Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 231
Chapter 231: ผู้ป้องฝัน
ในโลกแห่งความฝัน การแลกเปลี่ยนข้อมูลนั้นใช้เวลาเล็กน้อย
ตราบใดที่มีการจ่ายคะแนนภารกิจ การแลกเปลี่ยนข้อมูลก็จะปรากฏขึ้นทันทีในรูปแบบของม้วนคาถาหยกที่ป้องกันโดยจิตวิญญาณของอาณาจักรซึ่งยืนยันความเป็นของแท้
“ทฤษฎีพื้นฐานของจ้าวแห่งฝัน ซื้อ!”
“สิบคําถามเกี่ยวกับจ้าวแห่งฝัน, สือหูจื่อ ซื้อ!”
“บันทึกแม่น้ําแห่งความฝัน ซื้อ!”
“เส้นทางสู่สวรรค์มายา เขียนโดย เทียนหลาน ผู้รอบรู้ ต้องการคะแนนภารกิจ 50 คะแนน! ชี้โอ้ ข้ามีคะแนนภารกิจไม่พออีกแล้ว!”
ฟางหยวนมองคะแนนภารกิจที่ลดลงไปบนป้ายหยกของเขากับตําราทั้งสามในมือ เขารู้สึกจนปัญญาและรู้สึกอึ้งไป “ขายตําราเพื่อทําความเข้าใจการฝึกตนนี่มันราวกับปล้นกันกลางวันแสก ๆ เลย…. หากมีจ้าวแห่งฝันซื้อข้อมูลนี้มากกว่าหนึ่งคน พวกเขาก็ยังได้รับคะแนนภารกิจเพิ่มอีกส่วน”
แต่ว่า เขาก็รู้ดีว่านอกจากผู้ที่มีพรสวรรค์หรือมีชื่อเสียง มันก็คงเป็นแค่ความคิดไปเองว่าจ้าวแห่งฝันจะกลายเป็นร่ํารวยได้เพียงแค่ขายตําราอย่างเดียว
ฟางหยวนออกจากจัตุรัสมาและมาถึงในตรอกแห่งหนึ่ง เขาดึงเอา “สิบคําถามเกี่ยวกับจ้าวแห่งฝัน” ออกมาพลิกดู
หน้ากระดาษของตําราโบราณนี่เริ่มเป็นสีเหลืองและปกก็แข็งมาก มันดูเงาและไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร มันก็ดูเหมือนของวิเศษ ขณะที่มือของฟางหยวนเอื้อมไปหาตํารา ก็มีแสงแวบออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่หน้าผากของฟางหยวน
“โอ้”
ฟางหยวนรู้สึกมึนงงและในทะเลแห่งจิตสํานึก กําแพงอักษรก็ปรากฏขึ้น “จ้าวแห่งฝันผู้สามารถใช้พลังของฟ้าและดินได้ย่อมเป็นจ้าวแห่งสิ่งมีชีวิตทั้งปวง! ในตอนแรก จ้าวแห่งฝันจะประสบ ความสําเร็จนั้นต้องตระหนักถึงคําถามสิบข้อ…”
คําถามสิบข้อนั้นเรียบง่ายและมีหลักการ ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าผู้เขียนนั้นอยู่ที่จุดสูงสุดของการเป็นจ้าวแห่งฝันได้จากการอ่านตํารา
หลังจากอ่านจบ เขาก็หันไปสนใจ ทฤษฎีพื้นฐานของจ้าวแห่งฝัน” ขณะที่ตําราอธิบายเรื่องยากด้วยคําง่าย ๆ ก็ทําให้ฟางหยวนมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้นและยังบันทึกเส้นทางหลังจากระดับสวรรค์มายาเอาไว้อย่างชัดเจน ดังนั้นฟางหยวนจึงสามารถเข้าใจความแข็งแกร่งและจุดอ่อนของตนได้ดีขึ้น
แต่ว่า สิ่งที่ทําให้ฟางหยวนอึ้งไปก็คือ “บันทึกแม่น้ําแห่งความฝัน” ซึ่งปรากฏขึ้นในรูปแบบของลายมือเขียน!
ตํารานี้ค่อนข้างยับเยินและเต็มไปด้วยภาษาพูดไม่เป็นทางการ แต่ว่ามันกลับพรรณนาถึงปัญหาที่จ้าวแห่งฝันต้องเผชิญ
“ หลังจากได้เป็นจ้าวแห่งฝันและเดินทางไปทั่วอาณาจักรต้าเฉียน ข้าก็ได้ศึกษาเพลงกระบี่กับจ้าวแห่งกระบี่เปรียบดาบกับผู้หลงใหลดาบ ควบคุมสัตว์ป่า ยังคงไร้พ่ายและศึกษาวิถีทางต่าง ๆใต้แผ่นฟ้า ทําให้ข้าเข้าใจได้ลึกซึ้งว่าหนทางของจ้าวแห่งฝันคือการใช้พลังจากฟ้าและดินและอาจจะไม่ใช่แค่เพียงโลกใบนี้”
“เมื่อคนผู้หนึ่งเกิดมาและเติบใหญ่ขึ้นก็มักจะมีความสงสัยว่าตนมาจากไหน และจากนี้ตนจะไปที่ไหน พวกเรา จ้าวแห่งฝันเล่ามาจากที่ใด? พลังธาตุฝัน ความสามารถที่สามารถสร้างวัตถุมาได้ทําให้ข้าสนใจมาก!”
หลังจากการเปรียบเทียบนับพัน ๆ ข้ากล้าสรุปว่าทุกเส้นทางของการฝึกตนนั้นจําเป็ นต้องใช้พลังแห่งฟ้าและดินเพื่อให้คนผู้หนึ่งเก่งกล้าเหนือธรรมดาขึ้นมาได้ เหตุใดจ้าวแห่งฝันจึงต้องการทรัพยากรมากมายนัก? มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น! ความแตกต่างระหว่างจ้าวแห่งฝันและอู่จงหรือนักรบศักดิ์สิทธิ์! พลังธาตุฝันที่พวกเราต้องใช้นั้นไม่ได้กําเนินจากโลกใบนี้! มันมาจากมิติอื่น ซึ่งสูงกว่าซึ่งสามารถรองรับความสามารถในการสร้างวัตถุของจ้าวแห่งฝันได้พวกเราอาจจะพูดได้ว่าระดับสวรรค์มายานั้นเป็นระดับพื้นฐานที่สุดของแห่งพลังนิรนามนั่น!”
“ผลลัพธ์สุดท้ายของเส้นทางการฝึกตนใด ๆ ล้วนกลับไปที่รากฐานของแต่ละคน ค้นหาแหล่งที่มาของพลัง… ข้าขอเดาว่า เพื่อที่จ้าวแห่งฝันจะสามารถเอาชนะตนเองได้ เขาต้องค้นหารากของตนเอง จุดกําเนิดของทุกสรรพสิ่ง!”
บันทึกมีเพียงไม่กี่หน้าแต่เพียงพอที่จะทําให้ฟางหยวนตกตะลึง
“มันกลายเป็นว่าจ้าวแห่งความฝันทั้งปวงจะรู้เรื่องการมีอยู่ของโลกอื่นแล้วและยังเริ่มสํารวจโลกต่าง ๆ ไปแล้วด้วย!”
“ดูเหมือนว่าความสามารถในการสร้างวัตถุในระดับสวรรค์มายาจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับการ ฝึกฝนของแต่ละคนเพียงอย่างเดียว มันยังต้องมีแหล่งพลังของจ้าวแห่งฝัน…”
ฟางหยวนสัมผัสถึงเรื่องนี้ได้นานแล้ว
หากเขาทําสิ่งต่าง ๆ ตามวิถีทางนี้ก่อนหน้าเพื่อที่จะเป็นจ้าวแห่งฝันที่สามารถสร้างวัตถุได้เขาย่อมต้องเข้าใจกฎแห่งโลกใบนี้แจ่มแจ้งโดยตลอดซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะทําได้สําเร็จ
แต่ว่า จากประวัติศาสตร์แล้ว มีจ้าวแห่งฝันมากมายที่ไปถึงระดับสวรรค์มายา ความเป็นไปได้เดียวก็คือมีพลังจากภายนอกช่วยเสริมซึ่งทําให้การเข้าถึงระดับสวรรค์มายานั้นง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก
จิตใจของฟางหยวนล่องลอยไป และเขาก็เริ่มคิดภาพตัวเองบรรลุผ่านระดับสวรรค์มายารัศมีแสงสีขาวมอบความสามารถในการสร้างโลกแห่งความฝันและความสามารถในการสร้างวัตถุให้แก่เขาและประตูมหึมาบานนั้นก็ถล่ม!
“โลกของจ้าวแห่งฝัน!”
“นี่คือชื่อที่ผู้เขียนใช้เรียกโลกซึ่งจ้าวแห่งฝันกําเนิดมา! ตั้งแต่งานเขียนนี้ถูกเผยแพร่ จ้าวแห่งฝันทั้งปวงก็ต้องการค้นหาโลกใบนี้ แต่ว่า จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถทําได้สําเร็จ…”
เพียงแค่รอยแตกเล็ก ๆ จากโลกของจ้าวแห่งฝันก็เพียงพอที่จะมอบพลังให้แก่จ้าวแห่งฝันและทําให้เขาสามารถสร้างวัตถุได้
หากมีผู้ใดสามารถค้นพบโลกของจ้าวแห่งฝัน มิใช่ว่าคนผู้นั้นจะกลายเป็นเก่งกาจเหนือธรรมดาราวกับเทพเจ้าและไม่จําเป็นต้องกังวลเรื่องใดอีกต่อไปเลยหรอกหรือ?
นี่ย่อมเป็นเพราะการคาดเดานี้ที่กระตุ้นจ้าวแห่งฝันรุ่นหลัง ๆ ศึกษาหาโอกาสที่จะได้พบโลกของจ้าวแห่งฝัน
“มีผู้มีพรสวรรค์อยู่ในทุกชั่วคน และยังมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของเหล่าจ้าวแห่งฝันในต้าเฉียนในเวลาไม่กี่ปีที่อาจารย์ของข้าเข้าเก็บตัว”
ฟางหยวนพยักหน้าและรู้สึกตื่นเต้น “แต่ว่า… ข้าชอบบรรยากาศเช่นนี้เ”
ก่อนหน้านี้นั้นฟางหยวนไล่ตามหาความอมตะเป็นนิรันดร์ แต่มันก็เหมือนกับไล่ตามควันกับกระจกเงา
ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็มองเห็นความเป็นไปได้ที่จะทําได้สําเร็จ
ความตื่นเต้นนั้นคล้ายกับความรู้สึกของนักเดินทางที่เดินทางในความมืดมาเป็นเวลานานและจู่ ๆ ก็มองเห็นแสงสว่าง ความรู้สึกเช่นนั้นเลย
“แน่นอนว่า… โลกของจ้าวแห่งฝันหรืออะไรคล้ายกันนั้นยังอยู่เหนือความสามารถของข้ามาก นักข้าควรจะคิดถึงหนทางการไปให้ถึงจุดสูงสุดของระดับสวรรค์มายาก่อน!”
ฟางหยวนจริงจังขึ้น
หลังจากบรรลุผ่านระดับสวรรค์มายา ก็จะมีหนทางต่างกันไปให้เลือกเดิน ที่ง่ายที่สุดก็คือเป็นผู้สะกดฝันตามมาด้วยผู้ป้องฝัน นักแปรธาตุฝัน จ้าวกลไก นักสะกดสัตว์ และนักทํานายฝันที่ลึกลับที่สุดมีวิถีทางและความสามารถที่แตกต่างกันมากมายแม้ว่าจุดหมายสุดท้ายจะเป็นการสร้างโลกแห่งความฝันที่แท้จริง เส้นทางที่เลือกต่างกันไปและดังนั้น แต่ละเส้นทางย่อมมีจุดเด่นของตนเอง
“นี่เป็นเพราะว่าการสร้างโลกแห่งความฝันทั้งใบนั้นยากเกินไปและดังนั้น จ้าวแห่งความฝันทั้งหลายจึงเริ่มด้วยกฎเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งแล้วขยายจากนั้นออกมา ดังนั้น ความสามารถของพวกเขาจึงแตกต่างกันออกไปเช่นกัน!”
ฟางหยวนคิดถึงมรดกของอาจารย์ของเขา
อาจารย์เจว์ซินเลือกเส้นทางผู้ป้องผันหลังจากถึงระดับสวรรค์มายา
ผู้ป้องฝันสร้างทหารเวทย์ในโลกแห่งความฝันของตนเองโดยที่แรกเลยก็สร้างทหารเวทย์นมาก่อนด้วยการควบรวมพลังธาตุฝัน ความสามารถของกองทัพก็เพิ่มขึ้นและความคิดของพวกเขาก็สามารถเปลี่ยนเป็นความจริง พวกเขาสามารถถล่มภูผาพลิกทะเล พวกเขาสามารถปรับตัวและตอบสนองกับสถานการณ์ทุกรูปแบบได้ สุดท้ายแล้ว ผู้ป้องฝันก็สามารถใช้วิถีทางนี้ทําความเข้าใจโลกใบนี้ให้ลึกซึ้งมากขึ้นได้!
ส่วนผู้สะกดฝัน เขาสามารถสร้างคาถาสะกดนับพัน ๆ ได้เพียงแค่มีความคิดขึ้นครั้งเดียวจ้าวกลไกสามารถสร้างค่ายกลในความฝันได้เพียงพริบตาเดียว หากผู้อาวุโสของตระกูลซูเป็นจ้าวกลไกและสามารถเรียกใช้ค่ายกลของเขาจากในโลกแห่งความฝันของตนเอง เขาย่อมไม่พบกับจุดจบอันน่าเศร้าเช่นนั้น
“ผู้สะกดสัตว์สร้างเส้นทางของตนโดยการใช้คาถาอัญเชิญ เขาใช้พลังธาตุฝันสร้างสัตว์ร้ายได้ทุกชนิดและอัญเชิญกองทัพสัตว์ประหลาดออกมาได้ แน่นอนว่า วิถีทางนี้ยังมีสาขาแยกย่อยเป็นเชี่ยวชาญการเปลี่ยนร่างไปเป็นสัตว์ดึกดําบรรพ์หรืออื่น ๆ สืบทอดความสามารถของมันมาและในเวลาเดียวกันก็ยังมีสํานึกของการเป็นจ้าวแห่งฝันนี่ยากมากที่จะบรรลุได้…”
บทแนะนําพื้นฐานของจ้าวแห่งฝันก็เพียงพอให้ฟางหยวนมึนงง
“นอกจากนี้ ทุกวิถีทางยังมีความพิเศษเฉพาะตัวและส่งเสริมกันและกันได้ เพียงแค่การฝึกหมดต้องใช้เวลาเป็นหลายเท่า และยังมีเรื่องของความถนัดของผู้ฝึกฝนและต้องคํานึงถึงผลดีผล เสีย…”
ด้วยความสามารถในตอนนี้ของเขา เขาเพียงแค่สามารถใช้เคล็ดวิชาของผู้สะกดฝันได้ไม่กี่อย่าง แม้ว่าจ้าวแห่งฝันวิถีทางอื่นยังไม่ปฏิเสธการใช้พลังธาตุฝันในการสร้างคาถาสะกดฝันเพื่อช่วยเหลือตนเองในวิถีทางที่เลือกเดินแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับผู้สะกดฝันที่แท้จริงที่สามารถเรียกใช้คาถาสะกดฝันได้เป็นพัน ๆ เพียงแค่คิดนั้นก็นับว่าจืดชืดยิ่ง
มีเพียงแค่การอุทิศความพยายามและตั้งใจทั้งหมดถึงจะได้รับผลลัพธ์เช่นนั้น
ไม่ว่าจะเป็นวิถีทางใด ผลลัพธ์ก็เป็นเช่นเดียวกัน เส้นทางทั้งหมดล้วนมุ่งสู่จุดหมายเดียวกันและดังนั้น มันจึงเป็นการเสียแรงเปล่าที่จะเดินหลายเส้นทาง
“แล้วเส้นทางของข้าเล่า?”
ฟางหยวนถอนหายใจ บอกตามตรง เขาไม่มีทางเลือกมากนัก
ขณะที่ผู้ป้องฝันไม่อาจะนับว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาจ้าวแห่งฝัน แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามรดกที่อยู่ในมือเขานั้นมันสมบูรณ์ที่สุด
“อย่างแรกเลย ข้ามีคะแนนภารกิจไม่เพียงพอที่จะค้นหาเคล็ดการฝึกของวิถีทางอื่น อย่างที่สองเคล็ดวิชาเหล่านั้นอาจจะไม่สามารถเทียบได้กับที่อาจารย์มอบให้ข้า… อย่างไรเสียงมรดกเกี่ยวกับผู้ป้องฝันของอาจารย์ของข้าก็เป็นเคล็ดวิชาลับและเต็มไปด้วยความลึกลับนอกจากนี้มันยังเข้ากันได้ดีกับตัวข้าเอง…”
ฟางหยวนสายหน้าและตัดสินใจ
ฟางหยวนนั้นประสบความสําเร็จมากในวิถีทางของผู้ฝึกยุทธ์และไม่ยินยอมที่จะสละมันทิ้ง การเลือกเส้นทางผู้ป้องกันนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะทําให้เขาใช้ความสามารถในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ได้อย่างเต็มที่
“วิถีทางของผู้ป้องฝันของอาจารย์ของข้านั้นเป็นเคล็ดวิชาลับที่เรียกว่า “ค่ายกลดาบแปดประตู” ซึ่งแฝงลักษณะของค่ายกลเวทย์บางส่วนเอาไว้ สร้างทหารเวทย์ 8 คนเอาไว้ในโลกแห่งความฝันเพื่อสร้างเป็นค่ายกล และเมื่อต้องการ ก็สามารถอัญเชิญออกมารับมือกับศัตรูหรือทําหน้าที่เป็นเสมือนเกราะปกป้องผู้เรียก! มันเข้ากันได้ดีกับวิทยายุทธ์ของข้า!”
ค่ายกลดาบแปดประตูนั้นมีแปดอักษรเป็นรากฐานซึ่งครอบคลุมทุกสรรพชีวิตบนฟ้าและดินการเปลี่ยนแปลงได้จํากัด
“แม้ว่าค่ายกลดาบแปดประตูจะใช้การได้ดี แต่มันก็ยังมีข้อเสีย คุณลักษณะของมันเด่นชัดเจนไปหากศัตรูของอาจารย์ข้าพบเห็นมันเข้า ข้าคงจะประสบกับปัญหาใหญ่”
“นอกจากนี้ วิทยายุทธ์ของข้ายังเป็นข้อจํากัดอีกประการ!”
เคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็กของฟางหยวนนั้นพัฒนาขึ้นโดยตัวฟางหยวนเองและตอนนี้ก็อยู่ในระดับเริ่มต้นของการสร้างชีพจรศักดิ์สิทธิ์ที่สี่ แต่ว่าเขากลับไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้
เพื่อที่จะบรรลุ เขามีตัวเลือกเพียง 2 อย่าง
ตัวเลือกแรกก็คือต้องได้เคล็ดวิชาของตระกูลหยาง เคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุน ฉบับสมบูรณ์มาและผสานมันเข้าไปเพื่อเติมเต็มช่องโหว่ของเคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็ก
ตัวเลือกที่สองก็คือใช้คะแนนภารกิจ ของความช่วยเหลือจากจ้าวแห่งฝันที่มีความสามารถเพื่อทําให้เคล็ดวิชานี้สมบูรณ์
เพราะมีโลกแห่งความฝันอันแท้จริงของแต่ละคน จ้าวแห่งฝันจึงสามารถสร้างเคล็ดวิชายุทธ์
ฟางหยวนเผชิญหน้ากับความลําบากแล้วและไม่สามารถที่จะพัฒนาเคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็กของเขาต่อไปได้ แต่ว่า นั่นไม่ได้หมายความว่าจ้าวแห่งฝันอื่น ๆ จะทําไม่ได้ด้วย!
ถ้าเป็นอย่างนั้น มันก็ยากที่เก็บเคล็ดวิชาเอาไว้เป็นความลับ ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่เต็มไปที่จะ มองหาความช่วยเหลือจากจ้าวแห่งฝันอื่น ๆ
“บางที ข้าอาจจะต้องลองขอซื้อเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุนฉบับเต็มแทน?”
ฟางหยวนพึมพํากับตัวเอง
ตระกุลหยางนั้นถูกชิงชุ่ยกําจัดไป ดังนั้น เคล็ดวิชาของตระกูลอาจจะถูกแพร่ออกไปสู่คนภายนอก
อย่างไร ก็มีจ้าวแห่งฝันอยู่ในต้าเฉียนตั้งมากมายรวมทั้งสมบัติล้ําค่าและข้อมูลตราบใดที่สามารถจ่ายได้
TL note: แปดอักษร ทางภาษาอังกฤษใช้ว่า 8 Trigrams ผู้แปลลองหารายละเอียดดูพบว่า 8 อักษรที่ว่า ประกอบด้วย ฟ้า ดิน น้ํา ไฟ ลม สายฟ้า ภูผา และทะเลสาบ (Heaven, Earth, Water, Fire, Wind, Thunder, Mountain and Lake) ทั้ง 8 จะวางตัวอยู่ตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ บนยันต์ 8 เหลี่ยมที่ชื่อ ปากว้า (ปา-กว้า) (ยันต์แปดเหลี่ยมสีแดง ๆ ที่มักพบวางไว้เหนือประตูหน้าต่าง)