Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 235
Chapter 235: บัดพลี
“พี่เฟิง ไม่ใช่ว่าท่านบอกว่ามีพวกเราห้าคนหรอกหรือ?”
ฟางหยวนมองไปรอบ ๆ
“อืม คนสุดท้ายยังไม่มา เคล็ดวิชาที่นางฝึกนั้นพิเศษอยู่เล็กน้อย…”
เฟิงซินจือพูดอย่างกํากวม
“เฟิงซินจือ อย่าพูดเท็จเรื่องข้าต่อหน้าสมาชิกใหม่ของพวกเราสิ!”
ตอนที่เขาพูดจบประโยค ก็มีเสียงนุ่มนวลสายหนึ่งดังมา ทําให้เฟิงซินจ่อหัวเราะออกมา “ก็แค่เรื่องตลกน่ะ อย่าได้ใส่ใจเลย!”
เขาหันไปรอบ ๆ อย่างเร็ว ๆ และอธิบายต่อฟางหยวน “สมาชิกคนที่ห้าของเราคืออว์เทียนเหลานางฝึกฝนในวิถีของผู้สะกดฝันและเชี่ยวชาญการใช้คําสาป…”
“ข้าทราบแล้ว!”
ฟางหยวนพยักหน้า
เชี่ยวชาญการใช้คําสาปนั้นเป็นวิถีการฝึกตนที่เกี่ยวข้องกับกรรม เคล็ดวิชานี้จะถูกเรียกใช้ทันที่ที่คําสาปลูกร่ายออกไป และยังเป็นวิถีการฝึกตนที่หายากท่ามกลางจ้าวแห่งฝันทั้งปวง
ดังนั้น หลังจากเห็นท่าทางน่าสงสารของหญิงชราที่ใช้ไม้เท้าพยุงตนเองเอาไว้ ฟางหยวนก็เปลี่ ยนเป็นจริงจังขึ้นทันที
ในอาณาจักรแห่งฝัน หากจ้าวแห่งฝันเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา หากไม่เป็นเพราะโง่ ก็เป็นเพราะมั่นใจในความสามารถของตนเอง ดูเหมือนว่าอเทียนเหลาจะเป็นอย่างหลัง
ไม่เพียงแค่เขา แต่กระทั่งผู้อาวุโสมังกรเพลิงและดอกบัวสวรรค์พิสุทธิ์ก็ตัวสั่น
“คิคิ เฟิงซินจือ เตาหลอมหมื่นโอสถของเจ้าเป็นอย่างไรแล้ว? เจ้ายังคงพยายามสร้างจิตวิญญาณโอสถอยู่หรือไม่? ไม่ใช่ข้าจะทําลายความฝันท่าน แต่การสร้างชีวิตขึ้นจากเตาหลอมยายากนัก!มันยากยิ่งนัก!!!”
อเทียนเหลามองเฟิงซินจือและส่ายหน้า
“วิถีทางสู่สวรรค์สูงสุดนั้นยากเย็นมาโดยตลอด แม้ว่าวิธีจะยากมาก แต่นั่นก็เป็นเพียงความหวังเดียวของข้า!”
ใบหน้าของเฟิงซินจือนั้นดูแน่วแน่และดูเหมือนจะไม่หวาดกลัวความตาย “ข้าเกือบไปถึงที่นั่นแล้วเหตุใดจึงจะยอมแพ้ตอนนี้เล่า?”
“สร้างชีวิต?”
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกายเมื่อได้ยินเขาพูด
แม้ว่าระดับสวรรค์มายานั้นจะให้ผู้สร้างฝันสร้างสิ่งต่าง ๆ ได้มากมาย แต่ก็มีความแตกต่างหาศาลระหว่างของทั่วไปและของวิเศษ จากเหล็กธรรมดาไปเป็นกองทัพทหารสวรรค์ทั้งหมดนี้ยังนับเป็นการฝ่าระดับเล็ก ๆ ไปด้วยในตัว
แต่ว่า การกระโดดจากการสร้างสิ่งไม่มีชีวิตไปเป็นการสร้างชีวิตนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว เป็นการพัฒนาก้าวใหญ่ภายในระดับสวรรค์มายา
ใครจะคิดว่าเฟิงซินจ่อจะอยู่ในระดับนี้แล้ว?
ฟางหยวนอึ้งไป
“แน่นอนว่า หลังจากสามารถสร้างสิ่งมีชีวิตได้ เขาย่อมสามารถสร้างสัตว์และนกวิญญาณได้ตามมาด้วยการสร้างมนุษย์ที่มีจิตรับรู้! จ้าวแห่งฝันที่ระดับนี้สามารถเรียกตนเป็น “ผู้สร้าง” และนี่จะไม่นับเป็นระดับสวรรค์มายาขั้นต้นอีกต่อไป แต่เป็นระดับสวรรค์สูงสุด!
แต่การข้ามระดับนี้ยากเย็นถึงเพียงใดกัน?
ตามที่ฟางหยวนคาดเดาเอาไว้ เฟิงซินจือนั้นติดอยู่ที่ระดับนี้และไร้ความคืบหน้ามานานแล้ว
“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ความสามารถในการต่อสู้ของผู้แปรธาตุฝันผู้นี้ แต่ระดับการฝึกตนของเขาก็เทียบได้กับผู้ป้องฝันที่สามารถสร้างดาบที่สีได้แล้ว!”
“คิคิ พูดอย่างที่เจ้าอยากพูดไปเถิด ข้าหวังว่าปากอย่างเจ้าจะพาชีวิตเจ้าล่มจมในสักวันหนึ่ง!”
อเทียนเหลาหัวเราะ “ข้าไม่ได้มาที่นี่วันนี้เพื่อรําลึกถึงอดีต โลกใหม่นั้นอันตราย หากพวกเราพลาดโอกาสนี้พกเราก็ต้องรอพวกโง่เง่าอื่นหาผู้อื่นมาสํารวจแล้ว เฟิงซินจือ เจ้าเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว?”
“แน่นอน!”
โดยไม่ลังเล เขาก็ตะโกนออกมา “จิตวิญญาณแห่งอาณาจักร ข้าต้องการผนึกพื้นที่นี้ของข้า!”
“คืน!”
ในอาณาจักรแห่งฝัน ฟางหยวนรู้สึกราวกับพื้นที่ว่างที่พวกเขาอยู่นี้ถูกแยกออกมา เหมือนพวกเขากําลังเดินทางผ่านห้วงเวลา
ด้วยการรับรองโดยจิตวิญญาณแห่งอาณาจักร ไม่มีที่ใดจะปลอดภัยไปกว่าที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้
เฟิงซินจือรีบดึงเอาอุปกรณ์ ยันต์ และหยดเลือดวิญญาณหลายชิ้นออกมาแล้วเริ่มประกอบของทั้งหมดสร้างเป็นค่ายกลหนึ่ง
แม้ว่าฟางหยวนจะคุ้นเคยกับค่ายกลเวทย์ เขาก็ยังคงสงสัยเมื่อเห็นค่ายกลพิเศษนี้
ขณะที่เฟิงซินจือ ผู้อาวุโสมังกรเพลิง และดอกบัวสวรรค์พิสุทธิ์ ทั้งสามกลับดูจะเข้าใจค่ายกลนี้อย่างลึกซึ้ง พวกเขาช่วยสร้างค่ายกลสําเร็จได้อย่างรวดเร็ว
“จ้าวแห่งฝันช่างมีพรสวรรค์ในหลายด้านจริง ยิ่งพวกเขาอยู่มานาน ก็ยิ่งมีทักษะอื่น ๆ มากขึ้น”
ฟางหยวนสูดลมหายใจลึกขณะมองพวกเขาร่ายค่ายกล
หากพวกเขาปลอมตัวเป็นจ้าวกลไก ย่อมไม่มีใครมองออกเป็นแน่
“เรียบร้อย!”
เมื่อเส้นสายสุดท้ายสิ้นสุดลง เฟิงซินจือก็ปาดเหงื่อที่หน้าผากออก มองค่ายกลที่มีสีแดงทองและเขียว แล้วก็เผยสีหน้าดีใจ “การระบุตําแหน่งของโลกอื่นในอาณาจักรแห่งฝันนั้นง่ายกว่าจริงๆ ต่อไปพวกเราจะส่งสัญญาณออกไปและรอ…”
“อะแฮ่ม… ให้ข้าเป็นผู้ส่งสัญญาณเถิด!”
โดยไม่รอฟังความเห็นของผู้อื่น อวี่เทียนเหลาก็ลุกขึ้นยืนและเหลือบมองฟางหยวนเร็ว ๆ ครั้งหนึ่ง “ขึ้นกับพวกเจ้าแล้วที่จะรวบรวมพลังที่จะเป็นต้องใช้ในการสื่อสารกับโลกอื่น!”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว!
ฟางหยวนรู้ว่าเขามาที่นี่ก็แค่ให้คนครบจํานวนเท่านั้น และดังนั้นจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงหน้าที่การใช้แรงงานได้
“ดีมาก ด้วยพวกเราทั้งห้าคน พวกเราย่อมมีพลังธาตุฝันพอเพียง!”
เฟิงซินจือนั้นยินดีเป็นที่สุดขณะรีบลําดับแต่ละคนให้ไปอยู่ในตําแหน่งของตน “พวกเราทั้งสี่คนประจําอยู่ที่มุมของตนและร่ายคําเรียกใช้ค่ายกล ในตอนแรก พลังเพียง 1 ส่วนของพวกเราน่าจะเพียงพอ รอฟังคําสั่งของข้า!”
“ขอรับ!”
ฟางหยวนยืนอยู่ในตําแหน่งของเสือขาว เมื่อเขาโบกมือ คลื่นพลังธาตุฝันก็ลอยเข้าไปในค่ายกล
ตรงหน้าเขา ยันต์เริ่มส่องประกาย และอักขระเวทย์ในค่ายกลเริ่มระยิบระยับขึ้นขณะที่ค่ายกลรับพลังเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
“ซ่า! ซ่า!”
ที่มุมทั้งสี่ จ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาแต่ละคนเริ่มใส่พลังธาตุฝันของตนเข้าไป อักขระในค่ายกลเริ่มขยายขึ้นและแสงสว่างทั้งสามสีก็ค่อย ๆ เข้มขึ้นอย่างช้า ๆ ทันใดนั้น มันก็พุ่งขึ้นไปบนฟ้าและเริ่มเชื่อมกับโลกอื่น
“นี่มัน… นี่มัน…”
อวเทียนเหล่ายืนอยู่ตรงกลางค่ายกล ด้วยสมาธิของนาง นางดูไม่สูงวัยเท่าอายุจริง “สวรรค์เก้าชั้นฟ้าและสิบโลกา เคล็ดล่าสวรรค์! ไป!”
เมื่อนางเรียกใช้คาถา อักขระจากคาถาที่นางร่ายก็ปรากฏขึ้นและส่งประกายออกมา
“นี่คือการใช้เจตจํานงเวทย์ของนางในการระบุตําแหน่งของโลก เพื่อให้ทําเช่นนี้ได้ จ้าวแห่งฝันต้องมีพลังเวทย์มหาศาลเพื่อที่จะเชื่อมต่ออาณาจักรแห่งฝันของพวกเราเข้ากับโลกอื่น… คาถาของอเทียนเหลานั้นเพิ่มโอกาสสําเร็จ…”
ฟางหยวนยังคงส่งถ่ายพลังเข้าไปขณะนึกถึงข้อมูลที่เฟิงซินจ่อบอกเขาตอนที่เขาตกลงร่วมมือกับพวกเขาอย่างช้า ๆ
“โลกใหม่ที่จะไปนี้เฟิงซินจือให้ชื่อว่า “ฮุย! อาณาจักรฮุย!”
“โลกใหม่นี้ค้นพบและเป็นของเฟิงซินจือ กฎแห่งความจริงซึ่งปกครองโลกนั้นอยู่นั้นคล้ายคลึงกับในอาณาจักรต้าเฉียน…”
“ค่ายกลนี้เพียงทําหน้าที่เป็นเหมือนเหยื่อ พวกเรายังจําเป็นต้องเสนอสิ่งตอบแทนแด่ชนพื้นเมืองในโลกนั้น… ก่อนหน้านี้ เฟิงซินจือได้ปลอมตนเป็นปีศาจเพื่อเสนอสิ่งตอบแทนให้พวกเขา แล้ว ก็เหมือนการตกปลา ทันทีที่พวกเขาละโมบขึ้นมา พวกเราก็สามารถใช้เคล็ดข้ามฝันเมื่อกาละ และเทศะเหมาะสม ต่อไป การกลับไปที่โลกนั้นเพื่อทําการสํารวจเพิ่มมันก็จะง่ายขึ้น…”
“ซ่า!”
ในตอนนี้เอง ที่บนค่ายกล มีประกายสีแดงเรืองรองขึ้น
“พวกเราได้รับการตอบรับ! พวกเขากําลังเริ่มการสังเวย!”
อว์เทียนเหลาและเฟิงซินจ่อตาเป็นประกาย “เริ่มระบุตําแหน่งโลกของพวกเขา! เริ่มได้!”
ภายในไม่กี่วินาที พวกเขาทั้งหมดก็ตื่นเต้นขึ้นมา
อาณาจักรฮุย
มีพระอาทิตย์บนฟ้าสองดวง หนึ่งนั้นส่องแสงขณะที่อีกหนึ่งนั้นมืดมัว ทั้งสอง ดวงล้วนลอยนิ่งอยู่บนฟ้าตอนกลางคืน พวกอาทิตย์ทั้งสองดวงก็จะมืดลง ดังนั้น พระจันทร์ใน อาณาจักรหุยจึงเป็นพระจันทร์เต็มดวงอยู่ตลอดเวลาดินแดนในอาณาจักรแห่งนี้แบ่งออกเป็น หลายแคว้น
ที่ตรงกลางนั้นคือแคว้นชื่อซินชู เป็นทะเลทรายกว้างใหญ่และร้อนแล้ง และยังไม่มีสัญญาณของชีวิตที่ด้านนอกสุดนั้นเป็นแคว้นชื่อเหมียนชู เวลากลางคืนนั้นยาวนานมากและยังน้อยนักที่จะมีแสงอาทิตย์ส่องมาที่บริเวณนี้ที่นี่ก็แทบจะไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เช่นกัน
แน่นอนว่า ชนพื้นเมืองย่อมเรียกทั้งสองแห่งนี้ว่า “พื้นที่มรณะ”!
ที่ตรงกลาง ที่มีแสงสว่างเพียงพอ มีประเทศเล็ก ๆ ตั้งอยู่และในที่สุดก็มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิต
ภายในอาคารร้างแห่งหนึ่งในประเทศเลี่ย
“เครื่องบูชายัญแด่ท่านเซียนเฟิงเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่?”
ชายวัยกลางคนท่าทางร่ํารวยผู้หนึ่งถามคนของตน
หน้าผากของเขาโหนกนูนและจมูกโด่งแหลม ใบหน้าสีแดงเรื่อและสวมใส่เสื้อผ้าหรูหราในตอนนี้เขาถูแหวนที่สวมเอาไว้บนหลายนิ้วซ้ํา ๆ ความคิดล่องลอยไป
แหวนดูธรรมดาและยังดูไม่เข้ากันเมื่อเทียบกับเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่ แต่ว่า สําหรับเขา มันดูราวกับสมบัติทั้งปวงบนโลกนี้ไม่อาจเทียบกับแหวนวงนี้ได้!
รอบตัวเขา ลูกน้องมากความสามารถกว่าสิบคนกําลังทํางานหนักในการเสริมแท่งเงินและทองมากมายเข้ากับหยกสลักหลายชิ้น ด้วยทั้งหมดนี้ พวกเขาจัดเรียงวงเวทย์ขนาดใหญ่บนพื้นได้
สิ่งของหน้าตาประหลาดอีกสิบชิ้นถูกวางลงที่ตรงกลางวงเวทย์ ทุกอย่างดูประหลาดและไม่เข้ากันทําให้พวกเขาหลายคนสงสัย
มีกฏอยู่ในประเทศเลี่ยที่ระบุว่าผู้ใดใช้ไสยเวทย์จะถูกสังหาร!
หากมีผู้ใดพบเห็นพวกเขาและรายงานขึ้นไปเบื้องบน ทุกคนที่นี่ก็คงถูกลงโทษตายและสมาชิกในตระกูลก็จะถูกดึงเข้ามารับเคราะห์ด้วยเช่นกัน!
แต่ว่า ชายวัยกลางคนก็ยังคงมีสมาธิ ราวกับเขามั่นใจในตัวท่านเซียนเฟิงอย่างที่สุด
ท่านเศรษฐี “ซูก้ว” นั้นยังจมอยู่ในความคิด
เมื่อยี่สิบปีก่อน เขาเป็นเพียงพ่อค้าตัวเล็ก ๆ ผู้หนึ่ง ด้วยความโชคดีบางอย่าง เขาได้ครอบครองแหวนวงหนึ่ง และจากนั้นมา เขาก็ได้เป็นผู้ศรัทธาในท่านเซียนเฟิง
แม้ว่าเขาจะไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของการเป็นผู้ศรัทธา นี่ก็ไม่ได้ทําให้เขาชวดสิ่งตอบแทนหลังจากทําการบูชายัญไปเพียงไม่กี่ครั้ง นี่เป็นเหตุให้ทรัพย์สมบัติของเขางอกเงย
“ตามที่ท่านเซียนเฟิงบอกว่า ของก่อนหน้านี้เป็นเพียงการตอบแทนเล็กน้อย ครั้งนี้คือการบูชายัญที่แท้จริง! สิ่งที่ข้าจะได้รับตอบแทนนั้นจะมากกว่าครั้งก่อน ๆ เป็นสิบเท่า! และข้าจะยังได้รับวิชาที่สามารถยืดอายุขัยของข้าได้ด้วย!”
ดวงตาของซูกั่วแดงก่ํา
ในด้านของทรัพย์สินนั้นเขามีมากพอที่จะตั้งประเทศได้ประเทศหนึ่ง แต่ว่า การมีพลังมากกว่านี้และหนทางสู่การมีอายุขัยยาวนานกลับเป็นสิ่งที่เขาต้องการอย่างแท้จริง
“นายท่าน ของบูชาถูกนํามาแล้วขอรับ!”
ที่ตรงกลางแท่นหิน มีของประหลาดหลายชิ้นที่มีรัศมีพลังต่างกันวางอยู่
ที่ตรงกลางของของบูชาทั้งปวง เป็นไม้สีเขียวเข้มท่อนหนึ่ง มันคือต้นมังกรพันปี เพื่อที่จะได้มันมาขบวนเดินทางของซูกั้วสูญเสียสมาชิกไปถึง 187 คนระหว่างการเดินทางไปที่นั่นไม่ต้องพูดถึงเงินที่เขาจ่ายไปด้วยซ้ํา
อัญมณีสีแดงที่ข้าง ๆ ไม้นั่นคือหยกปะการังสีรุ้ง ซึ่งได้มาหลังจากเรือเดินสมุทรล่มไปกว่า 30 ลําและยังนักดําน้ําอีกหลายคนสิ้นชีพไปจากการพยายามนํามันมา
หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง มีเพียงซูกั่วที่ร่ํารวยถึงขนาดนี้จึงสามารถรวบรวมสมบัติวิเศษเหล่านี้ได้
“ซ่า!”
‘หลังจากของบูชาถูกวางเอาไว้ตามตําหน่ง วงเวทย์ก็เริ่มส่องสว่าง
ซูก้วเดินหน้าไปสองก้าวแล้วสูดลมหายใจลึก ความปรารถนาของเขากําลังจะเป็นจริงแล้ว!