cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Prev
Next

Doombringer the 5th - ตอนที่ 138

  1. Home
  2. All Mangas
  3. Doombringer the 5th
  4. ตอนที่ 138
Prev
Next

Ch.138 – นิทรรศการหนังสือแห่งความมืด (9)

Translator : YoyoTanya / Author

Ch. 134

นิทรรศการหนังสือแห่งความมืด (9)

 

Part 1

 

ที่ห้องควบคุมของพีระมิด ไลคัสกำลังเฝ้าดูการ ‘เชิญตัว’ แร็กน่าออกจากชั้นหกด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แม้แววตาของเขาจะยังมีร่องรอยของความไม่พอใจหลงเหลืออยู่เล็กน้อย

ก่อนหน้านี้เนเน็ตได้แอบไปติดต่อกับผู้นำกลุ่มคนอื่น ๆ เพื่อบอกเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ล่วงหน้าแล้ว ด้วยเจตนาที่จะชี้นำความเห็นของทุกคนที่มีต่อเรื่องนี้นั่นเอง

ผู้นำกลุ่มแต่ละคนต่างก็รู้นิสัยของไลคัสดีว่าเป็นคนขี้ระแวงเกินเหตุ ประกอบกับทุกคนต่างก็เป็นประจักษ์พยานการทดสอบความบริสุทธิ์ใจของแร็กน่าด้วย ‘ลูกแก้วแห่งเจตจำนง’ มาแล้ว เมื่อได้รับฟังคำบอกเล่าของเนเน็ตที่นำเสนอไปในแนวเรียกร้องความเห็นใจให้กับแร็กน่า ความเห็นของทุกคนจึงเป็นไปในลักษณะเดียวกัน

ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีการเรียกประชุมทางไกลผ่านแหวนสื่อสารเพื่อขอความเห็นจากเหล่าผู้นำกลุ่มให้ช่วยชี้ขาดสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ประชุมจึงมีมติให้ไลคัสยอมผ่อนปรนในเรื่องนี้ซะ แน่นอนว่าตัวไลคัสเองก็ไม่พอใจนัก แต่เพราะไม่สามารถต้านทานเสียงข้างมากได้ สุดท้ายเขาจึงต้องยอมแบบมีเงื่อนไข คือให้ทำการกักบริเวณแร็กน่าไว้ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งแทน

การอนุญาตให้แร็กน่าเป็นผู้เลือกสถานที่ที่จะถูกกักบริเวณเองนั้นเป็นฝีมือการต่อรองขั้นสุดท้ายของเนเน็ต ซึ่งแม้จะไม่พอใจนัก แต่ไลคัสก็ยอมรับปากเพื่อให้จบเรื่องไป

นั่นเพราะเขายังมีแผนการอีกอย่างที่สั่งการลงไปในทางลับเช่นกัน

ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ในชุดคลุมสีดำคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องควบคุม เขาแบกถุงผ้าขนาดใหญ่คล้ายกับถุงใส่ของเอาไว้บนบ่า ทันทีที่เดินมาถึงหน้าบัลลังก์ที่นั่งของไลคัส เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ยกถุงและเทของข้างในลงบนพื้น ทำให้มีนักเวทแคระในชุดคลุมสีเขียวแก่กลิ้งกลุก ๆ ออกมา

แม้จะถูกเทลงกับพื้นอย่างไม่ค่อยจะนุ่มนวลนัก แต่นักเวทแคระในชุดคลุมสีเขียวแก่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น มันเพียงส่งเสียง ‘อืม~’ เบา ๆ คล้ายกับคนงัวเงียก่อนจะดึงถุงผ้าจากมือของเจ้าหน้าที่มาใช้ห่มตัวเพื่อนอนต่อไปเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ทั้งไลคัสและเจ้าหน้าที่ซึ่งนำนักเวทแคระตัวนี้มาต่างก็ต้องขมวดคิ้วลงด้วยความข้องใจ

“นี่มัน… หลับมาตลอดทางเลยเรอะ?”

“เอ่อ… ใช่ครับ ตอนที่พวกผมไปจับตัวมา มันก็กำลังนอนอยู่ ทีแรกผมกับทีมก็ค่อนข้างระวังตัว เพราะคิดว่าอาจเป็นกลลวงอะไรบางอย่าง แต่ไม่ว่าจะเข้าไปใกล้แค่ไหน หรือจนกระทั่งจับตัวมันใส่ถุงมาแล้ว นักเวทแคระตัวนี้ก็ไม่มีที่ท่าว่าจะตื่นเลย มันแค่พลิกตัวไปมาอยู่ในถุงเป็นระยะ ๆ นอกจากนั้นแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลยครับ…”

ไลคัสหรี่ตาลงและเพ่งพิจารณานักเวทแคระตรงหน้าอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะยกมือขวาขึ้นมาและเริ่มรวบรวมพลังเวท

“จะอะไรก็ช่าง ที่ฉันต้องการรู้มากที่สุดก็คือในร่างนักเวทแคระนี่มีตัวตนที่มีพลังระดับ S ซ่อนอยู่จริงรึเปล่าต่างหาก มาดูกันดีกว่าว่าเจ้าหนุ่มนั่นมันมีพลังเหนือกว่าที่เราคาด หรือแค่แสดงปาหี่ตบตากันแน่”

เมื่อพูดจบ ไลคัสก็ปลดปล่อยเวทมนตร์ที่อยู่ในมือ ทำให้เกิดเปลวเพลิงสีเทาพุ่งเข้าใส่ร่างของนักเวทแคระที่นอนอยู่บนพื้น และเผาไหม้ร่างน้อย ๆ นั้นจนสลายกลายเป็นเถ้าถ่านไป

ในเวลาไม่นาน ห้วงมิติเหนือบริเวณที่นักเวทแคระตัวนั้นเคยนอนอยู่ก็เริ่มบิดเบี้ยว ก่อนจะเกิดแสงสีเขียวสว่างเจิดจ้า และมีหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา

หญิงสาวคนนั้นมีผมสั้นสีเขียวเข้มราวกับใบไม้สดเช่นเดียวกับอาภรณ์ที่เธอสวมใส่ มันเป็นชุดที่ดูเหมือนกับการนำใบไม้จำนวนมากมาถักทอกันโดยมีเถาวัลย์เส้นเล็ก ๆ แต่งแต้มเป็นลวดลายให้ สิ่งที่ห่อหุ้มเท้าของเธออยู่ก็เป็นรากไม้สีน้ำตาลที่ซึ่งถักสานกันอย่างวิจิตรบรรจง และบริเวณขมับทั้งสองข้างของเธอก็มีกิ่งไม้เล็ก ๆ ซ้อนตัวเป็นเครื่องประดับอันดูแปลกตาด้วย

เธอโผล่ออกมาจากห้วงมิติในลักษณะของการนอนคว่ำหน้า แม้เธอจะอยู่สูงจากพื้นไม่มากนักแต่ร่างของเธอก็หล่นลงมากระแทกพื้นดังแอ๊ก แถมหน้าผากของเธอยังโขกเข้ากับพื้นห้องด้วย ทำให้เจ้าตัวต้องร้องออกมา

“โอ๊ย! อะ.. อูย… อะไรกันเนี่ย… นี่เรานอนดิ้นจนตกเตียงอีกแล้วงั้นเหรอ? อะ.. เอ๋?”

หญิงสาวยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาลูบคลึงหน้าผากเพื่อบรรเทาความเจ็บพลางสอดส่ายสายตามองรอบ ๆ ไปด้วย แล้วเธอก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเพราะพบว่าตนเองตื่นมาในพื้นที่ที่ไม่คุ้นตาเลย มันเป็นห้องอันมืดทึบที่มีเพียงแสงสลัว ๆ จากหน้าจอเวทมนตร์ตามผนังให้ความสว่างอยู่ และรอบตัวเธอยังมีกลุ่มคนในชุดคลุมสีดำนับสิบคนรายล้อมอยู่ด้วย

“เห? เดี๋ยวนี้เรานอนดิ้นขนาดนี้แล้วรึเนี่ย? ที่นี่มันที่ไหนกันหว่า? เอ…”

หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทีสับสน จนกระทั่งเธอมาสบตากับชายแก่ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้านหลังของเธอเข้า แววตาอันไม่เป็นมิตรของเขาทำให้หญิงสาวรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อย แต่เธอก็เอ่ยคำทักทายอีกฝ่ายไปด้วยรอยยิ้มที่ดูแข็งเกร็ง

“เอ่อ… สะ.. สวัสดีฮะ”

เมื่อได้ยินคำทักทายด้วยถ้อยคำแปร่ง ๆ ของหญิงสาว ไลคัสก็หรี่ตาลงอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยคำถามออกไป

“เอลฟ์? ไม่สิ ‘ไดรแอด’ งั้นเหรอ? ว่าแต่แกเป็นตัวผู้หรือตัวเมียกันแน่?”

‘ไดรแอด’ (Dryad) หรือนางไม้ จัดเป็นมอนสเตอร์ธาตุไม้ระดับสูงชนิดหนึ่ง โดยทั่วไปจะมีรูปลักษณ์คล้ายกับหญิงสาวที่มีใบไม้และพืชพรรณเป็นอาภรณ์ แม้จะมีสติปัญญาสูง แต่ไดรแอดในหลายพื้นที่ของโลกก็ยังคงดำเนินชีวิตในแบบมอนสเตอร์ที่รักสงบ มีเพียงไดรแอดในเขตซิลวานเท่านั้นที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้จากเผ่าเอลฟ์มาเป็นเวลานับร้อยปีจนสามารถยกระดับขึ้นมาเป็นอารยะชนได้

แม้จะมีปลายหูเรียวแหลมคล้ายกับเอลฟ์ แต่ใบหูของไดรแอดจะไม่ยาวเท่า อีกทั้งอาภรณ์ของไดรแอดจะทำจากวัสดุธรรมชาติร้อยเปอร์เซนต์ และอาภรณ์บางชิ้นยังมีลักษณะพิเศษคือเหมือนกับเป็นของที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกสร้างขึ้น ทำให้ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องนี้สามารถแยกแยะไดรแอดออกจากเอลฟ์ได้

หญิงสาวที่ถูกไลคัสเอ่ยถามด้วยถ้อยคำอันไร้มารยาทก็แสดงท่าทางประหลาดใจออกมาเล็กน้อย แต่เธอก็ยิ้มออกมาอีกครั้งด้วยสีหน้าเคอะเขินและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันร่าเริง

“อ่า ลืมไปเลย ความจริงแล้วผมเป็นผู้ชายน่ะฮะ ร่างที่เห็นอยู่นี้เป็นแค่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้นแหละ ไม่ต้องไปใส่ใจหรอกนะฮะ… อ๊ะ จริงสิ ลืมแนะนำตัวเลย ผมชื่อยูนิตี้ ยินดีที่ได้รู้จักฮะ”

โดยปกติยูนิตี้ก็จะใช้คำลงท้ายที่ชัดเจนกว่านี้ แต่เวลาอยู่ในร่างผู้หญิง หากลงท้ายว่า ‘ครับ’ ก็จะฟังดูขัดกับรูปลักษณ์และน้ำเสียงจนเกินไป ครั้นจะให้ลงท้ายว่า ‘ค่ะ’ เจ้าตัวก็รู้สึกกระดากปากอยู่ดีเพราะอย่างไรตัวเขาเองก็เป็นผู้ชาย จึงเลี่ยงไปใช้คำว่า ‘ฮะ’ แทน

วิธีพูดแบบกึ่งชายกึ่งหญิงที่กล่าวออกมาด้วยใบหน้าจิ้มลิ้มและน้ำเสียงใส ๆ อันไพเราะของยูนิตี้นั้นทำให้ผู้ฟังที่อยู่โดยรอบยิ่งรู้สึกขัดแย้งมากขึ้นไปอีก แต่ไลคัสก็สลัดความหงุดหงิดที่อยู่ในใจทิ้งไปและกลับเข้าเรื่อง

“ที่ฉันอยากรู้ไม่ใช่เรื่องไร้สาระพวกนั้นหรอก แต่เป็นเจตนาที่แท้จริงของพวกแกต่างหาก ถึงจะไม่รู้ว่าแกเป็นตัวอะไรกันแน่ แต่เชื่อเถอะว่าฉันทำให้แกทรมานยิ่งกว่าตายทั้งเป็นได้ก็แล้วกัน ดังนั้นถ้าฉลาดละก็…”

“โอ้ ได้สิ! คุณลุงอยากรู้อะไรก็ถามมาได้เลย!”

ยูนิตี้ยกมือขึ้นและตอบกลับไปอย่างฉะฉานด้วยรอยยิ้มกว้างโดยที่ไลคัสยังพูดไม่ทันจบด้วยซ้ำ พฤติกรรรมอันผิดความคาดหมายนี้ทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ในห้องควบคุมต่างกันมามองหน้ากันด้วยความงงงวย ส่วนไลคัสก็ขมวดคิ้วจนรอยย่นบนใบหน้าของเขายิ่งดูเด่นชัดขึ้นไปอีก เพราะคาดเดาไม่ออกว่าฝ่ายตรงข้ามมีจุดประสงค์อะไรกันแน่

 

——————————————————————————–

 

Part 2

 

การให้ความร่วมมือแต่โดยดีของยูนิตี้ทำให้ไลคัสยิ่งรู้สึกระแวงสงสัยมากขึ้นอีก เขาเริ่มเกิดธงในใจว่าคำพูดของหญิงสาว(?) ที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรเชื่อถือ แต่ไลคัสก็ยังเชื่อว่าการสนทนากับอีกฝ่ายจะทำให้เขาได้เบาะแสเกี่ยวกับสิ่งที่อยากรู้บ้างไม่มากก็น้อย จึงเริ่มการสอบปากคำในทันที

“อันดับแรก พวกแกเป็นใคร?  มีความสัมพันธ์ยังไงกับเจ้าหนุ่มที่ชื่อแร็กน่านั่น”

“พวกเรา? คงหมายถึงคนอื่น ๆ ด้วยสินะฮะ พวกเราคือ ‘แปดขุนพลวินาศ’ (Doom General) แห่งกองทัพแร็กน่า เป็นสมุนคนสนิทของท่านแร็กน่าฮะ”

“แปดขุนพลวินาศงั้นเหรอ? ใช้คำใหญ่โตจังเลยนะ อุปโลกน์ตำแหน่งลอย ๆ ขึ้นมาให้สมุนของตัวเองแบบนี้ แปลว่าเจ้าหนุ่มแร็กน่านั่นก็เป็นคนที่หลงตัวเองไม่เบาทีเดียว คงใฝ่ฝันอยากมีอำนาจจนตัวสั่นแต่ไม่มีปัญญาจะทำให้มันเป็นจริงได้ล่ะสิ ถึงต้องเสกลูกสมุนมาตั้งกองทัพลอย ๆ เหมือนเด็กเล่นขายของแบบนี้เพื่อสนองความใคร่ของตัวเองน่ะ?”

ไลคัสแสร้งพูดยั่วยุเพื่อดูปฏิกิริยาตอบสนองของอีกฝ่าย เขาคิดว่าหากจี้ถูกจุดก็อาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามหลุดคำพูดที่ไม่ตั้งใจออกมาได้ มันเป็นเรื่องพื้นฐานของการเค้นข้อมูล ทว่ายูนิตี้ที่ได้ยินคำพูดเย้ยหยันนั้นกลับเพียงแค่ยิ้มแหย ๆ ก่อนจะตอบกลับมา ราวกับเขารู้สึกกระอักกระอ่วนกับคำที่ไลคัสเลือกใช้มากกว่าเนื้อความของสิ่งที่พูดออกมาซะอีก

“แหะ ๆ ๆ คุณลุงก็พูดเกินไป ถึงท่านแร็กน่าจะเชื่อมั่นในตัวเองค่อนข้างสูง แต่ก็ไม่ถึงกับหลงตัวเองหรอกนา และกองทัพของเราก็เป็นกองทัพจริง ๆ นะ! อยู่ที่นี่คงไม่ค่อยสะดวกที่จะนำออกมาแสดงเท่าไหร่ แต่เมื่อไหร่ที่โอกาสเอื้ออำนวย คุณลุงก็จะได้เห็นเองแหละฮะ”

ยูนิตี้ตอบกลับไปด้วยใบหน้าอันสดใสไร้ซึ่งความรู้สึกขุ่นมัวเจือปน ทำให้ไลคัสยิ่งอ่านไม่ออกว่าอีกฝ่ายพูดจริงหรือพูดเท็จกันแน่ แต่การสนทนานี้เพิ่งจะเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นเท่านั้น

“พูดจาฉะฉานดีนี่ แม้แต่ ‘เรเวอแนนท์’ ระดับสูงก็ยังไม่มีความคิดความอ่านหรือปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วขนาดนี้เลย ถ้าไม่ใช่ว่าเพราะภายในพีระมิดนี้มีขอบเขตป้องกันการอัญเชิญตัวตนจากภายนอกเข้ามาละก็ ฉันคงนึกว่าแกเป็นคนที่เจ้าแร็กน่าใช้เวทอัญเชิญเรียกตัวมาซะอีก สรุปแล้วแกเป็นตัวอะไรกันแน่?”

“พวกเราเป็นสมุนที่ท่านแร็กน่าสร้างขึ้นมา ถ้าจะให้ยกตัวอย่างที่ใกล้เคียงที่สุดก็คงคล้าย ๆ กับการสร้าง ‘โฮมูนครูส’ ล่ะมั้งฮะ แต่นี่เป็นวิทยาการลับที่ท่านแร็กน่าพัฒนาขึ้นมาเองฮะ”

แม้มันอาจเป็นการเปิดเผยข้อมูลมากจนเกินไปหน่อย แต่ยูนิตี้ก็รู้ว่าไลคัสไม่มีทางเชื่อทุกอย่างที่เขาพูดในทันทีอยู่แล้ว บวกกับตัวยูนิตี้ได้คิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามีเรื่องอะไรที่ควรพูดหรือไม่ควรพูดบ้าง และเรื่องนี้ก็จัดเป็นเรื่องที่ต่อให้อีกฝ่ายเชื่อตามนั้นจริง ๆ ก็ยังไม่นับว่าเป็นผลเสีย เขาจึงตอบออกไปตามตรง

ไลคัสหรี่ตาลงและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แม้เขาจะไม่เชื่อคำพูดของยูนิตี้ซะทั้งหมด แต่เขาก็มองออกว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ ทว่าเป็นตัวตนที่ถูกสร้างขึ้นจากเวทมนตร์ เมื่อรวมกับเขตป้องกันของพีระมิดที่ทำให้ไม่สามารถอัญเชิญตัวตนจากภายนอกเข้ามาได้ ก็แปลว่าหญิงสาวคนนี้ต้องเป็นสมุนอัญเชิญที่อยู่ในช่องมิติของแร็กน่าตั้งแต่แรกจริง ๆ เรื่องนี้ทำให้ทฤษฎีและข้อสันนิษฐานหลายอย่างเริ่มมีมูลขึ้น

ในระหว่างที่ความเงียบงันดำเนินไป ยูนิตี้ก็เริ่มรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าเพราะเขานั่งพับเพียบอยู่กับพื้นมาเป็นเวลานานแล้ว เมื่อเห็นว่าการสนทนานี้น่าจะใช้เวลาอีกพักใหญ่ ยูนิตี้จึงตัดสินใจว่าควรทำอะไรบางอย่างกับเรื่องนี้ด้วย เขาจึงทาบมือขวาลงไปบนพื้นศิลาของห้องควบคุมและเริ่มถ่ายเทพลังเวท

การกระทำของยูนิตี้ทำให้ไลคัสเหลือบตากลับมามองเขาอีกครั้ง ส่วนเหล่าเจ้าหน้าที่ซึ่งรายล้อมอยู่ก็เปลี่ยนท่ายืนเป็นท่าเตรียมพร้อมและเริ่มรวบรวมพลังเวทเพื่อให้สามารถสกัดการกระทำอันไม่พึงประสงค์ได้ทุกเวลา

ทันใดนั้นก็มีพลังเวทสีเขียวแผ่ออกจากมือของยูนิตี้ที่สัมผัสกับพื้นอยู่และค่อย ๆ ไหลอาบไปตามพื้นราวกับของเหลว แสงของมันทั้งดูนุ่มนวลและอ่อนโยนจนทำให้รู้สึกสงบ เหล่าเจ้าหน้าที่โดยรอบจึงได้แต่เผลอมองการกระทำของยูนิตี้โดยไม่ได้ลงมือขัดขวาง เพราะพวกเขาไม่รู้สึกถึงการคุกคามจากกระแสเวทมนตร์ที่แผ่ออกมาเลย

ไม่นานนักก็มีต้นอ่อนของใบหญ้าค่อย ๆ แตกยอดออกมาจากพื้นศิลาที่ถูกพลังเวทสีเขียวนั้นปกคลุม มันเติบโตอย่างรวดเร็วและแผ่บริเวณออกไปรองรับร่างสะโอดสะองของยูนิตี้เอาไว้อย่างพอดิบพอดี ราวกับเป็นฟูกนอนที่สร้างขึ้นจากใบหญ้า

บริเวณใกล้ ๆ กับข้อมือของยูนิตี้ยังมีเห็ดสีน้ำตาลอีกต้นหนึ่งผุดแทรกขึ้นมาจากพื้นหญ้า มันเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเห็ดดอกใหญ่ที่มีความสูงและเส้นผ่านศูนย์กลางเกือบครึ่งเมตร ซึ่งทันทีที่มันโตได้ขนาด ยูนิตี้ก็เอามือตบลงบนดอกเห็ดเบา ๆ จนเกิดเสียงดัง ปุ ปุ เหมือนกับจะปัดฝุ่นออกไป ก่อนจะเหยียดขาและเอนตัวลงนอนตะแคงโดยใช้เห็ดดอกนั้นแทนหมอนอิง

การสร้างเตียงหญ้าและหมอนอิงเห็ดขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนอิริยาบถจากการนั่งพับเพียบเป็นการนอนเอกเขนกนี้อยู่เหนือความคาดคิดของไลคัสและเจ้าหน้าที่ทุกคนจนไม่มีใครปรับอารมณ์ได้ทัน เพราะผู้ต้องสงสัยที่กำลังถูกสอบปากคำในห้องมืดโดยมีเจ้าหน้าที่นับสิบคนรุมล้อมกลับใช้เวทมนตร์สร้างของอำนวยความสะดวกขึ้นมาแล้วทำตัวตามสบายราวกับอยู่ในบ้านของตัวเองซะอย่างนั้น

ที่น่าแปลกคือการกระทำทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบนั้นช่างดูเป็นธรรมชาติและไร้พิษภัยจนเหล่าเจ้าหน้าที่ไม่อาจตัดสินใจได้ว่าควรลงมือสกัดการกระทำขอองอีกฝ่ายดีหรือไม่ รู้ตัวอีกทีฝ่ายตรงข้ามก็สร้างเตียงหญ้าเสร็จไปแล้ว เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้สึกข้องใจตัวเองจนอธิบายไม่ถูก

 

——————————————————————————–

 

Part 3

 

ผู้ที่ไม่ได้หลงไปกับบรรยากาศแปลก ๆ นั้นมีเพียงไลคัสซึ่งเตรียมพร้อมที่จะปลดปล่อยเปลวเพลิงสีเทาของเขาออกมาได้ทุกเมื่อ แต่จากการอ่านด้วยสายตา พลังเวทที่หญิงสาวใช้ออกมาก็ไร้ซึ่งจิตคุกคามหรือรังสีฆ่าฟันใด ๆ เลยแม้แต่น้อย แม้แต่ท่วงของเธอก็ยังดูเนิบนาบเชื่องช้าและเต็มไปด้วยช่องโหว่ ทำให้สุดท้ายแล้วไลคัสก็ไม่ได้ลงมือทำอะไรเช่นกัน

แต่การที่อีกฝ่ายเปลี่ยนอิริยาบทมาเป็นการทำตัวตามสบายขนาดนี้ก็ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกขัดลูกตาไม่ได้

“ท่าทางจะสบายอารมณ์เหลือเกินนะ? คิดว่าจะรอดจากที่นี่ออกไปได้รึไง?”

“เห? ไม่ใช่ว่าถ้ายอมให้ความร่วมมือและตอบทุกคำถาม คุณลุงก็จะยอมปล่อยผมไปหรอกเหรอฮะ? จะว่าไปผมก็ไม่ได้ฟังให้จบเองซะด้วย…”

“ฉันแค่จะบอกว่าถ้ายอมร่วมมือดี ๆ ก็จะให้ตายอย่างไม่ต้องทรมานต่างหากล่ะ”

“เอ๋!? แค่นั้นเองเหรอ!? เอ.. แต่เอาเถอะ ตายแบบสบาย ๆ มันก็ยังดีกว่าตายแบบทรมานน่ะนะ เอ้า คุณลุงมีอะไรจะถามอีกมั้ยฮะ?”

แม้จะถูกข่มขู่ด้วยชีวิต แต่ยูนิตี้ก็ยังยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ที่ดูเหมือนไม่กังวลกับอะไรเลย ทำให้ไลคัสรู้สึกไม่สบอารมณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกนั้นออกมาทางสีหน้า และดำเนินการสอบปากคำต่อไป

“พวกแกได้รับคำสั่งอะไรมา? ทำไมถึงต้องแอบปลอมตัวลอบเข้ามาในงานด้วย?”

“เรื่องปลอมตัวนั่นเป็นแค่การปกปิดฝีมือเท่านั้นเองฮะ ไม่ใช่เพื่อปกปิดฝีมือของเรา แต่เพื่อปกปิดฝีมือของท่านแร็กน่า ของแบบนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับนักผจญภัยไม่ใช่เหรอฮะ? เพราะการหงายไพ่ทั้งหมดออกมาแต่แรกมันจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี ส่วนคำสั่งที่พวกเราได้รับมาจากท่านแร็กน่าก็ไม่มีอะไรพิเศษ แค่ให้เดินเที่ยวงานกันตามสบายและรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจไปด้วยในระหว่างเดินเที่ยว ก็เท่านั้นเองฮะ”

“เฮอะ! แค่เที่ยวงานงั้นเรอะ? รู้รึเปล่าว่าพวกพ้องของแกไปก่อเรื่องเอาไว้มากแค่ไหน? ทั้งทำร้ายเจ้าหน้าที่ แถมยังลอบเข้าไปในเขตหวงห้ามเพื่อสอดแนมด้วยนะ”

“เอ๋? มีคนทำแบบนั้นด้วยเหรอฮะ? อืม~ แต่จะว่าไปมันก็เป็นไปได้แฮะ… เพราะในกลุ่มขุนพลก็มีคนที่ค่อนข้างเกเรอยู่ด้วย ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าจะมีใครที่กล้าลงมือก่อนนะฮะ (คิดว่า) คงจะโดนยั่วยุหรือทำไปเพื่อป้องกันตัวมากกว่า และถ้าพูดถึงการยั่วยุแล้ว ก็มีหลายคนที่ไม่ยอมเพิกเฉยเวลาที่ถูกยั่วยุอยู่เหมือนกัน…”

ยูนิตี้เว้นวรรคไปเหมือนกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องอะไรบางอย่าง เขาไม่แน่ใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ก็พยายามอธิบายเท่าที่จะทำได้

ไลคัสที่เฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเหล่านักเวทแคระมาโดยตลอดก็สังเกตเห็นถึงจุดนี้เช่นกัน เขารู้มานานแล้วว่านักเวทแคระแต่ละตัวมีอุปนิสัยและการกระทำที่แตกต่างกันออกไป คำอธิบายที่ดูกำกวมของยูนิตี้จึงไม่นับเป็นสิ่งที่เลื่อนลอยนัก

“แล้วเจ้านายของแก… เจ้าหนุ่มที่ชื่อแร็กน่านั่นน่ะมีจุดประสงค์อะไรกันแน่? มันเข้ามาร่วมงานนี้เพราะอะไร? ลองบอกมาซิ”

ไลคัสไม่ได้คาดหวังที่จะได้รับฟังความจริงจากอีกฝ่าย แต่เขาก็อยากจะถามเพื่อดูว่าฝ่ายตรงข้ามจะเลือกคำตอบแบบไหนหรือใช้อะไรเป็นข้ออ้างสนับสนุนให้กับคำตอบนั้น เพราะมันจะช่วยให้เขาสามารถวิเคราะห์และเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ ได้มากขึ้นด้วย เขารอคำตอบจากอีกฝ่ายด้วยสีหน้าจริงจัง ทว่ายูนิตี้กลับอมยิ้มและตอบกลับมาด้วยท่าทางเคอะเขิน

“อ่า~ จะว่าไงดี ผมคิดว่าโดยหลัก ๆ แล้วท่านแร็กน่าก็แค่อยากหาอะไรสนุก ๆ ทำเท่านั้นเองฮะ คงเพราะช่วงนี้เจอเรื่องเครียดติดต่อกันล่ะมั้ง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าท่านจะคิดมาเที่ยวเล่นแค่เพียงอย่างเดียวนะฮะ! ท่านแร็กน่าน่ะต้องการจะมาหาพันธมิตรเพื่อช่วยในการต่อกรกับพีสคีปเปอร์ในวันข้างหน้าด้วย และงานนิทรรศการนี่ก็เป็นโอกาสดีในการพบปะผู้คนไงล่ะฮะ”

เมื่อได้ฟังคำตอบนั้น ไลคัสก็หลับตาลงและครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นและรวบรวมพลังเวทในมืออีกครั้ง

“ขอบใจสำหรับความร่วมมือนะ ทีนี้ฉันก็จะให้แกได้ตายอย่างไม่ทรมาน ตามสัญญาล่ะ”

ไลคัสกล่าวออกมาด้วยแววตาอันเย็นชา ใช่ว่าเขาจะไม่เชื่อคำพูดของยูนิตี้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่เพราะเขาอยากดูปฏิกิริยาสุดท้ายที่อีกฝ่ายจะแสดงออกมาในยามที่ถูกบีบคั้นจนสุดทาง เพื่อใช้มันประกอบการตัดสินใจว่าข้อมูลที่ฟังมานั้นมีความน่าเชื่อถือมากหรือน้อยแค่ไหนกันแน่

แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะแทนที่อีกฝ่ายจะแสดงท่าทีตื่นตระหนกหรือโกรธแค้น หญิงสาวกลับปรายตาไปทางอื่นและแสดงสีหน้าอันเศร้าสร้อยออกมาแทน

“คุณลุงน่ะไม่มีความคิดที่จะเชื่อใจใครเลยงั้นเหรอ… ก่อนหน้านี้คงเคยถูกหักหลังหรือต้องสูญเสียคนสำคัญเพราะความเชื่อใจไปสินะ… แต่การปฏิเสธทุกอย่างและไม่คิดที่จะเชื่อใจใครอีกโดยสิ้นเชิงแบบนั้นน่ะ มีแต่จะทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยซะเปล่า ๆ เพราะหากเราไม่มอบความเชื่อใจให้กับผู้อื่นก่อนแม้เพียงนิด ก็จะไม่มีใครมอบความเชื่อใจให้กับเราเช่นกัน”

คำพูดของยูนิตี้ทำให้ไลคัสหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง มันเป็นถ้อยคำที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอันซับซ้อนยากจะบรรยายขึ้นภายในจิตใจ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ใช้ความโกรธข่มความรู้สึกทั้งหมดนั้นเอาไว้

“แก… อยากตายมากสินะ?”

“ยังไงคุณลุงก็คงไม่ยอมเชื่อว่าพวกเราไม่ได้มีเจตนาร้ายงั้นสิ? นั่นสินะ ไม่ว่ายังไงคำอธิบายก็เป็นเพียงแค่ลมปาก การกระทำต่างหากที่จะชี้วัดเจตนาอันแท้จริงได้… งั้นถ้าผมแสดงหลักฐานให้ดูได้ว่าพวกเราไม่ได้คิดร้ายล่ะฮะ? คุณลุงจะยอมทบทวนเรื่องนี้อีกครั้งรึเปล่า?”

ไลคัสหรี่ตาลงเพราะคำพูดที่คาดไม่ถึงของอีกฝ่าย แม้เขาจะคิดว่ามันคงเป็นแค่ลูกเล่นเพื่อยืดเวลาตายออกไปอีกนิด แต่เขาก็อยากจะรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามยังมีไม้เด็ดอะไรมานำเสนอเช่นกัน

“โฮ่ หลักฐานงั้นเหรอ? ไหนลองว่ามาซิ”

“ฮะ ถ้าเดาไม่ผิดละก็ ที่นี่คือห้องควบคุมซึ่งใช้สั่งการและดูแลความปลอดภัยภายในพีระมิดใช่มั้ยฮะ? ถ้าผมหรือท่านแร็กน่ามีเจตนาไม่ดีและคิดจะก่อเรื่องขึ้นที่นี่จริง ๆ ละก็ การทำให้ห้องนี้หมดสภาพในการใช้งานต้องเป็นความสำคัญลำดับแรก ๆ เลย เพราะหากยึดห้องนี้ได้ หรือทำให้มันไม่สามารถใช้งานได้แค่เพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ แค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้เราดำเนินการกับพีระมิดได้เกือบทุกอย่างแล้ว”

“ถึงจะยึดห้องนี้ได้ก็ใช่ว่าจะทำให้ระบบป้องกันของพีระมิดสิ้นสภาพลงหรอกนะ แต่ฉันก็ไม่ปฏิเสธว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นจริงก็คงทำให้วุ่นวายไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ก็แล้วไงล่ะ?”

“เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผมจะปล่อยให้ห้องนี้อยู่ต่อไป โดยไม่ทำอะไรกับระบบหรือผู้คนในห้องนี้เลยแม้แต่น้อยฮะ แบบนี้ถือว่าเป็นหลักฐานที่เพียงพอมั้ยฮะ”

คำกล่าวของยูนิตี้ทำให้ทั้งไลคัสและเหล่าเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่โดยรอบต่างก็เขม่นตาด้วยความโกรธ เพราะคำพูดที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมานั้นสื่อว่าการจะจัดการกับทุกคนในห้องนี้เป็นเรื่องง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ แต่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจก็จะยอม ‘ละเว้น’ ทุกคนเอาไว้

สำหรับไลคัสและเหล่าเจ้าหน้าที่ซึ่งต่างก็เป็นนักผจญภัยชาญศึก ไม่มีคำพูดใดที่จะดูถูกเหยียดหยามกันมากไปกว่าคำพูดนี้อีกแล้ว

“สุดท้ายก็แค่พ่นเรื่องไร้สาระออกมางั้นรึ? แต่ไม่ต้องห่วง ฉันเป็นคนรักษาสัญญาอยู่แล้ว ยังไงก็จะให้แกได้ตายแบบไม่ทรมานนั่นแหละนะ”

เมื่อพูดจบ ไลคัสก็เร่งพลังเวทในมือขึ้นเพื่อเตรียมจะปลดปล่อยเปลวเพลิงออกไปเผาไหม้อีกฝ่ายให้เป็นเถ้าถ่าน แต่ทันใดนั้นเองการโคจรพลังเวทของเขาก็เริ่มติดขัด พร้อมกับสายตาที่มีอาการพร่ามัวอย่างกะทันหัน

“นะ.. นี่มัน!?”

ไลคัสรู้สึกตัวได้ในทันทีว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกาย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะคิดอะไรได้ เหล่าเจ้าหน้าที่ในชุดคลุมสีดำนับสิบคนที่ยืนล้อมวงอยู่โดยรอบก็ค่อย ๆ ล้มตัวลงกับพื้นทีละคนสองคน แม้แต่เหล่าผู้ดูแลซึ่งนั่งประจำอยู่ตามหน้าจอเวทมนตร์ก็นั่งคอพับคล้ายกับสิ้นสติไปด้วย

ในเวลาเพียงชั่วอึดใจ เหล่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็ล้มลงบนพื้นจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว มีเพียงไลคัสที่ยังคงประคองสติและยืนอยู่ได้

ทุกคนในห้องถูกโจมตีโดยไม่รู้ตัว มันอาจเป็นเวทมนตร์หรือยาสลบที่ทำให้ทุกคนหมดสติ ไลคัสเร่งทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ที่จะทำเรื่องนี้ได้มีเพียงแค่หญิงสาวซึ่งกำลังถูกเขาสอบปากคำอยู่เท่านั้น แต่ไลคัสก็นึกไม่ออกว่าเธอแอบลงมือตั้งแต่เมื่อไหร่

ทันใดนั้นเขาก็เหลือบตาลงไปเห็นดอกเห็ดสีน้ำตาลที่หญิงสาวใช้วางแขนเอนกายแทนหมอนอิงอยู่ และเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้

“เห็ดนั่น… มันปล่อยสปอร์ที่มีฤทธิ์เป็นยาสลบออกมางั้นเหรอ!? ตอนที่ตบดอกเห็ดเบา ๆ ไม่ใช่เพื่อปัดฝุ่น แต่เพื่อให้สปอร์ตกลงมาและกระจายตัวออกไปเร็วขึ้น! แก!! ไอ้หมาลอบกัด!!”

ไลคัสเหวี่ยงฝ่ามือเพื่อปลดปล่อยเปลวเพลิงสีเทาเข้าใส่ยูนิตี้ที่นอนเอนกายอยู่บนพื้น ทว่าการโจมตีอันเชื่องช้านั้นก็โดนเพียงแค่เตียงหญ้าและดอกเห็ดที่เหลืออยู่ เพราะยูนิตี้ที่ตั้งท่ารอมาโดยตลอดสามารถดีดตัวหลบออกจากจุดนั้นได้อย่างง่ายดาย

เปลวเพลิงสีเทาที่ซัดลงบนเตียงหญ้าทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง แม้แต่ดอกเห็ดก็แตกตัวออกและสลายกลายเป็นควันไปอย่างรวดเร็ว ทว่าควันที่มีความเข้มข้นและกระจายตัวรวดเร็วจนผิดปกตินี้ก็ทำให้ดวงตาของไลคัสเบิกโพลงขึ้นอีกครั้ง เพราะเพิ่งจะรู้ตัวว่าเสียท่าซ้ำสอง

เนื่องจากดอกเห็ดที่ถูกทำลายได้สลายตัวและปลดปล่อยสปอร์ออกมาในปริมาณที่เข้มข้นกว่าเดิมหลายเท่า ทำให้สติของไลคัสที่ยืนอยู่ในระยะประชิดเริ่มที่จะหลุดลอยไป

“แหม~ ตัวเองก็ไปแอบจับตัวคนอื่นมาตอนที่เค้านอนหลับแท้ ๆ ยังกล้าใช้คำพูดแบบนี้อีกนะฮะ แต่ก็อย่างที่ผมบอกไปนั่นแหละ นี่คือหลักฐานในการแสดงความบริสุทธิ์ใจของผม เพราะฉะนั้นก็หลับให้สบายนะฮะ”

ยูนิตี้ที่โผล่มาด้านหลังของไลคัสกล่าวขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำให้ไลคัสยิ่งรู้สึกโกรธจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาบนขมับ ทว่าร่างกายของเขาที่ทั้งสัมผัสและสูดสปอร์ของเห็ดเข้าไปเต็ม ๆ ก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว เขาจึงได้แต่ส่งเสียงคำรามในลำคอ ก่อนจะค่อย ๆ ทรุดตัวลงกับพื้นไป

Prev
Next
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "ตอนที่ 138"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved