cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • สล็อตเว็บตรง
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • สล็อตเว็บตรง
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Prev
Next
สล็อตเว็บตรง

Doombringer the 5th - ตอนที่ 143

  1. Home
  2. All Mangas
  3. Doombringer the 5th
  4. ตอนที่ 143
Prev
Next

Ch.143 – งานประมูลแห่งความมืด (4)

Translator : YoyoTanya / Author

Ch. 139

งานประมูลแห่งความมืด (4)

 

Part 1

 

ทันทีที่การเตรียมตัวเสร็จสิ้น แบล็คโรสก็พุ่งตัวเข้าหาชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง

ซาลรู้ตัวดีว่าเขาไม่สามารถเอาชนะลานาเทลในเชิงดาบได้ แม้เขาจะหมั่นฝึกฝนมาโดยตลอดแต่เพราะมันไม่ใช่ความถนัดและไม่ใช่สายวิชาที่เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษความสามารถในเชิงดาบของเขาจึงอยู่แค่ระดับมาตรฐานเท่านั้น ในขณะที่ลานาเทลเป็นนักดาบระดับจักรพรรดิ (Sword Empress)  ซึ่งโลกนี้น่าจะมีอยู่เพียงไม่กี่คน การสู้กับเธอด้วยดาบจึงไม่ต่างกับการฆ่าตัวตายดี ๆ นี่เอง

แต่ซาลก็ไม่ได้คิดจะใช้แค่ดาบในการต่อสู้อยู่แล้ว

ถึงเป้าหมายของเขาจะเป็นการเร่งฟื้นฟูและเก็บออมพลังเวทไว้เพื่อใช้เวทอัญเชิญระดับสูงจัดการกับลานาเทลในคราวเดียว แต่หากไม่สามารถต้านทานจนถึงเวลานั้นได้มันก็ไม่มีความหมาย ซาลจึงคิดว่าต้องพยายามถ่วงเวลาให้ถึงตอนนั้นด้วยทุกวิถีทาง ในขณะเดียวกันก็ต้องใช้พลังเวทให้น้อยที่สุดด้วย

ในเวลานั้นเอง ร่างของแร็กน่าก็ค่อย ๆ กลายเป็นภาพเบลอ ก่อนจะเลือนหายไป

เหล่าผู้ชมที่กำลังดูการต่อสู้อยู่ต่างก็คิดว่าแร็กน่าได้ใช้เทคนิคบางอย่างทำการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจนหายไปจากสายตา แต่สำหรับนักผจญภัยระดับสูงที่มีสายตาเฉียบคมกว่านั้นจะสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างที่ดูไม่ถูกต้อง

แบล็คโรสแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย เพราะเธอมองออกในทันทีว่านี่คือเวท ‘มิราจ’ เวทพรางตัวด้วยการหักเหแสงที่ซาลคิดค้นขึ้นเอง แม้ในร่างนี้เธอจะมีพลังด้อยกว่าตัวจริงมาก แต่หากสู้กันด้วยดาบ ซาลก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธออยู่ดี การที่เขางัดลูกเล่นเหล่านี้ออกมาใช้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้การต่อสู้น่าสนุกขึ้น

เธอหมุนตัวกลางอากาศครั้งหนึ่งก่อนจะปักดาบทั้งสองเล่มลงบนพื้นศิลาของลานประมูล ทันใดนั้นของเหลวสีดำที่เคลือบคมดาบอยู่ก็ไหลลงไปในรอยแตกที่เกิดจากการปักดาบอย่างรวดเร็ว จนทำให้คมดาบของเธอกลับมาเป็นสีเงินแวววับอีกครั้ง ในขณะเดียวกันรอยแตกบนพื้นศิลาก็ขยายวงกว้างขึ้นและมุ่งตรงไปยังจุดที่แร็กน่าเคยยืนอยู่ราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังมุดใต้พื้นศิลาไปยังบริเวณนั้นด้วยความเร็วสูง

ทันทีที่รอยแตกแผ่ไปจนถึง ก็เกิดเสียงระเบิดกึกก้องอย่างรุนแรง ก่อนจะมีก้อนศิลาขนาดใหญ่จำนวนมากกระเด็นกระดอนออกมาจากภาพทิวทัศน์อันบิดเบี้ยว แรงระเบิดทำให้ม่านพรางตาที่ซาลวาดเอาไว้สลายตัวไป เผยให้เห็นคมดาบสีดำขนาดใหญ่นับสิบเล่มที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นศิลาในจุดเดียวกันจนดูเหมือนกับเป็นพุ่มหนามที่สร้างจากโลหะ

นั่นคือการโจมตีของแบล็คโรส แต่สิ่งที่น่าประหลาดคือคมดาบของเธอแค่พุ่งเสียบขึ้นมาโดยสร้างความเสียหายให้กับพื้นศิลาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่ากลับมีเศษก้อนศิลาขนาดใหญ่ถูกแรงปะทะจนแตกกระจัดกระจายไปทั่ว ทำให้น่าแปลกใจว่าก้อนศิลาเหล่านั้นมาจากไหน

“นั่นมันไม่ใช่ชิ้นส่วนจากพื้นลานประมูลนี่นา แต่เป็นก้อนศิลาจากที่อื่นซึ่งถูกนำมาวางลงบนพื้นของลานประมูลอีกที.. ใช้เวทอัญเชิญก้อนศิลาออกมางั้นเหรอ? นับว่าคิดถูกที่ไม่พุ่งเข้าไปนะเนี่ย ฮุฮุ~”

แบล็คโรสเข้าใจได้ในทันทีว่าศิลาก้อนนั้นเป็นของที่ถูกอัญเชิญออกมาหลังจากทำการอำพรางพื้นที่โดยรอบแล้ว เจตนาก็เพื่อใช้มันเป็น ‘กำแพง’ ในการป้องกันการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม มิหนำซ้ำหากอีกฝ่ายเลือกที่จะพุ่งเข้าไปโจมตีในระยะประชิดก็อาจชนเข้ากับกำแพงจนได้รับบาดเจ็บเองด้วย

“เด็กคนนั้นน่าจะรู้รูปแบบการโจมตีของดาบเลือดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุดที่เขาน่าจะไปหลบก็คือ…”

ในระหว่างกำลังวิเคราะห์จุดที่ซาลอยู่ขณะเกิดการโจมตี เด็กสาวก็สัมผัสได้ถึงจิตต่อสู้ซึ่งแผ่ออกมาจากด้านหลังของเศษศิลาก้อนหนึ่งที่เพิ่งจะลอยข้ามไหล่ของเธอไปเพียงเล็กน้อย เธอจึงรีบพุ่งตัวหลบออกมาจากจุดนั้น

นั่นเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่กรงเล็บโครงกระดูกขนาดยักษ์ซึ่งมีออร่าสีแดงลุกท่วมจะตะปบลงมาจนพื้นศิลาของลานประมูลต้องแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

แบล็คโรสเคลือบคมดาบเล่มหนึ่งด้วยของเหลวสีดำอีกครั้งก่อนจะพลิกตัวกลับมาฟันสวนไปยังก้อนศิลา ทำให้มีคมดาบรูปจันทร์เสี้ยวพุ่งเข้าผ่าก้อนศิลาที่ยังลอยอยู่กลางอากาศจนกลายเป็นสองเสี่ยง เผยให้เห็นชายหนุ่มผมแดงซึ่งซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง

“กะแล้วเชียวว่าต้องหลบอยู่ด้านบนของก้อนศิลา แต่แผ่จิตต่อสู้ออกมาก่อนจะปลดปล่อยการโจมตีแบบนี้นับว่ายังควบคุมพลังได้ไม่ดีพอนะคะ”

เธอเดาออกอยู่แล้วว่าซาลคงหลบอยู่ด้านบนของก้อนศิลาเพื่อป้องกันกรณีที่มีการโจมตีจากด้านล่าง และแรงระเบิดก็คงส่งตัวเขาให้ลอยออกมาพร้อม ๆ กับเศษศิลาที่แตกกระจาย แต่การที่เขาติดมากับศิลาก้อนนี้พอดีนั้นไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือความจงใจกันแน่

เด็กสาวหยั่งเท้าลงกับพื้นอีกครั้งเพื่อเตรียมจะพุ่งตัวเข้าไปโจมตีซ้ำ แต่ทันใดนั้นเธอก็เห็นแร็กน่าตวัดดาบในมือสวนกลับมา ทำให้เธอต้องยั้งเท้าลงเพื่อเตรียมปัดป้องการโจมตีนี้ ทว่ากลับไม่มีคลื่นพลังใด ๆ ถูกปลดปล่อยออกมาเลย ราวกับเขาเพียงแค่หวดดาบไปในอากาศเฉย ๆ การกระทำที่ดูไร้เหตุผลนี้จึงทำให้แบล็คโรสต้องขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

ทันใดนั้นเอง ดาบพลังงานเล่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอห่างออกไปเพียงไม่ถึงหนึ่งเมตร มันโผล่ออกมาจากอากาศธาตุและพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูงราวกับลูกธนูที่เพิ่งจะพ้นจากม่านหมอก ทำให้ดวงตากลมโตของเด็กสาวต้องเบิกโพลงขึ้นยิ่งกว่าเดิม เพราะดาบพลังงานเล่มนี้ปรากฏออกมาอย่างกะทันหันและไร้ร่องรอยจนเธอไม่สามารถจับสัมผัสการมาของมันได้เลยจนกระทั่งมันอยู่ตรงหน้าแล้ว

แม้จะอยู่ในระยะกระชั้นชิดจนไม่สามารถยกดาบขึ้นมาปัดป้องได้ทัน แต่แบล็คโรสก็ยังเบี่ยงศีรษะหลบการโจมตีไปได้อย่างฉิวเฉียด ทว่าเส้นผมของเธอก็ยังถูกคมดาบเฉี่ยวผ่านจนขาดปลิวไปหลายเส้น

การโจมตีด้วยรูปแบบอันเป็นปริศนานี้ทำให้เด็กสาวต้องยั้งเท้าลงเพื่อหยุดคิด เพราะเธอไม่เคยเจอการโจมตีในลักษณะนี้มาก่อน ในขณะเดียวกันแร็กน่าที่ลงสู่พื้นเรียบร้อยแล้วก็ตวัดดาบอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีคลื่นพลังหรือดาบพลังงานใด ๆ ปรากฏออกมาเช่นเคย

แบล็คโรสรีบดีดตัวถอยออกมาเพื่อทิ้งระยะห่าง ตามสัญชาติญาณ ทันใดนั้นก็มีดาบพลังงานหนึ่งเล่มปรากฏขึ้นใกล้กับจุดที่เธอเคยอยู่และพุ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง แต่คราวนี้ด้วยระยะห่างที่มากขึ้นจึงทำให้เธอสามารถใช้ดาบในมือปัดมันออกไปได้

จุดที่เธออยู่นั้นห่างจากแร็กน่ากว่ายี่สิบเมตร ในระยะขนาดนี้ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีระยะไกลในรูปแบบใดก็ควรปรากฏเค้าลางให้เห็นก่อนที่มันจะมาถึงตัวบ้าง แต่ดาบพลังงานนั้นกลับเข้ามาถึงตัวเธอในระยะประชิดโดยไม่มีร่องรอยอะไรเลย ซ้ำยังเกิดขึ้นแทบจะในทันทีหลังจากมีการตวัดดาบ ราวกับมันแทบจะไม่ได้ใช้เวลาในการเดินทางแม้แต่น้อย นับเป็นเรื่องที่แปลกมาก

แร็กน่ายังคงตวัดดาบเพื่อทำการโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทำให้แบล็คโรสที่ยังอ่านรูปแบบของการโจมตีนี้ไม่ออกได้แต่โฉบตัวหลบไปมาโดยไม่กล้าเข้าไปใกล้ เหล่าผู้ชมที่เฝ้าดูการต่อสู้นี้อยู่จึงเริ่มส่งเสียงอื้ออึงขึ้นอีกครั้ง

“การโจมตีนั่นมันอะไรกันน่ะ!? แค่ปลดปล่อยออกมาก็ถึงตัวเป้าหมายได้เลยงั้นเหรอ!? นี่มันเป็นท่าโจมตีที่มีความเร็วระดับเดียวกับ ‘เทพสายฟ้า’ เลยนะเนี่ย!”

“ไม่หรอก นี่มันเหนือกว่านั้นอีก เพราะไม่มีทั้งเสียงและร่องรอย เป็นการโจมตีที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ!”

“เจ้าหนุ่มที่ชื่อแร็กน่านั่นมันเป็นใครกันแน่!? ใช้ได้ทั้งเวทมนตร์และทักษะทางดาบระดับสูงแบบนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะไม่มีใครเคยได้ยินชื่อมาก่อน!”

ในสายตาของนักผจญภัยทั่วไปแล้วการโจมตีของแร็กน่าเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก เพราะหากดูจากภายนอกแล้วมันเป็นการโจมตีที่ทั้งรวดเร็วและไร้ร่องรอย แต่สำหรับเหล่านักผจญภัยระดับสูงแม้จะยอมรับว่านี่เป็นท่าโจมตีที่มีความเร็วใกล้เคียงกับนักดาบระดับทริปเปิลเอสอย่าง ‘เทพสายฟ้า’ แต่พวกเขาก็รู้สึกได้ว่าพลังทำลายของดาบที่ปรากฏออกมากลับต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้มันดูเป็นการโจมตีที่มากด้วยปริศนามากกว่าจะน่าเกรงขาม

แน่นอนว่าแบล็คโรสผู้กำลังเผชิญหน้ากับทักษะนี้อยู่ด้วยตนเองก็คิดถึงเรื่องนี้ได้เช่นกัน

“ดาบพลังนี่… มันเข้าถึงเป้าหมายได้หลังจากตวัดดาบเพียงเสี้ยววินาที ถ้าเป็นการพุ่งฝ่าอากาศธรรมดา ๆ ยังไงก็ต้องมีร่องรอยให้เห็นบ้าง หรือถ้ามองไม่ทันเพราะความเร็วมันสูงมาก ก็น่าจะเกิดเสียงฟ้าร้องจากการพุ่งทะลุกำแพงเสียงตามมาด้วย แต่นี่กลับไม่มีอะไรเลย… แถมความเร็วหลังจากที่มันปรากฏออกมาก็ไม่ได้มากมายอะไร ทำไมความเร็วของมันถึงลดลงอย่างกะทันหันขนาดนั้นได้ล่ะ?

            ถ้าแค่ทำให้ตัวดาบล่องหนจนกว่าจะเข้ามาใกล้ ระยะเวลาที่มันใช้ในการเข้าถึงเป้าหมายก็ยังนับว่าสั้นเกินไปอยู่ดี และถ้าจะทำแบบนั้นก็สู้ทำให้ล่องหนไปตลอดเลยไม่ดีกว่ารึ? แต่ถ้าบอกว่ามันพุ่งมาด้วยความเร็วสูงจนมองไม่ทัน ผลกระทบที่เกิดกับสภาพแวดล้อมก็ยังไม่สัมพันธ์กับความเร็วอยู่ดี และการที่มันลดทั้งพลังและความเร็วลงอย่างกะทันหันก็เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลด้วย… ยังกับมันพุ่งทะลุห้วงมิติมาอย่างนั้นแหละ แต่แบบนั้นก็ต้องมีร่องรอยการบิดผันของห้วงมิติให้เห็นบ้างสิ… ตัวดาบมันจะโผล่ออกมาเฉย ๆ ได้ยังไง…”

หลังจากวิเคราะห์อยู่เป็นเวลานาน ดวงตาของแบล็คโรสก็เบิกโพลงขึ้นอีกครั้งราวกับเธอเพิ่งจะนึกถึงเรื่องสำคัญบางอย่างได้  เธอจึงรอจังหวะที่ซาลปลดปล่อยการโจมตีออกมาอีกครั้งแล้วรีบพุ่งตัวสวนเข้าไปในทันที

การเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหันนี้นับว่าอยู่เหนือความคาดหมายของผู้คนที่ชมการต่อสู้อยู่ การร่นระยะห่างเข้าไปหาการโจมตีที่ทั้งรวดเร็วและไร้ร่องรอยแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก เพราะจะทำให้การปัดป้องหรือหลบหลีกเป็นเรื่องที่ยากขึ้นไปอีก

ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นไปอย่างที่ทุกคนคิด เพราะดาบพลังของแร็กน่ากลับปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของแบล็คโรสและพุ่งต่อไปยังจุดที่เธอเคยอยู่ ราวกับว่ามันผ่านทะลุตัวเธอไปซะเฉย ๆ

ปรากฏการณ์อันแปลกประหลาดนี้ทำให้ทุกคนต้องรู้สึกตกตะลึงอีกครั้ง ในขณะที่แบล็คโรสก็เผยรอยยิ้มบนริมฝีปากน้อย ๆ ของเธอออกมา

 

——————————————————————————–

 

Part 2

 

ความลับของการโจมตีอันไร้ร่องรอยนั้นไม่ใช่ ‘ความเร็ว’ แต่เป็น ‘ตำแหน่ง’ ที่มันปรากฏออกมา

เพราะมันไม่มีทั้งการบิดผันทางมิติ, ไม่มีคลื่นกระแทกจากการผ่านกำแพงเสียง, และความเร็วหลังจากที่มันปรากฏขึ้นก็ไม่สัมพันธ์กับความเร็วก่อนหน้าด้วย แบล็คโรสจึงได้ข้อสรุปว่าดาบพลังนี้ไม่ได้เดินทางผ่านอากาศมายังเป้าหมาย แต่มันปรากฏขึ้นตรงหน้าเป้าหมายเลยต่างหาก

จิตต่อสู้เป็นพลังงานที่มีมวลหนาแน่นกว่าพลังเวท ทั้งยังมีแรงยึดเหนี่ยวกับตัวผู้ใช้สูงกว่าด้วย การก่อรูปร่างของพลังงานขึ้นมาเพื่อใช้ในการโจมตีจึงสามารถทำได้เพียงในระยะใกล้ ๆ เช่นคลื่นพลังจากการตวัดดาบก็จะถูกสร้างขึ้นบนคมดาบก่อนแล้วค่อยปล่อยออกไป หรือดาบพลังงานที่สร้างขึ้นจากจิตต่อสู้ก็จะก่อตัวขึ้นในรัศมี 1-2 เมตรจากตัวผู้ใช้เท่านั้น เพราะยิ่งไกลออกไปเท่าไหร่ การประสานจิตต่อสู้ให้ก่อตัวขึ้นมาเป็นรูปร่างก็จะยิ่งทำได้ยาก ระยะที่คนทั่วไปจะสามารถประสานจิตต่อสู้ขึ้นมาเพื่อใช้ในการโจมตีได้จึงอยู่ที่ไม่เกิน 3 เมตร

แต่ดาบพลังงานของซาลนั้นสามารถก่อตัวขึ้นจากระยะที่ห่างออกไปได้กว่ายี่สิบเมตร นั่นคือเหตุผลที่มันสามารถเข้าถึงเป้าหมายได้แทบจะในทันทีอย่างไร้ร่องรอย ราวกับมันพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงจนสายตาไม่อาจมองได้ทัน

นี่เป็นเรื่องที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของคนทั่วไป เพราะนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยปรากฏผู้ใช้ดาบที่สามารถประสานจิตต่อสู้ขึ้นมาเป็นรูปร่างได้ในระยะไกลขนาดนี้มาก่อน จึงแทบจะไม่มีใครเลยที่คาดเดาถึงความเป็นไปได้นี้ ยกเว้นก็แต่ลานาเทลซึ่งพอจะรู้ปูมหลังของซาลและเคยเห็นพรสวรรค์ของเขามาแล้ว

“เด็กคนนั้นน่ะ สามารถสร้างดาบพลังงานขึ้นมาได้โดยแทบไม่ต้องสอนเลยด้วยซ้ำ ความสามารถในการประสานพลังงานให้เป็นรูปร่างคือทักษะที่ติดตัวมาจากการเป็นซัมมอนเนอร์ เมื่อบวกกับพื้นเพที่เป็นนักเวทอยู่แล้ว การประยุกต์การร่ายเวทระยะไกลมาใช้กับการสร้างดาบพลังก็คงไม่แปลก นั่นคือตัวจริงของการโจมตีอันรวดเร็วและไร้ร่องรอยนี้

ความจริงถ้าทำได้ขนาดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องตวัดดาบเลยด้วยซ้ำ แต่ที่ยังทำท่าตวัดดาบทุกครั้งก็เพื่อจะหลอกให้เข้าใจผิดว่ามันเป็นการโจมตีที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากปลายดาบ แบบนั้นจะทำให้เข้าใจความเร็วของการโจมตีคลาดเคลื่อน และทำให้ไขปริศนาของมันได้ยากขึ้นด้วย ยังเจ้าเล่ห์ไม่เปลี่ยนเลยนะคะ ฮุฮุฮุ~”

แบล็คโรสแอบอมยิ้มในขณะที่พุ่งตัวไปยังแร็กน่าด้วยความเร็วสูง เพราะเธอมองการโจมตีของเขาออกโดยทะลุปรุโปร่งแล้ว

“การที่ดาบพลังงานพุ่งตัวมาข้างหน้าทันทีที่มันปรากฏ แปลว่ามันไม่ได้เริ่มขยับหลังจากก่อรูปร่างเสร็จสมบูรณ์ แต่มีการขยับไปด้วยในขณะที่กำลังก่อรูปร่างอยู่  ตำแหน่งที่แท้จริงที่จิตต่อสู้เริ่มก่อรูปร่างจึงต้องอยู่ห่างจากจุดที่มันปรากฏต่อสายตาในระดับหนึ่ง ถ้าเปลี่ยนไปเน้นการจับสัมผัสจิตต่อสู้ที่กำลังก่อตัวขึ้นเบื้องหน้าแทนที่จะใช้ตามองเพียงอย่างเดียวก็จะทำให้รู้ได้ว่าตอนไหนที่ดาบพลังงานนั้นกำลังจะปรากฏขึ้น เท่านี้การปัดป้องก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว”

สำหรับคนที่ยังหลงคิดว่าดาบพลังงานของซาลเป็นการโจมตีอันรวดเร็วจนมองไม่ทันก็คงไม่กล้าที่จะพุ่งเข้าหาอีกฝ่ายแบบนี้ เพราะระยะห่างที่ลดลงก็เท่ากับว่าจะมีเวลาให้ปัดป้องน้อยลงด้วย แต่สำหรับแบล็คโรสที่รู้ตัวจริงของการโจมตีนี้แล้ว เธอไม่ลังเลเลยที่จะเข้าประชิดตัวฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง เพราะมั่นใจแล้วว่ามันไม่ใช่อะไรที่อยู่เหนือความสามารถในการหลบหลีกหรือปัดป้องของเธอนั่นเอง

ทางด้านซาล เมื่อเห็นอีกฝ่ายหลบการโจมตีครั้งล่าสุดได้ทั้งยังมุ่งหน้าตรงเข้ามาด้วยความเร็วเต็มพิกัด เขาก็รู้ตัวทันทีว่าความลับของท่าโจมตีนี้ได้ถูกเปิดโปงแล้ว

“ก็ไม่คิดว่าของแบบนี้จะหลอกจอมดาบอย่างลานาเทลได้นานอยู่แล้วล่ะนะ… อย่างน้อยก็ช่วยซื้อเวลาได้ในระดับนึงแหละ ทีนี้แผนต่อไปก็…”

เพราะการโจมตีเดิมคงใช้ไม่ได้ผลแล้ว ซาลจึงวาดมือซ้ายไปบนอากาศเพื่อร่ายเวท ทันใดนั้นก็ปรากฏม่านหมอกหนาทึบขึ้นมาห่อหุ้มตัวเขาไว้ก่อนที่มันจะแพร่กระจายออกไปยังบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็ย่อตัวลงกับพื้นและใช้มือขวาแตะสัมผัสลงไปบนพื้นศิลาของลานประมูล ทำให้มีอักขระเวทมนตร์จำนวนมากแผ่กระจายออกไปตามพื้นและก่อรูปร่างกันขึ้นเป็นวงเวทอย่างรวดเร็ว

เพราะหมอกที่เขาปล่อยออกมาก่อนหน้านี้เคลื่อนตัวค่อนข้างช้า ผิดกับวงเวทที่ขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ขอบของวงเวทขนาดยักษ์นั้นโผล่พ้นออกมานอกพื้นที่ที่หมอกปกคลุมอยู่ เมื่อเห็นภาพนั้นเหล่าผู้ชมที่ดูการต่อสู้อยู่ก็ส่งเสียงอื้ออึงกันอีกครั้ง

“วงเวทนั่น! จะปลดปล่อยการโจมตีระดับทริปเปิลเอสอีกแล้วเหรอ!?”

“ไม่น่าเชื่อ! คราวนี้วงเวทนั่นก่อรูปร่างขึ้นเร็วกว่าคราวที่แล้วอีกนะ รึว่าเมื่อกี้จะยังไม่ได้เอาจริง!?”

“ใช้เวทระดับนี้ได้ตามใจชอบเลยงั้นเหรอ!? หมอนั่นเป็นตัวอะไรกันแน่เนี่ย!?”

แบล็คโรสที่มองเห็นขอบของวงเวทซึ่งโผล่พ้นม่านหมอกออกมาก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน แต่เธอก็ไม่ได้ยั้งเท้าลง เพราะไม่เชื่อว่านี่จะเป็นการอัญเชิญระดับทริปเปิลเอสจริง ๆ

“หมอกนี่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีจากระยะไกลงั้นเหรอ? หรือเพื่อใช้อำพรางรูปร่างที่แท้จริงของวงเวทกันแน่? ความเร็วในการสร้างวงเวทที่ผิดปกตินี้… แถมยังมีขอบวงเวทโผล่พ้นม่านหมอกออกมาอีก ยังกับจงใจจะให้เห็นอย่างนั้นแหละ… คิดจะหลอกให้เข้าใจว่าเป็นเวทอัญเชิญระดับทริปเปิลเอสงั้นเหรอคะ? ฮุฮุฮุ~ ความจริงแล้วนี่น่าจะเป็นเวท ‘อัญเชิญพื้นที่’ อย่างพวกหลุมทรายหรือบึงโคลนขึ้นมาใช้เป็นกับดักมากกว่า”

เพราะมั่นใจว่านั่นเป็นกลลวง แบล็คโรสจึงเร่งความเร็วขึ้นอีก แต่เพราะความเป็นไปได้ที่วงเวทนี้จะอัญเชิญหลุมทรายหรือบ่อโคลนสำหรับใช้พันธนาการออกมา เธอจึงพุ่งตัวขึ้นไปบนอากาศเพื่อเปลี่ยนจากการวิ่งบนพื้นเป็นการร่อนบินด้วยผ้าคลุมซึ่งตอนนี้เปลี่ยนรูปร่างเป็นแผ่นกระดานทรงสามเหลี่ยมคล้ายกับปีกของเครื่องร่อนแทน

ในระหว่างที่บินอยู่ แบล็คโรสก็ย้อมดาบทั้งสองเล่มของเธอให้กลายเป็นสีดำไปด้วย แต่คราวนี้ของเหลวสีดำที่ไหลออกมาไม่ได้ชโลมคมดาบแค่เหมือนกับเป็นปลอกบาง ๆ ดังคราวก่อน ทว่ากลับซ้อนทับกันชั้นแล้วชั้นเล่าจนดาบอันเรียวเล็กในมือของเธอเริ่มเปลี่ยนทั้งรูปร่างและขนาดกลายเป็นดาบใหญ่ไปแทน

นี่เป็นการเตรียมตัวสำหรับการโจมตีครั้งใหญ่ เพราะแบล็คโรสคิดจะทำลายทั้งม่านหมอกและพื้นที่อะไรก็ตามที่ซาลอัญเชิญออกมาพร้อมกันในคราวเดียว

เธอโฉบตัวเข้าไปใกล้ม่านหมอกราวกับนกนางแอ่นที่กำลังโผบิน เมื่อได้ระยะ เด็กสาวก็ง้างดาบทั้งสองเล่มในมือขึ้นอย่างสุดแรงเพื่อจะปลดปล่อยการโจมตี ทว่ายังไม่ทันจะได้สะบัดดาบลงอีกครั้งก็มีวัตถุลึกลับพุ่งออกมาจากม่านหมอกและเสียบเข้ากลางลำตัวของเธอในทันที

ดวงตาของแบล็คโรสเบิกโพลงขึ้นอีกครั้งเพราะความตกตะลึง ร่างของเธอที่ยังคงปักตรึงอยู่กับวัตถุนั้นถูกลากดึงให้สูงจากพื้นขึ้นไปอีกโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เธอจึงได้แต่กัดฟันและพยายามมองดูว่าตัวจริงของการโจมตีอันไม่คาดฝันนี้คืออะไรกันแน่

แล้วเธอก็พบว่าสิ่งที่พุ่งแทงและดันร่างของเธอให้ออกห่างจากพื้นไปเรื่อย ๆ นี้คือปลายยอดของต้นไม้สีเทาที่ไร้ใบต้นหนึ่ง

เธอถูกยอดไม้ที่โผล่ออกมาจากม่านหมอกเสียบทะลวงร่างเข้านั่นเอง

 

——————————————————————————–

 

Part 3

 

ซาลรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องมองออกว่าวงเวทของเขาไม่ใช่เวทอัญเชิญระดับทริปเปิลเอส

เพราะแบล็คโรสไม่ได้ทุ่มเทสุดกำลังตั้งแต่แรกในการต่อสู้ การโจมตีของเธอเหมือนกับเป็นการหยั่งเชิงหรือทดสอบมากกว่า แถมเธอยังสามารถไขปริศนาการโจมตีของเขาได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งคนทั่วไปที่ไม่เคยรู้จักเขามาก่อนไม่น่าจะทำได้ ซาลจึงค่อนข้างมั่นใจว่าอีกฝ่ายรู้ตัวจริงของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งคู่เคยประมือกันมาแล้วตอนที่เธอทดสอบความสามารถในเชิงดาบของเขา และตอนนั้นซาลก็ได้ใช้ลูกเล่นลักษณะนี้ในการต่อสู้ด้วย ลานาเทลที่เคยเห็น ‘การอัญเชิญพื้นที่’ มาก่อนจึงน่าจะคาดคะเนว่าวงเวทนี้เป็นเวทที่อัญเชิญหลุมทรายออกมาเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของเธอ

เมื่อเป็นเช่นนั้น วิธีรับมือที่เธอน่าจะใช้ก็คือการหลีกเลี่ยงพื้นราบและเปลี่ยนไปใช้การโจมตีจากบนอากาศแทน ซาลจึงทำการซ้อนแผนด้วยการอัญเชิญดงไม้อันไร้ใบดงนี้ออกมา เพื่อทำการโจมตีลานาเทลที่อยู่บนอากาศ

ต้นไม้เหล่านี้ไม่ใช่ต้นไม้ธรรมดา แต่มันเป็นต้นไม้ที่ปรับปรุงพันธุ์ขึ้นโดยยูนิตี้

ด้วยเจตนาที่จะสร้างเส้นใยธรรมชาติที่สามารถดูดซับและหักล้างจิตต่อสู้ได้เพื่อจะนำมาใช้ถักทอเป็นอาภรณ์ที่มีพลังป้องกันสูง ยูนิตี้จึงนำต้น ‘ไอดราซิล’ (Idrassil) ต้นไม้ที่กล่าวกันว่าเป็นพืชพงศ์เดียวกับต้นไม้ในตำนานอย่าง ‘อิกดราซิล’ มาใช้เป็นต้นแบบในการปรับปรุงพันธุ์ เพราะต้นไอดราซิลจัดเป็นต้นไม้ประหลาดที่มีพลังงานคล้ายกับจิตต่อสู้ห่อหุ้มอยู่บนเปลือกของมันตลอดเวลา

ท้ายสุดแล้วแม้ความพยายามของยูนิตี้จะล้มเหลวเพราะไม่สามารถสกัดเส้นใยออกจากเปลือกของต้นไอดราซิลที่ปรับปรุงพันธุ์จนมีเปลือกแข็งราวกับหินแล้วได้ แต่คุณสมบัติของมันที่มีพลังงานคล้ายกับจิตต่อสู้ความเข้มข้นสูงห่อหุ้มอยู่ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าสนใจ ซาลจึงสั่งให้เก็บมันไว้และนำบางส่วนมาปลูกในช่องมิติของเขา

ต้นไอดราซิลที่โตเต็มที่จะมีความสูงกว่าสามสิบเมตรทั้งที่ลำต้นอาจมีเส้นรอบวงเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น ดงของต้นไอดราซิลที่ขึ้นซ้อนกันจึงมีลักษณะเหมือนกับหอกที่ถูกมัดรวมกัน เมื่อบวกกับคุณสมบัติพิเศษของมันที่ห่อหุ้มด้วยพลังงานคล้ายกับจิตต่อสู้ความเข้มข้นสูงอยู่ตลอดเวลา ซาลจึงคิดว่ามันน่าจะนำมาใช้เป็นอาวุธได้ในบางกรณีนั่นเอง

และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขานำมันออกมาใช้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาต้องนับว่าเกินคาด

เหล่านักผจญภัยที่เฝ้าดูการต่อสู้นี้อยู่ต่างก็ตกอยู่ในความตื่นตะลึงไม่แพ้กัน เพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นการโจมตีอันแปลกประหลาดแบบนี้

ในขณะเดียวกัน แบล็คโรสที่ยังถูกเสียบคาอยู่บนยอดไม้ก็แสยะยิ้มออกมา แม้ดวงตาของเธอจะไม่ได้ยิ้มด้วยเลยก็ตาม

“เจ็บ… พลาดจนได้รึเนี่ย… เราประเมินเด็กคนนี้ต่ำไปงั้นเหรอ? ไม่สิ.. การพัฒนาของเขามันก้าวล้ำไปไกลกว่าที่เราคาดคิดมากกว่า… ความจริงแค่นี้ก็น่าจะพอได้แล้ว แต่ว่า…”

เดิมทีแบล็คโรสไม่ได้คิดจะมาพังการประมูลของซาลแต่แรก เธอคิดว่าจะลงมาหยอกล้อเขาสักนิดหน่อยแล้วยอมให้อีกฝ่ายชนะไปในที่สุด แต่เมื่อกลับเป็นฝ่ายพลาดท่าไปจริง ๆ แบบนี้ เธอก็เกิดความรู้สึกที่ไม่อยากจะยอมแพ้เอ่อล้นขึ้นมา

ทันใดนั้น นัยน์ตาสีม่วงใสของเธอก็กลับกลายเป็นสีเหลือง และส่วนที่เป็นสีขาวของดวงตาก็กลับกลายเป็นสีดำไปแทน

“นาน ๆ จะได้สนุกขนาดนี้ ขอต่อเวลาอีกหน่อยก็แล้วกันนะคะ”

แบล็คโรสไขว้ดาบทั้งสองของเธอเข้ากับลำคอของตัวเอง ก่อนจะทำการเฉือนมันออกจนเป็นแผลเหวอะ ทำให้มีเลือดสีแดงเข้มพุ่งกระฉูดออกมาราวกับเป็นน้ำพุ

ภาพอันน่าสยดสยองนี้ทำให้ทุกคนที่ดูการต่อสู้อยู่ต่างก็ต้องตกตะลึงจนพูดไม่ออก แม้แต่ซาลในร่างแร็กน่าก็ยังแสดงอาการตกใจออกมาทางสีหน้าด้วย

เลือดของแบล็คโรสที่พุ่งออกมาได้อาบชโลมส่วนยอดของดงต้นไอดราซิลจนกลายเป็นสีแดงเข้มไปทีละน้อย แต่ไม่นานนักสีแดงของเลือดที่อาบอยู่ก็ทวีความเข้มขึ้นจนแทบจะกลายเป็นสีดำไปแทน

ในเวลานั้นเองก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นกับส่วนยอดของดงต้นไอดราซิล เพราะส่วนยอดที่ถูกของเหลวสีดำอาบชโลมอยู่นั้นกลับถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็วราวกับโดนน้ำกรด จากปลายยอดที่เติบโตเต็มที่ก็ค่อย ๆ หดลีบลง และสลายหายไปในที่สุด ในขณะเดียวกันของเหลวสีดำก็เพิ่มปริมาณขึ้นและหลั่งไหลลงไปอาบชโลมยังส่วนที่อยู่ถัดไปของต้นไอดราซิลต่อก่อนจะกัดกินลำต้นต่อไปเรื่อย ๆ

ความเร็วของการกัดกินนี้ตอบสนองกับปริมาณของของเหลวสีดำที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราการย่อยสลายเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณทุกเสี้ยววินาที

ในเวลาเพียงชั่วพริบตา ดงต้นไอดราซิลความสูงเกือบสามสิบเมตรที่เคยตั้งตระหง่านอยู่ก็ถูกย่อยสลายจากยอดลงมาถึงโคนต้น จนเหลือเพียงของเหลวสีดำที่ไหลทะลักและท่วมออกไปทั่วบริเวณ ทำให้ซาลต้องรีบหลบออกมาให้พ้นจากรัศมีของมันเป็นการด่วน

“ละ.. ล้อเล่นใช่มั้ยเนี่ย!? เอาจริงดิ!?”

เขาหันกลับไปมองร่างเล็ก ๆ ของแบล็คโรสที่กำลังยืนอยู่ท่ามกลางทะเลเลือดพลางพึมพำกับตัวเองด้วยใบหน้าซีดเผือด ตรงกันข้ามกับอีกฝ่ายที่ค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมาและจ้องมองเขาด้วยดวงตาสีดำสนิทที่มีนัยน์ตาสีเหลืองอยู่ภายใน

สำหรับคนทั่วไปแล้วมันคงเป็นรอยยิ้มอันน่าขนลุก แต่ซาลยังคงเห็นมันเป็นรอยยิ้มอันขี้เล่นที่แฝงไปด้วยความรู้สึกกระหายความสนุก ทำให้เขาต้องนิ่วหน้าลง

เพราะตอนนี้เขาชักจะรู้สึกหงุดหงิดกับความเอาแต่ใจของลานาเทลขึ้นมาจริง ๆ แล้ว

Prev
Next
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "ตอนที่ 143"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF