Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 262
Chapter 262: ขาย
มันอันตรายเป็นอย่างยิ่งที่ปลาหลีสักตัวจะกระโดดลอดประตูมังกรแม้ว่ามันจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนร่างไปเป็นมังกร
และมันยังอันตรายเป็นพิเศษสําหรับฟางหยวนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้น ฟางหยวนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้เคล็ดเบี้ยวมังกรเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้หลังจากบรรลุผ่านได้
มันเรียกว่าเขียวมังกรเพราะว่ามันรับรองโอกาสในการมีชีวิตอยู่ของผู้ใช้ มันจะรักษาพลังชีวิตของผู้ใช้เอาไว้ และในพริบตา เขาก็ใช้พลังธาตุจนหมดแล้วเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นปลาหลีสีดํายาวเพียงฉื่อเดียว
ในอีกทางหนึ่ง อาการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาก็ลดลงไปกว่าครึ่ง
“เพราะว่าข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินไปในครั้งนี้ ข้าจะต้องคงเคล็ดเบี้ยวมังกรเอาไว้อีกสักระยะหนึ่ง เมื่อมันจบลง ข้าก็จะสามารถทะลวงสู่การเปลี่ยนร่างครั้งที่สี่ได้อย่างราบรื่น…”
ผิวของเขาดูเป็นสีเทา ขณะที่หน้าต่างสถานะของเขาถูกผนึกเอาไว้ และได้แต่พึมพํากับตัวเอง
หากเป็นปิศาจตนอื่น ๆ ก็คงจะตายตกไปแล้วเมื่อต้องพบกับประสบการณ์เช่นนี้หลังจากบรรลุระดับ ต่อให้พวกเขาโชคดีพอที่จะหนีพ้นความตายได้ ก็ยังต้องอยู่ในสภาพที่สูญเสียความหวังทั้งมวล เป็นป้า หรือกลายร่างไปเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นที่ต่างออกไป
ต้องขอบคุณความรู้กว้างขวางของตัวเขาเองและค่าสถานะสูงที่เขาสามารถรอดจากอุปสรรคมาและยังรักษาสภาพจิตใจเอาไว้ได้
“แม้ว่าข้าจะรอดพันอันตรายครั้งนี้มาได้…สภาพอ่อนแอเป็นเวลานานก็อาจจะนําไปสู่การตายของข้าก็ได้”
เมื่อฟางหยวนเห็นจระเข้ตัวหนึ่งว่ายน้ําผ่านไป เขาก็สะบัดหางว่ายน้ําห่างออกมาอย่างรวดเร็ว
หากนี่เป็นก่อนหน้าที่เขาจะอ่อนแรงเช่นนี้ จระเข้อาจจะถูกเขากินลงไปก็ได้ แต่เขาไม่สามารถสู้มันได้จริง ๆ ในตอนนี้
มันก็คงน่าตลกเกินไปแล้วหากเขาจะรอดชีวิตมาได้หลังจากล่วงเกินเทพวารีไป แล้วยังสังหารฮาฮาเอ่อร์ กระโดดข้ามประตูมังกร เพียงเพื่อมาถูกจระเข้ธรรมดา ๆ ตัวหนึ่งฆ่าตาย
กระแสน้ําในแม่น้ําอันนั้นไหลเร็วและยังแตกต่างจากทะเลสาบฉีอันสงบอย่างมาก โชคดีที่ฟางหยวนสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ มันยังเป็นข้อได้เปรียบในการคงเคล็ดเบี้ยวมังกรเอาไว้
เทพวารสั่งให้ตามล่าปลาหลีดําตัวยาวสามดื้อ ที่มีความแข็งแกร่งและยังมีความสามารถในการควบคุมวารี นี่แตกต่างไปจากสภาพของเขาตอนนี้ราวกับหน้ามือและหลังมือ เคล็ดเบี้ยวมังกรทําให้เขาไม่เป็นที่สังเกตแม้แต่กับปีศาจที่มีพลังตัวตนของเขาตอนนี้นั้นดูไร้อันตราย
“อืม ข้าควรจะใช้โอกาสนี้ปักหลักอยู่ในแม่น้ําอัน หลังจากนั้น ข้าสามารถเดินทางตามแม่น้ําสู่แหล่งกําเนิดและค้นหาทะเลสาบจนถึง!”
ฟางหยวนเตรียมตัวเดินทางต่อ
อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าทะเลสาบจนถึงนั้นเชื่อต่อกับแม่น้ําอัน หากเทียบในด้านขนาด ทะเลสาบจนถึงยังใหญ่กว่าทะเลสาบ มันอาจจะเรียกได้ว่าเป็นทะเลในแผ่นดิน!
แน่นอนว่า มันยังอยู่ไกลมาก เหมือนกับเขาเดินทางจากดินแดนทางเหนือสู่ดินแดนทางใต้เลย!
“ข้าควรจะใช้เวลาสักหลายวันในการฟื้นฟูก่อนที่จะเริ่มเดินทางอีกครั้ง”
ฟางหยวนมองรอบ ๆ ตัว จู่ๆ เขาก็สะบัดหางแล้วเข้าไปซ่อนอยู่ในพุ่มสาหร่าย
ครึ่งเดือนให้หลัง
“ผลของเคล็ดเบี้ยวมังกรจะหมดไปในเร็ว ๆ นี้ ข้าควรจะฉวยโอกาสที่ข้ายังอยู่ในสภาพนี้ออกเดินทาง!”
มีอันตรายซ่อนอยู่รอบตัวเขา นอกจากจะมีปิศาจน้ําผ่านไปมาเป็นประจําแล้ว ฟางหยวนยังได้ยินว่าเทพวารีแห่งทะเลสาบฉีสั่งการให้จับกุมปลาหลีดําตัวยาวสามสื่อและยังร้องขอความช่วยเหลือจากปิศาจในแม่น้ําอันด้วย เขารู้สึกไม่สบายใจและตัดสินใจออกจากที่ซ่อนตอนนี้ของเขาเพื่อหาที่ซ่อนตัวใหม่ที่ข้างหน้า
ด้วยสภาพภายนอกของเขาตอนนี้และยังความสามารถในการผนึกรัศมีพลังของตัวเอง เขาย่อมไม่ดูน่าสงสัย ต่อให้ถูกตรวจสอบด้วยเจตจํานงเวทย์
“แค่ว่ายน้ําไปเรื่อย ๆ ว่ายน้ําไปเรื่อย ๆ… บัดซบจริง ความเร็วในการว่ายน้ําของปลาหลีธรรมดามันช้าเกินไปแล้ว!!!”
ฟางหยวนนั้นหมดแรงเมื่อในที่สุดก็มาถึงปากแม่น้ําอัน มันเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ที่กระแสน้ําไหลอย่างช้า ๆ
“อืม ตรงนั้นมีใครอยู่”
แม่น้ํากว้างมาก มีเบ็ดถูกโยนลงมาในแม่น้ําจากทั้งสองฝั่ง เหมือนมีใครกําลังตกปลาอยู่
“เป็นไปได้ไหมว่า… ในที่สุดข้าก็จะได้พบมนุษย์ในโลกแห่งนี้แล้ว? ข้าเกือบจะคิดว่าโลกนี้นั้นมีแต่ปีศาจ และสัตว์วิญญาณ!”
ฟางหยวนรู้สึกยินดีจริง ๆ เขาเลาะไประหว่างเบ็ดแต่ละอันและบางครั้งยังหยุดกินปลาเหยื่อที่เบ็ดก่อนที่จะกระตุกเบ็ดอย่างดีใจ
“อืม ตอนนี้ข้าอิ่มแล้ว ข้าควรจะออกเดินทางต่อ”
เขาเรอออกมาและเตรียมว่ายน้ําจากไป ทันใดนั้น เขาก็นิ่งไป
ปลาหลีตัวหนึ่งตัวยาวกว่าสิบฉือที่กําลังออกหาอาหาร เมื่อมันเห็นฟางหยวน มันก็พุ่งเข้าใส่
“ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ข้าคงจะฆ่าเจ้าด้วยศรน้ําดอกเดียวแล้ว!”
ฟางหยวนร้องออกมา ก่อนจะหนีไป
ในสภาพอ่อนแอเช่นนี้ เขาก็เป็นแค่ปลาหลีดําธรรมดาตัวหนึ่ง ที่มีความเร็วในการว่ายน้ําปานกลาง เขาแทบจะถูกปลาหลีตัวนั้นจับได้หลายครั้ง ก่อนที่ในที่สุดจะเข้าไปซ่อนในกอสาหร่ายทัน
เขาพบอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนที่จะพบน้ําวนซ่อนอยู่ด้านบน และรู้สึกยินดียิ่งนัก “ตัวบัดซบเอ๊ย!”
เขาตั้งสมาธิและพุ่งผ่านน้ําวนออกไปทันทีที่เขาเห็นกระแสน้ําหยุดชั่วคราว ปลาหลีที่ตามติดอยู่ด้านหลังเขานั้นหลุดเข้าไปในกระแสน้ําวนและถูกพัดไปที่ใดก็ไม่รู้
“โง่ ๆ อย่างเจ้าอยากจะกินข้างั้นรึ?! ไม่ดูเงาหัวตัวเองเลย!”
ขณะที่กําลังยินดีอยู่นั้น แหปากใหญ่ก็ครอบลงมาทางเขา
“หืม?”
ก่อนที่ฟางหยวนจะทันขยับตัว เขาก็ถูกแหจับได้และถูกดึงขึ้นจากน้ํา
ซ่า!
มีแค่เขา สาหร่ายอีกจํานวนหนึ่ง และกุ้งปู่เหลืออยู่ในแหหลังจากน้ําไหลออกไป
“นั่นเรือหาปลารึ?”
ฟางหยวนใจตกไปที่ตาตุ่ม “ข้ายินดีเร็วเกินไป”
“อ๊ะ… ลากแหได้ไม่ดีอีกแล้ว!”
ชาวประมงรูปร่างล่ําสันดึงแหขึ้นบนกราบเรือ โยนสาหร่ายทิ้งไป และเก็บฟางหยวนขึ้นมา “ปลาหลีตัวนี้คือทั้งหมดที่เราจับได้ ก็พอจะขายหรือว่าเอาไปทําน้ําแกงปลาได้…”
ฟางหยวนนั้นก็เหมือนปลาธรรมดาอื่น ๆ เขาสะบัดหางอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะมีฟองอากาศฟูมปาก เขาทําอะไรไม่ได้เลย
อย่างไรก็ไม่ใช่แค่เพราะเขาอยู่ในสภาพขนาดตัวเพียงหนึ่งในสามของขนาดปกติของเขา แต่เขายังถูกนําขึ้นจากน้ํา มันก็เหมือนกับมังกรถูกขังในที่แคบหรือเสือในทุ่งหญ้า
ซ่า!
เขาถูกโยนลงไปในถังใส่ปลา ชาวประมงยกแหปากอื่นขึ้นมาอีกและโยนปลาตัวใหญ่ ๆ ทั้งหมดเข้ามาในถังเดียวกับเขา ทั้งหมดถูกส่งเข้ามาในถังที่เติมน้ําเอาไว้นี่
“อืม… ดูเหมือนปลาในถังนี้จะมีไว้ขาย เขาคงไม่ฆ่าพวกเราตอนนี้ โชคดีอะไรเช่นนี้?”
ฟางหยวนกําลังคิด “ข้ากําลังจะถูกกินในแบบไหนกัน ย่างหรือนึ่ง ช่างเป็นสถานการณ์ที่น่าหดหูเสียจริง…”
เขามองไปที่ปลาอื่น ๆ รอบตัวและจองพวกมัน “เจ้ามองอะไร? ถอยไป!”
