Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 233
Chapter 233: ค่ายกลดาบ
โลกแห่งความฝันอันแท้จริง
แม้จะเป็นรากฐานของจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายา โลกแห่งความฝันของฟางหยวนนั้นก็ยังเล็กมาก สูงเพียงหนึ่งจั้ง และยังมีรัศมีเพียงจั้งกว่า ๆ เท่านั้น
“การฝึกตนของระดับสวรรค์มายาคือการฝึกใช้โลกแห่งความฝันอันแท้จริง แล้วสักวันหนึ่งมันจะกลายเป็นโลกจริงได้”
ที่ใจกลางฟ้าและดินในโลกนั้น จิตสํานึกอันแท้จริงของฟางหยวนปรากฏขึ้น มือหนึ่งชี้ขึ้นฟ้า และอีกมือกดบนพื้นดินเอาไว้
“ครึ่ก!”
พลังธาตุฝันพุ่งออกมาและท่วมท้นโลกแห่งความฝันอันแท้จริง
ทุก ๆ คลื่น ความวุ่นวายที่ภายนอกโลกใบนี้ก็ถูกชะล้างออกไป โลกแห่งความฝันอันแท้จริงค่อย ๆ ขยายขอบเขตออกไปอย่างช้า ๆ
“การเดินทางของจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายานั้นเป็นการเดินทางอันยาวนานและยากลําบากนัก ใครจะรู้ว่าต้องใช้ความพยายามเท่าใดจึงจะไปถึงระดับสวรรค์สูงสุดได้”
ฟางหยวนถอนหายใจ
ทุกวันหลังจากทํางานเสร็จแล้ว เขาจะออกไปที่พื้นที่ว่างโล่งสักแห่ง
“ผู้ป้องฝัน ในตอนแรกนั้น ต้องเพ่งความสนใจไปที่การสร้างทหารและใช้วิทยายุทธ์เป็นส่วนเสริม สุดท้ายแล้ว ก็จะเดินไปตามเส้นทางการฝึกฝนทหารเพื่อให้เข้าใจโลกใบนี้ได้ดีขึ้น… พูดตามตรงแล้ว มันจะเริ่มจากกฎเกี่ยวกับอาวุธและอะไรประเภทนั้นก่อนที่จะขยับไปสู่การทําความเข้าใจกฏของโลกใบนี้! เส้นทางใด ๆ ของจ้าวแห่งฝันก็จะนําไปถึงเป้าหมายสุดท้ายเดียวกัน!”
“เคล็ดวิชาลับของอาจารย์ของข้า รู้จักกันในชื่อค่ายกลดาบแปดประตู หลอมรวมแก่นของค่ายกลและวิทยายุทธ์เข้าด้วยกัน ความร้ายกาจของมันนั้นเกินจะหาใดเปรียบเทียบได้ มันใช้แปดอักษรเป็นพื้นฐาน และสามารถเปลี่ยนรูปและปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้!”
ฟางหยวนอ่านที่อาจารย์เจว๋ซินทิ้งเอาไว้ให้อยู่หลายรอบแล้ว ถึงตอนนี้ คาถาที่ต้องร่ายนั้นก็ฝังลึกอยู่ในจิตใจของเขาแล้ว และเข้าก็ตีความทุกวรรคของคาถาได้อย่างถ่องแท้แล้ว
เขานั่งขัดสมาธิลง และเจตจํานงเวทย์ก็กระจายไปในความว่างเปล่า เขาเริ่มรวบรวมพลังธาตุฝันมาทดแทนที่ใช้ไปก่อนหน้านี้
เมื่อพลังกาย พลังเวทย์ และพลังลมปราณของเขาฟื้นฟูถึงระดับสูงสุดตามปกติแล้ว ฟางหยวนก็ลุกขึ้นยืน และทันใดนั้นก็คํารามออกไป “ค่ายกลดาบแปดประตู สร้าง!”
“ฝุบ!”
ประกายดาบวาบขึ้น!
ดาบหลากสีสัน ทั้งน้ําเงิน แดง และทอง มารวมกัน ประกายแสงหลากสีวูบไหว ประกายคมกริบของดาบหลายเล่มดูน่าหวั่งเกรง ทันใดนั้น ดาบทั้งหมดก็ล่นลงพื้นและที่ตรงกลางโลกแห่งความฝันอันแท้จริง เงาพร่าเลือนของดาบทั้งแปดเล่มก็ปรากฏขึ้น
เมื่อค่ายกลถูกสร้างขึ้น บรรยากาศภายในมิตินั้นก็เปลี่ยนไป มันราวกับแก่นพลังอันแหลมคมมารวมกันอยู่
“เพียงแค่เริ่มเส้นทางนี้เท่านั้น ยังไม่สามารถรวบรวมทหารสวรรค์ได้….นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!”
ฟางหยวนมองเงาดาบที่กะพริบวูบวาบแล้วก็ส่ายหน้า “ที่ระดับสูงสุดของการฝึกตนของอาจารย์ข้า เขาเจนจบค่ายกลดาบแปดประตู ส่วนระดับปัจจุบันของข้านั้น มันยากมากกระทั่งสร้างทหารสวรรค์เพียงแค่หนึ่งคน เรื่องดีก็คือค่ายกลนี้ไม่จําเป็นต้องใช้ทหารสวรรค์ถึงแปดคนก็ได้ ค่ายกลสามารถใช้ออกได้แม้จะมีทหารสวรรค์เพียงหนึ่ง สอง หรือสามคน!”
เขาเบนสายตามองไปทางทิศใต้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ที่นั่น ภายใต้เมฆสีแดง ปราณดาบสีแดงสดปรากฏขึ้นและชี้ขึ้นสู่ฟ้าราวกับเสายักษ์ ภายในนั้น มีเงาพร่าเลือนของดาบอยู่
“ธาตุไฟแห่งทิศใต้! นี่สําหรับดาบธาตุไฟ! สร้างขึ้นได้ง่ายที่สุดจากในค่ายกลดาบแปดประตู นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดสําหรับข้า!”
ฟางหยวนกินข้าวหยกเพลิงทุกวัน และดังนั้น ธาตุไฟของเขาจึงมีเหลือเฟือ จึงเป็นธรรมดาที่มันจะช่วยให้เขาฝึกดาบเพลิงได้
“เปลวไฟแห่งทิศใต้ ฟังคําสั่งของข้า ดาบเพลิง ปรากฏ!”
ลําแสงหนึ่งพุ่งออกจากดวงตาของเขาไปที่เสาดาบสีแดง
“ครืน!”
พลังธาตุฝันมากมายราวกับน้ําทะเลไหลบ่าและโถมเข้าไปในเสาเพลิง ดาบเพลิงปรากฏอยู่ชั่วครู่ขณะที่มันเริ่มเปลี่ยนเป็นวัตถุจริง
ดาบยาวประมาณสามฉื่อและตัวใบดาบเป็นสีแดงที่มีสัญลักษณ์ที่ทั้งเรียบง่ายทั้งลึกลับสลักเอาไว้บนนั้น ด้ามของดาบน้ําเป็นรูปมังกรไฟ ตัวดาบทั้งเล่มดูราวกับเปลวเพลิงที่กําลังลุกโหมและยังมีประกายสีเขียวแฝงอยู่
เงาดาบซึ่งเดิมเป็นมายาภาพ เริ่มกลายเป็นของจริง
“หนึ่งในสิบส่วน?”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อพลังธาตุฝันของเขาหมดไป ฟางหยวนก็มองเงาดาบแล้วรู้สึกยินดี
มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างทหารเวทย์ของจริง
สิ่งที่เขาทํามาจนถึงเดี๋ยวนี้คือการสร้างรูปร่าง เขายังคงต้องฝึกฝนอย่างช้า ๆ
อย่างไรเสีย ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถรวบรวมดาบวิญญาณทั้ง 8 ได้และสร้างค่ายกลได้สมบูรณ์ มันก็ยังเป็นงานใหญ่ที่จะแยกค่ายกลจากโลกแห่งความฝันอันแท้จริงและสร้างมันขึ้นมาในโลกแห่งความจริง
หนทางสู่ระดับสวรรค์สูงสุดนั้นทั้งยาวไกลและยากลําบาก
ทุก ๆ การสร้างดาบและการฝึกฝนของผู้ป้องฝันล้วนนํามาซึ่งการเปลี่ยนแปลงมหาศาล เมื่อดาบทั้งแปดเล่มรวมตัว มันก็เพียงพอที่จะสะเทือนฟ้าและดิน เพียงพอให้ปีศาจและเทพหวาดเกรง ค่ายกลนี้เป็นเส้นทางอันชัดเจนตรงหน้าเขาแล้ว
“ค่ายกลดาบแปดประตูนั้นแบ่งออกเป็นหลายระดับตามจํานวนของทหารเวทย์ที่สร้างได้ พื้นฐานที่สุดก็คือ 1 ดาบ ตามมาด้วย 2 ดาบ และสุดท้ายก็คือ 8 ดาบสร้างค่ายกล มันกระทบทั้งฟ้าและดิน หนึ่งก้าวเปิดทางเบื้องหน้า”
ฟางหยวนลูบคางตัวเอง “มันรู้สึกคล้ายกับการสร้างชีพจรศักดิ์สิทธิ์ของอู่จง!”
สําหรับอู่จงในขอบเขตเปิดชีพจร ชีพจรศักดิ์สิทธิ์จะถูกสร้างขึ้นและแบ่งออกเป็นระดับต่างกันในแต่ละระดับ ความสามารถในการต่อสู้ของอู่จงก็จะต่างกันไป
“ข้าได้ยินมาว่า หลังจากนักรบศักดิ์สิทธิ์บรรลุถึงขอบเขตแยกธาตุ การฝึกตนระดับต่อไปก็คือ เชื่อมโยงจิตวิญญาณ!”
“วิถีทางอื่น ๆ ของจ้าวแห่งฝันก็น่าจะคล้ายกันและสามารถแบ่งออกได้เป็น 8 หรือ 9 ระดับ…”
หลังจากจดจําข้อมูลที่ได้รับมาทั้งหมดแล้ว ฟางหยวนก็ไม่รู้สึกสับสนเรื่องการฝึกฝนในขอบเขตแยกธาตุแล้ว
สําหรับผู้ฝึกตนทั่วไป ความตั้งใจหลักของการฝึกตนก็คือเพื่อใช้พลังธาตุ
มีเพียงแค่หลังจากบรรลุขอบเขตรวมธาตุที่ผู้ฝึกตนจะนับได้ว่ามีความสามารถเหนือธรรมดา และนับว่าได้มาอยู่บนเส้นทางแห่งการฝึกตนแล้ว
ขั้นตอนนี้เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นการฝึกตนเพื่อเป็นอู่จง, นักรบศักดิ์สิทธิ์ หรือจ้าวแห่งฝัน
ขั้นต่อมาก็คือบรรลุสู่ขอบเขตเบิดชีพจรของอู่จงและขอบเขตแยกธาตุของนักรบศักดิ์สิทธิ์จ้าวแห่งฝันนั้นต่างกันไปขึ้นกับวิถีทางที่เลือกแต่ก็จะมีประตูอีกราว ๆ เก้าบานให้ต้องทะลวงผ่าน
“ขั้นตอนที่สาม ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก็คือกลับสู่พื้นฐานและตามหาความหมายและแหล่งที่มาของพลังธาตุอันแท้จริง ในเส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์ ก็ต้องสําเร็จขอบเขตเปิดชีพจรและสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์ ก้าวสุดท้ายสําหรับนักรบศักดิ์สิทธิ์นั้นยังไม่รู้ และส่วนจ้าวแห่งฝันนั้น ก็คือการบรรลุถึงระดับสวรรค์สูงสุด!”
“มีความแตกต่างกันเป็นอย่างมากในด้านพลังระหว่างแต่ละระดับของเก้าประตูของการเบิกธาตุ นอกจากนี้ การเป็นจ้าวแห่งฝันยังนับว่าได้เปรียบมากเมื่อเทียบกับอีกสองวิถีทางที่เหลือ…”
ฟางหยวนมองหน้าต่างสถานะและพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลังจากเขาทําความเข้าใจได้
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 36.0
พลังลมปราณ: 30.0
พลังเวทย์ : 21.0
สายวิชา: ผู้ป้องฝัน
การฝึกตน: สวรรค์มายา, อู่จง (ชีพจรที่สาม)
วิทยายุทธ์: [อินทรียักษ์กายาเหล็ก (ระดับ 4) (0 ใน 10 ส่วน)], ร่างทองคําร้อยพิษ (ระดับการฝึกฝนที่ 1), [ค่ายกลดาบแปดประตู (ดาบที่ 1) (1 ใน 10 ส่วน)]
ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 5))”
“หากข้าคํานวณได้ถูกต้อง ตอนนี้พลังของข้าอยู่ในระดับเดียวกับอู่จงชีพจรที่ 4 และจ้าวแห่งฝันในระดับแรกของระดับสวรรค์มายา?”
ฟางหยวนงันไป “มันก็เพียงว่า นี่ไม่ได้มีผลต่อพลังการต่อสู้ที่แท้จริงของข้า…”
อย่างน้อยที่สุด ด้วยการฝึกตนระดับสวรรค์มายาของเขาในตอนนี้ เขาสามารถเอาชนะอู่จงที่ระดับ 3 หรือ 4 ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ได้ อู่จงผู้นั้นไม่สามารถรอดเงื้อมมือเขาได้แน่นอน
“ข้าต้องให้ความสนใจกับการฝึกตนของข้าเป็นอันดับแรก ฝึกเคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็กให้สําเร็จ และลําดับถัดไป ก็สร้างดาบเพลิง…”
พูดตามตรงแล้ว ดาบเพลิงก็คือการตีความวิถีของธาตุไฟในโลก พูดอีกอย่างหนึ่ง นี่เป็นการสร้างกฏของธาตุไฟในโลกแห่งความฝันอันแท้จริงของฟางหยวน
“นอกจากค่อย ๆ สร้างขึ้นทีละนิดด้วยพลังธาตุฝันแล้ว ก็มีเพียงในโลกแห่งความฝันนี้เท่านั้นที่จะสามารถหาของวิเศษที่ช่วยในการฝึกตนได้…”
ฟางหยวนพยักหน้าก่อนที่จะส่ายหน้า
“ฝุบ!”
ทันใดนั้น ค่ายกลดาบแปดประตูก็สั่นสะเทือน และปราณดาบสีแดงก็ระเบิดออก ทําให้ฟางหยวนประหลาดใจ
เขามองขึ้นไปและเห็นเสาดาบเพลิงซึ่งเริ่มจับต้องได้ทีละน้อย รองรับฟ้าและดิน นั้นยกโลกแห่งความฝันขึ้นไปสูงอีกราว ๆ เกือบหนึ่งฉื่อ
ไม่เพียงเท่านั้น ปราณดาบมากมายปรากฏขึ้นและขับไล่ความวุ่นวายรอบ ๆ โลกแห่งความฝัน ทําให้การสร้างวัตถุของเขานั้นขยายด้วยความเร็วมากกว่าก่อนหน้าที่เขาใช้พลังธาตุฝันของเขาเองในการสร้างดาบนี่หลายเท่าตัว
“นี่คือวิธีที่ถูกต้องในการฝึกตนในโลกแห่งความฝัน!”
ฟางหยวนถอนหายใจเมื่อเขาตระหนักรู้เช่นนี้
เขาจึงนับได้ว่าเริ่มการฝึกฝนของตนในระดับสวรรค์มายาในตอนนี้เอง
“เมื่อค่ายกลดาบแปดประตูเข้าที่เข้าทาง โลกแห่งความฝันของข้าย่อมกว้างขึ้นและเป็นจริงมากขึ้นโดยที่ข้าไม่ต้องทําอะไรเลย!”
ฟางหยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขารู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวของการเป็นผู้ป้องผันแล้วในโลกจริง
ในหุบเขาสันโดษแห่งหนึ่งซึ่งซึ่งมีทั้งพืชพรรณเขียวชอุ่มและพื้นที่แห้งแล้ง
ภายในถ้ําแห่งหนึ่ง ฟางหยวนนั่งขัดสมาธิขณะดูดซับพลังจากรอบตัวจนถึงขีดจํากัด จู่ ๆ เขา ก็ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น
“ดาบเพลิง!”
เพียงแค่โบกมือ ปราณดาบสีแดงสดขนาดไม่กี่รุ่นก็ปรากฏขึ้นและตกลงไปอย่างรวดเร็ว!
“ชี่”
บนพื้น ปรากฏรอยไหม้ดํายาวเป็นเส้นหลายจั้งขึ้น
“แม้ว่าดาบเพลิงจะยังสร้างไม่สมบูรณ์ดี ปราณดาบก็สามารถบังคับได้และพลังก็ไม่น้อยไปกว่าทหารสวรรค์ทั่วไปเลย จุดที่สําคัญที่สุดก็คือมันยังสามารถควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ราวกับแขนควบคุมการเคลื่อนไหวของนิ้วมือ… ต่อไป ข้าก็สามารถใช้ปราณดาบกําจัดศัตรูหรืออาจจะใช้ร่วมกับวิทยายุทธ์ของข้า เรียกเป็น “ดาบสวรรค์แปดชีพจร” เป็นอย่างไร?”
ฟางหยวนลูบคางและดึงเอาพลังธาตุฝันสายหนึ่งออกมา
หลังจากการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ฟางหยวนก็เริ่มกังวลเมื่อเห็นเส้นสีแดงเข้มปะปนอยู่ในความวุ่นวาย
“มันคงจะดีกว่าถ้าจะกําจัดอันตรายแฝงที่หลงเหลือจากเทือกเขาสามโลกไปเสีย”
เจตจํานงเวทย์ของเขาขยับ และในพริบตา เขาก็เข้าสู่ความฝันและไปถึงอาณาจักรแห่งความฝัน
“รวบรวมข้อมูล – เทือกเขาสามโลก, จ้าวแห่งฝัน!”
ตรงหน้าป้ายหิน ฟางหยวนดึงป้ายประจําตัวของตนออกมาแล้วเริ่มค้นหา
เพราะสิ่งที่เขาต้องการนั้นเป็นข้อมูลที่ไม่ปะติดปะต่อนักจึงไม่ได้มีราคาสูง
“เทือกเขาสามโลกนั้นแบ่งโลกเป็นสามส่วนตามชื่อของมัน เมื่อเก้าร้อยปีก่อน เทียนเซี่ยจื่อ จ้าวแห่งฝันจากสํานักเทพปีศาจตายตกลงไปที่นั่น ทําให้โลกแห่งความฝันเปลี่ยนไปเป็นโลกมายาอยู่ระหว่างความจริงและมายา เกิดเป็นป้อมปราการตามธรรมชาติ และนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าจะเดินตามเส้นทางหรือย้อน ก็ล้วนมีโอกาสประสบกับหายนะนี้ จ้าวแห่งฝันหลายคนไม่กล้าเข้าไป เพราะเกรงจะประสบกับโชคร้าย…”
สีหน้าของฟางหยวนเปลี่ยนไปหลังจากอ่านเนื้อในบันทึก
“ไม่มี ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับพลังมืดชนิดนี้เลย ดูเหมือนว่าเงื่อนงําเดียวจะเป็นเทียนเซี่ยจือจากสํานักเทพปิศาจ?”
ฟางหยวนเคยได้ยินและคุ้นชื่อนี้มาก
แต่ว่า ไม่ใช่จากตัวเขาเอง แต่เป็นโลกแห่งความฝันของหยางฟาน!
“หลังจากได้เป็นนายกองอินทรี ข้าก็ได้ลองสืบดูและในที่สุดก็พบว่าชิงชุ่ยเป็นจ้าวแห่งความฝันของสํานักเทพปิศาจ!”
ดวงตาของฟางหยวนดูสงบนิ่ง “ดูเหมือนว่า ชะตาของเขากับข้าคงไม่ตัดขาดจากกันโดยง่าย”
ด้วยพลังชนิดนี้ปะปนอยู่ในพลังธาตุฝันของเขา ต่อไปฟางหยวนอาจจะต้องรับมือกับความลําบากหากยังหาวิธีจัดการกับมันไม่ได้!
ด้วยนิสัยของฟางหยวน เขาย่อมไม่ปล่อยให้ระเบิดเวลาคงอยู่ในร่างกายของเขาต่อไป
ดังนั้น มันจึงกลายเป็นเรื่องจําเป็นที่เขาต้องเดินทางไปสํานักเทพปีศาจและตามหาแหล่งที่มาของพลังมืดนี้!
“การเดินทางครั้งนี้ยังยากเกินไปด้วยความสามารถตอนนี้ของข้า…”
ฟางหยวนส่ายหน้า “บางที.. ข้าอาจลองขอความช่วยเหลือเพื่อหาวิธีกําจัดพลังอื่นที่ปนอยู่ในพลังธาตุฝันของข้า…. คะแนนภารกิจ สิ่งที่สําคัญที่สุดก็ยังคงเป็นคะแนนภารกิจ!”
หลังจากค้นหาอีกหลายครั้ง เขาก็ใช้คะแนนภารกิจไปจนหมด
“ข้าจําเป็นต้องหาคะแนนภารกิจจํานวนมากโดยเร็ว!”
เขามองไปทางป้ายหิน สายตาเคร่งขรึม
TL note: เคล็ดวิชาที่ส่งต่อมาโดยอาจารย์เวิ่นซิน (เจว๋ซิน) นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทหาร = ดาบ