Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 232
Chapter 232: พบปะ
คฤหาสน์ตระกูลฉิน
ในห้องหนังสือใหญ่ของคฤหาสน์ ฉินอวิ่นในชุดเสื้อคลุมสีทองเข้ม สวมรัดเกล้าสีเงินเอาไว้บนศีรษะ มีไรหนวดบาง ๆ เหนือริมฝีปาก ดูสงบ
ธูปชั้นดีถูกจุดเอาไว้ในห้อง กลิ่นอําพันเข้มข้นลอยอวลในอากาศ
บรรยากาศเงียบสงบ ยกเว้นเสียงกระทบกันของลูกคิด ฉินชิงก็อยู่ที่นั่นด้วย มืออันคล่องแคล่วของนางร่ายรําอยู่เหนือลูกคิดราวกับกําลังเล่นดนตรี ตรงหน้านางมีสมุดบัญชีตั้งใหญ่วางเอาไว้
ในฐานะผู้นําตระกูลฉิน ฉินอขึ้นกลับไม่สามารถหาผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจได้ได้เลย นอกเหนือไปจากพี่สาวของตนเองแล้ว ก็ไม่มีใครที่เขาจะเชื่อใจได้
หลังจากครู่หนึ่ง เสียงดีดลูกคิดก็เงียบลง ฉินชิงจดข้อความสั้น ๆ ลงบนกระดาษอย่างหวัด ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้ นางผ่อนลมหายใจยาวแล้วยกมือขึ้นนวดหน้าผากของตนเอง
“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
ฉินอวิ่นเทน้ําชาวิญญาณให้นางถ้วยหนึ่งแล้วถามออกไปอย่างง่าย ๆ
“ปีที่แล้ว ทรัพย์สินของตระกูลเรา รวมทั้งกลุ่มที่บนเขาม่างฮุน หาได้ทั้งหมดเป็นลูกแก้วพลังธาตุ 108500 ลูก แน่นอนว่าเป็นแบบคุณภาพต่ํา… หักที่ต้องกระจายไปที่สาขาต่าง ๆ ของตระกูลแล้ว ก็จะเหลือลูกแก้วพลังธาตุ 50000 ลูก!”
ฉินชิงมีสีหน้าไม่ยินดีนักและยังให้ความรู้สึกเคร่งเครียด
“แต่นอกเหนือจากที่ต้องใช้สอยตามปกติ พวกเรายังต้องดูแลกองทัพซางไห่ของพวกเราด้วยเหมือนกันปีนี้ พวกเราต้องจ่ายลูกแก้วพลังธาตุอย่างน้อย 20000 ลูก และยังต้องจ่ายบรรณาการให้หอผู้อาวุโสอีก 40000 ลูก พวกเรายังต้องมีค่าตอบแทนให้กับหน้าที่มอบหมายผู้อาวุโสและสมุนไพรกับเครื่องเทศวิเศษ ทั้งหมดนี้ยังต้องการเวลาและความร่วมมืออีกมาก…”
เฮือก
ฉินอขึ้นสูดลมหายใจเย็นเยือก
“ดังนั้น นี่หมายความว่าตระกูลฉินนั้นแทบจะรายรับไม่พอรายจ่าย?”
“เมื่อตรวจดูบัญชีแล้ว ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น หลายปีที่ผ่านมา ฮูหยินซูใช้สมบัติเก่าของตระกูลฉินไปมาก ไม่ต้องพูดถึงว่าบรรพบุรุษของเราเคยสะสมเอาไว้มากเท่าใด พวกเราก็จะถังแตกอยู่ดีหากยังจับจ่ายด้วยอัตราเช่นนี้ นอกเสียจากว่า… พวกเราจะตัดค่าใช้จ่ายท่วมหัวบางส่วนออกไปได้!”
ฉินชิงส่ายหน้า
“ค่าใช้จ่ายในตระกูลฉินนั้นต่ําที่สุดเท่าที่ทําได้แล้ว ไม่สามารถลดไปมากกว่านี้แล้ว ส่วนเดียวที่เราจะสามารถตัดได้ก็คือบรรณาการแก่หอผู้อาวุโสและกองทัพซางไห่ ทว่าพวกนี้ล้วนแตะต้องไม่ได้!”
ฉันอชิ้นส่ายหน้าและตอบกลับไป
กองทัพซางไห่นั้นเป็นกองทัพส่วนตัวของเจ้าเมืองซางไห้ หลังจากขึ้นรับตําแหน่ง เขาก็กลายเป็นผู้ครอบครองกองทัพติดอาวุธเวทย์ซางไห่ ตอนนี้เขามีกองกําลังผู้ภักดี 500 นายให้ใช้สอยได้ ในทันที ไม่มีเหตุผลให้เขาต้องจํากัดอํานาจของตัวเองลง
บรรณาการของหอผู้อาวุโสเองก็นับเป็นก้อนใหญ่เช่นกัน แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น หากบรรณาการนั้นไม่ส่งมอบ ผู้อาวุโสสามารถลงโทษเขาได้ด้วยกฎของตระกูลหรือกระทั่งไล่เขาออกจากตระกูล!
“หากพวกเราไม่สามารถลดค่าใช้จ่ายมากมายเหล่านี้ได้ พวกเราก็ต้องหาแหล่งรายได้เพิ่ม…”
เมื่อฉันอขึ้นพูด สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นประหลาด เขาถูมือที่หลังคอ
รอยประทับรูปดอกลําโพงสีดําปรากฏขึ้นบนผิวของเขา กลีบของดอกไม้คลื่ออกราวกับมีชีวิต
“นายท่านกําลังเรียกหาพวกเรา…”
ฉินอวิ่นพึมพํา
กับนายท่านผู้นี้ ฉันอขึ้นทั้งหวาดเกรงทั้งสํานึกบุญคุณ
ส่วนตระกูลซูน่ะเหรอ? แม้ว่าจะมีจ้าวแห่งกลไกเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง อย่างไรพวกเขาก็ได้รับความเสียหายอย่างมากและยังตกลงไปจากรายชื่อสุดยอดตระกูลของมณฑลตงอีแล้วเรียบร้อย คนที่เหลืออยู่ในตระกูลก็ได้แต่หลบหนีศัตรูและมีชีวิตอยู่อย่างลําบาก พี่น้องฉันเองก็มีส่วนในการรังแกคนของตระกูลซูเพื่อเป็นการแก้แค้น
และด้วยความช่วยเหลือของฟางหยวน ตระกูลฉินในตอนนี้ยังยิ่งใหญ่กว่าตระกูลซู และยังกําจัดฮูหยินซูไปได้ ฉินอวิ่นยังขึ้นสู่ตําแหน่งผู้นําตระกูล เขาจะมีอํานาจเพียงใด?
ดังนั้น ฉินอวินจึงได้แต่นับถือและสํานึกบุญคุณฟางหยวน
“วิธีการนี้ สามารถหลบรอดสายตาผู้อาวุโสของตระกูลได้จริง ๆ พวกเราควรรีบไปคารวะนายท่านนะ!”
ฉินชิงพยักหน้า ส่งคําสั่งลงไป แล้วตามฉินอวิ่นออกนอกคฤหาสน์ไป
มีสถานที่อันมีชื่อเสียงในมณฑลตงอีที่เรียกว่าซาโจวเหลิ่งและมักจะเต็มไปด้วยผู้คน
ถึงตอนนี้ รถม้าคันหนึ่งก็จอดอยู่ใต้ร่มเงาอย่างระวัง พี่น้องฉันนั่งอยู่ด้านใน ทั้งคู่มีสีหน้าลําบากใจ
“เหตุใดนายท่านจึงยังมาไม่ถึง? เกิดเรื่องอะไรร้ายแรงขึ้นหรือเปล่า?”
“หรือบางที… พวกเราอาจจะถูกสะกดรอยตาม?”
ฉินชิงที่ชาญฉลาด รู้ว่าการขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลนั้นไม่ได้มาพร้อมกับการควบคุมเบ็ดเสร็จเหนือตระกูล
อย่างน้อยที่สุด ที่เหนือหัวหน้าตระกูล ก็ยังมีหอผู้อาวุโสที่อิทธิพลในทุกกิจกรรมในตระกูลฉิน
ฉินอขึ้น แม้จะเป็นหัวหน้าตระกูล ก็ยังต้องเผชิญกับข้อจํากัดยิ่งยวดในการทําหน้าที่
“หรือว่านายท่าน จะหวาดเกรงหอผู้อาวุโส?”
ฉินชิงส่ายหน้า คลื่นความอ่อนล้าสายหนึ่งเข้าโจมตีนางโดยไม่รู้ตัว จู่ ๆ นางก็รู้สึกง่วงงุนและ เปลือกตาก็หนักขึ้นทุกวินาที จากนั้นนางก็ผล็อยหลับไป ศีรษะแนบเข้ากับผนังรถม้า
“เอ๋? พี่!”
ฉินอขึ้นอุทานอย่างประหลาดใจและเริ่มส่งพลังธาตุออกมาป้องกันตัวเอง
ฉินอวิ่นตอนนี้มีวิทยายุทธ์อยู่ในระดับอู่จง ทะลวงผ่าน 12 ประตูทองมาได้แล้ว!
แต่ทว่า ก็มีละอองหมอกสายหนึ่งแทรกผ่านเข้ามาในรถม้า แล้วฉินอวุ่นก็ล้มหมดสติไปบนพื้น
“ที่นี่คือที่ใด?”
ฉินอวิ่นประสบกับความรู้สึกไร้น้ําหนักอย่างรุนแรง เขากระทืบเท้าแรง ๆ ครั้งหนึ่งเพียงเพื่อพบว่าตัวเองนั้นลอยอยู่กลางละอองหมอกว่างเปล่า เงาร่างบอบบางส่ายหนึ่งสะดุดตาเขาเข้า
“ขึ้น?”
พี่!”
ฉินอวุ่นวิ่งตรงไปและคว้ามือเย็นเฉียบของฉินชิงเอาไว้
“พวกเราอยู่ที่ใดกัน?”
“หากข้าเดาไม่ผิด พวกเราอยู่ในโลกแห่งความฝันของพวกเรา!”
ฉินชิงแน่ใจ
“ดี! ฉลาดจริง เป็นเรื่องดีที่ข้าสนับสนุนเจ้าทั้งสอง!”
ละอองหมอกค่อย ๆ รวมตัวกันเป็นร่างชายหนุ่มชุดขาวผู้หนึ่ง เป็นฟางหยวน
“โอ้ ข้าทราบแล้วว่านายท่านเป็นจ้าวแห่งฝัน เป็นความผิดของพวกเราเองที่ไม่รู้เลยก่อนหน้า
ฉินชิงดึงฉินอขึ้นให้รีบมาคารวะฟางหยวนอย่างนับถือ
หัวใจของนางเต้นระทึกอย่างระแวดระวัง
ก่อนหน้านี้นายท่านของนางนั้นยืนยันว่าตนเองเป็นอู่จงผู้หนึ่งและยังเก่งกาจในด้านคาถาเวทย์ พี่น้องฉันเข้าใจว่าเขาเชี่ยวชาญทั้งวิทยายุทธ์และพลังเวทย์ แค่นั้น พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าฟางหยวนจะเป็นจ้าวแห่งฝันด้วย!
ในโลกของต้าเฉียน สถานะของจ้าวแห่งฝันนั้นเหนือกว่านักรบศักดิ์สิทธิ์มากนัก
พูดให้กระชัด กระทั่งจ้าวแห่งฝันระดับต่ําสุดก็มีศักดิ์ฐานะเท่าฉินอวิน หัวหน้าตระกูลฉินและเจ้าเมืองซางไห่!
“ลุกขึ้นเถอะ! ฉินอวิ่น เจ้าทําได้ดีในการขึ้นรับตําแหน่งผู้นําตระกุลฉิน และยังได้ขึ้นเป็นคู่จง?”
ฟางหยวนดูนิ่งเฉยขณะพูด
การเปลี่ยนแปลงในร่างกายของฉินอวิ่นนั้นฟางหยวนมองเห็นชัดเจน
เทียบกันแล้ว นี่เรียกได้ว่าเป็นอู่จงระดับต่ําที่เขาเคยสังหารมามากเกินกว่าจะให้ความสนใจ
“นายท่านมีสายตายอดเยี่ยมนัก!”
แม้ว่าเขาจะเข้าสู่ขอบเขตการใช้พลังธาตุแล้ว ต่อหน้าฟางหยวน ฉินอวุ่นก็กลายเป็นเด็กหนุ่มขี้ขลาดดังเดิม กระทั่งน้ําเสียงยังสั่นพร่า
ในที่สุดฉินอขึ้นก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดเหล่าผู้อาวุโสจึงไม่สามารถตรวจจับตราประทับของฟางหยวนได้
วิถีของจ้าวแห่งฝันนั้นคาดเดาไม่ได้จริงแท้
แน่อนอนว่า ฟางหยวนเองก็ตั้งใจจะปิดบังเอาไว้เช่นกัน
ไม่อย่างนั้น หากความจริงถูกเปิดเผยออกไป เหล่าผู้อาวุโสย่อมไม่เห็นด้วยที่จะให้ผู้ที่ถูกตีตราประทับขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล
ดวงตาของฉินอวิ่นกลอกไปมารวดเร็วเมื่อความคิดวิ่งวุ่นวาย
การสําแดงพลังของฟางหยวนนั้นก็เพื่อข่มขู่พี่น้องฉินและเตือนพวกเขาว่าได้รับความช่วยเหลือจากฟางหยวนไปแล้ว พวกเขาถูกผูกติดเอาไว้กับฟางหยวนแล้ว
ดังนั้น ฉินอวิ่นจึงพึมพํา “นายท่านช่วยพวกเราแก้แค้น และพวกเราก็จะสํานึกในบุญคุณนี้ไปชั่วกาล จากนี้ไป พี่น้องฉินเราล้วนเป็นคนของท่าน!”
“เฮ้ย เจ้าจริงจังเกินไปแล้ว!”
ฟางหยวนโบกมือ และพี่น้องฉินก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้ ทั้งหมดที่ข้าต้องการให้เจ้าทั้งสองทําก็คือค้นหาของสองอย่างให้ข้า อย่างแรก การผงาดขึ้นและล่มสลายลงของตระกูลหนึ่ง และทุกอย่างเกี่ยวกับตระกูลนั้น สอง ข้าต้องการแผนที่ของอาณาจักรต้าเฉียน แผนที่พระราชวัง เขตปกครองของแต่ละตระกูล และการดําเนินการของสํานักรวมถึงพรรคต่าง ๆ ข้าต้องการทั้งหมดที่พวกเจ้าหาได้!”
“วันนี้พวกเจ้าประมาทเกินแล้ว มีคนคอยจับตามองอยู่ ตั้งแต่นี้ไป พวกเราจะติดต่อกันในโลกแห่งความฝัน…”
“อะไรนะ?”
พี่น้องฉินอึ้งไป และพวกเขาก็มองหน้ากันเอง พวกเขาคิดถึงหอผู้อาวุโส
“ขอรับนายท่าน!”
“ดีมาก เจ้าสองคนไปได้!”
เมื่อฟางหยวนพยักหน้า โลกแห่งความฝันก็สลายไป
ในรถม้า ฉินอวิ่นตื่นขึ้นก่อนและมองไปที่ฉินชิง เมื่อพวกเขาสบตากัน พวกเขาก็เข้าใจว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความจริง
“กลับกันเถอะ!”
ฉันชิงกดมือฉินอวิ่นเอาไว้
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
ฉินอวิ่นพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ฟางหยวนนั้นเป็นผู้ที่มีพลังที่สุดในพวกเขาและจําเป็นต้องเชื่อฟัง และฉินชิงเองก็ตั้งใจจะท้าทายหอผู้อาวุโสโดยมีฟางหยวนเป็นผู้สนับสนุนเบื้องหลัง
แม้ว่าพี่น้องฉินจะรู้ว่าพวกตนกําลังเล่นกับไฟ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกเพราะว่าถูกตีตราประทับแล้ว
“แต่จะอย่างไร… คนพวกนี้ก็กล้าสะกดรอยตามข้า พวกเขาควรถูกกําจัด!”
ฉินอวิ่นดึงม่านเปิดไปข้าง ๆ และสังเกตเห็นหลายเงาพุ่งออกไปจากระยะสายตาของเขา เขาตัดสินใจแล้ว
ถึงตอนนี้ การแตกหักกับหอผู้อาวุโสนั้นไม่ฉลาด แต่เขาก็ยังต้องการส่งข้อความให้คนพวกนั้น
ในฐานะหัวหน้าตระกูลคนใหม่ เหตุใดเขาจึงจะไม่สําแดงพลังออกไปบ้างเล่า?
ที่ไม่ไกลนัก ฟางหยวนสวมงอบแบบชาวนากลมกลืนไปกับชาวเมือง ดูราวกับกําลังชื่นชมซาโจวเหลิ่ง ริมฝีปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง
“วิถีทางของจ้าวแห่งฝันนั้นลึกลับและลึกซึ้งมาก เพียงแค่ทักษะง่าย ๆ ก็ให้ผลลัพธ์ดียิ่ง!?
แล้วถ้ามีคนสะกดรอยพวกเราล่ะ?
แม้ว่าเขาจะมาชี้แนะพี่น้องฉินต่อหน้าคนพวกนั้น พวกเขาก็ไร้พลังที่จะทําอะไรได้
มีเพียงจ้าวแห่งฝันที่จะท้าทายจ้าวแห่งฝันด้วยกันได้!
“ตอนนี้ข้าเชื่อว่าจ้าวแห่งฝันนั้นไม่ใช่ตัวตนดั้งเดิมภายในโลกต้าเฉียน มันซับซ้อนมากกว่าและยังขัดกับหลักเหตุและผล…”
ยิ่งฟางหยวนฝึกมากขึ้น เขาก็ยิ่งเชื่อว่าเนื้อหาในตํารา “บันทึกแม่น้ําแห่งความฝัน” นั้นเป็นความจริง
“พลังยุทธ์ที่แท้จริงนั้นมอบพลังและอํานาจที่แท้จริง!”
เขามองไปที่ทะเลทรายตรงหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
“จ้าวแห่งฝันผู้หนึ่งนั้นไม่เพียงถือครองพลังอันยิ่งใหญ่ เขายังสามารถจัดหาแหล่งทรัพยากรแห่งชีวิตที่เพียงพอแก่ตัวเองและยังสามารถเผื่อแผ่มาถึงโลกภายนอก ด้วยความสามารถเช่นนี้เป็นไปได้หรือที่จะไม่ต้องการอํานาจ?”
ฟางหยวนรู้คําตอบ ไม่มีทางที่เขาจะต้านทานได้
“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าราชวงศ์ต้าเฉียนคงอยู่มากได้ถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร แต่มันคงเป็นการรักษาสมดุลอยู่บนขวากหนาม บางที ทั้งหมดที่ต้องทําเพื่อทําลายพวกเขาก็คือผลักเบา ๆ แล้วทุกอย่างก็จะเกิดขึ้น”
เขาทําจมูกฟุดฟิดและราวกับจะได้กลิ่นเลือดและไฟ กลิ่นของสงครามที่กําลังจะมาถึง!