“ข้ากําลังจะถูกกิน… ข้ากําลังจะถูกกิน…”
มีปลาสีเขียวตัวหนึ่งที่ดูจะมีการรับรู้ทางวิญญาณระดับต้น แต่ก็แค่นั้น เขาดูค่อนข้างขี้ขลาดและว่ายวนไปมาอย่างไร้สติ
“หืม?”
ถังน้ํานี้ค่อนข้างเล็ก ใส่ได้แค่ฟางหยวน ปลาสีเขียว และปลาจุด ๆ ที่ไม่มีการรับรู้ทางวิญญาณอีกสองตัว
ปลาตัวสุดท้ายค่อนข้างน่าสนใจ
“เจ้าน่ะ เจ้ามาจากไหน?”
ฟางหยวนแหวกปลาตัวอื่น ๆ เข้าไปทักทายปลาชนิดเดียวกันเขา
ตรงหน้าเขาเป็นปลาหลีอีกตัว ปลาหลีที่ตัวสั้นกว่าฟางหยวน เขาตัวยาวประมาณครึ่งฉือเท่านั้น มีเนื้อไม่มากนัก เขาดูสวย มีเกล็ดสีทองที่แฝงประกายสีแดง มีหนวดยาว ปลาหลีตัวนั้นดูคล้ายฟางหยวนตอนที่เขายังอยู่ที่ระดับการเปลี่ยนรูปที่สาม ปลาหลีตัวนี้อาจจะแค่โชคดีมีลักษณะสวยงาม หรือเขาอาจจะมีระดับการฝึกตน
ปลาหลีสีทองมองฟางหยวนแล้วพ่นฟองอากาศออกมาอย่างใสซื่อ
“บัดซบ! เจ้ากล้าแกล้งโง่กับข้าร์… เฮ้ยเฮ้ย พวกเราถูกจับและกําลังจะถูกทําเป็นน้ําแกง ถ้าเจ้ามีลูกไม้อะไรก็ถึงเวลาใช้มันออกมาแล้ว!”
ฟางหยวนว่ายเข้าไปชนปลาหลีตัวนั้น
ปลาหลีสีทองแกมแดงก็แค่มองตอบเขา ไร้ปฏิกิริยาใด
“นี่เขาขี้ขลาดจริง ๆ ใช่ไหม?”
ฟางหยวนเองก็ไม่มีทางเลือกเมื่อรู้ว่าวิธีการนี้ไม่ได้ผล
ไม่นานหลังจากนั้น เรือก็เทียบท่า น้ําในถังกระฉอก ถังน้ําถูกยกขึ้นและนําขึ้นไปบนท่าเรือ
“ขายปลาจ๊ะ!”
“ขายปลา!”
ท่าเรือไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็มีคนเข้า ๆ ออก ๆ มากมายและค่อนข้างพลุกพล่าน
ชาวประมงอยู่ที่ด้านหนึ่งของท่าเรือ เอาปลาออกขาย
“ท่านบุรุษและสตรีทั้งหลาย เข้ามาดูมาชมปลาของข้าก่อน! จับมาสดใหม่ ยังเต็มไปด้วยพลังชีวิต!”
แม้ว่าคําพูดของชาวประมงจะต่างไปเล็กน้อย ฟางหยวนก็ยังคงฟังออกว่าเขากําลังพูดอะไร
ชาวประมงหยิบปลาสีเขียวขึ้น ปลาสีเขียวสะบัดหางอย่างเกรี้ยวกราด หากเป็นเขาละก็ เขาคงจะแกล้งตายเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกขายหรือเอาไปทําอาหาร
“ที่รัก เจ้าน่าจะเหนื่อยมากหลังจากเดินทางมาไกล ปลาพวกนี้ดูดีทีเดียว ข้าซื้อสักตัวให้เจ้ากินฟื้นฟูกําลังดีหรือไม่?
คนคู่หนึ่งเดินมาหยุดที่หน้าแผง
ฟางหยวนมองคนคู่นั้น ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบกว่าปี สวมเสื้อสีเขียวและมีหยกเนื้อดีชิ้นหนึ่งห้อยอยู่ที่เอว ดวงตาสีดําสนิท เขายังแผ่รังสีของเจ้าหน้าที่ทางการออกมาจากสายตา ที่อยู่ข้างหลังเป็นนักศึกษาคนหนึ่ง ที่ข้าง ๆ เป็นหญิงสาวท่าทางอ่อนโยน นางเคลื่อนไหวอย่างยากลําบากและยังมีท้องนูนออกมาน้อย ๆ น่าจะกําลังตั้งครรภ์
“นายท่าน! นายท่าน ปลาของข้าชาวประมงผู้นี้ยอดเยี่ยมที่สุด”
ชาวประมงเห็นชายหนุ่ม ดวงตาของเขาก็เปล่งแสง “ดูสิว่าปลาพวกนี้สดเพียงใด! โดยเฉพาะปลาหลีสีทองแกมแดงตัวนี้ นี่เป็นปลาหายาก! เอาไปทําน้ําแกงปลาย่อมต้องเป็นประโยชน์แก่แม่นางผู้นี้!”
“โอ้ ให้ข้าดูหน่อยสิ!”
เจ้าหน้าที่เสื้อเขียวผู้นั้นหยุดและมองไปที่พวกปลา
ฟางหยวนมองอย่างเฉยเมย แต่เขาจับสายตาของชาวประมงได้ ชาวประมงจ้องเขม็งอยู่ที่หยกของเจ้าหน้าที่และมองที่แม่นางผู้นั้นด้วยสายตาจาบจ้วง
“พวกมันดูดีทีเดียว ข้าเคยอ่านมาจากสักที่หนึ่งว่าปลาหลีสีทองแกมแดงนั้นมีพลังวิญญาณและดีต่อภรรยาของข้า!”
เขามองภรรยา “ที่รัก… เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
“ข้า?”
นางก้มหน้าต่ํา นางไม่ต้องการให้สามีของนางจับจ่ายเงินให้นางมากมายนักและตัดสินใจไม่ได้ นางมองปลาหลีแล้วก็ตกใจ “มัน… มันดูเหมือนกําลังร้องไห้!”
“หืม?”
เจ้าหน้าที่คนนั้นก็เห็นเช่นกัน “ว้าว มันมีการรับรู้ทางวิญญาณ!”
“พวกเราจะสังหารสิ่งที่มีการรับรู้ทางวิญญาณได้อย่างไร? ที่รัก พวกเราซื้อมันไปปล่อยดีหรือไม่?”
นางมองสามีของนาง ดวงตาเต็มไปด้วยความรักใคร่ “คิดเสียว่าพวกเราทําบุญให้ข้าและลูกของพวกเรานะ”
“ดะ… ได้”
เขาย่อมต้องไม่เห็นด้วย แต่เขาก็มีความรู้สึกอยากจะเอื้อเฟื้อเสียหน่อย “พวกเราจะซื้อปลาหลีตัวนี้!”
“ข้าบอกไม่ได้เลยจริง ๆ ว่าเจ้ามันแสดงเก่งนัก!”
เขามองดวงตาน้ําของปลาหลีสีทองแกมแดงแล้วก็พูดไม่ออก “เจ้ายอดเยี่ยมนัก แต่ข้าไม่ได้หนังหนาเช่นนั้น!”
“หนึ่งเหรียญเงิน อย่างไรนี่ก็เป็นปลาหลีสีทองเชียวนะ!”
ชาวประมงยิ้มร่าและตัดสินใจรีดเงินจากคนทั้งคู่เสียหน่อย
“นั่นแพงมาก แต่เพื่อภรรยาและลูกของข้า ข้าตกลง!”
เจ้าหน้าที่ผู้นั้นหยิบเงินออกมาจ่าย
หลังจากจ่ายเงินแล้ว เขาก็ชี้ไปที่ฟางหยวนและปลาสีเขียว “ปล่อยปลาหลีสีทอง แต่ปลาสองตัวนี้ข้าจะเอาไปด้วย ตัวหนึ่งทําน้ําแกง ตัวหนึ่งเอาไปนึ่ง!”
“บัดซบ!!”