cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Prev
Next

Doombringer the 5th - ตอนที่ 132

  1. Home
  2. All Mangas
  3. Doombringer the 5th
  4. ตอนที่ 132
Prev
Next

Ch.132 – นิทรรศการหนังสือแห่งความมืด (3)

Translator : YoyoTanya / Author

Ch. 128

นิทรรศการหนังสือแห่งความมืด (3)

 

Part 1

 

การปรากฏตัวของเด็กสาวผมดำทำให้ผู้คนโดยรอบต่างตกอยู่ในอาการตะลึงไปชั่วครู่หนึ่งราวกับเวลาได้หยุดชะงักลง แม้แต่ฝูงชนที่กำลังมุ่งตรงไปยังบูธของ ‘ยูริเบาน์ดารี่’ ก็ยั้งเท้าลงด้วย

“นะ.. นั่นมันแบล็คโรส! รองหัวหน้าของกลุ่มแซนโดรโฮลิกนี่นา!”

“แบล็คโรสคนนั้นน่ะเหรอ!? เพิ่งเคยเห็นตัวจริงเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย!”

“ทะ.. ถึงจะแต่งตัวลึกลับ แต่ก็ดูน่ารักและมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก… ลอง… พากลับบ้านดูดีมั้ย?”

“ไอ้โรคจิต! จะพรากผู้เยาว์เรอะ!? ใครก็ได้เรียกตำรวจที!”

“…ถ้ามีตำรวจมาจริง ก็คงถูกจับกันหมดทั้งงานนี่แหละ…”

เสียงพูดคุยที่แว่วมาจากเหล่าผู้ใช้ศาสตร์มืดที่อยู่โดยรอบทำให้ซาลขมวดคิ้วลงเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาสนใจเด็กสาวที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหันคนนี้มากกว่า

เด็กสาวในผ้าคลุมสีดำเดินตรงไปยังเคาเตอร์ของ ‘ยูริเบาน์ดารี่’ อย่างแช่มช้า แต่ก็ไม่มีใครกล้าวิ่งแซงเธอไป เหล่าผู้คนที่พากันวิ่งเบียดเสียดไปยังบูธของยูริเบาน์ดารี่อย่างโกลาหลเมื่อสักครู่นี้ต่างก็กลับมาอยู่ในความสงบและค่อย ๆ เดินไปยังเคาเตอร์อย่างเป็นระเบียบ

เมื่อซาลมองตามไปยังเคาเตอร์ของกลุ่มยูริเบาน์ดารี่ ดวงตาของเขาก็ต้องเบิกโพลงขึ้นเพราะความแปลกใจอีกครั้ง

เพราะสมาชิกทุกคนของกลุ่มยูริเบาน์ดารี่ต่างก็สวมชุดกระโปรงยาวที่ทั้งดูมิดชิดและเรียบร้อยราวกับเป็นชุดของพวกนักบวชหรือคลาสที่ศึกษาพลังศักดิ์สิทธิ์ ต่างกันตรงที่โทนสีของชุดจะไม่ได้เน้นสีขาวบริสุทธิ์หรือมีลวดลายอันวิจิตรงดงามประดับประดาอยู่ เป็นเพียงแค่อาภรณ์อันมิดชิดที่ดูเรียบง่ายแต่ให้ความรู้สึกสูงศักดิ์

แม้จะไม่ใช่รูปแบบการแต่งกายที่มีความพิเศษอะไร แต่ที่ ๆ ผู้คนแต่งกายแบบนี้กันเป็นปกติ มีแค่ลิลลี่โฮไรซอนเท่านั้น

นอกจากนี้ สมาชิกทุกคนของ ‘ยูริเบาน์ดารี่’ ยังสวมหน้ากากซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัวอยู่ มันเป็นหน้ากากที่มีรูปทรงเหมือนกับใบหน้าของหญิงสาวซึ่งแกะสลักจากหินอ่อนสีขาว ทำให้ผู้สวมใส่ดูราวกับเป็นรูปปั้นที่มีชีวิต

นี่เป็นหน้ากากที่เหล่าหญิงสาวของลิลลี่โฮไรซอนจะใช้สวมใส่ในเวลาที่ต้องทำการต่อสู้ เช่นในตอนฝึกฝนวิชา หรือตอนออกไปทำภารกิจยังพื้นที่ต่าง ๆ เรียกว่าเป็นลักษณะเฉพาะของนักผจญภัยจากลิลลี่โฮไรซอนก็ว่าได้

ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ ทำให้ซาลมั่นใจว่ากลุ่ม ‘ยูริเบาน์ดารี่’ เป็นคนที่มาจากลิลลี่โฮไรซอนแน่นอน

“ทั้งสวมหน้ากากเฉพาะของลิลลี่โฮไรซอน แถมยังแต่งตัวแบบพื้นเมืองมาอีก… ไม่สนเรื่องที่คนอื่นจะรู้ว่ามีคนของลิลลี่โฮไรซอนมาร่วมงานชุมนุมของผู้ใช้ศาสตร์มืดเลยสินะ… แต่ต่อให้เป็นพีสคีปเปอร์ก็คงไม่กล้าแตะต้องคนของลิลลี่โฮไรซอนเหมือนกันแหละ”

เพราะผู้ปกครองของลิลลี่โฮไรซอนคือ ‘ซิสเตอร์’ ซึ่งมีฐานะค่อนข้างพิเศษ ทำให้ประชากรของลิลลี่โฮไรซอนมีฐานะพิเศษไปด้วย อาณาจักรต่าง ๆ จึงไม่สามารถจับกุมและลงโทษคนของลิลลี่โฮไรซอนได้ตามใจชอบ

หมายเหตุ: เพื่อความเหมาะสมในหลาย ๆ อย่าง ขอแก้ไขชื่อเรียกของ ‘บิ๊กซิสฯ’ เป็น ‘ซิสเตอร์’ แทน

ใช่ว่าคนของลิลลี่โฮไรซอนจะอยู่เหนือกฎหมาย แต่เมื่อคนของลิลลี่โฮไรซอนทำผิด จะต้องมีการเชิญฝ่ายควบคุมความประพฤติของลิลลี่โฮไรซอนมารับตัวกลับไปเพื่อลงโทษตามกฎหมายของลิลลี่โฮไรซอน ไม่ว่าการกระทำความผิดนั้นจะอยู่ในเขตแดนของอาณาจักรใดก็ตาม

นี่ไม่ใช่ข้อบังคับ แต่เป็นการ ‘ขอความร่วมมือ’ จากซิสเตอร์ ซึ่งแต่ละอาณาจักรจะปฏิบัติตามหรือไม่ก็ได้ แต่หากมีใครจับกุมและพยายามลงโทษคนของลิลลี่โฮไรซอนในอาณาจักรของตน ซิสเตอร์จะเดินทางไป ‘ขอร้อง’ กับผู้ปกครองของอาณาจักรด้วยตัวเอง ซึ่งในอดีตก็เคยมีหลายอาณาจักรที่พยายามแข็งขืนและไม่ยอมให้ความร่วมมือ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอาณาจักรเหล่านั้นมักจะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางขั้วอำนาจขนานใหญ่ภายในชั่วข้ามคืน ทำให้คณะปกครองเดิมต้องเสื่อมอำนาจลงและมีคณะปกครองชุดใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งคณะปกครองชุดใหม่ก็มักจะมีนโยบายให้ประนีประนอมกับทางลิลลี่โฮไรซอนและยอมส่งตัวผู้กระทำผิดกลับไปในทันที ปัญหาทั้งหมดจึงถูกคลี่คลายลงอย่าง ‘สันติ’

แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดความไม่พอใจเป็นวงกว้าง เพราะนอกจากมันจะทำให้แต่ละอาณาจักรรู้สึกเหมือนถูกข่มขู่คุกคามแล้ว กฎหมายของลิลลี่โฮไรซอนยังมีส่วนที่แตกต่างจากกฎหมายของอาณาจักรอื่น ๆ อยู่หลายอย่าง เช่นการศึกษาศาสตร์มืดหรือวรรณกรรมของโลกเก่านั้น ในลิลลี่โฮไรซอนจะไม่ถือเป็นความผิด ขอเพียงผู้ศึกษามีอายุถึงเกณฑ์และไม่ไปศึกษาวิชาหรือวรรณกรรมต้องห้ามบางชนิดก็พอแล้ว

ด้วยเหตุนี้ทั้งพีสคีปเปอร์และอาณาจักรต่าง ๆ ที่มีนโยบายแข็งกร้าวต่อผู้ใช้ศาสตร์มืดจึงไม่พอใจอภิสิทธิ์ของลิลลี่โฮไรซอนนัก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอีกฝ่ายคือ ‘ซิสเตอร์’ แม้จะไม่มีใครสามารถยืนยันตัวตนที่แท้จริงของเธอได้ แต่หลายคนก็คาดกันว่าเธอต้องเป็นหนึ่งในสิบนักปราชญ์ ซึ่งแค่นั้นก็จัดว่าเป็นตัวตนที่สามารถพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินได้ตามใจชอบได้แล้ว จึงไม่มีใครอยากจะเผชิญหน้ากับเธอตรง ๆ แม้แต่พีชคีปเปอร์ก็ตาม

ถึงกระนั้น เพื่อเป็นการลดความขัดแย้ง ซิสเตอร์จึงยอมรับข้อเสนอจากพีสคีปเปอร์เกี่ยวกับการเพิ่มเติมกฎของลิลลี่โฮไรซอนในหลายประเด็น เช่นยอมออกกฎห้ามให้คนของลิลลี่โฮไรซอนถ่ายทอดวิชาของศาสตร์มืดให้กับคนนอก แม้แต่วรรณกรรมหลายชนิดที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นวรรณกรรมต้องห้ามก็ไม่ให้มีการเผยแพร่ออกไปยังบุคคลภายนอกเช่นกัน ผู้ที่จะศึกษาวิชาหรือวรรณกรรมเหล่านี้ได้ต้องเป็นบุคคลที่ขึ้นทะเบียนเป็นพลเมืองของลิลลี่โฮไรซอนแล้วเท่านั้น (สำหรับคนนอก ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ทางเดียวที่จะได้เป็นพลเมืองเต็มตัวคือแต่งงานและมีบุตรกับชาวลิลลี่โฮไรซอน โดยจะต้องอุ้มท้องด้วยตัวเอง)

ด้วยเหตุนี้ซาลจึงรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นคนของลิลลี่โฮไรซอนมาเปิดบูธขายโอจินชิอย่างโจ่งแจ้งในงานชุมนุมของผู้ใช้ศาสตร์มืด บางทีอาจเพราะคนในงานเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืดอยู่แล้วก็เลยไม่นับว่าเป็นการผิดข้อตกลงก็ได้

แม้จะอยากเข้าไปสอบถามรายละเอียดจากคนของลิลลี่โฮไรซอนซึ่งอยู่ในบูธ แต่ตอนนี้เขาสนใจเด็กสาวผมดำซึ่งกำลังเดินเข้าไปเป็นลูกค้าคนแรกของยูริเบาน์ดารี่มากกว่า

“คุณโทร่าครับ เด็กผู้หญิงที่ชื่อ ‘แบล็คโรส’ คนนั้นเป็นใครเหรอครับ?”

“เห~ สนใจงั้นเหรอ? ที่แท้ก็เป็นพวกโลลิค่อนนี่เอง ชอบเตี้ย ๆ แบน ๆ สินะ? พยายามควบคุมตัวเองหน่อยล่ะ เพราะถึงที่นี่จะเป็นเขตแดนของผู้ใช้ศาสตร์มืด แต่การพรากผู้เยาว์ก็ถือเป็นอาชญากรรมเหมือนกันแหละ โฮก~”

“ถ้าผมมีรสนิยมแบบนั้นจริงคงโดดใส่คุณโทร่าก่อนแล้วมั้งครับ? เพราะคุณโทร่าน่ะทั้งเตี้ยทั้งแบนกว่าเด็กคนนั้นอีก”

“ว่าไงนะ! ไอ้เจ้าบ้านี่!!”

เพราะรู้ว่าเมื่อตอกกลับไปแบบนี้แล้วจะต้องโดนหวดหมัดเข้าใส่ ซาลจึงรีบเดินหนีออกไปทันทีโดยทิ้งโทร่าที่กำลังโกรธเกรี้ยวเอาไว้เบื้องหลัง เขายิ้มออกมาเล็กน้อยเพราะรู้สึกสนุกที่ได้ยั่วโมโหโทร่า ความจริงซาลก็อยากอยู่เล่นกับเธออีกนิด แต่ตอนนี้เขาอยากรู้ตัวตนของแบล็คโรสมากกว่า จึงรีบปลีกตัวออกมาพร้อมกับส่งแมลงเต่าทองออกไปสอดแนม

 

——————————————————————————–

 

Part 2

 

ที่หน้าเคาเตอร์ของยูริเบาน์ดารี่ แบล็คโรสซึ่งมีความสูงโผล่พ้นเคาเตอร์ขึ้นมาเพียงหนึ่งช่วงหัวก็เดินมาถึงเคาเตอร์พอดี ผู้ที่อยู่ด้านหลังเคาเตอร์เป็นพนักงานหญิงสาวผมทองซึ่งสวมหน้ากากไสตล์ลิลลี่โฮไรซอนอยู่ ทันทีที่เห็นแบล็คโรส เธอก็กล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงร่าเริงในทันที

“โรสจาง~ ปีนี้ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยน้า~ เอ้า นี่ ‘ราตรีนิรันดร’ เล่มล่าสุด เหมือนเคยจ้ะ”

หญิงสาวพูดพลางยื่นหนังสือสองเล่มให้กับแบล็คโรส มันเป็นหนังสือปกสีเทาเข้มซึ่งมีลวดลายคล้ายกับกิ่งกุหลาบสีม่วงประดับอยู่ตามขอบปกและสัน บนหน้าปกมีรูปของแซนโดรในร่างหญิงสาวผมสีเทากำลังโอบกอดและสบตากับหญิงสาวผมดำผู้มีดวงตาสีม่วงอยู่

แค่ได้เห็นหน้าปกนั้น ซาลก็ต้องขมวดคิ้วเพราะความรู้สึกข้องใจแล้ว แต่เขายังเห็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งซึ่งแบล็คโรสเหน็บเอาไว้ที่ใต้แขนด้วย บนปกของหนังสือเล่มนั้นก็มีภาพลักษณะเดียวกัน แค่เปลี่ยนจากแซนโดรที่เป็นหญิงสาวผมสีเทาเป็นแซนโดรในร่างชายหนุ่มผมสีเทาแทน แต่คู่รักที่โอบกอดและสบตากันอยู่นั้นยังคงเป็นหญิงสาวผมดำผู้มีดวงตาสีม่วงเช่นเคย และบนหัวหนังสือก็มีชื่อว่า ‘รัตติกาลนิรันดร’ ทำให้เขารู้สึกข้องใจมากยิ่งขึ้น จึงหันไปถามผู้ใช้ศาสตร์มืดสาวที่อยู่ใกล้ ๆ

“เอ่อ… โอจินชิเรื่อง ‘ราตรีนิรันดร’ นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรเหรอครับ?”

“เอ๋? ไม่รู้จักเหรอ? เธอไม่ใช่สายยูริสินะ? ราตรีนิรันดรน่ะเป็นเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างคุณแซนโดรกับราชินีแวมไพร์ตนหนึ่ง ทั้งสองคนต่างก็มีเป้าหมายในการยึดครองโลกเหมือนกัน ทำให้กลายเป็นคู่แข่งและเป็นศัตรูกัน แต่พอเวลาผ่านไป ต่างฝ่ายต่างก็รู้สึกหลงใหลในเสน่ห์ดึงดูดของฝ่ายตรงข้าม ทว่าเพราะฐานะของแต่ละคนทำให้ไม่สามารถเปิดเผยความในใจออกไปได้ เกิดเป็นเรื่องราวชิงรักหักสวาทระหว่างศัตรูคู่อาฆาตที่แอบมีใจให้แก่กัน นี่เป็นโอจินชิที่ขายดีติดอันดับท็อป 5 ของวงการเลยนะ เห็นว่ากำลังจะมีการนำไปทำอนิเมฯ กับไลฟ์แอคชั่นด้วยล่ะ!”

“เอิ่ม… แล้วเรื่อง ‘รัตติกาลนิรันดร’ ล่ะครับ?”

“อ๋อ นั่นเป็นเวอร์ชั่นคู่ขนานของ ‘ราตรีนิรันดร’ น่ะ คือพล็อตเรื่องหลัก ๆ จะเหมือนกัน แต่คุณแซนโดรในราตรีนิรันดรจะเป็นผู้ชายแทน เหมือนจะมีเวอร์ชั่นที่เป็นผู้ชายทั้งคู่ด้วย แต่ฉันจำชื่อไม่ได้ เพราะไม่ใช่แนวน่ะ”

เมื่อได้ฟังคำอธิบายจากหญิงสาวคนนั้น ซาลก็รู้สึกมั่นใจไปประมาณ 70% แล้วว่าเด็กผู้หญิงที่ชื่อ ‘แบล็คโรส’ คนนี้ น่าจะเป็นลานาเทลปลอมตัวมา เพราะทั้งรูปลักษณ์และความสนใจของเธอนั้นใกล้เคียงกับลานาเทลมาก ๆ

ความจริงเขามีแหวนสื่อสารที่สามารถใช้ติดต่อหาลานาเทลผ่านเครือข่ายของตระกูลซันรีเวอร์ได้ทุกเมื่อ แต่ซาลก็ไม่เคยใช้มันเลย เพราะลานาเทลเป็นคนที่เขาคาดเดาความคิดไม่ค่อยออก อีกทั้งลักษณะการวางตัวของเธอยังทำให้เขาตีสนิทได้ลำบาก ในคณะเดินทางกลุ่มที่แล้วลานาเทลจึงเป็นคนที่เขาสนิทสนมด้วยน้อยที่สุด เมื่อไม่มีธุระหรือความจำเป็นอะไรซาลจึงไม่คิดที่จะติดต่อหาเธอเลย

ตอนนี้เมื่อได้มาพบกับเธอโดยบังเอิญ เขาจึงคิดว่าควรถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกับอีกด้านหนึ่งขอลานาเทล แต่ก่อนอื่นต้องยืนยันว่าเธอคนนี้คือลานาเทลจริง ๆ ให้ได้ซะก่อน ด้วยเหตุนี้ ซาลจึงเดินตรงเข้าไปทักทายเด็กสาวตัวน้อยในทันที

“สวัสดีครับ คุณแบล็คโรสสินะครับ?”

เมื่อได้ยินคำทักทายของซาล แบล็คโรสก็เหลือบดวงตากลมโตของเธอขึ้นมามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเมินสายตาไปทางอื่นและเดินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พรืด~ ก๊ากกก ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ~”

ความจริงซาลก็ไม่ได้คิดมากกับท่าทีเย็นชาของอีกฝ่าย แต่เสียงหัวเราะลั่นของโทร่าที่ขำจนท้องคดท้องแข็งและดังแว่วมานั้นก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิด ๆ

การเมินคนแปลกหน้าที่เข้ามาทักไม่ใช่เรื่องแปลก และซาลยังคิดว่าแบบนี้ถือเป็นเรื่องดีแล้ว เพราะแปลว่าลานาเทลไม่รู้สึกคุ้นหน้าเขาเลยสักนิดเดียว สำหรับเขาแล้วสิ่งนี้นับว่าเป็นประโยชน์มากกว่า

“ได้ข่าวว่าคุณเป็นรองหัวหน้ากลุ่มแซนโดรโฮลิกสินะครับ? แปลว่าต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับคุณแซนโดรพอสมควรทีเดียว ผมเองก็ชื่นชมในความสามารถของคุณแซนโดรและอยากจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเขาให้มากขึ้นเหมือนกัน ถ้ายังไงช่วยเล่าเรื่องของคุณแซนโดรให้ผมฟังหน่อยจะได้มั้ยครับ?”

คำพูดของซาลทำให้แบล็คโรสยั้งเท้าลงและหันกลับมามองเขาอีกครั้ง ส่วนโทร่าก็ขมวดคิ้วและทำหน้าเหยเกนิดหน่อยพลางคิดในใจว่า ‘ไอ้หมอนี่มันเอาทุกทางจริง ๆ ’ แต่เพราะอยากดูว่าซาลจะมีลูกเล่นอะไรอีกในการจีบ(?)แบล็คโรส จึงไม่ได้เข้าไปแทรก และรอฟังอยู่เงียบ ๆ

สำหรับแบล็คโรสนั้นยังคงมีท่าทีลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่ในที่สุดเธอก็เอ่ยคำตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงใส ๆ อันนุ่มนวลและถ้อยคำที่สุภาพ

“คุณเป็นแฟนคลับของคุณแซนโดรมานานแค่ไหนแล้วคะ?”

“อืม~ ความจริงก็ยังไม่ถือว่าเป็นแฟนคลับหรอกนะครับ แต่ผมเป็นคนที่สนใจและติดตามผลงานของคุณแซนโดรมานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะสร้างวีรกรรมที่อินิสตร้าซะอีกนะครับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของซาล แบล็คโรสก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนจะถามต่อ

“โฮ่… ก่อนอินิสตร้าอีกงั้นเหรอคะ? มีน้อยคนที่จะรู้จักคุณแซนโดรก่อนหน้านั้นนะคะเนี่ย พอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยคะว่าคุณรู้จักคุณแซนโดรได้ยังไง?”

“ช่วงนั้นผมอยู่ในจูริสน่ะครับ และพอจะมีเส้นสายในแวดวงของนักผจญภัยระดับสูงอยู่บ้าง ทำให้ได้รู้ข้อมูลหลาย ๆ อย่างที่น่าสนใจ ครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อของ ‘นักเวทหัวกะโหลก’ ก็คือตอนที่คุณแซนโดรไปถล่มโรงเรียนนักผจญภัยของพีสคีปเปอร์ หลังจากนั้นก็มีข่าวลือว่านักเวทหัวกะโหลกมีส่วนพัวพันกับการหลบหนีของ ‘เออเธมีล’ แห่งอคาทอช ด้วยทำให้ผมรู้สึกสนใจคน ๆ นี้มากเป็นพิเศษ และเมื่อได้ยินเหตุการณ์ที่อินิสตร้าก็ยิ่งทำให้อยากรู้จักเขามากขึ้นน่ะครับ”

คำพูดของซาลทำให้แบล็คโรสแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาเล็กน้อย เพราะมีน้อยคนที่จะรู้เหตุการณ์เหล่านี้ แม้แต่ในกลุ่มแซนโดรโฮลิกเองก็ยังไม่ค่อยมีคนรู้เรื่องนี้เลย

ซาลเองก็กล่าวถึงเรื่องพวกนี้อย่างระมัดระวัง เพราะหากเปิดเผยข้อมูลมากเกินไป อีกฝ่ายก็จะเกิดความสงสัย โดยเฉพาะหากเด็กคนนี้คือลานาเทลก็อาจทำให้รู้ตัวจริงของเขาเลยก็ได้ ด้วยเหตุนี้ซาลจึงแสร้งใช้สรรพนามแทนตัวแซนโดรว่า ‘เขา’ เพื่อให้ดูเหมือนว่าตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของแซนโดร

ในระหว่างนั้นโทร่าที่แอบฟังอยู่และพอจะคาดเดาเจตนาของซาลออกก็หรี่ตาลงพลางคิดในใจว่า ‘เจ้านี่มันก็ร้ายไม่เบาแฮะ…’

แบล็คโรสหยุดคิดเหมือนกับกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง เธอกวาดสายตามองดูรูปพรรณของซาลที่อยู่ในร่างแร็กน่าโดยละเอียดอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ก็ยังคงสีหน้าเยือกเย็นเอาไว้ ไม่นานนักเด็กสาวก็เอ่ยคำพูดออกมาอีกครั้ง

“ดูเหมือนคุณจะรู้เรื่องเกี่ยวกับคุณแซนโดรไม่น้อยเลยนะคะ ยังมีอะไรที่ต้องให้ฉันเล่าให้ฟังอีกเหรอคะ?”

“ผิดแล้วล่ะครับ ที่ผมรู้น่ะก็มีแค่นี้แหละ เพราะหลังจากนั้นตัวผมได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่ง ๆ ทำให้ต้องหลบหนีการตามล่าจากทางการอยู่เป็นเวลานาน ในช่วงนั้นเลยแทบไม่ได้ติดตามข่าวสารจากโลกภายนอกเลย นี่เป็นงานชุมนุมของผู้ใช้ศาสตร์มืดงานแรกในรอบหลายปีที่ผมได้เข้าร่วมเลยนะครับเนี่ย ถ้าไม่รังเกียจละก็ คุณแบล็คโรสพอจะช่วยอัพเดทข่าวสารให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ?”

“อืม~ ฉันเองก็ไม่กล้าอวดอ้างว่ารู้เรื่องเกี่ยวกับคุณแซนโดรทุกเรื่องหรอกนะคะ คุณอยากจะรู้เรื่องอะไรเหรอคะ?”

“แค่นั้นก็พอแล้วล่ะครับ อย่างแรกก็คือ… คุณแซนโดรเนี่ย เขาเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชายครับ?”

ซาลแกล้งถามด้วยคำถามง่าย ๆ ก่อน เพราะคิดว่าหากเป็นคนระดับแกนนำของกลุ่มแซนโดรโฮลิกก็น่าจะรู้เรื่องที่แซนโดรเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว แต่แบล็คโรสกลับนิ่งเงียบไปเป็นเวลานาน เหมือนกับกำลังไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไรดี

“อืม… เรื่องนี้มันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะซับซ้อนอยู่นะคะ”

“เอ๋? ซับซ้อน ยังไงเหรอครับ?”

“ก็ตัวตนของคุณแซนโดรน่ะไม่ใช่อะไรที่จะอธิบายได้ง่าย ๆ ในคำสองคำน่ะสิคะ”

“อ้าว? ทำไมล่ะครับ?”

“อา… ถ้าจะให้อธิบายจริง ๆ ล่ะก็… คุณแซนโดรน่ะเป็นผู้ชายที่ติดอยู่ในร่างของผู้หญิงและหลงนึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิง ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นผู้ชาย เป็นผู้หญิงที่ถ้าแต่งหนุ่มแล้วใช้ชีวิตอย่างผู้ชายก็จะเพอร์เฟ็คทุกอย่าง ทั้งต่อตนเองและคนรอบข้าง หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น ‘รีเวิร์สสาวดุ้น’ ยังไงล่ะคะ”

“……………….ห๊ะ?”

แม้จะพยายามคิดตามอยู่ครู่หนึ่ง แต่สมองของซาลก็ยังไม่สามารถประมวลคำพูดของแบล็คโรสออกมาได้ทัน ทำให้เขาได้แต่หลุดคำอุทานออกมาด้วยความงุนงง

 

——————————————————————————–

 

Part 3

 

คำตอบของแบล็คโรสนั้นห่างไกลจากสิ่งที่ซาลคาดหมายเอาไว้มาก ทำให้เขาตั้งตัวไม่ทันจนได้แต่ยืนอึ้งไป ตรงกันข้ามกับโทร่าซึ่งขำจนแทบจะลงไปกลิ้งกับพื้นอยู่แล้ว

ซาลพยายามตั้งสติและรวบรวมสมาธิอยู่พักหนึ่ง เพื่อจะดำเนินการสนทนากับแบล็คโรสต่อ ทว่ายังไม่ทันที่เขาจะได้อ้าปาก อีกฝ่ายก็หันหลังให้และเดินต่อไปโดยไม่มีการล่ำลา

“เอ๋? ดะ.. เดี๋ยวก่อนสิครับคุณแบล็คโรส จะไปไหนล่ะ?”

“ฉันเสียเวลาไปมากพอแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ”

แม้จะตอบกลับมาอย่างสุภาพ แต่แบล็คโรสก็ไม่ได้เหลียวกลับมามองยังซาลเลยแม้แต่นิดเดียว การกระทำอันไม่คำนึงถึงมารยาทนั้นจึงตรงข้ามกับการพูดของเธออย่างสิ้นเชิง

เพราะยังไม่เสร็จธุระกับเธอดี ซาลจึงพยายามรั้งตัวเธอเอาไว้เพื่อพูดคุยกันต่อ แต่ทันทีที่เขากำลังจะเดินแซงขึ้นไปดักหน้าเธอ แบล็คโรสก็สะบัดผ้าคลุมใส่เขาครั้งหนึ่ง แต่เพียงแค่นั้นก็ก่อให้เกิดแรงปะทะคล้ายกับลมกรรโชกอันรุนแรงแผ่พุ่งออกมา

ซาลจับสัมผัสได้ว่าสิ่งที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้นไม่ใช่แรงลมที่เกิดจากเวทมนตร์หรือกระบวนท่าใด ๆ แต่เป็นจิตต่อสู้ที่ถูกซัดสาดออกมาเป็นวงกว้างจนก่อให้เกิดแรงปะทะ ในพริบตาก่อนที่มันจะมาถึงตัวเขาจึงสะบัดฝ่ามือซัดจิตต่อสู้กลับไปเพื่อสลายพลังของฝ่ายตรงข้าม ทำให้ตัวเขาไม่ถูกแรงปะทะนั้นผลักให้ถอยไปแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามกับคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังซึ่งต่างก็ถูกดันให้ถอยไปหลายก้าว แม้แรงปะทะนั้นจะลดลงมากแล้วก็ตาม

เมื่อเห็นการแก้สถานการณ์อย่างเฉียบพลันของซาล แบล็คโรสก็หันกลับมามองดูเขาอีกครั้งด้วยสายตาประหลาดใจ ท่าทางของเธอเหมือนกับลังเลอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจเมินหน้าไปทางอื่นก่อนจะพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปราวกับนกนางแอ่นที่โผบิน

ซาลได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความขุ่นข้องใจเมื่อได้เห็นแบล็คโรสบินหายไปในระเบียงทางเดินอันซับซ้อนของชั้นลอย เขาคาดเดาไม่ออกเลยว่าเธอคิดอะไรอยู่ รู้แต่เพียงว่าแบล็คโรสคนนี้เป็นคนที่น่าจะเอาแต่ใจพอตัวทีเดียว ซึ่งนั่นก็เป็นคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับลานาเทลเช่นกัน และในเมื่ออีกฝ่ายหนีหายไปแล้วแบบนี้ เขาจึงได้แต่กลับมาวิเคราะห์ตัวตนของฝ่ายตรงข้ามด้วยข้อมูลเท่าที่มี

“คำตอบนั้น… ถึงจะฟังดูงง ๆ แต่มันก็เป็นการแสดงมุมมองของเธอออกมา ในฐานะรองหัวหน้าของกลุ่มแซนโดรโฮลิกเธอคงไม่พูดอะไรพล่อย ๆ เกี่ยวกับแซนโดรแน่ แต่ต้องพูดในสิ่งที่เธอเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หรืออย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เธออยากให้คนอื่นเชื่อ… เธอไม่ได้ตอบในสิ่งที่คนถามอยากรู้ แต่ตอบในสิ่งที่เธออยากให้คนถามได้รู้… แปลว่าคน ๆ นี้รู้ว่าแซนโดรเป็นผู้หญิง แต่ในใจลึก ๆ แล้วอยากให้แซนโดรเป็นผู้ชายมากกว่างั้นเหรอ…”

ซาลคิดว่าคำตอบของแบล็คโรสนั้นไม่ได้สื่อถึงสิ่งที่เธออยากให้แซนโดรเป็นมากกว่า และคนที่ตกหลุมรัก(?)แซนโดรในตอนที่เป็นผู้ชายก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้น เขาจึงมั่นใจไปกว่า 90% แล้วว่าแบล็คโรสคือลานาเทล

ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดว่าควรจะหาทางตีสนิทกับเธอให้ได้เพื่อให้รู้จักตัวตนของลานาเทลมากขึ้น แต่ลานาเทลในร่างแบล็คโรสนี้ก็คาดเดาใจลำบากยิ่งกว่าตอนปกติซะอีก จนเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะเข้าหาเธอด้วยวิธีไหนดี

ในระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น โทร่าก็เดินเข้ามาหาเขาจากทางด้านหลังและเอ่ยคำพูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“เห~ ถึงกับทำให้อีกฝ่ายหนีไปเลยเหรอเนี่ย คุณชายแร็กน่านี่จีบสาวไม่เป็นเลยน้า~ เดี๋ยว ‘พี่สาว’ คนนี้จะสอนให้เอามั้ย? อุ๊ย”

ยังไม่ทันที่โทร่าจะพูดจบ ซาลก็เอื้อมมือเข้ามาจับที่แก้มของเธอ ทำให้โทร่าที่ไม่ทันระวังถึงกับสะดุ้งและนิ่งอึ้งไปเพราะคาดไม่ถึง

“คุณโทร่าเนี่ย ถึงจะขี้โวยวายไปสักหน่อย แต่ก็มีชีวิตชีวาและดูสดใสร่าเริงอยู่ตลอดเวลา ผมคิดว่านี่แหละคือเสน่ห์อย่างหนึ่ง ผมชอบคุณโทร่าที่เป็นแบบนี้นะครับ”

ซาลกล่าวพูดในระหว่างที่ยังแตะสัมผัสแก้มของโทร่าอยู่และจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอด้วยแววตาจริงจัง ทำให้โทร่าที่ยังอยู่ในอาการช็อกยิ่งหายใจติดขัดและมีอาการหน้าแดงไปจนถึงใบหู

“ยะ.. อยู่ ๆ ก็พูดบ้าอะไรของนายออกมาเนี่ย!? โฮก! เอ๊ย ไม่ใช่สิ เมี๊ยว! เฮ้ย ตะกี้ถูกแล้วนี่นา!”

โทร่ารีบปัดมือของซาลออกแล้วผลักตัวออกมาด้วยอาการลนลาน แต่ใบหน้าของเธอก็ยังคงร้อนผ่าวและยังเรียบเรียงคำพูดได้ไม่เป็นภาษา เธอรู้สึกสับสนจนทำอะไรไม่ถูกและไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ เพราะเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากในขณะที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว

ในระหว่างที่โทร่ากำลังพยายามตั้งสติอยู่ ซาลก็เอ่ยคำพูดกับเธออีกครั้ง

“แบบนี้ใช้ได้รึเปล่าครับ?”

“ใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ! แบบนี้น่ะมัน… เอ๋? ใช้อะไร?”

“ก็วิธีจีบสาวไงล่ะครับ คุณโทร่าบอกว่าจะสอนวิธีจีบสาวให้ผมไม่ใช่เหรอ? ผมก็เลยสาธิตตัวอย่างให้ดูเพื่อขอคำแนะนำ แบบนี้พอจะใช้ได้มั้ยครับ?”

เมื่อได้ยินคำพูดของซาล โทสะของโทร่าก็พุ่งพล่านขึ้นจนเส้นผมของเธอลุกพองราวกับสิงโต อีกทั้งดวงตาของเธอยังแดงก่ำจนแทบจะส่องแสงออกมาได้

“กรอดดดดด ไอ้ เจ้า เด็ก บ้า!!!”

สิ้นเสียงคำราม โทร่าก็กระโจนเข้าใส่ซาลในทันที แต่ซาลซึ่งตั้งท่ารอไว้แต่แรกก็พุ่งถอยหลังก่อนจะแทรกตัวหนีไปตามฝูงชนได้ ถึงกระนั้นโทร่าที่โกรธเกรี้ยวก็ยังไล่ตามอย่างไม่ลดละ ทำให้มันกลายเป็นการวิ่งไล่จับกันอย่างดุเดือดระหว่างทั้งสองคน

เพราะกำลังจดจ่ออยู่กับการไล่ฉีกเนื้อซาลให้เป็นชิ้น ๆ โทร่าจึงไม่ทันรู้ตัวว่าในปกเสื้อของเธอมีแหวนสื่อสารวงหนึ่งกำลังสั่นไหวอยู่

มันเป็นแหวนสื่อสารของเจ้าหน้าที่ระดับสูงซึ่งใช้ติดต่อกับห้องควบคุมที่ชั้นเก้าโดยตรง แต่เพราะตอนนี้โทร่าไม่ได้สังเกตว่ามีการติดต่อเข้ามา ทำให้เธอไม่รู้ว่ากำลังถูกเรียก

Prev
Next
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "ตอนที่ 132"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved