Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 236
Chapter 236: ครอบครองร่าง
“ท่านเซียนเฟิงผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดลงมาสู่โลกของพวกเราและทําความฝันของข้าเป็นจริง!”
กลุ่มเมฆดํามืดก่อตัวขึ้นบนฟ้าขณะสายฟ้าแลบผ่านไป
ราวกับสัตว์ประหลาดกําลังจะเข้าสู่อาณาจักรฮุยขณะที่ทุกอย่างสั่นสะเทือนไปหมด
ภายในอาคารร้าง ซูรั้วรู้สึกไม่ค่อยดี เมื่อเขามองวงเวทย์ที่ส่องประกาย ใบหน้าของเขาก็ขึ้นสีโดยไม่รู้ตัวเขาก้าวไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว
ภายในวงเวทย์ ของบูชาบางชิ้นที่ตรงกลางเริ่มถูกแสงสว่างกลืนกิน เกิดเป็นก้อนแสงกลม ๆ
“ซ่า!”
ก้อนแสงนั่นขยายตัวขึ้น มันค่อย ๆ เปลี่ยนรูปเป็นประตูบานหนึ่งอย่างช้า ๆ
“ครืน!”
ในตอนนี้เองเกิดการระเบิดรุนแรง
ขณะที่สายลมกรรโชก ซูก้วก็ปลิวไปกับมันโดยไร้การป้องกัน เขากลิ้งไปตามพื้นและระหว่างนั้นกระดูกยังหักไปหลายท่อน
อาคารร้างก็ทนรับการทําลายล้างไม่ได้แล้วเช่นกัน ท่ามกลางการระเบิด มันถล่มลง เกิดเป็นซากปรักหักพังกองหนึ่ง
“ครืน! ครืน!”
ในตอนนี้เอง กลุ่มเมฆมืดดําก็คํารามและสายฟ้าเส้นหนึ่งตวัดลงมา มันราวกับสวรรค์กําลังพิโรธฟ้าผ่าลั่นเปรี้ยงอย่างต่อเนื่อง
แต่ว่า ก็เกิดเรื่องประหลาดขึ้น เมื่อสายฟ้ากําลังจะผ่าลงที่อาคารร้าง มันกลับเปลี่ยนทิศทางแล้วตวัดเข้าใส่อย่างอื่นแทน
ท่ามกลางพายุ มีแสงสว่างหลายสายแลบปลาบอยู่บนหลังคาของอาคารร้าง จากแสงสว่างหลายสายเหล่านั้น ประตูสีเข้มก็ปรากฏขึ้น ทันใดนั้น ประตูก็เปิดออก!
มันราวกับเทพเบื้องบนโกรธานัก!
เมื่อสายฟ้ากว่าสิบเส้นมารวมตัวกัน เกิดเป็นเส้นสายฟ้าที่ทั้งหนาและยิ่งใหญ่ตวัดเข้า ใส่ด้านบนประตูสีเข้มนั่น!
ซูกั่วและลูกน้องล้วนหมดสติไป ไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่
มันอาจจะดีแล้วที่พวกเขาหมดสติไป
เพราะทุกชีวิตในรัศมี 100 ลี้ล้วนตัวสั่นด้วยความกลัวเหงื่อกาฬหลั่งไหลราวกับหายนะกําลังจะเกิดขึ้น!
สายฟ้ามาแล้วก็ไป
หลังจากสายฟ้าเส้นมหึมา เมฆดําก็หายไปอย่างรวดเร็ว และพระอาทิตย์สองดวงก็ปรากฏขึ้นบนฟ้าอีกครั้งอย่างช้า ๆ ภายใต้แสงอันอบอุ่นของดวงอาทิตย์ เมฆขาวหลายก้อนก็ปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า มันเป็นภาพอันสงบสุขและดูราวกับพายุเมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน
“ในโลกนี้แรงสะท้อนกลับไม่อยู่นานนัก… บ้าจริง ขาข้า!”
หลังจากนั้นเป็นนาน ท่ามกลางซากปรักหักพัง ชายวัยกลางคนพึมพํากับตัวเอง “โชคดีข้าซื้อคาถาวิเศษที่ช่วยลดปฏิกิริยาสะท้อนกลับจากการข้ามโลกและเพิ่มมันเข้าไปในค่ายกลมิเช่นนั้นผลที่ตามมาคงจะเลวร้ายกว่านี้มาก…”
แม้ว่าเขาจะสวมเสื้อผ้าของคนรับใช้ วิธีการพูดและท่าทางของเขากลับต่างไปมาก หากคนที่รู้จักเขามาเห็นเช่นนี้ พวกเขาย่อมบอกว่าเขานั้น ถูกสิ่ง
“นี่คือ…. อาณาจักรฮุย?”
ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์สองดวงบนฟ้า ก่อนที่จะมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง
ผิวที่มือของเขานั้นยังตึงและดูเยาว์วัย นิ้วของเขาเต็มไปด้วยรอยด้านซึ่งเป็นสัญญาณว่าเขามักจะทํางานใช้แรงงานเป็นประจํา
“ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าครอบครองร่างของเด็กรับใช้ผู้หนึ่ง เขารอดจากพายุได้เพราะว่ามีตําแหน่งต่ําเกินกว่าจะเข้ามาอยู่ในรัศมีของสายฟ้าฟาด?”
ในตอนที่ค่ายกลสําเร็จ จ้าวแห่งความฝันทั้งห้าในอาณาจักรแห่งฝันก็ร่วมมือกันนําวิญญาณของพวกตนผ่านช่องว่างมาถึงอาณาจักรฮุย
แต่ว่า เพียงแค่วิญญาณของพวกเขาข้ามมาก็ทําให้เกิดหายนะแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงต้องเข้าครอบครองร่างของชาวพื้นเมืองที่นี่และมันก็ขึ้นกับโชคของแต่ละคนว่าจะได้เข้าครอบครองร่างของผู้ใด
เทียบกับเฟิงซินจื่อผู้โชคร้ายที่เข้าครอบครองร่างของคนขาหักผู้หนึ่ง ฟางหยวนนั้นรู้สึกว่าตนเองโชคดีกว่ามาก
“แล้ว อีกสามคนอยู่ที่ใดกันนี่?”
ด้วยความช่วยเหลือของฟางหยวน ในที่สุดเฟิงซินจือก็ดึงขาของตนออกจากเศษซากได้และมองไปรอบ ๆ “เพิ่งมาถึงเพียงครู่เดียว ดังนั้นพวกเขาไม่น่าจะอยู่ไกลจากพวกเรา!”
“พวกเราอยู่นี่!”
หลังจากเขาพูดจบประโยค เขาก็เห็นคนสองคนพยุงกันเดินออกมาจากเศษซากอาคารดูจากรูปร่างภายนอกแล้ว เป็นผู้ชายและผู้หญิง
“ผู้อาวุโสมังกรเพลิง ดอกบัวสวรรค์พิสุทธิ์!”
เฟิงซินจือมองไปที่คนผู้ชาย เขาสูง 7 สื่อ และสวมเสื้อผ้าแบบผู้ฝึกยุทธ์ เขามีมีดแขวนอยู่ที่ข้างเอวและมีรูปร่างล่ําสัน เขาดูเป็นผู้ฝึกยุทธ์ผู้มีความสามารถและแผ่รัศมีของบุรุษด้วยความอิจฉานิด ๆ เฟิงซินจ่อจึงกล่าวชม “พี่มังกรเพลิง โชคดีนัก!”
“ใช่แล้ว!”
ผู้หญิงที่ด้านข้างออกปากประชด “ข้าคือผู้อาวุโสมังกรเพลิง!”
“นี่”
ฟางหยวนและเฟิงซินจื้ออึ้งไป
นี่ก็เป็นปัญหาของการเข้าครอบครองร่าง แม้ว่าร่างกายเดิมของพวกเขาจะแข็งแกร่งมากแต่ก็อาจจะมีการผิดเพี้ยนไปได้ระหว่างการข้ามโลก ซึ่งอาจจะให้ผลสุดท้ายดังที่เห็น
ฟางหยวนมองร่างที่ผู้อาวุโสมังกรเพลิงครอบครองอยู่
เป็นแม่นางผู้หนึ่งอายุราว ๆ ยี่สิบกลาง ๆ ดวงตาของนางกลมโตและงดงาม และริมฝีปากหยักชัด มีไฝเม็ดหนึ่งอยู่ที่มุมปากและผิวของนางยังเรียบรื่นราวน้ํานม นางเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง
แน่นอนว่า หญิงงามผู้นี้ตอนนี้นั้นดูหยาบกระด้างและน้ําเสียงยังไม่เข้ากับรูปลักษณ์ของนาง
“นี่คือ…”
ฟางหยวนมองเฟิงซินจ่ออย่างงุนงง และทั้งคู่ก็มองไปที่ชายร่างล่ําสันในชุดสีดํา
“ข้าคือดอกบัวพิสุทธิ์ คารวะท่าน สหายข้า!”
ชายร่างใหญ่หน้าแดงและโค้งตัวลง
กริยาแบบหญิงสาวของเขานั้นนุ่มนวลและสง่างามและดูราวกับเขาเป็นหญิงสาวผู้งามสง่า
แต่ว่า ในเมื่อผู้ที่ออกกริยานั้นเป็นผู้ชาย ทั้งฟางหยวนและเฟิงซินจ่อจึงล้วนขนลุก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เฟิงซินจือ
ก่อนหน้านี้ เขายังบ่นเรื่องขาของตนอยู่ แต่ว่า ตอนนี้ เขาไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหาใหญ่แล้ว
“พวกเราไม่สามารถเปลี่ยนร่างกายที่เข้ามาอาศัยอยู่ได้ หากไม่เป็นเพราะการปกป้องของค่ายกล ไม่ช้าวิญญาณของพวกเราก็จะหลุดออกจากร่างกายนี้ พวกเราก็จะกลายเป็นแค่ธาตุ”
เฟิงซินจือพูดต่อด้วยน้ําเสียงจริงจัง “พวกท่านทั้งสองคนต้องทําให้ได้ เรื่องดีก็คือเวลาที่พวกเราจะใช้ในอาณาจักรฮุยแห่งนี้นั้น… เอ๋? มีใครเห็นผู้อาวุโสเหลาหรือไม่?”
“ข้าอยู่นี่!”
ตรงหน้านั้นมีเสียงนุ่มนวลอ่อนเยาว์ดังมา เด็กสาวอายุประมาณ 16 ปีเดินออกมาด้วยสีหน้าภาคภูมิ “ข้าไม่สามารถหาร่างที่เหมาะสมแถวนี้ได้ ดังนั้นจึงต้องใช้ร่างเด็กคนนี้”
ด้วยการผสานประหลาดระหว่างรูปลักษณ์ภายนอกและอุปนิสัย ผู้อาวุโสมังกรเพลิง ดอกบัวสวรรค์พิสุทธิ์ และกระทั่งฟางหยวนก็รู้สึกลําบากใจนิด ๆ
เรื่องดีก็คือพวกเขาทั้งห้าล้วนเป็นจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายา และพวกเขาล้วนเคยพบสิ่งประหลาดในชีวิตมามากพอ
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็แค่ล้อกันเล่น เพียงไม่นาน ทั้งหมดก็รวมตัวกันและเริ่มพูดคุยถึงรายละเอียดสาคัญ
“อาณาจักรนี้เป็นอาณาจักรใหม่จริง แม้ว่าพวกเราจะรู้ถึงอันตรายบางอย่างในอาณาจักรนี้ผ่านซูก้วพวกเราก็ยังไม่แน่ใจในรายละเอียดที่แท้จริง ทุกคน ได้โปรดระวังตัวด้วย!”
เฟิงซินจื่อเตือนทุกคน
กระทั่งจ้าวแห่งฝันธรรมดายังรู้สึกมีพลังเหลือเพียงกึ่งเดียวเมื่อถูกโยนเข้ามาในอาณาจักรแห่งใหม่ มีเพียงจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาที่สามารถรวบรวมพลังธาตุฝันได้พอที่จะเปลี่ยนแปลงความจริงและรักษาความเยือกเย็นเอาไว้
ดังนั้น เงื่อนไขน้อยที่สุดของผู้จะออกสํารวจโลกใหม่ก็คือเป็นจ้าวแห่งฝันในระดับสวรรค์มายา เป็นอย่างต่ําที่สุด!
“นี่ไม่ต้องพูดก็ได้
อวเทียนเหล่ากลอกตา “เพื่อนผู้ใช้การไม่ได้ของท่านก็อยู่ที่นี่ ท่านต้องการช่วยเขาหรือไม่? อย่างไรเขาก็เป็นคนของโลกนี้และอาจจะมีประโยชน์ต่อพวกเรา”
“ไม่จําเป็น!”
เฟิงซินจือคิดกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจ “เขาทําลายกฏไปแล้ว ต่อให้พวกเราช่วยเขา เขาก็จะโชคร้ายไปตลอดชีวิตและคงรู้สึกราวกับถูกมัดมือมัดเท้าแล้ว!”
คนผู้นําพวกเขาเข้ามา ซูกั่ว นั้นทําผิดและบาปของเขาก็มหันต์นัก เขาย่อมไม่มีสิทธิ์ที่จะทําผิดไปอีกตลอดชีวิตที่เหลือ
“แม้ว่ามันจะดูเหมือนสะดวกในตอนแรกที่ติดตามเขา แต่เขาก็ยังคงต้องรับผลจากการทําผิดของเขาเมื่อเวลามาถึง และนี่ย่อมพัวพันมาถึงพวกเรา มันจะดีกว่าสําหรับพวกเราหากออกสํารวจด้วยตนเอง! หลังจากความพยายามครั้งแรกในการเข้าครอบครองร่างแล้ว พวกเราก็นับว่าแทรกซึมเข้าสู่อาณาจักรของพวกเขา นอกเสียจากร่างที่พวกเราอาศัยอยู่จะตายตกไป เผยวิญญาณของพวกเราออกมา ก็ไม่มีใครในอาณาจักรนี้จะรู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น!”
เฟิงซินจือมองฟางหยวนและเตือนเขาอีกครั้ง “แม้ว่าวิญญาณของพวกเราจะถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่มันก็ไม่นับเป็นการตายของพวกเรา แต่ว่า ร่างจริงของพวกเราก็จะอ่อนแรงอย่างมากนอกจากนี้หากพวกเราถูกจับได้หรือถูกสังหารหลายครั้ง พวกเราก็อาจจะผสานเข้ากับโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์และต้องรับผลย้อนกลับจากมัน ดังนั้น… ระมัดระวังและดูแลตัวเอง! ที่สําคัญที่สุดหากเผชิญกับอันตรายพวกเราสามารถสละร่างนี้หรือกระทั่งปล่อยให้ตายไป แต่ไม่สามารถปล่อยให้วิญญาณของพวกเราถูกกักตัวไว้ได้!”
“ข้ารู้แล้ว!”
ฟางหยวนซาบซึ้งในการตักเตือนฉันมิตรจากเฟิงซินจือและพยักหน้าเพื่อยืนยัน
“เอาละ! ทุกค่ายกลสามารถส่งดวงวิญญาณข้ามาได้เพียง 5 ดวงเท่านั้น ตอนนี้ พวกเราถึงเวลาที่จะสํารวจอาณาจักรฮุยแล้ว!”
ผู้อาวุโสมังกรเพลิงและดอกบัวสวรรค์พิสุทธิ์มองกันและกัน “แยกย้ายและออกสํารวจเถิดหลังจากนี้สามเดือน พวกเราค่อยพบกันและพูดคุยเรื่องที่พบกันอีกที ฟังเป็นอย่างไร?”
เห็นความมั่นใจของพวกเขาแล้ว ฟางหยวนก็เดาได้ว่าพวกเขามีข้อมูลที่ได้จากซูกั่วเกี่ยวกับอาณาจักรนี้และรู้คร่าว ๆ แล้วว่าต้องการทําอะไร
“อืม.. ข้าไม่มีปัญหากับแผนการนี้ นอกจากนี้ ข้ายังมีเรื่องส่วนตัวบางอย่างต้องจัดการ ท่านคิดว่าอย่างไรเล่าผู้อาวุโสเหลา?”
เฟิงซินจือมองอว์เทียนเหลา
“สารวจตามความชอบของตนเอง นี่ก็ถือว่ายุติธรรมดี!”
อเทียนเหลาพยักหน้า แต่ว่า เสียงของนางกลับกดต่ําทําให้ฟางหยวนต้องมองนางอย่างงุนงง
เห็นอวี่เทียนเหลารู้สึกถึงสายตาที่เขาเหลือบมอง ฟางหยวนก็ถูจมูก “ข้าไม่ได้คิดจะอยากได้สิ่งใดข้าเพียงอยากเดินดูรอบ ๆ และทําความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในโลกใบนี้!”
“อืม อย่างไรก็จําไว้ว่า มาพบกันหลังจากนี้สามเดือน!”
เฟิงซินจือพยักหน้าและมองไปรอบ ๆ “พวกเราอยู่ที่นี่นานนักไม่ได้ รีบแยกย้ายกันไป จําไว้ว่าความปลอดภัยสําคัญที่สุด และทําให้แน่ใจว่าจะไม่ถูกผู้ที่มีพลังของอาณาจักรนี้จับตัวไว้”
ความวุ่นวายที่อาคารร้างแห่งนี้ย่อมดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก
ฟางหยวนรู้ว่าชีวิตของซูกั่วนั้นจบลงแล้ว
โดยไม่คิดมากเรื่องเขา ฟางหยวนเลือกทิศทางและออกเดินไปตามทาง
“อืม… ร่างกายนี้ไม่เคยฝึกตนมาก่อน ดูเหมือนว่าข้าต้องฝึกฝนร่างกายนี้อย่างช้า ๆ แม้ว่าข้าจะเคยบรรลุถึงมาแล้วมันก็ยังวุ่นวายที่จะฝึกร่างกายนี้ นอกเสียจากว่าข้าจะสามารถใช้พลังของสวรรค์มายาได้!”
เพียงครูสั้น ๆ เขาก็เลี้ยวเข้าสู่ตรอกแคบ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฟางหยวนก็หยุดแล้วมองกลับหลัง “ผู้อาวุโสรั่วเหตุใดจึงตามข้ามา?”
“เหอเหอ!”
เงาหนึ่งวูบเข้ามา อวเทียนเหลาปรากฏตัวขึ้น นางผูกผมเป็นหางม้าสองข้างและยกนิ้ว นม้วนปลายผมเล่น“เฟิงซินจือและคนที่เหลือเลือกแล้วว่าจะทําอะไรและทิ้งเจ้าไว้ผู้เดียว พ่อหนุ่มเจ้าอยากร่วมมือกับเหล่าเหลาไหมเล่า?”
“ไม่เป็นไรขอรับ!”
จุดประสงค์ของฟางหยวนก็คือหาประสบการณ์ให้มากขึ้นและออกสํารวจด้วยตนเอง อย่างไรเขาก็ยังต้องรวบรวมสิ่งที่พบหลังจากนี้อีกสามเดือนและไม่ได้สนใจจะอยากได้สิ่งอื่นใดดังนั้นจึงปฏิเสธนางไปตรง ๆ