Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 228
Chapter 228: อาณาจักรแห่งฝัน
“อํา ข้าเข้าใจแล้ว!”
เมิ่งเหลียนมองฟางหยวนดวงตาเป็นประกาย “ช่างเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่สามารถค้นหาเส้นทางสู่การเป็นจ้าวแห่งฝันได้ด้วยตนเอง!”
“อย่างนั้นกระมัง!”
สีหน้าของฟางหยวนนิ่งสงบ แต่ข้างใน เขากําลังหัวเราะ
แม้ว่าเมิ่งเหลียนจะเป็นจ้าวแห่งฝันเหมือนตัวเขาเอง นางก็ดูจะยังติดอยู่ที่ระดับสร้างฝัน เทียบได้กับนักรบศักดิ์สิทธิ์ในระดับสูงสุดของขอบเขตรวมธาตุ ในเมื่อนางยังไม่บรรลุสู่ขอบเขตแยกธาตุ นางย่อมไม่รู้ถึงความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ของตนเอง
หลังจากรู้เช่นนี้ ความสนใจในตัวเมิ่งเหลียนและอาณาจักรแห่งฝันของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น
“นั่นใคร?”
“ช่างกล้า! เจ้ากล้าบุกรุกเข้าคฤหาสน์ตระกูลฉินได้อย่างไร!”
เพราะเสียงเอะอะในห้องและความจริงที่ทั้งฟางหยวนและเมิ่งเหลียนไม่ได้สนใจจะแอบซ่อน พวกเขาจึงถูกพบตัวอย่างรวดเร็ว
เขาสัมผัสได้ถึงความเกรี้ยวกราดของคนพวกนั้น
เมื่อพวกเขาพบว่าฮูหยินซูเสียชีวิตไปแล้ว ย่อมต้องเกรี้ยวโกรธขึ้นกว่าเดิม
“ฆ่า!”
รอบ ๆ เรือนเจ้าตระกูล ผู้คนเริ่มปรากฏตัวออกมา พวกเขามีรูปร่างสูงใหญ่และเริ่มเข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้ ทั้งหมดสวมชุดเกราะ และยังถือธนูที่มีอักขระเวทย์กํากับไว้
มันผิดกฎหมายในอาณาจักรต้าเฉียนที่ครอบครองเกราะวิเศษมากกว่าสามชิ้นในแต่ละตระกูล ยกเว้นทางการและผู้ที่อยู่ในฐานะพิเศษ นอกจากนั้นแล้ว จะถูกนับว่าเป็นกบฏ!
ส่วนคันธนูที่ลงอักขระเวทย์นั้นไม่ต้องพูดถึงเลย มันนับเป็นโทษตายเพียงแค่มีไว้ครอบครองสักคัน!
แต่ว่า ด้วยอํานาจและอิทธิพลของตระกูลฉิน พวกเขามีกองทัพของตระกูลที่มีทหารกว่าห้าร้อย ทําให้ทุกอย่างที่พวกเขามีนั้นกลายเป็นถูกกฎหมาย
“ค่ายกลอะไรกัน!”
“บ!”
เมื่อเงาของพวกเขาวูบผ่านไป ฟางหยวนและเมิ่งเหลียนก็กระโดดขึ้นไปบนหลังคาขณะสังเกตสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ
“ทหารทั้งหมดนี่ฝึกวิชาพิเศษให้สามารถรวมกําลังภายในเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ค่ายกลที่ตั้งขึ้นยังดูมีเอกลักษณ์…”
เห็นพวกทหารตั้งค่ายกลขึ้นมาและตรวจสอบรัศมีพลังของพวกเขา ฟางหยวนก็ให้ความเห็นขณะที่ทหารทั้งหมดตั้งค่ายกลได้อย่างสมบูรณ์
“นี่คือ “ค่ายกลขนนกเพลิง” ของตระกูลฉิน! ทหารกว่าห้าร้อยนั้นเป็นสายเลือดของตระกูลฉินเช่นกัน! ใช้พลังของค่ายกล ว่ากันว่าพวกเขาสามารถอัญเชิญเฟ่งหวงในตํานานได้!”
เมิ่งเหลียนกลอกตาไปมองฟางหยวนก่อนอธิบาย
“นั่นใคร? ใครกล้าเข้ามาฆ่าคนในตระกูลของข้า?”
เสียงคํารามราวฟ้าผ่าดังมา รัศมีพลังอันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งหลายสายพุ่งตรงมาในห้อง ชายชราผมขาวหลายคนปรากฏตัวขึ้น พวกเขาเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฉิน
ผู้อาวุโสด้านหน้าสุดหน้าแดงก่ําราวภูเขาไฟกําลังระเบิด
“เป็นข้าเอง!”
เมิ่งเหลียนหัวเราะคิก “ข้าไม่ชอบนาง ข้าก็เลยสังหารนางซะ พวกท่านจะทําอะไรได้?”
“เจ้า…”
ผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลฉินโมโห แต่ผู้อาวุโสด้านหน้ายังคงสงบอยู่ มองเมิ่งเหลียนแล้ว เขาก็เริ่มสงสัย “ท่านคือ…”
“สายตาดีนี่ตาแก่!”
เมิ่งเหลียนยิ้มและดึงป้ายอันหนึ่งออกมา
ฟางหยวนเหลือบมองป้ายนั่นเร็ว ๆ ครั้งหนึ่ง มันดูเหมือนจะทําจากทั้งทองและหยกและยังมีไม้สลักอยู่ด้านบน ที่ตรงกลางนั้นเป็นดอกบัวขาวที่กําลังเบ่งบาน
“ท่านคือ… ธิดาเทพ!!”
ผู้อาวุโสคนนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่และคนที่เหลือก็สีหน้าเปลี่ยนไป
“เช่นนั้น ยังต้องการจับตัวข้าอีกหรือไม่?”
เมิ่งเหลียนคลี่ยิ้มบริสุทธิ์และเดินออกจากคฤหาสน์ไป
ผู้อาวุโสทุกคนของตระกูลฉินกัดฟันแน่น แม้ว่าพวกเขาจะมีพลังและยังมีกองทัพและค่ายกลวิเศษช่วย พวกเขาก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องนางด้วยปลายนิ้ว พวกเขาทําได้เพียงมองนางจากไป แต่ไม่มีใครในพวกเขารู้ความหมายของดอกบัวขาวและเหตุผลที่มันทําให้เกิดความกลัวในตัวทุกคน
ทั้งหมดที่นางทํา ฟางหยวนนั้นเงียบอยู่ตลอดและตามหลังเมิ่งเหลียนไป รู้สึกยินดีกับการกระทําของนาง
“นางเป็น… ธิดาเทพผู้นั้นจริงหรือ?”
มีเพียงแค่เมิ่งเหลียนและฟางหยวนออกไปพ้นสายตาแล้วผู้อาวุโสคนหนึ่งถึงได้ตั้งคําถามขึ้นมา น้ําเสียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“หากไม่ใช่นาง เช่นนั้นจะเป็นใครไปได้?”
หัวหน้าผู้อาวุโสยิ้มเจื่อน “แม้ว่าพวกเราจะเป็นตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในมณฑลตงอี พวกเราก็ยังเทียบไม่ได้กับป้ายนั่น แล้วเหตุใดธิดาเทพจึงมาจัดการกับฮูหยินใหญ่กัน?”
หลังจากเงียบไปเป็นนาน ทุกคนก็เริ่มคิดเรื่องการแย่งชิงตําแหน่งทายาท
แต่ว่า แม้แต่หัวหน้าผู้อาวุโสที่ใกล้ชิดกับฮูหยินซูที่สุดก็ยังไม่มีคําใดจะกล่าว
“เอ่อ… เพราะการตายของฉินเจี๋ยและฉินเฟิ่งอวี่ ตระกูลฉินจึงวุ่นวาย…”
หัวหน้าผู้อาวุโสถอนหายใจเสียงดัง “พวกเราควรจะรีบตัดสินใจเลือกเจ้าตระกูลคนถัดไปเพื่อให้ตระกูลฉินเรามั่นคง ไม่อย่างนั้น หากพวกเรายังขัดแย้งกันอยู่เรื่อย พวกเราน่าจะล่มสลายในไม่ช้าแล้ว… ฉินอวิ่นหลานของพวกเราไปไหนแล้วเล่า?”
เขาไม่ได้มีความตั้งใจอื่นตอนที่พูดขึ้นมา แต่ผู้อาวุโสหลายคนก็เข้าใจแผนการของเขาแล้ว
“เขา… น่าจะสามารถกลับมาก่อนพิธีได้!”
หนึ่งในผู้อาวุโสยินดี ในที่สุดความพยายามของเขาก็ไม่เสียเปล่าแล้ว และเขากําลังจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์
“ทว่า… เจ้าแห่งฝันมีพลังถึงขนาดนั้นจริงหรือ เพียงแค่คําพูดง่าย ๆ คําเดียวจากพวกเขาก็สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของพี่น้องพวกนี้ได้?”
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ยังกังขา “เป็นไปได้ไหมว่าการผลักดันเขาขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูลจะเป็นบททดสอบเขาจากคนพวกนั้น?”
พี่น้องฉินนั้นเป็นผู้น่าสงสัยที่สุดที่ควรรับผิดชอบกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้
เพื่อสนับสนุนฉินอวิ่นขึ้นเป็นหัวหน้าตระกูล ผู้อาวุโสพวกนี้ต้องสร้างความสัมพันธ์อันดีกับฉินอวิ่นและยังสามารถทดสอบเขาออกด้วย หากฟางหยวนรู้ความคิดของคนพวกนี้ ก็คงขําจนทนไม่ไหวแล้ว
“อาณาจักรแห่งฝันอยู่ที่ใด?”
ฟางหยวนตามเมิ่งเหลียนออกไปจนถึงรอบนอกของมณฑลตงอี เขามีสีหน้าสงสัย
“อาณาจักรแห่งฝันในความคิดของท่านเป็นอย่างไรเล่า ฟางหยวน? โลกของเราควรเป็นแบบใด?”
มองสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ที่เป็นที่รกร้างไว้สัญญาณของชีวิต จู่ ๆ เมิ่งเหลียนก็ถามฟางหยวน
“ความจริงก็คือมายา และมายาคือความจริง! โลกแห่งความฝันของพวกเราก็เหมือนฟองอากาศที่สามารถทําลายและสร้างขึ้นใหม่ได้ในพริบตา และโลกของท่านก็เป็นเช่นเดียวกัน…”
ฟางหยวนตอบด้วยน้ําเสียงจริงจัง
“เหตุใดท่านจึงเข้าใจโลกแห่งความฝันและโลกของพวกเราได้ลึกซึ้งเพียงนี้?”
อาณาจักรแห่งความฝัน
เมิ่งเหลียนรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อยและอธิบายต่อ “แล้วท่านคิดว่า ควรจะอยู่ที่ใดเล่า? แน่นอนว่าต้องอยู่ในความฝันของพวกเรา!”
“ความฝัน? เข้าสู่ความฝันของจ้าวแห่งฝันคนอื่น?”
ฟางหยวนจู่ ๆ ก็รู้สึกถึงความเป็นไปได้
“ถูกต้อง! โดยการแฝงฝัน จ้าวแห่งฝันสามารถเข้าสู่โลกแห่งความฝันสามัญ อาณาจักรแห่งฝัน อาณาจักรแห่งฝันนั้นเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนสาธารณะขนาดใหญ่!”
จากคําอธิบายของเมิ่งเหลียน สีหน้าของฟางหยวนก็เปลี่ยนไป “จ้าวแห่งฝันจากทั่วทั้งโลกสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ในพริบตาผ่านการแฝงฝันและยังสามารถทําการซื้อขายแลกเปลี่ยน ไม่น่าเชื่อ!”
ในชีวิตก่อน ๆ นี่เป็นที่รู้จักกันในนามของอินเตอร์เนตที่เชื่อมต่อทั้งโลก แต่ว่า จ้าวแห่งฝันนั้นสามารถสร้างมันขึ้นมาและยังใช้เพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยน
“จ้าวแห่งฝันทั้งปวงล้วนเชี่ยวชาญต่างกันไป แต่ทั้งหมดก็สามารถรวมตัวกันได้ในอาณาจักรแห่งฝัน
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกาย เขาแทบรอจะเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเองไม่ไหว
“คุณชาย ในที่สุดท่านก็รู้แล้วใช่หรือไม่ว่าข้าไม่ได้ประสงค์ร้ายกับท่าน?”
เมิ่งเหลียนยิ้มน่ารัก
“อาณาจักรแห่งฝันสร้างขึ้นบนอะไร?”
เขาขมวดคิ้วแล้วนึกถึงคําถามหนึ่งได้
“ท่านเคยได้ยินชื่อของสัตว์ร้ายนาม “อุ่น” หรือไม่?”
“คู่น!?”
เมื่อคิดดู ฟางหยวนก็พึมพํา “สัตว์ในตํานาน? ความฝันพันปีของสัตว์ร้ายที่เป็นมายา? ที่คนทั่วไปไม่รู้ว่ามีอยู่จริง?”
“ถูกต้อง! สัตว์ร้ายนาม “อุ่น” นี้เป็นสัตว์กลายพันธุ์ บรรพบุรุษของเรา จ้าวแห่งฝันในต้าเฉียนใช้ความพยายามอย่างมากจับมาได้ตัวหนึ่ง กักมันไว้แล้วใช้มันเป็นรากฐานของโลกแห่งฝัน!”
เมิ่งเหลียนดึงเอาเกล็ดเป็นประกายขนาดฝ่ามือหนึ่งออกมา “ของชิ้นนี้มีรัศมีพลังของหุ่น ตราบใดที่ท่านเป็นจ้าวแห่งฝัน ท่านก็สามารถใช้เคล็ดแฝงฝันเข้าสู่โลกแห่งความฝันนั้นได้!”
“ขอบคุณท่านมาก!”
ฟางหยวนรับเกล็ดนั่นมา เขาสัมผัสได้ถึงรัศมีพลังอันเป็นมายาจากมันได้จริง ๆ
“ไปเถอะ ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกของท่าน ข้าจําต้องยืนยันตัวตนของท่าน เมื่อท่านเคยไปที่นั่นแล้ว ท่านก็ไม่จําเป็นต้องใช้เกล็ดนี้อีกและสามารถเข้าสู่โลกแห่งฝันนั้นได้ทุกเมื่อและทุกที่!”
เมิ่งเหลียนนําเขาเข้าไปในถ้ําแห่งหนึ่งบนเขา นั่งลงและผล็อยหลับไปที่ข้าง ๆ หินสีเขียวก้อนหนึ่ง นางเข้าสู่ความฝันของนางแล้ว
“แฝงฝัน!”
กวาดมองรอบ ๆ ตัวเพื่อให้แน่ใจว่ามันปลอดภัย ฟางหยวนก็หลับตาลงเช่นกัน
แน่นอนว่า เขายังระแวดระวังต่อแม่นางผู้นี้อยู่
แต่ว่า ตั้งแต่เขาบรรลุระดับสวรรค์มายา พลังเวทย์ของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวซึ่งทําให้ได้เคล็ดวิชาใหม่ เคล็ดวิชาใหม่ที่ทําให้เขาสามารถรักษาสติส่วนหนึ่งเอาไว้ในร่างได้แม้จะใช้เคล็ดแฝงฝันอยู่ ดังนั้น หากมีอันตรายใด เขาสามารถตื่นขึ้นมาได้ทันที
ในเมื่อเมิ่งเหลียนเชื้อเชิญเขา เขาย่อมไม่ปฏิเสธ และดังนั้นจึงร่ายเคล็ดแฝงฝันออกมาเช่นกัน
“โฮก โฮก!”
ขณะที่เขาตามรอยรัศมีพลังจากเกล็ดนั่นไป จิตสํานึกของเขาก็พุ่งขึ้นและเขาก็มองเห็นแม่น้ําที่มีฟองอากาศหลากสี
ทันใดนั้น เสียงคํารามดังลั่นก็ดังมา และฟองอากาศแตกออก
ขณะที่เขาเพ่งสมาธิ เขาก็ขับไล่หมอกพวกนั้นทั้งหมดไป เผยให้เห็นร่างมหึมาของสัตว์ตัวหนึ่ง
มันมีขนาดประมาณเกาะย่อม ๆ และมีสีฟ้าอมเขียว ร่างของมันปกคลุมไปด้วยเกล็ด มีแปดขา หกตา และหูสีข้าง ขาของมันดูราวกับขาแมงมุม มันนอนหงายท้องอยู่ ให้ความรู้สึกลึกลับและไม่เป็นธรรมชาติในเวลาเดียวกัน
“สัตว์ร้ายบรรพกาล – คุ้น!”
ฟางหยวนเพ่งมอง
เขาพบว่าแม้ว่ารัศมีพลังของสัตว์ตัวมหึมานี้น่าหวาดกลัว แต่มันเหมือนกับบ่อน้ํานิ่งและไม่ได้มีความต้องการต่อสู้ มันมีผนึกร่ายเอาไว้รอบตัว และยังมีโลกแห่งฝันอยู่ในนั้น
แม้ว่าโลกแห่งฝันจะกว้างใหญ่ แต่ก็ง่ายต่อการแทรกซึม จ้าวแห่งฝันสามารถเข้าไปได้ตามต้องการ
“เป็นสถานที่สาธารณะจริง ๆ!”
ที่ด้านข้าง สายฟ้าสองสามสายกรีดผ่านผิวของโลกแห่งความฝันและทะลวงผ่านเข้าไป เห็นอย่างนี้ ฟางหยวนก็พุ่งเข้าไปในโลกแห่งความฝันโดยไม่ลังเลอีกต่อไป
“ผลุบ!”
ที่มุมถนน เงาหนึ่งแวบผ่านไปและร่างของฟางหยวนก็ปรากฏขึ้น
“ท่านมาแล้ว?”
ที่ด้านข้าง เสียงของเมิ่งเหลียนดังมา “ข้ารออยู่สักพักแล้ว…”
เมื่อหันไปฟางหยวนก็เห็นเมิ่งเหลียนยิ้มร่าเริงอยู่ตรงนั้น เขาอึ้งไป “ทําไมร่างของท่านถึงได้ดูเหมือนจริงนัก…”
ครึ่งหนึ่งของร่างของนางนั้นมีหมอกปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง และในหมอก มีดอกบัวสีขาวกําลังเบ่งบาน ทุกอย่างดูเลื่อนไหล
ฟางหยวนงันไป แล้วหมอกสีขาวชั้นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นรอบตัวเขาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
“ท่านเรียนรู้ได้เร็วมาก!”
เมิ่งเหลียนชมเขา “อย่างแรกเลย ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรแห่งฝัน ในฐานะสมาชิกใหม่ ท่านจะได้รับป้ายประจําตัว ท่านสามารถใช้มันรับภารกิจและรางวัลได้!”
ฟางหยวนพยักหน้า และป้ายหยกก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
“เรียบร้อย!”
เมิ่งเหลียนปรบมือแล้วยิ้ม “ภารกิจในการรับสมาชิกใหม่สําเร็จแล้ว! จิตวิญญาณแห่งอาณาจักร รางวัลของข้าเล่า!”
“ฝูบ!”
บนมือของเธอปรากฏป้ายหยกเหมือนของฟางหยวน แต่ว่า มีอักขระสีทองสลักเอาไว้หลายตัว ทําให้มันดูลึกลับ