cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • สล็อตเว็บตรง
Advanced
Sign in Sign up
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • สล็อตเว็บตรง
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Sign in Sign up
Next
สล็อตเว็บตรง

[Die Schlange von EA]: อสรพิษแห่งเออา - ตอนที่ 1 เด็กชายและฝูงเหยี่ยวพลัดถิ่น

  1. Home
  2. All Mangas
  3. [Die Schlange von EA]: อสรพิษแห่งเออา
  4. ตอนที่ 1 เด็กชายและฝูงเหยี่ยวพลัดถิ่น
Next

  “สิทธิมนุษยชนมีไว้ให้สำหรับผู้ที่เคารพในสิทธิ์นั้นเพียงอย่างเดียว ไอพวกที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้วมาร้องไห้ฟูมฟายทีหลังว่าโลกนี้ไม่เป็นธรรมควรปล่อยให้มันโดนทดลองตายในคุกนั่นแหละ”

  เหนือพื้นที่ราบสูงแห่งหนึ่งมีกลุ่มคนในชุดทหารสีเทาเข้มขลิบขาวและสวมเกราะนอกที่ทำจากแร่เหล็กความคงทนสูงกำลังวางกำลังอยู่ทั่วบริเวณ พวกเขาคือกลุ่มรับจ้างอิสระ “แอลเบียนฟัลค์” ผู้มีหน้าที่ในการคุ้มกันการศึกษาภูมิประเทศและวาดแผนที่ความละเอียดสูงบริเวณพื้นที่ชายแดนของ “เบียวา ทาร์ช่า” อันเป็นพื้นที่แห่งเดียวภายในสหพันธรัฐดอยซ์ลันด์ที่ยังคงมีความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์อยู่ในปัจจุบัน

  ณ ศูนย์กลางของการคุ้มกันอันแสนแน่นหนาจากเหล่าอดีตทหารเจนศึกกว่ายี่สิบหกนายคือเด็กชายวัยแปดปีผู้มีเรือนผมหยักศกสีดำกลืนแสงปราศจากซึ่งเงาตกกระทบใดๆ ปกปิดใบหน้าส่วนบนด้วยหน้ากากปิดบังดวงตาสีดำขลับ สายตาส่องกล้องส่องทางไกลสำหรับวัดระยะแบบตั้งบนโต๊ะ คิดคำนวณค่าความคลาดเคลื่อนต่างๆ ภายในหัวแล้วจึงตวัดมือวาดลักษณะของภูมิศาสตร์ที่ตนสังเกตการณ์ด้วยความปราณีตและแม่นยำยิ่งกว่าเครื่องมือชนิดใดๆ

  บนโต๊ะทำงานแบบพับเก็บได้นี้ถูกกระดาษหนังวัวผืนใหญ่วางทับไว้ราวกับผ้าปูโต๊ะ อุปกรณ์สำหรับวาดแผนที่และวัดระยะทางถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเพื่อความง่ายต่อการหยิบจับใช้งาน

  สายลมอ่อนของปลายสารทฤดูพัดพากลุ่มใบไม้สีส้มและน้ำตาลที่แห้งกรอบให้ปลิวไสว บดบังทัศนียภาพเบื้องหน้าพร้อมส่งเสียงเสียดสีชวนรบกวนประสาทสัมผัสอันเฉียบแหลมของเด็กชายผู้สวมหน้ากาก

  ข้างกายของเขาคืออดีตนายทหารผู้มีร่างกายสูงใหญ่กว่าสองเมตร ใบหน้าถูกปกคลุมโดยหมวกเหล็กอันมีลวดลายเรียบง่ายทว่าถ่ายทอดบรรยากาศสูงส่งคล้ายกับของเหล่าอัศวินชั้นสูง หากแต่ที่อยู่ตรงนี้มีคุณภาพที่สูงกว่าเพราะไม่จำเป็นต้องสวมเกราะผ้าทับกับชุดโซ่ถักอีกชั้นเพื่อลดโอกาสบาดเจ็บแบบสมัยก่อน เพราะด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ภายในส่วนลึกของหมวกเกราะจึงถูกบุด้วยวัสดุสำหรับช่วยให้กระจายแรงกระแทกได้ดีขึ้น อีกทั้งส่วนนอกก็ยังถูกบุด้วยนวมและผ้าไหมเหล็กของหนอนไหมไอเซ็นจำนวนหลายชั้นทำให้แม้อากาศจะเริ่มเย็นเพราะลมหนาวแต่ก็ไม่รู้สึกหนาวศีรษะประหนึ่งไข้จับ

  ในจังหวะที่สายลมเริ่มผ่อนปรนลงก็ปรากฏเงาของสัตว์ปีกขนาดใหญ่กำลังบินวนทวนเข็มอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา รอคอยให้ชายร่างยักษ์ยื่นแขนออกไปเป็นสัญญาณ มันจึงค่อยๆ ลดระดับความสูงลงมาเทียบท่าโดยการใช้กรงเล็บเท้าอะนแหลมคมคว้าแขนภายใต้เกราะเหล็กมันเงาไว้พร้อมกับหุบปีกพังผืดที่มีความกว้างเป็นสองเท่าของลำตัวเข้าแนบข้างกาย

  รูปร่างเพรียวลม มีดวงตาสีเขียวเข้มเหลือบเหลือง ร่างกายส่วนใหญ่ถูกปกคลุมโดยเกล็ดคล้ายหินกรวดสีขาวและส่วนขนปกคลุมยาวตลอดแนวกระดูกสันหลัง มีลำคอค่อนข้างยาวและมีใบหน้าคล้ายกับสัตว์มีเกล็ดที่มีเขาน้อยๆ งอกออกมาเหนือหัว นามของมันคือ “ดรากิว” สายพุนธุ์สัตว์ปีกที่มีความฉลาดมากเป็นอันดับต้นๆ คอยทำหน้าที่ในการส่งสารโดยมีอัตราความสำเร็จอยู่ที่ร้อยละเก้าสิบแปดซึ่งมากกว่าการใช้ฝูงนกพิราบสื่อสารเป็นสองเท่า อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นในการใช้งานได้หลากหลายกว่าด้วยการอาศัยความสามารถในการจดจำกลิ่น

  ชายร่างยักษ์หยิบสารออกจากกระบอกใส่สารซึ่งผูกติดกับขาของดรากิวแล้วคลี่ออก กวาดสายตาอ่านเนื้อหาภายในอย่างรวดเร็ว

  “ดูเหมือนว่าพวกหมาป่าจะเจอฝูงกระต่ายขนาดหนึ่งหมู่เสริมกำลังบริเวณเขตพื้นที่ที่สามตำแหน่งสาม,ห้า ไม่มีร่องรอยของพวกติดเชื้อเหมือนเดิม”

  เด็กชายละสายตาออกจากกล้องวัดระยะที่ตนกับพ่อร่วมกันประดิษฐ์ขึ้นมาแล้วปัดเศษใบไม้แห้งที่ถูกพัดมากองอยู่บนโต๊ะออกไปพลางวิเคราะห์ตามผลรายงาน

  เขตพื้นที่ที่สาม ถ้าเทียบกับในแผนที่แล้วก็พูดได้ว่าค่อนอยู่ใกล้กันมาก แต่ในแง่ของระยะทางแล้วก็ยังนับว่าห่างกันอยู่ราวหกกิโลเมตร ถ้าหากเป็นการเคลื่อนพลเท้าเปล่าทั่วไปแล้วก็จะมีอัตราเร็วเฉลี่ยอยู่ที่สองชั่วโมงกว่าจะมาถึงตรงนี้ แต่กับฝูงกระต่ายพวกมันจะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่านั้นครึ่งหนึ่งเพราะพวกมันใช้นากระตุ้นประสาทกระตุ้นให้ร่างกายมีความอึดถึกทนมากกว่ามนุษย์ทั่วไป

  การบังคับให้เหล่าทหารใช้ยาก่อนออกรบเป็นกลยุทธ์เก่าแก่ตั้งแต่สมัยศาสนจักรยังคงมีอำนาจเหนือภาคพื้นทวีปกลาง จนแม้ยามใกล้โรยราแล้วก็ยังคงใช้กลยุทธ์นี้อยู่จนมีการตั้งข้อสันนิษฐานว่าพวกมันทุกบดเมทแอมเฟตะไมน์ใส่ในอาหารทุกมื้อเลยหรือยังไง แต่จนถึงเมื่อครึ่งปีก่อนหน่วยแอลเบียนฟัลค์ก็ได้พบกับกองกำลังรูปแบบใหม่ที่แตกต่างออกไปจากปกติ พวกมันไม่ได้ใช้ยากระตุ้นประสาทแบบที่เคยพบเจอมาตลอด หากแต่เป็นการใช้อาวุธหน้าตาแปลกประหลาดประหนึ่งมีชีวิตและความนึกคิดเป็นของตัวเอง

  แม้ต่อให้ความทรงจำบางส่วนเกี่ยวกับพวกมันออกจะเลือนลางจนน่าประหลาดใจ แต่ความน่าสะอิสะเอียนของพวกมันราวกับก้อนเนื้อมีชีวิตที่สิงสู่และกัดกินเนื้อหนังของผู้ใช้และเสียงกรีดร้องโหยหวนทรมานที่ตรงข้ามกับการห้ำหั่นศัตรูอย่างบ้าคลั่งโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยคือสิ่งที่ชัดเจนเสมอเวลาพยายามหวนนึกถึงพวกมันเหล่าศัตรูผู้ถูกเรียกในนามของกระต่ายติดเชื้อ ทว่าการปรากฏตัวครั้งนั้นก็เป็นเพียงครั้งเดียวที่มีการพบเห็นและหลังจากนั้นก็ไม่มีรายงานเกี่ยวกับพวกมันอีกเลยจนแม้กระทั่งตอนนี้

  “ถ้าแค่นั้นฝั่งนั้นก็น่าจะจัดการกันได้มั้งครับ ยังไงอีกหนึ่งกิโลข้างหน้าตามทิศที่พวกมันกำลังมุ่งไปก็เป็นป่าไฮเดนไฮล์มอยู่แล้วด้วย”

  ถ้าเป็นพื้นที่นั้นยังไงมันก็นับเป็นงานง่ายสำหรับหน่วยทหารพรานผู้ชำนาญการสู้รบภายใต้เงาพงไพร ไม่มีเหตุผลอะไรต้องกังวลว่าพวกเขาจะจัดการกับฝูงกระต่ายติดยาแบบนั้นไม่ได้หรอก

  “ฝั่งนั้นก็บอกว่าเดี๋ยวจัดการกันเองนั่นแหละ แค่ส่งรายงานมาตามรอบเฉยๆ ”

  “แต่จะว่าไปแค่หนึ่งหมู่เสริมกำลังนี่มันไม่น้อยผิดวิสัยทัศน์เกินไปหน่อยเหรอครับ?”

  เพราะปกติพวกมันเคลื่อนพลกันเฉลี่ยระดับสองถึงสามหมู่ แต่ครั้งนี้กลับเคลื่อนพลแค่หนึ่งหมู่เสริมกำลังซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ผิดวิสัยทัศน์มากพอให้เก็บมาตั้งข้อสังเกต 

  คิดแบบไร้สมองที่สุดพวกมันคงเกณฑ์ทรัพยากรมนุษย์อันล้ำค่ามาใช้ทิ้งขว้างจนใกล้หมดแล้ว หรือไม่ทรัพยากรในด้านอื่นๆ ก็เริ่มมีไม่พอให้เอามาผลาญเล่นแบบแต่ก่อนได้เพราะเดิมทีข้างหลังเทือกเขาทุมบาก็ไม่ได้มีทรัพยากรมากนักเนื่องจากพื้นที่ทั้งแปดทิศล้วนถูกล้อมรอบด้วยเทือกเขาสูง

 หรือถ้าไม่ใช่แบบนั้น ในกรณีเลวร้ายสุดสำหรับระยะยาวก็คงเป็นการที่พวกมันเกณฑ์ทรัพยากรไปป้อนให้กับอาวุธมีชีวิตพรรค์นั้นแทนการเอามาป้อนให้กับทหารเลวที่ถูกส่งออกมาตายเรื่อยๆ แบบหาประโยชน์อะไรไม่ได้ ส่วนสำหรับตอนนี้กรณีเลวร้ายสุดคือพวกมันแบ่งกำลังกันแล้วหลุดรอดสายตาของฝูงหมาป่าไปได้ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ตั้งความหวังว่าจะเจอตัวเร็วๆ หรือไม่ก็เจอหลังจากทางนี้วาดแผนที่เสร็จแล้วถอนกำลังกลับฐานได้อย่างปลอดภัยก่อน เพราะก็ไม่อยากเสียเวลาอันล้ำค่ากับเอาแผนที่นี่ไปเสี่ยงกับการปะทะที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นหรอกนะ

  “ก็นับว่าน้อยจริงๆ นั่นแหละ จะให้ฉันยกระดับการคุ้มกันมั้ยล่ะ?”

  “ไม่จำเป็นหรอกครับ เพราะเดี๋ยวลงรายละเอียดอีกนิดหน่อยแผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว”

  ในกรอบเวลาห้านาทีถัดจากนี้มีความเป็นไปได้น้อยมากที่พวกหลุดรอดจะสามารถลักลอบเข้ามาถึงได้เพราะจุดนี้เองก็นับว่าอยู่ห่างจากเขตชายแดนพอตัว หรือต่อให้พวกมันจะหลบหนีสายตาของฝูงหมาป่าเข้ามาได้จริงๆ ผลสุดท้ายก็น่าจะโดนเอนกัลเฟอร์ซึ่งเป็นสัตว์นักล่าประจำถิ่นล่าอยู่ดี ต่อให้จะเป็นพวกติดเชื้อก็ตาม

  “ห้านาทีพอมั้ย?”

  “ขอสิบก็แล้วกันครับ”

  “ตกลงตามนั้น”

  ชายร่างยักษ์มอบม้วนสารและกลิ่นของเป้าหมายถัดไปให้แก่ดรากิว เหวี่ยงแขนเล็กน้อยเพื่อเป็นสัญญาณให้มันกระพือปีกบินกลับขึ้นไปสู่แดนอัมพร ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณมือให้ลูกหมวดไปถ่ายทอดคำสั่งเตรียมพร้อมเคลื่อนพลแก่หมวดอื่นๆ ที่กระจายกำลังอยู่ทั่วบริเวณ

  และภายในระยะเวลาสิบนาทีตรงทุกหมวดก็กลับมารวมตัวกันในจังหวะที่เด็กชายพึ่งจะเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดใส่ลงไปในกระเป๋าใบใหญ่เท่าความสูงตนเสร็จพอดี นั่งมองการจัดแถวอย่างเป็นระเบียบ สุขุมแลนิ่งสงบราวกับรูปสลักหินตามวิหารจากยุคเอเธนส์โบราณ พร้อมรับและปฏิบัติตามคำสั่งในทันที สมกับเป็นอดีตทหารกรำศคกจากแดนเหมันต์

  หลังจากฟังรายงานจากทุกหมวพจนครบแล้วชายร่างยักษ์ก็กระแอมเสียงในลำคอเล็กน้อย

  “งั้นก็ถอนกำลังเลย เราจะเจอกับหน่วยลากเกวียนที่ตำแหน่งสี่,สองภายในสามสิบนาที ฝั่งนั้นจะรอพวกเราแค่ห้านาทีเท่านั้น ถ้าใครตามไม่ทันก็เดินกลับฐานเอง ทราบ!?”

  “ทราบ!!”

  ทั้งหมดขานรับด้วยน้ำเสียงขึงขังพร้อมกับหยิบนาฬิกาพกจับเวลาออกมาเปิดหน้าปัดรออย่างพร้อมเพรียง

  “งั้นเริ่มทำการปรับเวลาให้ตรงกัน สาม…สอง…หนึ่ง”

  เมื่อปรับนาฬิกาให้ตรงกันเสร็จ หน้าปัดนาฬิกาทั้งยี่สิบหกเรือนที่ถูกปิดอย่างพร้อมเพรียงก็ก่อเกิดเสียงประสานที่ไม่ว่าจะได้ยินกี่ครั้งก็รู้สึกน่าทึ่ง เป็นความงดงามทางระเบียบที่ไม่อาจหาได้จากการใช้ชีวิตแบบปกติ และการที่จะได้มาซึ่งระเบียบอันแสนงดงามนี้มันก็แลกมากับอิสรภาพบางอย่างที่ต้องยอมสูญเสียเมื่อก้าวเท้าเข้ามาอยู่ในองค์กรทางการทหาร ถึงแม้ในทางปฏิบัติทุกคนในที่แห่งนี้จะไม่ได้เป็นทหารเต็มตัวดั่งเช่นในอดีต แต่วินัยเหล่านั้นมันก็ถูกปลูกฝังไว้ลึกเกินกว่าจะลืมเลือนไปได้แม้จะผ่านมาเป็นสิบปีแล้วก็ตาม

  เพราะแบบนั้นเวลาพิจารณาถึงเรื่องนั้นไม่ว่าจะกี่ครั้งมันก็เป็นราคาที่ไม่คุ้มเสียกับจิตวิญญาณเสรีที่ต้องจ่ายไป แม้จะต่อให้จะเป็นระดับเสธ.ผู้ทำงานอยู่แนวหลังก็ตามเถอะ แต่คิดไปก็เท่านั้นอยู่ดีเพราะยังไงรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้อนุญาตให้นักเวทสามารถสังกัดองค์กรทางการทหารได้อยู่แล้ว ด้วยเหตุผลทางความเชื่อมั่นของประชาชนทั่วไปเมื่อแปดสิบปีสามปีก่อนว่าพวกเขาจะยังพอมีอำนาจเอาไว้คานกับนักเวทที่เริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับยุคสมัยก่อนหน้านั้น

  พอมาคิดในแง่นั้นแล้วรัฐธรรมนูญตัวนี้มันก็แอบล้าหลังอยู่พอตัวเลยแฮะพอเทียบกับของวิคตอเรียกับกอลที่เคยอ่านเจอว่านักเวทมีอิสรภาพเต็มที่ในการเข้าร่วมองค์กรทางการทหาร แต่ในแง่ประวัติศาสตร์สองประเทศนั้นกับประเทศนี้มันก็ไม่ได้หล่อหลอมมาจากแม่พิมพ์เดียวกันเพราะฉะนั้นมันก็ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องที่ประชาชนตัดสินใจกันเอง แต่ดูท่าแล้วการแก้รัฐธรรมนูญตัวนี้คงจะยากถ้าไม่ได้มีสภาวการณ์ที่บีบคั้นมากพอให้ทำแบบนั้น ใช่ การที่อยู่ดีๆ ก็เสนอแก้ทั้งๆ ที่อยู่ในสภาวะที่ใกล้เคียงคำว่าสงบสุขสุดๆ นี่แหละมีแต่จะชวนให้เกิดการตั้งคำถามในหมู่ประชาชนซะเปล่า

  ‘วินซ์’

  ระหว่างกำลังเคลื่อนพลไปยังจุดนัดหมายใบหูที่มีประสาทสัมผัสเฉียบแหลมของเด็กชายก็ได้ยินเสียงอันไม่พึงประสงค์

  เสียงคล้ายกรามลั่นระรัวดังกังวานผสานกับเสียงคล้ายคนกำลังหัวเราะแบบชวนหลอนจิตแบบเฉพาะตัวสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่ซึ่งมีส่วนสูงกว่าสามเมตรและมีความยาวตั้งแต่หัวจรดปลายหางสูงสุดกว่าหกเมตร มีน้ำลายเป็นพิษที่ประกอบไปด้วยเชื้อโรคหลายแสนชนิด มีประสาทสัมผัสการดมกลิ่นและการได้ยินที่ค่อนข้างดีเยี่ยมและยังชาญฉลาดเกินกว่าจะสามารถรับมือได้ด้วยวิธีการแบบเดิมซ้ำๆ

  ชายร่างยักษ์หยุดเดินแล้วหมอบต่ำลงทันทีที่ได้ยินเสียงกระซิบแล้วส่งสัญญาณมือไปให้ลูกหมวดเพื่อให้กระจายคำสั่งไปยังอีกสามหมวดที่เหลือ

  ‘เอนกัลเฟอร์เหรอ?’

  ใบหน้าภายใต้หมวกเหล็กหันมาถามเด็กชายผู้กำลังขี่หลังของเขาอยู่เพื่อความสะดวกต่อการเคลื่อนพล

  ‘ครับ’ เด็กชายกล่าวพลางพยักหน้า

  ‘อยู่ไกลแค่ไหน?’

  ‘ห้าสิบเมตรทางหกนาฬิกา กำลังมุ่งหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ครับ’

  ชายร่างยักษ์พยักหน้ารับคำตอบ หันมองไปยังทิศหกนาฬิกาตามคำบอก แม้ในระยะสายตาตอนนี้จะเห็นเพียงหมู่มวลพฤกษาสูงใหญ่ ไร้ซึ่งร่องรอยของอสูรมีเกล็ดแต่ก็ราวกับดวงตาภายใต้หมวกเหล็กนั้นสามารถมองทะลุได้จนถึงเป้าหมาย

  ‘ถ้าเจอตัวเราเมื่อไหร่ไม่ถึงห้าวิมันก็วิ่งมาถึงนี่ได้แล้ว’

  ‘จะให้เตรียมตัวปะทะเลยมั้ยครับหัวหน้า’ รองหมวดที่หนึ่งชักหน้าไม้ออกมาเตรียมขึ้นลำอย่างไม่รอช้า

  สำหรับหน่วยแอลเบียนฟัลค์แล้วการปะทะกับเอนกัลเฟอร์นั้นไม่ใช่ปัญหาเพราะตั้งแต่รู้ว่าภารกิจครั้งนี้จำเป็นต้องเข้ามาทำแผนที่ในอาณาเขตของมันก็ได้มีการเตรียมอุปกรณ์สำหรับปราบพยศมารอไว้ล่วงหน้าแล้ว

  ‘พวกเราไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอกครับ’

  เพราะฉะนั้นปัญหาใหญ่จริงๆ จึงกลายเป็นเรื่องของการใช้เวลาในการจัดการ เนื่องจากการปราบเอนกัลเฟอร์นั้นจำเป็นต้องดำเนินการอย่างละเอียดอ่อนและหลีกเลี่ยงการสังหารโดยไม่จำเป็น เพราะมันเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศและยังช่วยรักษาความปลอดภัยของพื้นที่ชายแดนของแวนด์ในทางอ้อม อีกทั้งยังมีจำนวนประชากรค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับอาณาเขตหลายตารางกิโลเมตรที่หนึ่งตัวสามารถครอบครองได้ หากว่าอยู่ๆ มีเอนกัลเฟอร์ตัวนึงตายลงโดยไม่ได้มาจากการแก่งแย่งกันเองก็มีแต่จะนำมาซึ่งปัญหาที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นคือการที่เอนกัลเฟอร์ตัวอื่นๆ จะเริ่มขยายอาณาเขตของตนเพิ่มเติมส่งผลให้มีแนวโน้มสูงว่าจะเกิดการทับซ้อนกันของอาณาเขต และเมื่อเป็นแบบนั้นแล้วพวกมันก็จะสังหารกันเองเรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือตัวที่แข็งแกร่งที่สุด ประชากรจากเดิมที่ไม่ได้มีเยอะอยู่แล้วก็จะถดถอยลง สั่นคลอนไปถึงความมั่นคงของชายแดนที่จะลดน้อยลงตามไม่มากก็น้อย

  ‘แกมีแผนเหรอ?’

  ‘ของพรรค์นี้อย่าเรียกว่าแผนเลยครับ เรียกขายผ้าเอาหน้ารอดเถอะ’ เด็กชายกล่าวพลางกระตุกปกคอเสื้อให้ชายร่างยักษ์ปล่อยตัวเขาลง

  เมื่อสองเท้ากลับลงมาแตะพื้นอีกครั้งก็ยื่นกระเป๋าเก็บอุปกรณ์ไปให้แก่ผู้เป็นรองหัวหน้าหน่วย

  ที่ไม่ควรจะเรียกแบบนั้นก็เพราะมันสิ้นคิดถึงขนาดนั้นแต่ในแง่ของผลลัพธ์กลับเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในแง่ของการประหยัดเวลาและลดความเสี่ยงว่าจะเกิดความเสียหายระดับใหญ่ได้แน่นอน

  ว่ากันตรงๆ ถ้าไม่ใช่เราแผนนี้ก็ไม่เหมาะกับใครเลย ไม่แน่ในกรณีที่แม้แต่ตัวเราก็ไม่มีไพ่พร้อมแบบนี้อยู่ในมือตั้งแต่แรกก็คงจะเค้นสมองหาทางออกที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ได้ แต่เพราะมีไพ่ในมือพร้อมสุดๆ นี่แหละถึงได้กล้าที่จะใช้วิธีนี้

  ‘ทั้งหมดมันก็แค่ผมวิ่งล่อมันออกไปแล้วพวกเราก็ไปเจอกันอีกทีที่จุดนัดหมายแค่นั้นแหละครับ’ เด็กชายกล่าวเสียงเรียบพลางยืดเส้นสายแบบเร็วๆ

  ‘งั้นก็เอาตามนั้น แต่ถ้ามาถึงช้าก็เดินกลับฐานเอาเองนะ’ 

  ‘ไม่มีปัญหาครับ’

  ‘แล้วเรื่องนี้ก็ต้องอยู่ในรายงานที่ส่งไปให้แม่แกดัวย’

  เพียงเอ่ยถึงเพียงแค่นั้นเด็กชายก็ถึงกับชะงักแล้วหันขวับกลับไปมองเจ้าของคำพูดด้วยใบหน้าแขยง

  ‘คงไม่ดีมั้งครับ…’ จากเดิมที่เสียงกระซิบกันก็เบาอยู่แล้ว คำพูดนั้นก็กลับเบาลงอย่างมีนัยสำคัญ

  ในจังหวะเดียวกันเสียงของเอนกัลเฟอร์ก็เริ่มดังมากขึ้นจนแม้กระทั่งคนทั้งหน่วยก็ได้ยินเสียง ทุกสายตามองไปยังต้นเสียงนั้นพร้อมกับตั้งโล่และชักหน้าไม้หรือธนูทดกำลังตามความถนัดของตนออกมาขึ้นมาลำด้วยลูกธนูเจาะเกราะแบบบรรจุกระบอกบรรจุยาสลบ

  อีกยี่สิบเมตร ไม่มีเวลาให้โอ้เอ้แล้วแฮะ

  คิดเช่นนั้นแล้วเด็กชายก็ออกวิ่งไปทันทีพร้อมกับผิวปากดึงดูดความสนใจของอสูรกายสี่ขาให้ไล่ตามมา ต้นไม้น้อยใหญ่เบื้องหลังเริ่มล้มครืนลงพร้อมปรากฏเสียงย่ำใบไม้ของสิ่งมีชิวิตหนักหลายพันกิโลกรัม สัตว์ร้ายร้องคำรามด้วยเสียงกรามลั่นรัวผสมกับเสียงคล้ายคนที่หัวเราะจนคอแหบแห้งจากการดมยาหลอนประสาทมากเกินขนาด

  แม้จะไม่เหลียวหลังไปมองแต่ประสาทการได้ยินอันเฉียบแหลมพอๆ กันก็สามารถรับรู้ได้ว่ามันกำลังวิ่งเข้ามาใกล้มากน้อยแค่ไหน

  ปลาติดเบ็ดแล้ว~

  คิดเช่นนั้นแล้วก็กดรอยยิ้มที่กำลังจะผลิบานลง ประกายแสงสีโลหิตส่องสว่างขึ้นภายใต้หน้ากากสีดำสนิท เวทมนตร์ลดแรงเสียดทานถูกคำนวณขึ้นในจังหวะที่ปากของอสูรยักษ์กำลังจะอ้าออกเพื่อโฉบร่างของเขา แต่เพียงแค่ชั่วพริบตานั้นระยะห่างระหว่างมันและเหยื่อก็เพิ่มมากขึ้นทำให้ภายในปากสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า

  เอนกัลเฟอร์สามารถเคลื่อนที่ได้เร็วสูงสุดถึงยี่สิบเมตรต่อวินาที ซึ่งหากเป็นคนปกติที่ต่อให้สมองจะสูบฉีดสารกระตุ้นประสาทเต็มที่ก็คงหนีได้ไม่เกินสิบวิ หากแต่กายวิภาคของเด็กชายผู้อยู่เบื้องหน้ทของมันนั้นมีความแตกต่างจากผู้คนทั่วไปและเมื่อผสานเข้ากับเวทลดแรงเสียดทานผลลัพธ์มันจึงกลายเป็นการค่อยๆ ทิ้งระยะห่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ 

  เมื่อเห็นแบบนั้นมันจึงหยุดชะงักชั่วสั้นๆ แล้วกระโจนเข้าไปหาหมายจะตะปบเหยื่อด้วยกรงเล็บอันคมกริบประดุจใบมีดผ่าตัด ทว่าก็ราวกับอ่านอนาคตออก เด็กชายกระโดดขึ้นตีลังกากลางอากาศด้วยท่วงท่าอันสง่างาม

  อีกสามร้อยสามสิบเจ็ดเมตรข้างหน้าจะเป็นหน้าผาสูงห้าสิบสองเมตร จะได้ทดสอบว่าเอนกัลเฟอร์สามารถกระโดดได้สูงแค่ไหนก็โอกาสนี้แหละ

  ทันทีที่ปลายเท้ากลับลงมาสัมผัสกับพื้นเด็กชายก็ออกวิ่งต่ออย่างไม่รีรอ ทั่วทั้งร่างกายเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวจากการสูบฉีดเลือดอย่างเต็มที่ของกล้ามเนื้อหัวใจ รอยยิ้มกว้างถูกวาดขึ้นอย่างไม่รู้ตัวอันเป็นผลจากการเสพสารกระตุ้นประสาทที่สมองสั่งให้หลั่งออกมาในปริมาณมาก

  เสียงหัวเราะบ้าคลั่งแผดลั่นออกมาแข่งกับเสียงวิปลาสดุจคนจิตหลุดของเอนกัลเฟอร์

  “แหม~ ถ้าได้แผลสักแผลสองแผลนี่คงช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่านขึ้นอีกเป็นกองเลย~ แต่น่าเสียดายว่าฉันมันไม่ได้บ้าพอขนาดที่จะยอมโดนกรงเล็บอันใหญ่เท่าดาบสั้นข่วนหรือปากที่มีแต่เชื้อโรคพรรค์นั้นของแกกัดหรอกนะ ฮ่าฮ่า~” สิ้นเสียงหัวเรารอยยิ้มพลันเลือนหายแล้วกลับมาเป็นสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม

  ภายในเวลาเพียงแค่ยี่สิบสามวิภาพทิวทัศน์ของหมู่มวลพฤกษาผลัดใบก็ถูกแทนที่ด้วยหน้าผาหินสูงใหญ่ตรงตามความทรงจำ แสงสีแดงส่องประกายออกมาจากหน้ากากอีกครั้งหนึ่ง และในช่วงจังหวะที่ดูคล้ายกำลังจะจนตรอกเด็กชายก็กระโดดขึ้นไปอยู่กลางอากาศทำให้ความพยายามจะตะคุบเหยื่อของเอนกลัเฟอร์ล้มเหลวลงอีกครั้ง

  ดวงตานักล่าสีดุจเพลิงภูตกาลเหลือบขึ้นไปมองร่างที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศเหนือศีรษะตนเกือบสิบเมตร มันใช้กรงเลฌบหน้าทั้งสองเกาะกำแพงผาเพื่อขึ้นยืนสองขาก่อนจะย่อตัวลงแล้วกระโดดขึ้นไปพร้อมกับอ้าปากอันกว้างใหญ่ออกรองับเหยื่อของตน

  “แกนี่หิวขนาดไหนกันนะ”

  ใต้เท้าของเด็กชายเกิดเสียงดังลั่นขึ้นจากการบีบอัดอากาศปริมาณมากเข้ามายังจุดเดียวส่งผลให้เกิดเป็นแรงขับช่วยให้เขาสามารถกระโดดสูงขึ้นไปได้อีกพร้อมกันมันก็ได้สร้างความตื่นตระหนกชั่วสิ้นๆ ให้กับอสูรร้ายสี่ขา

  เสียงกัมปนาทนั้นเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งและอีกครั้งจนในท้ายที่สุดเด็กชายก็สามารถคว้าริมผาไว้ได้แล้วดึงร่างของตัวเองขึ้นไปยืนเหนือพื้นด้านบน ปัดเศษฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงออกแล้วก้มลงไปมองภาพเบื้องล่างด้วยลมหายใจถี่ระรัว

  ภาพของสัตว์ร้ายลำตัวยาวกว่าสี่เมตรและมีร่างกายปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเปลือกไม้ ดวงตาคู่นั้นยังคงจ้องมองมาอย่างมาดร้ายพร้อมกับการแผดเสียงชวนหลอนจิตประหนึ่งกำลังบอกว่าครั้งนี้ขอฝากไว้ก่อน ก่อนจะม้วนตัวเดินกลับเข้าไปยังทิศทางเดิมอย่างไม่คิดจะเสียเวลา

  เห็นดังนั้นจึงควักนาฬิกาพกคล้องโซ่จากกระเป๋าเสื้อนอกออกมาเปิดหน้าปัดเพื่อดูเวลา

  ไม่ถึงสองนาที นับว่าทำเวลาได้ดีทีเดียว

  เพราะหากเทียบกับวิธีการปราบด้วยคนทั้งหน่วยแล้วมันคงต้องใช้เวลาอย่างต่ำก็สิบนาที หรือก็คือใช้เวลาขั้นต่ำเป็นห้าเท่าตัวจากวิธีการนี้

◇

  การเดินทางจากจุดที่ถอนกำลังมายังจุดนัดหมาย หากไม่มีอะไรติดขัดก็จะมาถึงภายในเวลายี่สิบนาทีเหมือนดั่งเช่นครั้งนี้

  ฝูงเหยี่ยวขาวทั้งยี่สิบหกนายวางกำลังปิดล้อมพื้นที่ระหว่างรอรถม้าและเด็กชายเดินทางมาถึง พวกเขารู้จักศักยภาพของเด็กคนนั้นเป็นอย่างดีถึงได้ยอมปล่อยให้ฝั่งนั้นทำตามใจชอบโดยไม่ตั้งข้อกังขาใดๆ แต่ถึงกระนั้นจิตใต้สำนึกก็ไม่อาจจะต่อต้านความรู้สึกผิดในแง่ว่าพวกตนที่เป็นผู้ใหญ่ควรเป็นฝ่ายรับหน้าที่นั้นมากกว่าได้อยู่ดี

  ทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนเป็นถึงอดีตทหารระดับแนวหน้าของจักรวรรดินอร์ทวินด์อันยิ่งใหญ่ แม้ว่าในตอนนี้จะหมดซึ่งความศรัทธาต่อมาตุภูมินั้นแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังคงภูมิใจในผลงานที่พวกตนเคยได้ทำโดยเฉพาะกับการตัดสินใจทรยศประเทศชาติเพื่อปกป้องสิ่งที่ตนรัก ในช่วงเวลานั้นต้องเคยแม้กระทั่งสังหารอดีตเพื่อนร่วมชาติที่ค่อยๆ กลายเป็นบางสิ่งซึ่งห่างไกลจากคำว่ามนุษย์ไปแล้วโดยไม่แม้จะหวั่นเกรง เพราะฉะนั้นกับเพียงสัตว์เดรัจฉานสูงสามเมตรที่มีเก็ดหนาชนิดฟันแทงไม่เข้ามันจึงไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไรหากไม่ติดเรื่องของเวลา

  คิดแล้วก็ช่างน่าขัน ทั้งที่พวกตนมีหน้าที่คุ้มกันลูกของผู้มีพระคุณแต่พอถึงเวลาจริงๆ ก็กลับทำอะไรไม่ได้เพราะคำสั่งดั้งเดิมจากผู้ว่าจ้างวานว่าให้ทำตามความต้องการของเด็กคนนั้นจนถึงที่สุด จึงทำได้เพียงแค่เคารพการตัดสินใจนั้นอย่างเงียบๆ และหาวิธีช่วยเหลือในทางอ้อมเท่าที่ขอบเขตของตัวเองจะทำได้

  “เราควรต่อรองขอเวลาเพิ่มจากหน่วยเกวียนสักหน่อยมั้ยครับ? อย่างน้อยๆ ขอเพิ่มสักหนึ่งนาทีก็ยังดี” ชายหนุ่มผู้เป็นทั้งรองหัวหน้าหน่วยและเป็นหัวหน้าหมวดที่สองเงยหน้าขึ้นไปถามหัวหน้าผู้มีความสูงมากกว่าตนถึงยี่สิบเซนติเมตร

  “ไม่จำเป็นหรอก นาคาซจะมาถึงก่อนเวลาแน่นอน” เสียงลุ่มลึกแลนิ่งสงบอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของชายชราผู้กรำศึกมายาวนานกว่าครึ่งชีวิตตอกย้ำคำถามเดิมรอบเป็นที่สอง

  บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาและนาคาซเป็นศิษย์อาจารย์กันจึงมีลักษณะความไว้วางใจในแบบที่คนนอกมิอาจเข้าใจ แน่นอนว่าทุกคนในหน่วยทั้งหมดก็ล้วนผ่านการฝึกมหาโหดที่ทำคนถอดใจไปกว่าครึ่งร้อยตั้งแต่สามวันแรกจากเขามาก่อนในสมัยที่ยังคงเป็นหัวหอกให้กับนอร์ทวินด์ เพราะฉะนั้นในแง่หนึ่งทุกคนในที่แห่งนี้ก็ล้วนเป็นลูกศิษย์ของอดีตพันโท วินเซนต์ วัลฮีรอฟ วีรบุรุษสงครามผู้ครอบครองเครื่องราชอิสริยาภรณ์แห่งปีเตอร์มหาราชอันเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดตั้งแต่ยังเยาว์วัยผู้นี้

  ทว่ากับเด็กชายนามว่านาคาซนั้นเรียกได้ว่าต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เพราะอดีตพันโทวัลฮีรอฟไม่ได้สอนเพียงแค่เรื่องการต่อสู้หรือเรื่องเกี่ยวกับทหารเพียงอย่างเดียว แต่ยังคงสอนเรื่องการแพทย์อันเป็นศาสตร์ที่จักรวรรดินอร์ทวินด์มีความโดดเด่นมากที่สุดและอีกหลากหลายศาสตร์ที่มีเพียงแค่เพียงแค่เหล่านายทหารระดับสูงเท่านั้นที่จะได้ศึกษา

  อาจจะเพราะแบบนั้นจึงทำให้เขาตระหนักรู้ถึงศักยภาพบางอย่างของเด็กคนนั้นถึงขนาดเชื่อมั่นว่าต่อให้ไม่ต้องขอเวลาเพิ่มก็จะมาถึงได้ทันเวลา

  “มาแล้วนั่นไง” ใบหน้าภายใต้หมวกเหล็กหันไปมองไปยังทางที่พวกตนใช้เดินทางมา

  โครงร่างของเด็กชายผู้สวมหน้ากากปิดบังดวงตาสีดำในชุดกึ่งทางการค่อยๆ ปรากฏเด่นชัดขึ้นทีละน้อย ร่างกายของเขาไม่มีร่องรอยการถูกโจมตีหรือบาดเจ็บ ไม่แม้กระทั่งจะเปื้อนขี้เลนหรือกระทั่งเศษต้นไม้ใบหญ้า แต่กระนั้นสภาพก็เรียกได้ว่าไม่จืดอยู่ดีหากเทียบกับช่วงเวลาปกติ

  เด็กชายแสดงท่าทีอิดโรยออกมาอย่างไม่ปิดบัง ร่างกายแทบจะฟุบล้มลงไปกับพื้นทันทีหากไม่ได้เหล่าเหยี่ยวขาวเข้ามาช่วยประคองร่างไว้แล้วพาไปนั่งพิงต้นไม้ใกล้ๆ

  ชายชราถอดเกราะแขนและถุงมือออก เดินเข้าไปตรวจอาการด้วยการใช้นิ้วสัมผัสตามจุดสำคัญต่างๆ บนร่างกายเพื่อตรวจสอบหาความผิดปกติอันไม่พึงประสงค์

  ชีพจรปกติคงที่ ร่างกายค่อนข้างร้อน ใบหน้าที่แต่เดิมก็ใสจนเห็นเส้นเลือดอยู่แล้วก็แดงก่ำจนเห็นได้ชัดกว่าเดิม แม้ภายนอกจะดูอิดโรยแต่ภาพรวมก็นับว่าไม่ทิ้งห่างจากคำว่าปกติมากนักเรียกว่าอยู่ในระดับที่ไม่ต้องกังวล เพียงแค่ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากกว่าปกติเท่านั้น

  “สภาพไม่จืดเลยนะ”

  “ราคาของความสุขระยะสั้นมันก็แบบนี้แหละครับ”

  เด็กชายรับกระบอกเด็บลูกอมที่อีกฝ่ายยื่นมาให้ก่อนจะเปิดฝาออกแล้วเทกรอกปากจนหมดสิ้น

  ความสุขระยะสั้นคือการเสพสารกล่อมประสาทที่หลั่งออกมาในระหว่างร่างกายกำลังตื่นตัวจากการวิ่งหนีเอนกัลเฟอร์ด้วยความเร็วสุดกำลัง และราคาที่ต้องจ่ายก็คือการเผาผลาญพลังงานปริมาณมากไปเพื่อการนั้น ส่งผลให้ร่างกายยังคงร้อนผ่าวจากการสูบฉีดเลือดเต็มที่เพื่อส่งพลังงานยังกล้ามเนื้อทุกมัดที่ถูกใช้งาน และรู้สึกอิดโรยเพราะปริมาณการหลั่งสารกระตุ้นประสาทลดหลั่นลง

  “งั้นก็ดี เพราะพอเรื่องนี้ถึงหูแม่แกเมื่อไหร่มันก็จะกลายเป็นความทุกข์ระยะยาวแทน”

  เด็กชายกยุดฟันที่กำลังขบเขี้ยวลูกอมเพื่อให้ง่ายต่อการดูซึมแล้วแสดงสีหน้าแหยงขั้นสุด

  “ขอร้องเถอะครับ วิ่งหนีไอตัวพรรค์นั้นยังน่ากลัวน้อยกว่าเวลาต้องวิ่งหนี ‘เอ็น เคอร์เปอร์โปรเบลม’ ของแม่อีกนะครับ”

  “ก็ราคาที่ต้องจ่ายไง” น้ำเสียงนิ่งเรียบของชายชราทำให้เด็กชายหยุดชะงักไปชั่วขณะอย่างไม่อาจหาคำอธิบายสีหน้าได้อย่างถูกต้อง ราวกับว่าทั้บทึ่งและสิ้นหวังในเวลาเดียวกัน

 

  เมื่อเข็มนาฬิกาพกของทุกคนหยุดนิ่งลงที่เลขสิบสองอีกครั้ง เกวียนจำนวนสองคันสำหรับขนย้ายกำลังพลก็เดินทางมาถึงตรงตามเวลาที่กำหนด

  มันเป็นเกวียนขนส่งอเนกประสงค์ตามแบบมาตรฐานจึงไม่อาจพูดได้ว่านั่งสบายเหมือนกับรถม้าโดยสาร แต่ก็แลกมากับพื้นที่กว้างขวางมากพอให้หลายคนสามารถนอนเอนหลังได้อย่างสบายใจ ท้องนภาสีครามปลอดโปร่งถูกประดับด้วยสีหมู่เมฆาสีขาวที่มีอยู่อย่างเบาบาง สายลมเอื่อยพัดผ่านขับกล่อมให้หลายคนตกลงสู่ห้วงนิทราแะนเงียบสงบ

  ทหารนั้นหากมีโอกาสก็ควรจะพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจอันอ่อนล้า เพราะในยามสงครามเฉกเช่นเดียวกับสมัยที่พวกเขายังคงต่อสู้เพื่อขยายม่านเหล็กของจักรวรรดินอร์ทวินด์นั้นไม่มีใครรู้ว่าจะได้พักผ่อนอย่างสบายใจได้อีกเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้นหากได้รับโอกาสแล้วก็ควรจะคว้าไว้อย่างไม่ลังเล

  แม้จะได้รับโอกาสในการใช้ชีวิตโดยห่างเหินจากแนวหน้าและกลิ่นคาวเลือดมายาวนานกว่าสิบปีแล้วก็ตาม แต่พฤติกรรมลักษณะนี้ก็ยังคงฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของทุกคน เหล่าอดีตทหารผู้ถูกขนานนามว่าเป็นคนทรยศชาติ

  “แล้วแกไม่หลับเหรอ?” ชายชราผู้ครอบครองเรือนผมสีขาวมัดรวบเป็นทรงหางม้าสั้นๆ หันไปถามลูกศิษย์ผู้กำลังนั่งทำสมาธิอยู่ข้างกาย

  ดวงตาสีโลหิตซึ่งมีรูม่านตาเป็นขีดวางตัวเป็นแนวตั้งคล้ายกับสัตว์นักล่าอันเป็นเอกลักษณ์ของอสรพิษเบิกขึ้นอย่างช้าๆ ก่อนจะแหงนหน้ามองไปยังต้นเสียงนั้น

  “ไม่ล่ะครับ ร่างกายผมกลับมาอยู่ในสภาวะปกติแล้ว ขืนหลับไปตอนนี้มีแต่จะนาฬิกาชีวิตจะพังเปล่าๆ ”

  “งั้นเหรอ แล้วคิดว่าวันนี้เป็นยังไงบ้าง?”

  “เรื่องอะไรเหรอครับ? แผนที่หรือเอนกัลเฟอร์”

  “ทั้งคู่นั่นแหละ”

  “เรื่องแผนที่ก็เหมือนกับทุกๆ ครั้งนั่นแหละครับ ไม่มีอะไรพิเศษทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ”

  “แล้วเอนกัลเฟอร์ล่ะ?”

  “ผ่านมาได้ง่ายเกินไปครับ ซื่อตรงไร้เล่ห์เหลี่ยมอีกทั้งยังมีขนาดแค่ระดับกลางๆ ผิดกับตัวที่พวกเราเคยเจอเมื่อสิบสามเดือนก่อน ผมคิดว่ามันคงยังโตไม่เต็มวัยดีบวกกับยังขาดประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับมนุษย์ครับ”

  “แล้วไม่ดีเหรอ?”

  แม้จะถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนเป็นการสนทนาปกติแต่ในแง่หนึ่งมันก็ไม่ได้หมายความตรงตามตัวอักษรขนาดนั้น สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่คำตอบเพียงแค่ว่าดีหรือไม่ดีเพียงอย่างเดียว

  ให้ตายเถอะ ไม่ยอมให้ปล่อยตัวสบายได้ง่ายๆ เลยสินะ

  “มันค่อนข้างหมิ่นเหม่น่ะสิครับ เพราะในแง่การถอนกำลังมันก็เป็นเรื่องดีที่เจอของเคี้ยวง่ายทำให้ไม่เสียเวลามากเกินจำเป็น แต่ประสบการณ์ที่ได้รับมันน้อยกว่าที่คาดไว้อยู่เยอะด้วยเหมือนกัน สรุปถ้ามองภาพรวมมากกว่าแค่เรื่องความเอาแต่ใจของผมคนเดียวแล้ว ผมมองว่ามันก็กลางๆ ค่อนไปทางดีครับ”

  “ถ้าว่างั้นก็ตามนั้น แค่กะว่าถ้าแกยังสนุกไม่สมใจฉันก็กะจะเป็นคู่มือให้สักหน่อยตอนกลับถึงฐาน”

  “ปล่อยให้ผมได้ใช้เวลาพักผ่อนสบายๆ เถอะครับ”

  “ตอนนี้ก็ทำแบบนั้นได้นี่?”

  ชายชรากล่าวเสียงใสพร้อมวาดยิ้มอ่อนที่มองจากภายนอกไม่ค่อยออกเพราะใบหน้าถูกปกคลุมด้วยหนวดเคราที่ถูกตัดแต่งดูแลอย่างดี แต่กระนั้นนาคาซที่สังเกตเห็นรอยยิ้มนั้นก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมาพร้อมกับเสียงครวญครางลากยาวราวกับสื่อทำนองว่าช่วยปล่อยไปเถอะออกมาอย่างไม่ปิดบัง

  “ล้อเล่น ไปถึงก็พักผ่อนให้เต็มที่เถอะเพราะพรุ่งนี้มีงานใหญ่รอแกอยู่”

  งานที่ว่านั้นคือการนำเสนอแผนที่ของชายแดนแวนด์ที่พึ่งจะวาดเสร็จสดๆ ไปเมื่อไม่ถึงสองชั่วโมงก่อนให้กับเหล่าเสนาธิการกองทัพภาคตะวันออกอันเป็นผู้จ้างวานในภารกิจนี้ที่กินระยะเวลายาวนานถึงหนึ่งปี

  แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเมื่อเทียบกับงานที่มีลักษณะคล้ายกันอย่างแผนที่มุมสูงของเมืองอิโมล่าที่โมน่าแห่งวินซี่ใช้เวลาในการวาดยาวนานกว่าสามปีแล้ว งานนี้ก็นับว่าเสร็จเร็วกว่าตั้งสองปีแถมอยู่ในระดับที่ทั้งใหญ่และละเอียดกว่า ส่วนหนึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้กับอุปกรณ์ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะผสมกับการใช้เวทมนตร์ในการช่วยอำนวยความสะดวกในหลากหลายด้าน แตกต่างกับเมื่อร้อยกว่าปีก่อนที่นอกจากการใช้เวทมนตร์จะเป็นเรื่องต้องห้ามถึงตายแล้ว อุปกรณ์ต่างๆ ก็ยังไม่เอื้ออำนวยเท่ายุคสมัยปัจจุบัน

  เพราะฉะนั้นโมน่าแห่งวินซี่ผู้ซึ่งเป็นคนคิดค้นการวาดแผนที่มุมสูงและผลงานอีกมากมายนับไม่ถ้วนจึงสมควรถูกยกย่องให้เป็นบุคคลที่น่านับถือในฐานะนักประดิษฐ์และศิลปินผู้ยิ่งใหญ่อย่างไม่มีข้อกังขา

  “จริงๆ ก็ไม่น่าจะมีอะไรให้กังวลขนาดนั้นมั้งครับ? เพราะพวกหัวหน้าเสธ.ฝ่ายต่างๆ ก็น่าจะเคยเห็นบางส่วนของแผนที่นี้กันมาก่อนแล้วด้วยแถมยังออกคำสั่งให้เริ่มทดลองใช้งานทั้งที่ยังวาดไม่เสร็จอีกต่างหาก”

  ถึงจะไม่ได้เห็นด้วยกับวิธีการนั้นก็ตาม แต่พอเห็นผลลัพธ์จากการสัมภาษณ์พวกหมาป่าว่าออกมาในแง่บวกอย่างมากแล้วก็นับว่าเป็นการช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้นเป็นกอง

  “ถ้าแกมองอย่างนั้นก็ดีไป”

  แม้จะไม่ได้เอ่ยออกมาตรงๆ แต่น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำกว่าปกติเล็กน้อยก็เป็นการเตือนว่าอย่าได้ชะล่าใจ เพราะไม่ว่าสิ่งใดที่มันผิดพลาดได้มันก็จะผิดพลาด แม้ว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นมันจะน้อยนิดก็ตาม

  “คร้าบ~”

Next
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "ตอนที่ 1 เด็กชายและฝูงเหยี่ยวพลัดถิ่น"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • BLOG
  • CONTACT US
  • ABOUT US
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved

Sign in

Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Sign Up

Register For This Site.

Log in | Lost your password?

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF

Lost your password?

Please enter your username or email address. You will receive a link to create a new password via email.

← Back to cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF