Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 249
Chapter 249: การต่อสู้
อัครเสนาบดีเฒ่าและยังเป็นราชครูแห่งประเทศเลี่ย เมื่อจักรราศีของเขาเพิ่มพลังให้ เขาก็เปลี่ยนไปอยู่ในรูปนกเพลิงที่พลังของเขาจะสามารถใช้ได้จนถึงขีดสุด
“โฮก! โฮก!”
เมื่อเขาลงมือ แม่ทัพใหญ่ที่ด้านข้างก็พุ่งตรงเข้าใส่พวกห้าคนนั้นอย่างรุนแรงเช่นกัน พร้อมกับเสียงคํารามของเสือขาวเขาตวัดกรงเล็บใส่ทั้งห้าคนนั้น
เสียงคํารามของเสือขาวดังไปไกลนับพันลี้ และในเสียงคํารามยังแฝงพลังเพลิงที่แทบจะบีบให้ประกายดวงดาวบนร่างร่วงหล่น เทียบเท่ากับพลังของอู่จงขอบเขตเปิดชีพจรซึ่งรับมือกับคาถาเวทย์ได้พอเหมาะพอดี
ด้วยการร่วมมือกันของคู่กันและดาบ พลังของพวกเขานั้นมากกว่าเทพมังกรทองถึงสองเท่า!
“อะ…”
หนึ่ง มีเสียงร้องดังมาจากกลุ่มทหาร พวกมันถูกไฟจากนกเพลิงแผดเผาและไหม้เป็นจุณอย่างรวดเร็วกระทั่งผู้ฝึกตนในกลุ่มก็หนีไม่พ้น!
พวกฟางหยวนเพียงคอยดูอยู่จากด้านข้างแต่ก็ได้สัมผัสถึงพลังอันร้ายกาจ นี่หมายความว่าฟางหยวนและพวกนั้นได้รับแรงกดดันจากนกนั่นมากกว่าเป็นร้อยเท่า หรืออาจจะพันเท่า!
“ดี!”
ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นที่เบื้องหลังฟางหยวนสร้างเป็นเกราะวิเศษ และดาบธาตุไฟก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาเช่นกันฟางหยวนถอนหายใจแผ่วเบาขณะเข้าสู่สภาพที่แข็งแกร่งที่สุดเตรียมพร้อมสําหรับการต่อสู้
“ถ้าหากข้ายังไม่สามารถบรรลุระดับได้ ข้าคงรู้สึกว่าการรับมือกับพวกนี้เป็นเรื่องยากแล้ว!”
ขณะที่เกราะวิเศษบนร่างส่องประกาย ปัดเพลิงที่โหมมาถึงออกไป ฟางหยวนก็เหลือบมองไปรอบ ๆ อย่างเร็ว ๆ
รอบตัวดอกบัวสวรรค์พิสุทธิ์นั้น กลีบดอกบัวปรากฏขึ้นรอบตัวนางและเปล่งแสงอ่อน ๆ ปกป้องนางจากไฟนรกที่ด้านนอก
มังกรเพลิงสีแดงสดปรากฏขึ้นที่รอบตัวผู้อาวุโสมังกรเพลิงพร้อมเสียงคําราม เกล็ดของมันเป็นประกายระยิบระยับและดูเหมือนจริงอย่างที่สุดพร้อมกับเสียงคํารามอีกเสียงเปลวไฟก็หายวับไปเมื่อเจ้ามังกรเริ่มกลืนกินมันลงไป
“ขอบคุณผู้อาวุโส!”
กระไอยาล้อมอยู่รอบตัวเฟิงซินจ่อขณะเขายิ้มให้ผู้อาวุโสมังกรเพลิง
“เหอเหอ… เจ้าจะใช้ลูกเล่นเด็กน้อยเช่นนั้นสู้กับข้าจริงหรือ…”
อเทียนเหลามองไปที่จักรราศีเสือขาวและหัวเราะ “ที่มแทง!”
“โฮก! โฮก!”
กรงเล็บของเสือหยุดกะทันหันกลางอากาศและร่างเสือทั้งร่างก็เริ่มกะพริบวาบ
ภายในตัวเสือ แม่ทัพใหญ่ใบหน้าซีดลงขณะกัดฟันไม่ให้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เป็นอย่างไร ตาเฒ่า?”
เมื่อเห็นเช่นนี้ อัครเสนาบดีก็หยุดแล้วสั่งให้นกเพลิงกางปีกออก ปกป้องพวกเขาทั้งคู่เอาไว้ข้างใน
“ระวังผู้หญิงคนนั้น! เวทมนตร์ของนางเพียงแค่เอ่ยไม่กี่คําเท่านั้น!”
แม่ทัพใหญ่เช็ดเลือดที่มุมปาก ดวงตาแดงก่ําขึ้นอย่างช้า ๆ
“นี่คือการใช้คําสาปงั้นหรือ?”
ฟางหยวนมองอวีเทียนเหลาอย่างสงสัย “ลึกลับมาก!”
ในวินาทีถัดมา เสือขาวก็ดูเสถียรขึ้นอีกครั้งและกระโจนออกมาพร้อมดวงตาแดงก่ํา
“เผา!”
นางยังคงใช้คําสาปอย่างต่อเนื่องพร้อมรอยยิ้ม
“โฮก! โฮก!”
แต่คราวนี้ เสือขาวเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว มันคํารามเสียงดังลั่น
“ครืน!”
ลําแสงสายหนึ่งพุ่งลงมาจากฟ้าและเปลี่ยนเป็นรูปหอกยาวตวัดลงมา
“ฉวะ!!!”
สีหน้าของอว์เทียนเหลาเปลี่ยนไปขณะกระอักเลือดออกมาคําโต นางถอยอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้ารออะไรกันอยู่? เจ้าอยากเห็นข้าตายหรืออย่างไร?”
จากน้ําเสียงของนาง ฟางหยวนได้ยินความกระวนกระวายอย่างหายากแฝงเอาไว้
เขามองขึ้นไปบนฟ้า
จากที่นี่ เขามองเห็นดวงดาวหนึ่งส่องสว่าง
ดูเหมือนว่าการใช้คําสาปจะมีข้อจํากัด ตัวอย่างเช่น หากนางใช้คําสาปกับบางสิ่งที่มีระดับการฝึกตนสูงกว่านางจะได้รับบาดเจ็บจากคําสาปที่สะท้อนกลับ! แม่ทัพใหญ่ดูจะฉลาดพอที่จะผูกพันตนเองเข้ากับดวงดาวด้วยวิธีนี้หากอวเทียนเหลาต้องการใช้คําสาปกับเขาเท่ากับนางต้องสาปแช่งดวงดาวนั้นกลุ่มนั้นหรือไม่อย่างนั้นก็รอรับผลสะท้อนกลับได้เลย!
มองไปรอบ ๆ เขาก็พบว่าเฟิงซินจ่อนั้นเป็นผู้แปรธาตุฝัน ขณะที่ดอกบัวสวรรค์พิสุทธิ์และผู้อาวุโสมังกรเพลิงนั้นเป็นผู้สะกดฝันเขาถอนหายใจแล้วเหวี่ยงดาบธาตุไฟออกไป
“ฝูบ!”
ปราณดาบสมบูรณ์ของดาบธาตุไฟสร้างไฟขึ้นสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่เสือขาว
“โฮก! โฮก!”
เสือขาวนั้นไร้ซึ่งความหวาดกลัวขณะยกอุ้งเท้าขึ้นรับปราณดาบ
“ควับ!”
หลังจากเสียงดังมา กรงเล็บของเสือขาวก็ได้รับบาดเจ็บและตกลงพื้น
“ควับ!”
ฟางหยวนกลายเป็นเงาร่างสีดําขณะพุ่งเข้าใส่รูปเสือขาว ด้วยการตวัดดาบอีกครั้ง ปราณดาบก็ระเบิดออกสีหน้าของแม่ทัพใหญ่เปลี่ยนไป“อาวุธเวทย์ที่ยอดเยี่ยม!”
เขามีลางสังหรณ์ว่าแม้จะมีคําอวยพรจากพลังแห่งอาณาจักรของประเทศ เขาก็ยังคงไม่สามารถรับมือดาบส แดงของฟางหยวนได้!
“โอ้ อย่างนั้นน้องฟางหยวนเป็นผู้ป้องฝันสินะ!”
ผู้อาวุดสมังกรเพลิงกล่าวชมเขาขณะโบกมือครั้งหนึ่ง ส่งมังกรเพลิงเข้าสู่กับเสือขาว
“อัครเสนาบดี คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”
เห็นฟางหยวนลงมือและผู้อาวุโสมังกรเพลิงขวางทางของเสือขาวของแม่ทัพใหญ่เอาไว้ เฟิงซินจือและดอกบัวสวรรค์พิสุทธิ์ก็ไปยืนตรงหน้าอัครเสนาบดี กระไอยาและกลีบดอกบัวลอยเต็มอากาศและกระทั่งนกเพลิงก็ไม่สามารถฝ่าออกมาได้
“เฟิงซินจือ?”
ดวงตาของอัครเสนาบดีเป็นประกาย “ข้าเคยได้ยินมาว่าน้องชายขององค์ราชาครอบงําโดยชายคนหนึ่งชื่อ“เฟิงซินจือ” ก็คือเจ้า?”
“ถูกต้องแล้ว!”
เฟิงซินจ่อไม่ใช่คนขี้ขลาดจึงยอมรับอย่างรวดเร็ว
“นี่หมายความว่าเจ้าก็คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ เจ้าเป็นตัวการและสมควรตาย!”
อัครเสนาบดีมีสีหน้าเคร่งขรึม“ตายซะ!”
“แกร็ก! แกึก!”
ที่ด้านหลังเขา นกเพลิงกรีดร้องเสียงยาวขณะที่เปลวเพลิงของมันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ มันบินตรงมาทางเฟิงซินจือ
“กระบวนท่าสละชีวิต?”
เฟิงซินจ่อส่ายหน้า และร่างของเขาก็เริ่มเปล่งประกายออกมา ไม่ช้า เขาก็เปลี่ยนไปอยู่ในรูปร่างของหม้อปรุงยา
หม้อปรุงยานั้นมีสีแดงและมีสามขา มีหูจับที่สองข้าง มันดูราวกับแกะออกมาจากหยกสีแดงขนาดมหึมาทันใดนั้นที่ด้านบนหม้อยากเปิดออก และไฟก็เริ่มถูกพ่นออกมา
“หม้อโอสถกลืนไฟ?”
ดอกบัวสวรรค์พิสุทธิ์รู้จักกระบวนท่าประจําตัวของเฟิงซินจือ
แต่ว่า กระบวนท่าสละชีวิตของนกเพลิงนั้นก็กลับสามารถสร้างไฟนรกอันร้ายกว่ากว่าที่ทุกคนจะคิดภาพได้!
กระทั่งหม้อปรุงยาของจ้าวแห่งการเล่นแร่แปรธาตุก็ยังไม่เพียงพอที่จะกลืนกินเปลวเพลิงทั้งหมดลงไปได้ขณะที่เปลวไฟสีทองลุกท่วม ดอกบัวสวรรค์พิสุทธิ์และเฟิงซินจ่อก็ถูกบีบให้ถอยอย่างน่าอับอาย
“ไม่เกิดอะไรขึ้น?”
หลังจากเปลวเพลิงระลอกหนึ่ง อัครเสนาบดีก็ส่ายหน้าเมื่อตระหนักได้ว่าทั้งสองคนไม่ได้รับบาดเจ็บเขารวบรวมพลังมากขึ้น แสงสว่างสายหนึ่งพุ่งออกจากศีรษะของเขาราวกับมันค้นหาดวงดาวสักดวงบนฟ้าเพื่อรวมพลังเข้าด้วยกัน
“ครืน!”
ขระที่แสงสว่างจากดวงดาวกระจายออกมา นกเพลิงก็ถูกไฟลุกท่วมและไล่ตามเฟิงซินจือและดอกบัวสวรรค์พิสุทธิ์อีกครั้ง
เจตจํานงแห่งปราชญ์วาดนกเพลิงเปลี่ยนไปเป็นเฟ่งหวง! ก่อเกิดใหม่จากเถ้าของตนเอง!
อัครเสนาบดีที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของนักปราชญ์ และระหว่างการทําลายของจักรราศีของตนเปลวไฟอันพิสุทธิ์วาบผ่านและนั่นก็เป็นภาพที่น่าสะพรึงเมื่อได้เห็น!
“อเทียนเหลา!”
กระทั่ง เฟิงซินจือยังไม่สามารถรับมือกับเปลวไฟระลอกแล้วระลอกเล่าได้จนต้องร้องขอความช่วยเหลือ
“ดับไฟ!”
เมื่ออวเทียนเหลามองมาเห็น นางก็ไม่กล้าร่ายคําสาปใส่อัครเสนาบดีอีกต่อไป นางเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นเพิ่งหวงแทน
“แกร็ก! แก้วก!”
เปลวไฟจากเพิ่งหวงที่เพิ่งถือกําเนิดนั้นอ่อนลงทันที
เมื่อเห็น อัครเสนาบดีก็ถอนหายใจและปล่อยกลิ่นอายอย่างปราชญ์ของตนออกมาเป็นพลังแก่เพิ่งหวงให้ฟื้นฟูและโจมตีกลับอีกครั้ง
“เฮ้ย ตาแก่ เจ้าเป็นถึงอัครเสนาบดี เจ้าไม่อยากเก็บชีวิตนี้ไว้แล้วหรือ? เหตุใดจึงต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้?”
เฟิงซินจ่อนั้นเป็นแสดงท่าที่สุภาพมาตลอด แต่ครั้งนี้ เขาไม่ออมมือแล้ว“ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก พวกเราก็จะส่งเสริมปณิธานของเจ้า! โจมตีเขาต่อเขาทนได้อีกไม่นานแล้ว!”
“ทุกคนก็ต้องตายในสักวันหนึ่ง!”
อัครเสนาบดียิ้มอย่างใจเย็นและมองไปที่แม่ทัพใหญ่
“โฮก! โฮก!”
เสือขาวเริ่มร้องคําราม
แม่ทัพใหญ่อยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบอยู่
ขณะที่ประกายดาบส่องสว่าง ก็เกิดรอยไหม้อีกรอยขึ้นที่ไหล่ของเขา
ฟางหยวนนั้นเป็นจ้าวแห่งฝันที่มีความสามารถในด้านวิทยายุทธ์สูงที่หาได้ยาก
ไม่เท่านั้น เขายังมีทหารเวทย์ของจริงที่ทั้งคมกริบและแข็งแกร่งอย่างยิ่ง
ด้วยอาวุธและทักษะรวมกัน เขาก็สามารถอยู่ในจุดสูงสุดของผู้ป้องฝันในระดับของตนได้!
นอกจากนี้ ยังมีผู้อาวุโสมังกรเพลิงที่คอยช่วยเขาด้วยคาถาเวทย์
“พันธนาการ!”
เมื่อผู้อาวุโสมังกรเพลิงชี้ไปที่พื้น เถาวัลย์ก็ปรากฏขึ้นแล้วตรงเข้ามัดเสือขาวเอาไว้
“เวลานี้แหละ! มังกรเพลิง – พิโรธ!”
ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เขาคํารามออกมา
“ครืน!”
มังกรเพลิงร้องลั่นและระเบิดออก ภายในไม่กี่วินาที เสือขาวก็ถูกไฟสีแดงลุกท่วม
“เจ้า…”
ใบหน้าของแม่ทัพใหญ่แดง
และมีรอยไหม้อยู่ทั่วตัวเขา จากการระเบิดนี้ เขาปลิวกลับหลังไป
ฟางหยวนย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสทองเช่นนี้หลุดลอยไป
ในวินาทีที่เกิดระเบิดขึ้น เขาเสี่ยงพุ่งเข้าไปในเปลวเพลิง รีบตรงไปหาแม่ทัพใหญ่และตวัดฝ่ามือขวาออกไป
“ฝบ!”
เปลวเพลิงวูบไหว
ดาบธาตุไฟเสียบทะลุแม่ทัพใหญ่ แต่ไม่มีเลือดไหลออกมา เป็นแผลไหม?
ด้วยอาการบาดเจ็บเช่นนี้ ไม่ว่ามนุษย์คนใด ต่อให้เป็นราชครูก็ตาม ย่อมต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“แค่ก แค่ก…”
สีหน้าของแม่ทัพใหญ่เปลี่ยนไป เขากระอักเลือดออกมาหลายคํา เขาพึมพําพร้อมรอยยิ้ม “พี่ข้า ข้าต้องขอตัวก่อนแล้ว!”
ที่ด้านหลังเขา เสือขาวร้องครวญครางแล้วก็หดตัวลง
“ไป!”
คิ้วของฟางหยวนขมวดขณะรีบถอยออกมาอย่างรวดเร็วพร้อมผู้อาวุโสมังกรเพลิง
“ฮ่าฮ่า… อย่างไรข้าก็ต้องตาย! เหตุใดจึงไม่ตายเพื่อประเทศเล่า?”
ขณะที่อัครเสนาบดีโค้งกายให้อย่างนอบน้อม เขาดูชราลงไปอีกนับสิบปี “ด้วยเลือดสีเขียวของข้าย้อมท้องฟ้าขจี!ท้องฟ้าขจีเลือดสีเขียวเพิ่งหวงจมกองเพลิง!!!”
“ฉวะ!”
เขากรีดหน้าอกตนเองด้วยมีด
“ฝบ!”
เลือดสีเขียวเริ่มไหลออกมาแล้วซึมเข้าสู่ร่างเพิ่งหวง
ไม่ช้า อัครเสนาบดีก็ดูอ่อนแรงลงและดูราวจะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว
แต่ว่า ด้วยคาถาท้องฟ้าขจีเลือดสีเขียว เพิ่งหวงอมตะกรีดร้องเสียงยาวแล้วกางปีกของมันออกรัศมีพลังของมันเริ่มสูงขึ้นหลายพันเท่า!
“เฒ่าชราบ้าบอทั้งคู่นี่!”
จ้าวแห่งฝันทั้งห้ารีบถอยเมื่อเห็นเมฆก่อตัวเป็นรูปดอกเห็ดลอยขึ้นกลางอากาศ
“พวกมันก็แค่สร้างปัญหาให้ชั่วคราวเท่านั้น!”
เฟิงซินจ่อเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วคํารามออกมา “ไม่ดีแล้ว!”
“ครืน!”
“โครม!”
เสียงดังก้องต่อเนื่องกันห้าครั้งเมื่อแสงสีขาวบนร่างฟางหยวนและพวกระเบิดออก
“ซู่!”
สายลมพัดและเมฆดําก็เริ่มกระจายไปทั่วท้องฟ้า!
บนฟ้า สายฟ้าเริ่มตวัดใส่ทุกพื้นที่และในนั้น ยังมีความรู้สึกคุ้นเคยของทัณฑ์สวรรค์
ตาแก่สองคนทําลายตัวเอง พร้อมกับที่พลังแห่งอาณาจักรนั้นทําลายเกราะป้องกันบนร่างของพวกเขาทั้งห้า! รัศมีพลังร้ายกาจที่แตกต่างของพวกเขาถูกเผยออกมา
“ครืน!”
เสียงฟ้าร้องและก็ราวกับสวรรค์จะลงมือด้วยตนเองแล้ว!
ภัยพิบัติจากสวรรค์มาถึงแล้ว!