Commanding Wind and Cloud - ตอนที่ 106
ตอนที่ 106 :เวทย์มนตร์เสริมพลัง,ค้อนที่เปลี่ยนไป
ลิงหนังเขียวสามแขนถูกเตะตรงท้องเช่นกัน ร่างของมันขดเป็นกุ้งง่อพร้อมกระอักเลือด แค๊ก! เสียงกระดูกแตกดังออกมา ขาเฉินจิ้นที่เตะท้องลิงได้หักกระดูกซีโครงมันไปสองสามซี
หลังจากพลังงานนักรบไหลผ่านหน้าอกของเขาความเจ็บปวดก็ค่อยๆหายไปทำให้เฉินจิ้นรู้สึกเย็นสบายสดชื่น! ความแรงในการโจมตีอันแข็งแกร่งจากกายาเมฆาวายุทองคำนั้นสูงกว่าลิงหนังเขียวสามแขน!
สีหน้าของลิงหนังเขียวสามแขนดูน่าเกลียดมาก ความเจ็บปวดทำให้มันยิ่งอาราวาดมากขึ้นไปอีก ผิวตรงหน้าผากของลิงหนังเขียวสามแขนมีลักษณะลึกลับเหมือนโลหะ ได้ส่องสว่างขึ้นพร้อมเส้นเลือดที่โป่งพองขึ้นทั่วแขน
เวทย์มนตร์เสริมพลัง?
ความรู้สึกปราดใจกระพริบผ่านดวงตาเฉินจิ้น
มีสัตว์อสูรอยู่สองประเภทในโลก หนึ่งคือประเภทโจตตีทางกายภาพ ลิงหนังเขียวสามแขนอยู่ในประเภทนี้ ตามล่าหาอาหารโดยใช้ร่างกายอันแข็งแกร่ง
อีกประเภทคือสัตว์อสูรอย่าง ตามาร ที่สามารถร่ายเวทได้โดยใช้พลังวิญญาณ
สัตว์อสูรทุกตัวมีความแข็งแกร่งและพลังวิญญาณต่างกัน อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่าพลังเวทย์มนตร์ในแกนเวทนั้นต่างกัน พวกมันเหมือนกันทั้งหมด
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือความสามารถของตามาร ใช้พลังวิญญาณจากแกนเวทย์ในขณะที่ความสามารถของลิงหนังเขียวสามแขนดึงพลังเวทจากแกนกลางของตัวมันเอง
เวทย์มนตร์เสริมพลังเป็นคาถาเวทย์เพียงอย่างเดียวที่ลิงหนังเขียวสามแขนสามารถใช้ได้! พวกมันสามารถใช้พลังเวทอันเล็กน้อยจากแกนเวทย์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างมาก แม้แต่จอมปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่มีพลังเวทมากกว่าร้อยครั้งเมื่อเทียบกับลิงหนังเขียวสามแขน ก็ไม่สามารถใช้คาถาพิเศษอันนี้ได้
“ น่าเสียดาย…มันไม่ใช่หนังสีน้ำเงิน…” เฉินจิ้นแสดงความตื่นเต้นในเสียงของเขา “ ลิงหนังเขียวสามแขนสามารถใช้เวทย์มนต์ระดับ 1ได้เท่านั้นและมันจะเพิ่มความแข็งแกร่งประมาณหนึ่งร้อยปอนด์ ถ้าหากมันพัฒนากลายเป็นลิงหนังน้ำเงินสามแขน เวทย์มนต์จะเพิ่มความแข็งแกร่งของมันประมาณสามร้อยปอนด์! ถ้าข้าสามารถเรียนรู้คาถาเสริมพลัง … “
ลิงหนังเขียวสามแขนปล่อยเสียงคำรามดังลั่นขณะวิ่งไปตามพื้นหิมะ เท้าของมันทิ้งรอยไว้ตามพื้น เมื่อมันพุ่งเข้าไปในระยะมันยกแขนทั้งสามข้างเหวี่ยงใส่เฉินจิ้นเต็มแรง
“ อ่อนหัด…แค่นี้ทำอะไรไม่ได้หลอกนะ!”
ปัง! เฉินจิ้นยกแขนขวาขึ้นขณะที่แขนอีกข้างบล็อกหนึ่งหมัดจากลิงหนังเขียวสามแขน เขาบิดข้อเท้าออกแรงยันพื้นหมุนเอวรวมพลังทั้งหมดไว้ในแขนขวา หลังจากรวมพลังงานนักรบแล้วเขาก็ปล่อยหมัดที่ทรงพลังที่สุดของเขาออกมา หมัดนั้นกระแทกกำปั้นของลิงหนังเขียวสามแขนทุบกระดูกนิ้วแตกออกเป็นชิ้นๆ เสียงแตกหักของกระดูกเป็นเพียงเสียงเดียวที่สะท้อนในสนามรบ
นิ้วของคนและสัตว์ทุกชนิดมีเส้นประสาทรับความรู้สึกมากมาย! ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่มาจากนิ้วมือทำให้หมัดอีกสองข้างของลิงหนังเขียวสามแขนช้า เฉินจิ้นบิดข้อเท้าไปในอีกทางหนึ่ง ในพริบตาเขาได้ขยับร่างกายไปทางด้านข้างของลิงหนังเขียวสามแขนเหมือนงูเลือยตามพื้น ขาข้างขวาของเขายันเพื่อให้ร่างกายของเฉินจิ้นล่อยขึ้นไปในอากาศ พร้อมจับไหล่ลิงหนังเขียวสามแขนแล้วดึงร่างเข้าไปหาลิงหนังเขียวสามแขน ร่างของเฉินจิ้นร่อนลงบนไหล่ลิงหนังเขียวสามแขน เขานั่งอยู่บนคอของลิงราวกับว่าเป็นลูกลิงที่พร้อมจะไปเล่นที่สวนสนุก อย่างไรก็ตามสถานการณ์ไม่ได้อบอุ่นเช่นนั้น หลังจากที่เฉินจิ้นนั่งอยู่บนคอลิงหนังเขียวสามแขน เขากระแทกหมดใส่ด้านหลังศีรษะของลิงหนังเขียวสามแขนทันที
ปัง! แค๊ก … ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเฉินจิ้นพร้อมกับพลังงานนักรบระดับ 10 ของเขา เปิดกะโหลกด้านหลังหัวลิงหนังเขียวสามแขน ร่างขนาดใหญ่ของมันไม่สามารถทนการโจมตีอย่างกะทันหัน ร่างของมันล้มไปข้างหน้าแต่แขนทั้งสามของมันพยามดันพื้นเพื่อนให้ร่างกายลุกขึ้น……
เฉินจิ้นได้ฝึกตีค้อนนับครั้งไม่ถ้วนในโลกไรจุดจบดังนั้นจึงใช้โจมตีใส่ศัตรูได้อย่างหนักหน่วง เขาก้าวตามไปข้างหน้าทันทีพร้อมเตะไปที่หัวลิงหนังเขียวสามแขน จากนั้นเหยียบลงบนพื้นเพื่อดันตัวไปข้างหน้าขณะกระทืบกระดูกสันหลังลิงหนังเขียวสามแขนที่กลิ้งอยู่บนพื้นอย่างแรงด้วยขาข้างซ้าย! กระดูกสันหลังแตกทันที!
แค๊ก … แค๊ก แค๊ก แค๊ก แค๊ก…
ดูเหมือนได้ยินเสียงแห่งความตายพร้อมเสียงกระดูกร้าว ประกายในดวงตาลิงหนังเขียวสามแขนจางหายไปอย่างรวดเร็ว แขนขาทั้งห้าของมันแผร่ไปกับพื้นอย่างไรเรียวแรง ดูเหมือนคนที่ล้มบนพื้นน้ำแข็งแล้วลุกไม่ขึ้น
ร่างของมันกระตุกไม่กีทีก็หยุด เลือดไหลออกจากปากจนในไม่ช้าย้อมหิมะสีขาวรอบตัวกลายเป็นสีแดง
ดวงตาที่เกือบจะหลุดออกจากเบ้าเนื่องจากแรงกระแทกอันหนักหน่วงดูเหมือนภาพสะท้อนความรู้สึกก่อนที่มันจะตาย ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเกิดขึ้นได้ ดวงตาของมันค่อยๆปิดชีวิตเล็กๆของมันก็ลอยหายไปจากโลก
โซเฟียยืนนิ่ง มองดูเฉินจิ้นที่ยืนอยู่ข้างๆลิงหนังเขียวสามแขนด้วยความตกใจ นางลืมแม้กระทั่งพื้นฐานะของนักผจญภัย นางควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าศัตรูของนางตายไปแล้วจริงๆ
เมื่อมาถึงจุดๆนี้โซเฟียสงสัยว่านางกำลังฝัน ในเวลาเพียงพริบตาเฉินจิ้นฆ่าหมาป่าหลายตัว ขับไล่ฝูงหมาป่าพร้อมฆ่าลิงหนังเขียวสามแขนด้วยมือปล่าว! ใช้! เขายังไม่ได้ใช้ดาบเชียวดาบ ใช้แค่มือปล่าวล่วนๆ!
“แค่นี้งันหรอ? ลิงหนังเขียวสามแขนทำได้แค่นี้เองหรือ?” เฉินจิ้นส่ายหัวด้วยความผิดหวัง “ ใครบอกว่านักรบระดับ 10 ทำได้แค่วิ่งหนีเท่านั้นเมื่อเจอสัตว์อสูร? สัตว์อสูรเพิ่งถูกข้าใช้แค่หมัดปล่าวๆ ก็ลมได้แล้ว”
โซเฟียส่ายหัวอย่างแรงราวกับว่านางกำลังพยายามที่จะตื่นขึ้นจากความฝัน นางมองเฉินจิ้นพร้อมรอยยิ้มอันขมขื่นบนใบหน้าขณะคิดว่า“ เจ้าคิดว่านักรบระดับ 10 ทุกคนเหมือนกันหมดหรอ? ข้าเคยเห็นนักรบระดับ 10 สู้กับสัตว์อสูร นักรบทำได้แค่วิ่งไปรอบๆขณะสัตว์อสูรไล่ล่า”
เฉินจิ้นใช้ดาบเชียงดาวตัดเปิดร่างลิงหนังเขียวสามแขนพร้อมกับหยิบคริสตัลสีเขียวออกมา คริสตัลมีขนาดประมาณกำปั้นของเด็กทารกพร้อมเลือดติดอยู่
แกนเวท! มันเป็นของมีค่าที่สุดในร่างกายลิงหนังเขียวสามแขน
“ แกนเวท…เฮ่…ข้าไม่คาดว่าจะได้แกนเวทแบบนี้” เฉีนจิ้นยิ้มเมื่อเขามองลงไปที่แกนเวทในมือ สำหรับนักเวทย์สิ่งนี้สามารถช่วยพวกเขาในการต่อสู้และมันสามารถช่วยได้อย่างมากเมื่อกำลังฝึกพลังวิญญาณและพลังเวท มันเป็นเหมือนกับหินพลังงานนักรบ
“ ข้าไม่แน่ใจว่าจะได้รับหินพลังงานนักรบระดับใหนเมื่อเอาแกนเวทนี้ไปแลก…”
เฉินจิ้นพูดกับตัวเองอย่างแผ่วเบา นักรบสามารถใช้แกนเวทได้สี่วิธี หนึ่งนักรบสามารถแลกเปลี่ยนเป็นหินพลังงานนักรบ สองนักรบสามารถขายมันแลกกับเงินและสนุกกับชีวิต สามนักรบสามารถใช้มันเพื่อขอความช่วยเหลือจากนักเวทย์เมื่อต้องการ สี่ถ้านักรบเป็นช่างตีเหล็กระดับสูงสามารถสร้างอาวุธเวทที่หายากและทรงพลัง!
“อาวุธเวท…” เฉินจิ้นเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในพร้อมกับถอนหายใจ คนเดียวที่สามารถสร้างอาวุธเวทได้คือ ปรมาจารย์หลอมเวทมนต์ มันต้องการมากกว่าแค่เทคนิคของระดับปรมาจารย์หลอม มันต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับค่ายกลเวทและเทคนิคระดับสูงเช่นการฝังเวทแกะสลัก ตามเกณฑ์ทั้งหมดเหล่านี้ ช่างตีเหล็กถึงสามารถลองสร้างอาวุธเวทด้วยแกนเวทได้
“ ปรมาจารย์หลอมเวทมนต์…” เฉินจิ้นสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดแล้วคิดในใจเล็กน้อย“ หลังจากที่ข้าเรียนรู้เทคนิคการตีเหล็กระดับสูงทั้งหมดจากเบลคและชํานาญพวกมันทั้งหมดแล้วข้าควรมีโอกาสเริ่มเรียนเกี่ยวกับเทคนิคการตีเวท! มีบ้านหลายหลังตั้งอยู่ริมถนนหมู่บ้านในโลกไรจุดจบที่สอนวิชาและทักษะ เช่นการฝังเวทแกะสลัก แต่ข้าจะสามารถเรียนรู้มันทั้งหมดได้หรือ”
เฉินจิ้นใช้หิมะบนพื้นเพื่อล้างเลือดทั้งหมดออกจากแกน จากนั้นก็ลากศพลิงหนังเขียวสามแขนไปที่ทางเข้าถ้ำ หลังจากที่วางศพแล้วจึงหันไปดูรอบๆขณะพูดกับตัวเอง “ในที่สุด! ข้าได้สร้างอณาเขตจนได้! ในที่สุดข้าไม่ต้องห่วงเรื่องที่จะเข้าโลกไรจุดจบแล้ว!”
แสงแดดอันอบอุ่นส่องประกายอยู่ทุกมุมในหมู่บ้านที่เงียบสงบ มีควันจากการปรุงอาหารลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า มันเป็นเวลาสำหรับทานอาหารเช้า
เฉินจิ้นยืนอยู่บนถนนอันเงียบสงบของหมู่บ้านในโลกไรจุดจบราวกับว่าเขาหายไปจากที่นี้มานาน ก่อนหน้านี้เพื่อเข้าสู่โลกไรจุดจบ เขารีบกินเนื้อรมควันสองสามชิ้นอย่างเร็วแล้วสวมหมวกไปนอน เด็กสาวสองคนมองเขาอย่างกับตัวประหลาด
เฉินจิ้นรีบวิ่งไปที่ร้านช่างตีเหล็กของเบลคอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อเขาก้าวเท้าเข้ามาในโรงหลอม
“ โอ้ เจ้ามาแล้วเหรอ?”
ทันใดนั้นเสียงของเบลคดังขึ้นมาจากด้านหลังประตู เฉินจิ้นกลัวเบลคโกรธจริงๆที่หายไปนาน เขาไม่รู้สึกกลัวใดๆเมื่อเผชิญหน้ากับลิงหนังเขียวสามแขน
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเผชิญหน้ากับเบลค เฉินจิ้นรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสของตระกลู เขากลัวว่าเขาจะทำอะไรผิดพลาดแล้วทำให้เบลคผิดหวัง
เฉินจิ้นรู้สึกไม่สบายใจมากแล้วตั้งแต่เขาไม่มาโรงหลอมของเบลคหลายวัน เขาไม่กลัวว่าเบลคจะไม่สอนเขาเกี่ยวกับการตีเหล็กและเทคนิคต่างๆ แต่เขากลัวที่จะเห็นความผิดหวังในดวงตาของเบลค
หลังจากเฉินจิ้นล้มเหลวในพิธีปลุกสายเลือด มีความคิดอยู่เสมอว่าจะไม่ทำให้คนที่เขารักผิดหวังอีกแม้ว่ามันจะเป็นเพียงช่วงเวลาชั่วครู่
เบลคเดินออกมาจากด้านหลังประตูอย่างไรเรียวอ่อนแรง แต่ทันทีที่เขาเห็นเฉินจิ้นดวงตาของเขาที่ดูเหนื่อยล้าก็พันสดใสขึ้นทันที ความประหลาดใจโผล่ออกมาจากใบหน้าของเขา การเคลื่อนไหวของเขาสงักเล็กน้อย ปากของเขาเปิดขึ้นขณะพูดว่า“ ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลทำให้เจ้าไม่ได้มาในหลายวันนี้ ในฐานะนักรบข้าเข้าใจมัน”
เฉินจิ้นก้มลงและโค้งคำนับขณะตอบ“ ข้าขอโทษ”
เบลกมองไปที่เฉินจิ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยภูมิปัญญาเหมือนว่าสามารถมองผ่านได้ทุกสิ่ง แต่มันไม่เหมือนกับเฉินเวนวู วิธีที่เบลคมองเฉินจิ้นดูเหมือนจะเป็นผู้อาวุโสมองดูคนรุ่นหลัง
“ ไม่เลว หัวใจเจ้าบริสุทธิ์มาก” เบลคผงกศีรษะด้วยรอยยิ้มอันยินดีที่ปรากฎบนใบหน้า เขาหยิบค้อนที่มีน้ำหนักสามร้อยปอนด์และโยนมันให้เฉินจิ้น “ ไปฝึกต่อเถอะ”
เฉินจิ้นชั่งน้ำหนักค้อนในมือของเขาแล้วมองไปที่ค้อนสี่ร้อยปอนด์ จากนั้นเขาก็มองเบลคในขณะลังเลที่จะพูด
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้ เฉินจิ้นจะเปิดปากพูดโดยตรงว่าเขาต้องการเปลี่ยนค้อน แต่เนื่องจากเขาไม่ได้มาที่นี่เป็นเวลานานและรู้สึกว่ามันเป็นความผิดของเขา เขาค่อนข้างที่จะอายที่จะบอกเบลค
เบลคกำลังเดินจากไป แต่เขาหันกลับมามองเฉินจิ้นเมื่อเขาไม่ได้ยินเสียงการตีเหล็ก ความอยากรู้ปรากฏขึ้นเล็กน้อยในดวงตาเมื่อเขาเห็นการแสดงออกของเฉินจิ้น “ ข้าทำผิดพลาด? สามร้อยปอนด์ไม่เพียงพอหรือ?” เขาคิด
“ เจ้าต้องการใช้ค้อนที่หนักกว่านี้?” เบลคหยิบค้อนขึ้นมาแล้วโบกไปมา
“ ใช่!” เฉินจิ้นพยักหน้าอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะสามารถใช้ค้อนสามร้อยปอนด์ได้ดี แต่มันไม่ได้ช่วยให้เขาในแง่ของการพัฒนาความแข็งแกร่งและเทคนิค อีกทั้งมันก็เบาไปหน่อย