัน

แบล็คโรสรับรู้ถึงความอันตรายของสถานการณ์ได้ในทันที เธอจึงเร่งความเร็วเต็มพิกัดเพื่อบินหลบออกจากการโจมตีนั้นตั้งแต่สัมผัสถึงจิตสังหารที่ปลดปล่อยออกมาได้ แต่ก็ไม่ทันการ

เพราะทันทีที่หญิงสาวผมดำสะบัดดาบลง ร่างของแบล็คโรสก็ถูกแยกออกเป็นสองส่วนในทันที

เนื่องจากกำลังอยู่ในท่าบิน คมดาบอันรวดเร็วนั้นจึงสับเข้าที่กลางร่างของแบล็คโรสพอดี ทำให้ร่างกายท่อนบนของเธอยังคงพุ่งต่อไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ลดลง ส่วนร่างกายท่อนล่างที่หลุดออกจากตัวนั้นก็ค่อย ๆ ร่วงลงไปบนพื้นอย่างไร้การควบคุม

สุดท้ายแล้วแบล็คโรสที่เหลือร่างกายอยู่เพียงครึ่งเดียวก็สูญเสียพลังในการบินและร่วงลงไปบนพื้นในจุดที่ไม่ห่างจากร่างกายอีกส่วนของเธอนัก

 

——————————————————————————–

 

Part 3

 

คมดาบของหญิงสาวผมดำไม่เพียงแค่ผ่าร่างของแบล็คโรสให้กลายเป็นสองส่วน มันยังสร้างรอยบากขนาดใหญ่ที่มีความลึกสุดจะหยั่งถึงขึ้นบนพื้นศิลาของลานประมูลด้วย แม้แต่ท้องฟ้าเบื้องบนก็ยังอยู่ในสภาพบิดเบี้ยวราวกับห้วงมิติกำลังจะฉีกขาด ก่อให้เกิดเสียงกึกก้องกัมปนาทราวกับภูผาถล่มดังออกมาอย่างต่อเนื่อง

ผู้ที่รับชมการต่อสู้ผ่านหน้าจอเวทมนตร์อยู่ต่างก็ต้องตกตะลึงไปตาม ๆ กันเพราะสถานการณ์ที่พลิกกลับไปกลับมาอย่างฉับพลัน และเพราะการโจมตีอันน่าสะพรึงของหญิงสาวผมดำที่ถูกอัญเชิญมาโดยแร็กน่า

“สภาพแบบนั้น.. แปลว่าเกิดความเสียหายขึ้นกับตัวเรล์มนี่คะ? การโจมตีนั่นมันมีพลังทำลายถึงระดับที่สามารถฉีกทอนห้วงมิติและสร้างความเสียหายให้กับเรล์มได้เลยเหรอคะเนี่ย?”

เนเน็ตกล่าวด้วยสีหน้าตื่นตะลึง เพราะเธอเพิ่งเคยเห็นการโจมตีที่รุนแรงขนาดสั่นคลอนห้วงมิติได้เป็นครั้งแรก

ไลคัสที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็แสดงอาการตกใจออกมาเพราะท่าโจมตีอันทรงพลังนั้นเช่นกัน แต่ความสนใจของเขานั้นมุ่งเน้นไปยังร่างอัญเชิญผู้ปลดปล่อยการโจมตีออกมามากกว่า

“ทั้งดูดกลืนฝ่ามือเลือดไปเป็นของตัวเองและใช้มันเสริมพลังให้กับดาบจนสร้างการโจมตีแบบนั้นได้ นับว่าเป็น ‘บลัดคราฟต์’ ระดับสูงมากทีเดียว ร่างอัญเชิญนั่นต้องเป็นแวมไพร์ไม่ผิดแน่นอน แต่แวมไพร์ที่ใช้ทักษะระดับสูงขนาดนี้ได้น่าจะมีแค่ลานาเทลแห่งวาลาเชียเพียงคนเดียว ซึ่งเธอก็ตายไปตั้งหลายปีแล้วนี่นา…”

เมื่อนึกถึงชื่อของลานาเทลขึ้นมาได้ ดวงตาของไลคัสก็เบิกโพลงขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาจ้องมองไปยังหน้าจอเวทมนตร์ซึ่งกำลังฉายภาพของหญิงสาวผมดำที่กำลังค่อย ๆ สลายกลายเป็นละอองแสงไป

แม้จะเห็นรูปพรรณไม่ชัดนัก แต่เขาก็ยังมองออกว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนที่มีรูปโฉมงดงามและมีดวงตาสีม่วงใสราวกับอัญมณี มันเป็นรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกับท่านหญิงลานาเทลแห่งวาลาเชียที่เขาเคยได้ยินมามาก

“รึว่านั่นจะเป็น ‘เรเวอแนนท์’ ของลานาเทลแห่งวาลาเชีย!? ไม่จริงน่า.. เป็นไปไม่ได้! พวกแวมไพร์ไม่มีทางปล่อยให้ศพของผู้มีศักดิ์เทียบเท่ากับราชินีอย่างลานาเทลถูกนำไปทำเป็นเรเวอแนนท์หรอก! แต่พลังของร่างอัญเชิญนั่น… แถมยังรูปลักษณ์นั่นอีก… เจ้าหนุ่มแร็กน่านี่มันเป็นใครกันแน่!?”

แม้จะไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ยังทำให้ไลคัสรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว เพราะหากสามารถอัญเชิญออกมาได้ทั้งมังกรน้ำแข็งและราชินีแห่งแวมไพร์ละก็ แร็กน่าผู้นี้ก็ต้องเป็นบุคคลที่มีความสามารถเทียบเท่ากับ ‘ราชาแห่งลิช’ (Lich King) ในตำนานของโลกเก่าแล้ว

สำหรับผู้เข้าร่วมการประมูลคนอื่น ๆ รวมไปถึงเหล่าผู้ใช้ศาสตร์มืดที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ แม้จะมีเพียงไม่กี่คนได้ข้อสันนิษฐานในลักษณะเดียวกับไลคัสหรือเชื่อมโยงแร็กน่าเข้ากับตำนานของโลกเก่า แต่ความคิดที่ปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนในหัวของทุกคนก็คือ

แร็กน่าผู้นี้เป็นบุคคลที่ไม่ควรล่วงละเมิดด้วยประการทั้งปวง ไม่ว่าจะในกรณีใด ๆ ก็ตาม

 

ที่ลานประมูลซึ่งอยู่ในสภาพยับเยิน ร่างครึ่งท่อนของแบล็คโรสซึ่งเหลืออยู่แค่ถึงส่วนบริเวณชายโครงก็กำลังคืบคลานไปตามพื้นโดยทิ้งรอยเลือดเป็นทางยาวเอาไว้ด้านหลัง

“แย่ที่สุด… เป็นเพราะร่างนี้ไม่สามารถใช้บลัดคราฟต์ระดับสูงได้อย่างสมบูรณ์ ฝ่ามือเลือดก็เลยถูก ‘ร่างนั้น’ ซึ่งมีขีดความสามารถเหนือกว่าทำการดูดไปแปรสภาพเป็นของตัวเองได้… เราประมาทเกินไปจริง ๆ … ไม่คิดว่าจะโดนพลิกสถานการณ์ด้วยวิธีแบบนี้… ตัวร่างอัญเชิญเดิมทีก็คงไม่ได้มีพลังอะไรมากนัก แต่เพราะได้รับพลังจากการดูดกลืนฝ่ามือเลือด ทำให้สามารถปลดปล่อยท่าโจมตีแบบนั้นออกมาได้… ที่สำคัญคือ เรายังไม่เคยใช้ท่านั้นให้ใครเห็นเลยแท้ ๆ ซาลารัสก็ยังไม่รู้แน่ ๆ แต่ร่างเสมือนก็ยังใช้ออกมาเอง แปลว่ามีการอัพเดทข้อมูลให้เทียบเท่ากับตัวจริงโดยอัตโนมัติงั้นเหรอ? ฮืม… ขี้โกงที่สุดเลย…”

แบล็คโรสได้แต่บ่นงึมงำกับตัวเองด้วยสีหน้าบูดบึ้งในขณะที่พยายามคืบคลานไปข้างหน้า ตอนนี้ดวงตาของเธอกลับเป็นปกติอีกครั้งทำให้ใบหน้าอันเหน็ดเหนื่อยและอ่อนแรงของเด็กสาวยิ่งดูน่าเวทนากว่าเดิม

แม้จะห้ามเลือดเอาไว้ได้ด้วยการแปรสภาพเลือดบริเวณปากแผล แต่เธอก็ยังเสียเลือดไปมาก และการปฐมพยาบาลแบบฉุกเฉินนี้ก็คงสภาพอยู่ได้ไม่นานนัก หากมันเป็นอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการโจมตีธรรมดาเธออาจยังพอจะฟื้นฟูตัวเองกลับขึ้นมาได้มากกว่านี้อีกหลายส่วน แต่เพราะมันเป็นการบาดเจ็บที่เกิดจากท่าโจมตีซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับพลังงานทุกชนิดซึ่งสถิตอยู่ในร่างของเป้าหมายได้ ทำให้นอกจากจะเสียเลือดแล้ว แบล็คโรสยังสูญเสียทั้งพลังชีวิต, พลังเวทมนตร์, และจิตต่อสู้ไปเป็นจำนวนมาก จนไม่สามารถใช้งานทักษะต่าง ๆ ได้ดังใจอีก แม้แต่การขยับตัวก็ยังกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก

ความจริงแล้วนี่เป็นท่าโจมตีที่เธอคิดค้นขึ้นเพื่อใช้ในการต่อสู้กับแซนโดร เมื่อถูกนำมาใช้กับตัวเองแบบนี้จึงทำให้แบล็คโรสยิ่งรู้สึกเจ็บใจมากขึ้นอีกหลายเท่า

เธอยังคงคืบคลานไปบนพื้นเพื่อกลับไปหาร่างกายท่อนล่างของตนเอง เพราะมีเพียงการประสานเข้ากับชิ้นส่วนนั้นจึงจะสามารถสมานปากแผลได้อย่างสมบูรณ์ แต่ยิ่งคลานต่อไป ความเร็วในการคลานก็ยิ่งลดลงเรื่อย ๆ เพราะเธอใกล้จะหมดแรงแล้ว

“ไม่ไหวจริง ๆ รึเนี่ย… เห็นทีคงจะไม่มีทางอื่นนอกจากประกาศยอมแพ้เพื่อเทเลพอร์ทออกจากลานประมูลแล้วให้ทีมแพทย์ช่วยทำการรักษา… แต่เราก็ไม่อยากพูดคำนั้นเลย…”

การเอ่ยคำว่ายอมแพ้ออกมาตรง ๆ คือสิ่งที่แบล็คโรสถือว่าเป็นการเสียเกียรติอย่างที่สุด เธอจึงไม่คิดที่จะพูดมันออกมาแม้จะอยู่ในสภาพอันน่าเวทนานี้ก็ตาม ดวงตาของเธอค่อย ๆ ปิดลงทีละน้อยราวกับเด็กที่กำลังจะนอนหลับ เธอคิดว่าหากเลิกฝืนทนและปล่อยให้ตัวเองหมดสติไปก็น่าจะถูกปรับให้เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการต่อสู้ได้เช่นกัน แบล็คโรสจึงหลับตาลงและยอมให้สติของเธอเริ่มเลือนรางไป

แต่ยังไม่ทันที่สติของเธอจะดับวูบลง เด็กสาวก็รู้สึกได้ว่ามีเงาร่างของคนผู้หนึ่งกำลังทาบทับลงบนร่างของเธอ เธอจึงลืมตาขึ้นอีกครั้งและเงยหน้าขึ้นไปมองยังต้นกำเนิดของเงานั้น และพบว่าผู้ที่กำลังยืนอยู่เหนือร่างของเธอก็คือชายหนุ่มผมแดงที่ชื่อแร็กน่านั่นเอง

ดวงตาของแบล็คโรสเบิกโพลงขึ้นอีกครั้งเพราะสิ่งที่แร็กน่าอุ้มอยู่ในมือของเขาก็คือร่างกายส่วนครึ่งท่อนล่างของเธอ

ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร แร็กน่าก็นั่งชันเข่าลงและวางชิ้นส่วนของร่างกายในมือลงประกบกับร่างกายท่อนบนของเธอ แบล็คโรสจึงรีบประสานร่างกายทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันอีกครั้ง ไม่นานนักมันก็กลับมาเชื่อมต่อกัน และบาดแผลของส่วนที่เคยเป็นรอยตัดซึ่งผ่าร่างของเธอออกเป็นสองเสี่ยงก็เริ่มจางลง

การกระทำของแร็กน่าเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดคิดของเหล่าผู้ใช้ศาสตร์มืดที่รับชมการประลองอยู่มาก โดยปกติแล้วคนที่มีความแข็งแกร่งระดับนี้มักจะต้องผ่านการต่อสู้ที่ชี้เป็นชี้ตายมาอย่างโชกโชน จนทำให้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมอำมหิตและจะลงมือปลิดชีวิตศัตรูอย่างเด็ดขาดเสมอ จึงไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะแสดงความเมตตาต่อศัตรูในลักษณะนี้ด้วย หลายคนจึงเริ่มมองแร็กน่าว่าเป็นคนที่มีความเมตตา และไม่น่าจะเป็นคนที่เลวร้ายอะไร

แต่สำหรับแบล็คโรสแล้วนี่ไม่ใช่การกระทำที่อยู่เหนือความคาดหมายของเธอนัก เธอจึงเผยรอยยิ้มแห้ง ๆ ออกมา เพราะรู้สึกว่าคราวนี้ตนเองได้พ่ายแพ้แล้วจริง ๆ

“ใจอ่อนกับศัตรูแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะคะ ถ้าหากว่า… อะ.. เอ๊ะ!?”

ในระหว่างที่แบล็คโรสกำลังยันตัวเพื่อลุกขึ้นนั่ง แร็กน่าก็ชิงอุ้มตัวเธอขึ้นจากพื้นแล้ววางเธอคว่ำหน้าลงบนเข่าข้างที่ยกชันอยู่ของเขา ทำให้เด็กสาวต้องอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

“นะ.. นี่ คิดจะทำอะไรกันคะ?”

แบล็คโรสเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือที่เกิดจากอาการประหม่า ท่าที่เธอนอนคว่ำหน้าอยู่บนเข่าของแร็กน่านี้ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ และเธอก็ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกันแน่ ซึ่งแร็กน่าก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ และสายตาอันเย็นชาที่ปรายมองลงมายังร่างน้อย ๆ ของเด็กสาวซึ่งนอนอยู่บนหัวเข่าของเขาในสภาพไร้ทางสู้

“รู้ความผิดของตัวเองรึเปล่า?”

แร็กน่าเอ่ยคำถามกลับไปสั้น ๆ ถึงแค่นั้นจะทำให้แบล็คโรสเข้าใจความหมายของมันได้แล้ว แต่เธอก็ยังพยายามทำเป็นไม่รู้เรื่องอยู่ดี

“พะ.. พูดเรื่องอะไรน่ะคะ? ความผิดอะไรกัน? ฉันก็แค่ทำไปตามหน้าที่ของผู้ดูแลการประมูลเท่านั้นเอง”

แบล็คโรสกล่าวตอบโดยหันไปสบตากับแร็กน่าเพื่อพยายามแสดงความจริงใจ ทว่าแร็กน่าที่ได้รับคำตอบนั้นกลับหรี่ตาลงและแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา ก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งไปเปิดชายเสื้อคลุมของแบล็คโรสออก เผยให้เห็นกางเกงในทรงฟักทองสีขาวปลอดที่เธอใส่อยู่ข้างใต้ชุดคลุมสีดำสนิทนี้

การกระทำอันคาดไม่ถึงของแร็กน่าทำให้แบล็คโรสรู้สึกตกตะลึงจนตาค้าง แม้สิ่งที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมของเธอจะเป็นกางเกงในทรงฟักทองที่ไม่ค่อยเปิดเผยเนื้อหนังหรือสัดส่วนของผู้ใส่ให้ใครเห็นมากนัก แต่เธอก็ยังรู้สึกถึงความอับอายที่แล่นพล่านขึ้นมาจนใบหน้าซึ่งเคยซีดเผือดของเธอเริ่มจะกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะเปล่งเสียงต่อว่าหรือซักถามอีกฝ่าย ฝ่ามือของแร็กน่าก็หวดเข้าที่ก้นของเธอจนเกิดเสียงดัง ป้าบ!

การกระทำของแร็กน่าทำให้แบล็คโรสต้องสะดุ้งโหยง ดวงตากลมโตของเธอที่ยังเบิกค้างอยู่ด้วยอาการตกใจเริ่มมีหยาดน้ำตาปริ่มออกมา ไม่ใช่เพียงแค่เพราะความเจ็บปวดจากการถูกตี แต่เพราะความรู้สึกที่ถูกเหยียดหยามด้วยการจับนอนคว่ำหน้าแล้วเปิดชายเสื้อคลุมออกเพื่อตีก้นเหมือนกับเป็นการทำโทษเด็กเล็ก ๆ ด้วย

นี่เป็นสภาพที่น่าอับอายที่สุดในชีวิตซึ่งเธอไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน และไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้เจอเลยแม้แต่น้อย

“ทำอะไรน่ะ!? อยากตายรึไง!? กล้าทำกับฉันแบบนี้แล้วคิดว่าจะมีชีวิตรอดไปได้งั้นเหรอ!?”

แบล็คโรสคำรามออกมาด้วยโทสะอันพลุ่งพล่านจนแทบขาดสติ สีหน้าของเธอดูโกรธเกรี้ยวจนแทบจะกินเลือดกินเนื้อของฝ่ายตรงข้ามได้ ผิดกับแร็กน่าที่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยและมองลงมายังเด็กสาวที่กำลังโกรธจัดด้วยสายตาอันเย็นชา

“ก็รู้ทั้งรู้ว่าเป็นผมแต่ก็ยังจงใจจะลงมาป่วนอีก… แถมพอแพ้ไปรอบนึงแล้วแทนที่จะยอมรามือไปก็กลับเอาจริงซะนี่ ตัวเองบีบคั้นคนอื่นขนาดนี้แล้วยังมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้… ทางนี้ต่างหากที่จะไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ น่ะ! ยอมรับความผิดซะ!”

“อย่าได้ใจเกินไปนะ! แค่ฟลุคชนะก็คิดว่าเก่งแล้วงั้นเหรอ!? ถ้าฉันเอาจริงละก็.. อ๊าย!!”

ยังไม่ทันที่แบล็คโรสจะพูดได้จบประโยค ฝ่ามือของแร็กน่าก็หวดเข้าที่ก้นของเธออีกครั้งจนมีเสียงดัง ป้าบ! ดังสนั่น ทำให้เด็กสาวมีสีหน้าบิดเบี้ยวยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับหยาดน้ำตาที่เพิ่มมากขึ้น

“เจ้าเด็กบ้า! อยากตายจริง ๆ ใช่มั้ย!? คอยดูเถอะ! ฉันจะ.. อะ.. อ๊าย! อ๊ายยย!”

เพราะอีกฝ่ายยังไม่ยอมรับผิดแถมยังพูดจาข่มขู่ แร็กน่าจึงหวดฝ่ามือเข้าใส่ก้นของแบล็คโรสแบบไม่ยั้ง จนมีเสียงดัง ป้าบ! ป้าบ! ป้าบ! ต่อเนื่องกันไม่หยุด

ความจริงแล้วซาลก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นอะไรอีกฝ่ายขนาดนั้น แต่เพราะในระหว่างที่หวดมือลงไป แรงดีดสะท้อนที่ส่งกลับมายังมือของเขาพร้อมกับเสียงอันดังก็ทำให้เจ้าตัวเริ่มรู้สึกหมั่นเขี้ยวขึ้นมา เมื่ออีกฝ่ายยังคงมีท่าทีแข็งกร้าว เขาจึงเผลอหวดแบบไม่ยั้งด้วยความมันมือ จนต้องพยายามขบเม้มริมฝีปากเอาไว้เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์

แบล็คโรสทั้งรู้สึกเจ็บปวดและอับอายกับสถานการณ์นี้จนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ในที่สุดเธอก็ต้องกล้ำกลืนฝืนพูดคำที่เธอไม่คิดจะยอมพูดออกมา

“ยะ.. ยอมแล้ว! ฉันยอมแพ้แล้ว!”

ทันทีที่คำพูดนั้นถูกเอ่ยออกมา ร่างของแบล็คโรสก็ถูกเทเลพอร์ทออกจากลานประมูลไป จึงเหลือแต่เพียงแร็กน่าที่ยังคงนั่งชันเข่าอยู่บนลานประมูลตามลำพัง

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความเงียบงันปกคลุมไปทั่วทั้งพีระมิด เพราะเหล่าผู้ใช้ศาสตร์มืดที่กำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่ต่างก็ต้องรู้สึกอึ้งจนพูดไม่ออก

ภาพลักษณ์ของแร็กน่าก่อนหน้านี้ที่ทุกคนมองว่าเป็นผู้มีความเมตตาได้ถูกลบเลือนไปจนสิ้น และแทนที่ด้วยภาพของคนโหดเหี้ยมต่ำช้าที่รังแกเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ซึ่งไร้ทางสู้ได้อย่างไม่ปรานีแทน

 

——————————————————————————–

 

Part 4

 

ที่ห้องโถงกลางของฝ่ายดูแลการประมูล แบล็คโรสได้ถูกเทเลพอร์ทกลับเข้ามาในสภาพที่ยังคงทรุดตัวคว่ำหน้าอยู่ เจ้าหน้าที่หญิงสองคนซึ่งอยู่หน่วยแพทย์จึงรีบตรงเข้าไปหาเธอเพื่อสอบถามอาการบาดเจ็บ

“คะ.. คุณแบล็คโรส เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”

แบล็คโรสไม่ได้ตอบคำถามของเจ้าหน้าที่หญิงแต่ยังคงทรุดตัวคว่ำหน้าต่อไปด้วยอาการสั่นเทา ทำให้อีกฝ่ายไม่แน่ใจว่าการสั่นนี้เป็นเพราะอาการบาดเจ็บ หรือเป็นเพราะความโกรธกันแน่

แต่ในที่สุด เด็กสาวก็ส่งเสียงออกมา

“ฮะ.. ฮึก… แง๊~~~~”

แบล็คโรสส่งเสียงร้องไห้จ้าก่อนจะลุกขึ้นแล้ววิ่งกุมหน้าออกจากห้องโถงของฝ่ายดูแลการประมูลไป ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องได้แต่ยืนนิ่ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบสนองกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี

 

ใกล้ ๆ กับห้องโถงของฝ่ายดูแลการประมูลคือจุดที่ใช้พักสินค้าที่ถูกนำมาประมูลในงาน และที่นั่นก็มีหญิงสาวผมดำซึ่งสวมแว่นตากรอบหนาและมีหูเหมือนกับสุนัขจิ้งจอกอยู่บนศีรษะกำลังนั่งปะปนอยู่กับของชิ้นอื่น ๆ

ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงแรงสั่นจากห้วงมิติ หญิงสาวจึงนำแท็บเล็ตเวทมนตร์ขนาดพอ ๆ กับสมุดเล่มเล็ก ๆ ออกมาจากช่องมิติส่วนบุคคลและเปิดดูข้อความที่ถูกส่งเข้ามา ทันใดนั้นดวงตาของหญิงสาวก็หรี่ลงด้วยอาการประหลาดใจ

เพราะข้อความที่ถูกส่งมานั้นเขียนเอาไว้ว่า

[การประมูลจบลงที่ราคา 7,000 โกลด์ หักค่าธรรมเนียมการประมูล 10% แล้วคุณจะได้รับเงินทั้งหมด 6,300 โกลด์ ทางฝ่ายจัดงานได้โอนเงินเข้าบัญชีที่คุณทำการลงทะเบียนเอาไว้แล้ว สามารถตรวจสอบได้ทันที ขอบคุณที่ร่วมทำการประมูลกับเราค่ะ]

หญิงสาวนิ่งเงียบไปพักหนึ่งหลังจากได้อ่านข้อความนั้น เธอปิดเท็บเล็ตลงและนำมันเก็บกลับไปในช่องมิติส่วนบุคคล ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบคลึงบริเวณริมฝีปากและทำท่าครุ่นคิดด้วยสีหน้าเรียบเฉยที่ไม่สื่ออารมณ์ใด ๆ ออกมา

“มีการสู้ราคากันแค่ถึง 7,000 โกลด์เองเหรอ? ทั้งที่เราอุตส่าห์ปล่อยข่าวออกไปให้ผู้เข้าร่วมการประมูลระดับ S รู้กันจนทั่วแล้วแท้ ๆ … ความจริงน่าจะมีการสู้ราคากันจนเฉียดหลักแสนโกลด์ได้ไม่ยากนี่นา… เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ…”

หญิงสาวพึมพำกับตัวเองในระหว่างที่ครุ่นคิดไปด้วย แต่ไม่นานนักประตูห้องก็เปิดออก ก่อนจะมีเจ้าหน้าที่ของฝ่ายจัดงานคนหนึ่งเดินเข้ามา

“คุณบรรณารักษ์ครับ ตอนนี้การประมูลจบลงแล้ว ผมจะพาคุณไปหาผู้ชนะการประมูลเพื่อทำการส่งมอบนะครับ”

“……เข้าใจแล้วค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”

หญิงสาวหูจิ้งจอกลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินตามเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดงานออกจากห้องไป เพราะเธอก็คือ ‘บรรณารักษ์แห่งโคโรน่า’ สินค้าที่ถูกนำมาวางประมูลในการประมูลระดับ S และแร็กน่าเพิ่งจะเป็นผู้ชนะการประมูลไปได้นั่นเอง

 

อีกด้านหนึ่งที่ห้องควบคุมของพีระมิด ไลคัสกับเนเน็ตก็ยังคงอยู่ในอาการอึ้ง เพราะการกระทำอันคาดไม่ถึงของแร็กน่า

“แหม~ พ่อหนุ่มคนนั้นน่ะ เป็นคนที่คาดเดาอารมณ์ยากจริง ๆ เลยนะคะ ฮุฮุฮุฮุ~”

เนเน็ตพยายามหัวเราะกลบเกลื่อน แต่สีหน้าของเธอก็ยังซ่อนความรู้สึกกระอักกระอ่วนเอาไว้ไม่มิด เธอเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าแร็กน่าจะ ‘ลงทัณฑ์’ แบล็คโรสด้วยวิธีการอันโหดร้าย (?) ต่อหน้าธารกำนัลแบบนี้ เธอถึงกลับต้องทบทวนว่าตนเองประเมินอุปนิสัยของชายหนุ่มคาดเคลื่อนไปบ้างรึเปล่า

ไลคัสยังคงนิ่งเงียบโดยมีทีท่าเหมือนกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่รู้จะพูดมันออกมาอย่างไรดีจนสุดท้ายก็ต้องกล้ำกลืนคำพูดกลับลงไป ในระหว่างนั้นเองก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องควบคุมและกล่าวรายงานกับไลคัสด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ

“คะ.. คุณไลคัสครับ! มีข้อความถูกส่งมาจากช่องทางลับ เขียนกำกับว่าเป็นข้อความแบบด่วนที่สุดเลยครับ!”

คำพูดของเจ้าหน้าที่หนุ่มทำให้ทั้งไลคัสและเนเน็ตต่างก็ต้องแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา เจ้าหน้าที่คนนั้นรีบยื่นแหวนสื่อสารวงหนึ่งให้กับไลคัส ซึ่งเขาก็รับมันมาและสวมลงบนนิ้ว ก่อนจะหมุนแหวนนั้นเพื่อเปิดการทำงาน

ทันทีที่ถูกใช้งาน ลวดลายอักขระบนแหวนก็ส่องประกายขึ้นและฉายข้อความสามมิติขึ้นบนอากาศ มันเป็นข้อความที่มีเพียงผู้สวมแหวนเท่านั้นจึงจะสามารถมองเห็นได้ แต่จะพูดให้ชัดคือเฉพาะเหล่าผู้อาวุโสที่สวมแหวนของสมาชิกระดับผู้นำพร้อมกับแหวนวงนี้เท่านั้นที่จะเห็นข้อความในแหวนได้ เมื่อได้อ่านข้อความนั้น ดวงตาของไลคัสก็เบิกโพลงขึ้น และรีบออกคำสั่งไปยังเหล่าเจ้าหน้าที่ในห้องด้วยเสียงอันดังในทันที

“สั่งการลงไปให้เพิ่มระดับการเฝ้าระวังเป็นระดับสูงสุด! เรียกประชุมเหล่าผู้อาวุโสของกลุ่มต่าง ๆ เป็นการด่วนด้วย!”

เมื่อได้ยินคำสั่งของไลคัส เนเน็ตก็แสดงอาการตกใจออกมา ก่อนจะหันไปถามเขาถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

“เรียกประชุมผู้อาวุโสงั้นเหรอคะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? แล้วใครเป็นคนส่งข้อความนั้นมากัน?”

“นี่เป็นข้อความที่แซนโดรส่งมา… ส่วนเนื้อหาของข้อความ เธออ่านเอาเองก็แล้วกันนะ…”

ไลคัสกล่าวพูดพลางถอดแหวนแล้วยื่นให้กับเนเน็ต ซึ่งเธอก็รับมาและสวมลงบนนิ้วของเธอก่อนจะเปิดการทำงานของมันอีกครั้ง

ทันทีที่เห็นข้อความที่ฉายออกมาจากแหวน สีหน้าของเนเน็ตก็ต้องแปรเปลี่ยนไปในทันที

เพราะข้อความที่ถูกฉายออกมานั้นมีใจความว่า

[พีสคีปเปอร์สืบรู้ที่ตั้งของสถานที่จัดงานแล้ว พวกมันกำลังรวบรวมไพร่พลเพื่อไปบุกโจมตี รีบยกเลิกการจัดงานแล้วให้ทุกคนแยกย้ายกันหลบหนีซะ]

Prev
Next
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "ตอนที่ 144"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF