Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 226
Chapter 226: ลอบทําร้าย
ในมณฑลตงอี บนเส้นทางเงียบสงัดสายหนึ่ง ขบวนเดินทางเคลื่อนที่ไปตามทาง
ขบวนเดินทางนี้ดูหรูหรา ม้าทั้งหมดเป็นสีขาวและผู้ขับขี่ก็สวมชุดสีขาว ทุกคนดูกระตือรือร้น
หากนี่เป็นในป่า ขบวนเดินทางหรูหราเช่นนี้ย่อมเป็นเป้าหมายชั้นหนึ่งสําหรับเหล่าโจรและขโมยบนเขา
แต่ว่า การเดินทางของพวกเขานั้นสงบสุขมาก
พวกเขาเป็นหนี้ความสงบสุขครั้งนี้แก่ธงผืนเล็ก ๆ ที่เหนือหลังคารถม้า ธงที่มีตราก้อนเมฆเล็ก ๆ สามก้อน
โจรคนไหน ๆ ที่เห็นย่อมรู้ว่านี่เป็นธงของตระกูลซู สัญลักษณ์แห่งอํานาจ!
แม้ว่าตระกูลซูจะไม่ได้อยู่ในสามลําดับตระกูลสูงสุดของมณฑลตงอี แต่แน่นอนว่าอยู่ในสิบลําดับแรก ตระกูลที่มีจ้าวแห่งกลไกผู้มีเส้นสายมากมายเป็นผู้นําตระกูล
แน่นอนว่า สิ่งที่สําคัญที่สุดยังเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลซูแต่งให้แก่ตระกูลฉิน และเป็นฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลฉิน!
เพราะอย่างนั้น กระทั่งตระกูลที่อยู่ในลําดับเหนือกว่าตระกูลซูก็ยังคงต้องนอบน้อมต่อพวกเขา
“ฮ่าฮ่า… ข้าคิดว่าการเดินทางครั้งนี้จะอันตรายมากเสียอีก ตอนนี้ดูราวกับจะเป็นการเดินทางบนพื้นที่ไร้อันตรายไปแล้ว…”
บนหลังม้าสีขาวตัวหนึ่ง ชายหนุ่มในชุดสีขาวยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
ใบหน้าของเขาค่อนข้างซีด ดวงตาลึกโหล มีรอยคล้ําใต้ตาบ่งบอกชัดเจนว่าติดสุรานารีซึ่งทําลายร่างกายของตน
“เอ่อ… น้องสาม นี่เป็นเรื่องสําคัญนะ! ไม่อย่างนั้นท่านป้าย่อมไม่รบกวนให้ท่านปรมาจารย์ของพวกเราไปช่วย!”
ชายหนุ่มที่ด้านข้างที่ดูอายุมากกว่าเล็กน้อยพูดต่อ “อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ท่านปรมาจารย์ของพวกเราออกหน้า คนพวกนั้นย่อมไม่สามารถสร้างปัญหาใดได้! ตระกูลฉินตกเป็นของพวกเราอย่างแน่นอน!”
“ท่านพูดถูก คุณชายใหญ่!”
ผู้อื่นล้วนเห็นด้วย
ภายใต้การปกป้องจากจ้าวแห่งกลไก ตระกูลซูจึงไม่เคยต้องเจอกับอันตรายที่แท้จริงใด ความหยิ่งทระนงและเอาตัวเองเป็นใหญ่ของพวกเขานั้นไม่ใช่อะไรที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน
มองรถม้าแล้ว คุณชายสามก็รู้สึกโล่งอก
ในตระกูลซูนั้นมีปรมาจารย์ผู้นี้เป็นเสาหลักค้ําชูอยู่
“เพราะมีท่านปรมาจารย์ของพวกเราอยู่ ตระกูลซูจึงได้สิทธิ์ปกครองเหนืออาณาเขตภายในสิบปี พวกเราเป็นหนึ่งในสิบตระกูลแรกของมณฑล หากพวกเรายึดครองตระกูลหลินได้สําเร็จ พวกเราก็จะกลายเป็นตระกูลที่มีอํานาจที่สุดในมณฑลตงอี กระทั่งรัฐทะเลทรายก็ไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือเราได้อีกต่อไป!”
เมื่อเขามองไปที่พระอาทิตย์ที่กําลังตกดิน หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง
ทันใดนั้น คุณชายสามก็หรี่ตาลง เขามองเห็นจุดดําจุดหนึ่งที่ยอดเขาทางตะวันออกของพวกเขา
จุดดํานั่นหายไปจากยอดเขาในไม่ช้าราวกับมันกระโจนลงมา ทันใดนั้น มันก็พุ่งมาทางพวกเขาและกลายเป็นเงาร่างหนึ่ง ไม่นาน เปลวเพลิงก็ลุกโหม
“ลอบสังหาร!”
รับมือกับมังกรเพลิงเก้าตัว คุณชายสามก็ทําได้เพียงตะโกนออกมา เพียงพริบตาเดียว เขาก็ตกอยู่ในกองเพลิง
“โฮก!”
มังกรเพลิงคําราม พวกมันพ่นไฟออกมาเป็นลําพุ่งผ่านทั้งขบวนเดินทางก่อนที่จะโผนเข้าหารถม้าที่อยู่ตรงกลาง
“ฮ่ม! ช่างกล้า!”
ภายในรถม้า เสียงเบา ๆ ดังออกมาและยังแฝงความรู้สึกช่วยไม่ได้
“ภูผาพลิกกลับ!”
ในรถม้า ยันต์แผ่นหนึ่งเปล่งประกายและระเบิดออกอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนไปเป็นค่ายกลเล็ก ๆ อันหนึ่ง ค่ายกลครอบลงบนร่างของศิษย์ตระกูลซูทั้งหมดและปกป้องพวกเขาเอาไว้
“ค่ายกลเวทย์จากในรถม้า? ฮ่าฮ่า… มังกรลม ออกมา!”
เงาร่างสีดําหัวเราะ และมังกรสีเขียวอีกเก้าตัวก็ปรากฏขึ้น ค่อย ๆ หลอมรวมเข้ากับมังกรเพลิงอย่างช้า ๆ
เปลวเพลิงกลายเป็นโหมแรงขึ้นเมื่อมีลม!
ค่ายกลเวทย์ที่ถูกเรียกใช้ถูกทําลายลงในทันที ศิษย์และผู้อาวุโสตระกูลซูหลายคน…. ตายตกลงก่อนที่จะรู้ตัวเสียอีก พวกเขากลายเป็นศพแห้งกรังหรือแย่กว่านั้น ทิ้งเอาไว้เพียงซาก
“ฝูบ!”
รถม้าแตกออก เผยให้เห็นเงาร่างชราผมสีดอกเลา ชายชราดูจนหนทาง
“ฝูบ!”
ท่ามกลางมังกรลมและมังกรเพลิง เงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นราวกับเทพเจ้าจุติมาบนโลกมนุษย์ เขากระโดดขึ้นเหวี่ยงหมัดออกมา
“ครืน!”
ด้านหลังเขา ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามควบรวมกันและหมัดก็กระแทกเข้ากับชายชราผู้นั้นอย่างเต็มแรง
“!”
อักขระเวทย์บนเสื้อผ้าของชายชราส่องประกายออกมา เกิดเป็นเกราะล่องหนที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ชายชราก็ยังคงสะเทือนไปทั้งตัวหลังรับหมัดเข้าไป ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง กระอักเลือดออกมาคําเล็ก ๆ และรีบถอย “เจ้าเป็น… อู่จงระดับเปิดชีพจร! ทําไมผู้ที่มีความสามารถเช่นเจ้าถึงมาลอบทําร้ายชายชราอย่างข้าได้?”
“เจ้าขวางทางคนหลายคนเกินไป!”
เป็นฟางหยวน
หลังจากโน้มน้าวให้พี่น้องฉินรับการครอบครองเหนือตนจากฟางหยวน เขาก็จะช่วยผลักดันคนทั้งคู่ขึ้นสู่ตําแหน่งแห่งอํานาจด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี
แม้ว่าการตัดสินว่าใครจะเป็นทายาทนั้นจะขึ้นกับการรวมตัวกันของสมาชิกตระกูล เขาก็ไม่อาจรอถึงตอนนั้นแล้วค่อยจัดการกับศัตรูได้
มันก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่จะจัดการกับผู้ที่ขวางทางอยู่ก่อนจะถึงวันตัดสินอยู่แล้ว!
ผู้อาวุโสซูนั้นเป็นอุปสรรคใหญ่ที่สุดของพวกเขา
อย่างแรกเลย เขาเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของฮูหยินซูและย่อมเห็นด้วยกับนางไม่ว่าเรื่องใด
อย่างที่สอง หากจ้าวแห่งกลไกมีเวลาเตรียมการ เขาย่อมสามารถจับกุมทุกคนที่ไปรวมตัวกันในตระกูลฉินได้! กระทั่งฟางหยวนเองก็ไม่ต้องการรับมือกับจ้าวแห่งกลไกภายในค่ายกลร้ายกาจที่เตรียมเอาไว้ก่อน
ดังนั้น นี่จึงเป็นโอกาสดีที่สุด!
มันเป็นโอกาสทองสําหรับจ้าวแห่งกลไกที่เดินทางออกจากรังที่ได้รับการคุ้มครองสูงสุด
ตอนนี้ เมื่อไม่มีเวลาให้เขาเตรียมการ เขาย่อมทําได้เพียงใช้อาวุธเวทย์ที่นํามาด้วยใน การปกป้องตัวเอง นี่เป็นโอกาสดีที่สุดให้อู่จงระดับเปิดชีพจรลงมือ!
“อินทรียักษ์กายาเหล็ก!”
“ร่างทองคําระยะแรก!”
เมื่อฟางหยวนตะโกนออกไป ประกายสีทองก็ส่องสว่างรอบตัวเขา ด้วยความแข็งแกร่งระดับพลังธาตุที่หก เขาย่อมเป็นเหมือนมังกรแห่งการทําลายล้างสําหรับผู้ที่ยังรอดอยู่ของตระกูลซู
“ห้ามทําร้ายท่านปรมาจารย์ของเรา!”
เห็นเขาสามารถฉีกกระชากการป้องกันตัวของปรมาจารย์ออกได้ราวกับเป็นปุยนุ่น สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลซูก็ตะโกนออกมาและพุ่งไปด้านหลังฟางหยวน จู่โจมเขาด้วยหมัด
“วิ่ง!”
เมื่อหมัดกระทบเข้ากับแผ่นหลังของฟางหยวน ก็เกิดเสียงดังทึบขึ้น
“เจ้ามดปลวกพวกนี้ ไปซะ!”
เขาเพียงแค่พลิกฝ่ามือง่าย ๆ อู่จงที่ด้านหลังเขาก็ตกตะลึงและปลิวถอยไปอย่างควบคุมไม่ได้ ซี่โครงของเขาหักหลายซี่ เลือดกระจายออกมากลางอากาศตอนที่เขาปลิวไป อวัยวะภายในและกระดูกกลายเป็นกองเลือดเนื้อกองหนึ่ง
“เจ้า… ถูกพี่น้องฉินส่งมาใช่หรือไม่?”
เห็นฟางหยวนมีเกราะเวทย์ปกป้องและไม่ได้รับบาดเจ็บ ผู้อาวุโสซูก็ถอยหนีอย่างต่อเนื่องราวกับกําลังหวาดกลัวจริง ๆ
หากเขามีเวลาเตรียมตัว เขาย่อมไม่กลัวกระทั่งอู่จงขอบเขตแยกธาตุ
แต่ว่า สิ่งเดียวที่เขาขาดไปในตอนนี้ก็คือเวลา!
เขาพ่ายแพ้ในไม่กี่วินาที!
ต่อหน้าอู่จงที่ลอบสังหารเขา จุดอ่อนของเขาก็เผยออกมา!
“ข้าให้เจ้าเป็นสองเท่าของที่พวกเขาเสนอมา! ไม่สามเท่า!”
แล้วอีกหมัดก็พุ่งมา ผู้อาวุโสซูกระอักเลือดออกมาอีกคํา อุปกรณ์ป้องกันสุดท้ายของเขาถูกทําลายลงไป เขาคลานอยู่บนพื้นด้วยท่าทางน่าอับอาย ด้วยแรงทั้งหมดที่มี เขาพูดต่อ “ข้าช่วยผู้อื่นสร้างค่ายกลเวทย์ ข้ายังมีทรัพย์สมบัติและเส้นสายมากมาย ปล่อยข้าไปแล้วเจ้าจะได้มิตรภาพจากข้า รวมทั้งสมบัติล้ําค่าเทียบกับทั้งหมดที่ข้ามี พี่น้องฉินจะเสนอให้เจ้ามากกว่าได้อย่างไร?”
“เจ้าเทียบกับสิ่งที่พวกเขาเสนอให้ข้าไม่ได้หรอก…”
ฟางหยวนเดินเข้าไปอีกและถอนหายใจ “เขาเสนอตระกูลฉินทั้งตระกูลให้ข้า เจ้าทําได้หรือ?”
“ทั้งตระกูลฉิน? เจ้า”
ขณะที่ม่านตาของเขาหดตัว ผู้อาวุโสก็มองเห็นปลายนิ้วขาวนิ้วหนึ่งพุ่งมาถึงตัว
นิ้วนี้ทั้งขาวสะอาดและเรียวยาว ราวกับสลักขึ้นจากหยกขาวเนื้อละเอียด มันงดงามสมบูรณ์แบบ แต่ตอนนี้ มันพุ่งมาที่หน้าผากของเขาแล้ว!
ขณะที่ศีรษะของผู้อาวุโสซูระเบิดออก จุดจูเฉียนของเขาก็แตกกระจาย เขาล้มลงกับพื้นและ ไม่หายใจอีกต่อไป
จ้าวแห่งกลไกอันทรงอิทธิพลและอํานาจก็ไม่สามารถทําอะไรเพื่อป้องกันตนเองได้ภายใต้การลอบสังหารและตอนนี้ก็กลายเป็นศพไปแล้ว
“เอ๋? เขาไม่ต่อต้านเลยสักนิด!”
ขณะที่เจตจํานงเวทย์ของเขากระเพื่อม ฟางหยวนก็ก้าวถอยไปหลายก้าวและนิ้วคอศิษย์จากตระกูลซูคนหนึ่งติดมือมาแล้วโยนเขาไปข้างหน้า
“อ๊าก!”
ศิษย์คนนั้นกรีดร้องออกมาและก็ถูกประกายสีดําที่แผ่ออกจากร่างผู้อาวุโสซูโจมตีใส ผิวหนังบริเวณหน้าผากของเขาลอกออก เผยให้เห็นใบหน้าปิศาจสีดําที่ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา
มันกวาดเจตจํานงเวทย์ผ่านศิษย์ผู้นั้นไป ปีศาจสีดําก็บันทึกทุกอย่างจากจิตใจของเขาและเป ลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด
มันเร็วมาก เพียงแค่วินาทีเดียวมันก็หายตัวไปแล้ว และยังอีกครู่หนึ่งกว่าฟางหยวนจะรู้ว่าเกิด อะไรขึ้น
“ตราประทับมรณะ? นี่น่าจะเป็นผลงานของนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งกว่านี้ นักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้น่าจะลงตราประทับเอาไว้ให้ทํางานเมื่อผู้อาวุโสซูตาย และมันยังเล็งเป้าหมายมายังคนที่ยังมีชีวิตที่อยู่ใกล้ที่สุด…”
หากเขาถูกประทับตราด้วยตราประทับนั่น มันย่อมเป็นศัตรูที่จะไม่รามือจนกว่าเขาจะตาย
โชคดี ฟางหยวนเป็นอู่จงและยังเป็นจ้าวแห่งฝัน เขาคุ้นเคยกับคาถามายาและคาถาลวงตา ในพริบตานั้น เขาตรวจพบว่ามีบางอย่างผิดไปและหาแพะรับบาปแทนเขาได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเคล็ดวิญญาณเล็ก ๆ เขาก็ทําให้ตราประทับนั่นไปตกลงที่ศิษย์ของตระกูลซูเองได้
“ควับ!”
หลังจากยืนยันแล้ว ฟางหยวนก็หักคอแพะผู้โชคร้ายอย่างง่าย ๆ และเริ่มเก็บกวาดรอบ ๆ โดยการสังหารทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่และเก็บของจากพวกมันมาเสีย
ที่สําคัญที่สุดย่อมต้องเป็นผู้อาวุโสซูเพราะว่าเขาร่ํารวยมาก ถัดไปย่อมเป็นอู่จงลับของตระกูล
“แต่ว่า… ใบหน้าปิศาจสีดํานั่นให้ความรู้สึกคุ้นเคย
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ภาพใบหน้าของชิงชุ่ยก็ปรากฏขึ้นในใจฟางหยวน
“ชิงรุ่ยผู้ล้ําเลิศนั่น? ไม่! ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ดูเหมือนว่าปิศาจทั้งสองนี่จะมีความเกี่ยวข้องกัน เป็นไปได้ไหมว่านี่ก็เป็นจ้าวแห่งฝันผู้ชั่วร้ายพวกนั้นสร้างขึ้น?”
หลังจากเก็บของมีค่าทั้งหมดมาแล้ว ฟางหยวนก็เผาทั้งบริเวณทิ้ง
“กําลังเสริมของตระกูลซูถูกจัดการแล้ว ต่อไปก็ปัดกวาดตระกูลฉิน!”
วันที่สิบสาม อากาศในมณฑลตงอีค่อนข้างเย็น
บรรยากาศในคฤหาสน์ตระกูลฉันค่อนข้างประหลาด
ทุกคนรีบมารวมตัวกันที่นี่เพื่อจัดเตรียมงานเป็นครั้งสุดท้ายให้เสร็จ
ในสวนด้านหลัง บรรยากาศตึงเครียด
“มันก็นานแล้วและท่านปรมาจารย์ยังมาไม่ถึงที่นี้ ข้ากังวล!”
ฮูหยินซูถือสร้อยประคําอยู่ในมือสายตาหลุบต่ํา “ซูฝู ไปรอที่ประตูเมือง ถ้าบ่ายนี้พวกเขายังมาไม่ถึง เจ้าก็ไล่ตามเส้นทางการเดินทางที่พวกเขาน่าจะใช้และตามหาพวกเขาให้พบ!”
“ขอรับฮูหยิน!”
ซูฝูก็คือชายชุดดําคนนั้น ครั้งนี้ เขาไม่ลังเลและรับคําเสียงดัง
“รายงาน! ฮูหยิน ข่าวร้ายขอรับ!”
ถึงตอนนี้ พ่อบ้านก็วิ่งมาทีท่าหวาดกลัว เขาสะดุดธรณีประตูล้มฟันหน้าหักไปสองซี่มีเลือดกบปาก มันเป็นภาพน่าตลก แต่ข้อความของเขานั้นสําคัญยิ่ง “มีร่องรอยของการต่อสู้ระหว่างนักรบศักดิ์สิทธิ์ที่นอกเมือง หลังจากสืบดูแล้ว ก็ได้รับยืนยันว่าเป็นขบวนเดินทางของตระกูลซู! ข้าเกรงว่าจะเป็นเหตุร้ายแล้ว!”
“อะไรนะ?”
ฮูหยินซูผุดลุกขึ้นสมองดํามืดไปขณะโซเซไปมาพยายามจะรักษาสมดุลร่างเอาไว้