Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 225
Chapter 225: การเผชิญหน้า
ในมณฑลตงอี คฤหาสน์ตระกูลฉิน
ฮูหยินซูนั้นมีท่าที่นุ่มนวลประดับร่างกายด้วยหยก นางเป็นผู้หญิงที่ต่างไปจากฮูหยินหวัง แม่เลี้ยงของหยางฟานโดยสิ้นเชิง
แต่ว่า ในด้านอํานาจและตําแหน่งในตระกูล ทั้งคู่ล้วนมีอํานาจและอิทธิพลเท่า ๆ กัน
ฮูหยินซูหลับตาลงขณะสวดมนต์ คนรับใช้และพ่อบ้านรอบตัวก็ปิดปากเงียบล้วนแต่หวาดเกรงว่าจะทําเสียงอะไรออกไป
ตั้งแต่การตายของบุตรชายของนาง ฮูหยินซูก็ร่ําให้หลายครั้งคราว ตั้งแต่นั้น นางก็ตรอมใจ และทั้งหมดที่ทําอยู่ทุกวันก็คือสวดมนต์และขอพรให้วิญญาณของบุตรชาย ไม่มีใครที่ข้างนอกตระกูลรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ว่า อันที่จริงแล้ว มีเพียงคนรับใช้ใกล้ชิดฮูหยินซูไม่กี่คนที่รู้ว่านางกําลังหวาดระแวงการเคลื่อนไหวของฮูหยินอื่น ๆ ในตระกูล
หลังจากหนึ่งชั่วยามนางก็สวดมนต์จบ
ฮูหยินซูลุกขึ้นยืน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและเสียใจซึ่งเป็นสีหน้าเดียวที่จะมีได้หลังจากสวดมนต์จบ
“นายท่านกินอาหารน้อยลงเรื่อย ๆ ทุกวัน และเริ่มเข้านอนดึกมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื้อกบตั๋นซีอิ้ว และไก่อบใบบัวในครัวทําเสร็จแล้ว ชิงเหอ! ยกสํารับให้นายท่าน!”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน!”
สาวใช้รับคําสั่งและขอตัวออกไป
“แล้วก็… ดูแลคุณชายและคุณหนูภายใต้ปกครองของข้าให้ดี ส่งคนไปดูแลทุกวันและจัดเตรียมสิ่งที่พวกเขาต้องใช้
“ขอรับฮูหยิน! ท่านช่างเอาใจใส่นัก!”
พ่อบ้านโค้งตัวให้และเดินออกไป
เมื่อเขาเดินออกจากประตูไป พ่อบ้านก็ลูบเครา “การตายของนายท่านและบุตรชายหลายคนของฮูหยินทําให้นางต้องเลือกทายาทใหม่ ในเมื่อนางไม่ยินดีให้ฉินอวิ๋นและพี่สาวของเขาขึ้นเป็นทายาท นางก็จําต้องเลือกบุตรของฮูหยินอื่นและต้องสานความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขา!”
“ฝูบ!”
ถึงตอนนี้ ชายชุดดําคนหนึ่งพุ่งผ่านไป ก่อกระแสลมที่ทําให้พ่อบ้านตัวสั่น
“คนผู้นี้
ขณะที่เขาตัวสั่น เขาก็นึกถึงฮูหยินซูที่มีความลับอันพูดออกมาไม่ได้มากมาย เขาได้แต่ก้มหน้าต่ํา ทําเหมือนว่าไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
“คารวะฮูหยิน!”
เมื่อชายชุดดําเห็นฮูหยินซู เขาก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงและมีท่าทางเคร่งขรึมขึ้น
ฮูหยินซูที่มีท่าทีเศร้าหมองวางหนังสือสวดมนต์ลงช้า ๆ แล้วโบกมือให้เหล่าคนรับใช้ออกไป “คุณชายและคุณหนูของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
นางก้มหน้าต่ําก่อนถามออกมา น้ําเสียงนุ่มนวลแฝงความเยือกเย็นเอาไว้
“ฉินชิงและฉินอวิ๋นนั้นไร้ร่องรอย พวกเราสงสัยว่าพวกเขาจะข้ามเทือกเขาสามโลกไปแล้ว แต่สายลับของพวกเราในสือเจว์ก็ยังไม่ได้ยินข่าวอะไรเกี่ยวกับพวกเขา…”
สายลับผู้นั้นก็มาจากตระกูลฉินเช่นกัน เขาดูเหมือนจะช่วยเหลือพี่น้องฉิน แต่อันที่จริงแล้วเขาเป็นฆาตกรที่ทํางานให้กับฮูหยินซู
หากพี่น้องฉินติดต่อเขา เขาย่อมลงมือทรยศและเรียกทหารยามจากสือเจว์มาจัดการพวกเขาในฐานะนักโทษหลบหนีไปแล้ว กระบวนท่านี้ย่อมกําจัดทั้งคู่ไปได้ตลอดกาล
แต่ตอนนี้ เหตุใดจึงไม่มีข่าวเลยเล่า?
“แค่ผู้อาวุโสโจวผู้เดียวย่อมไม่เพียงพอที่จะปกป้องพวกเขาจากอันตรายในเทือกเขาสามโลก พวกเขาทั้งหมดอาจจะตายไปแล้ว หรือบางที พี่น้องฉันอาจจะตั้งรกรากอยู่ที่ทะเลทรายและไม่สนใจจะกลับมาต้าเฉียน…”
ชายชุดดําคาดเดา
“นั่นยังวางใจไม่ได้ ข้าไม่แน่ใจเรื่องนั้น!”
ฮูหยินซูส่ายหน้าขณะลูบไปตามลูกประคําในมือ
“วันที่ 15 เดือนนี้เป็นวันรวมตัวของตระกูลฉิน ข้าตั้งใจจะยกฉินเหลยขึ้นเป็นทายาท. ตราบใดที่เราได้รับการยืนยันจากนายท่านผู้เฒ่า พวกเราก็จะบันทึกลงในหนังสือประจําตระกูล เรื่องนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ต่อให้ตอนนั้นฉินอวิ๋นกับพี่สาวของเขากลับมา พวกเขาก็ทําอะไรไม่ได้แล้ว!”
“นั่นเป็นวิธีการที่ดีทีเดียวฮูหยิน! ท่านมีคําสั่งใดมอบแก่ข้าหรือไม่ขอรับ?”
ชายชุดดําถาม ยังคงคุกเข่าอยู่
“กลับบ้านและไปเชิญท่านปรมาจารย์ซู!”
ฮูหยินซูกัดฟัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “มันไม่ใช่เรื่องเหมาะสมนักที่ข้าจะไปรบกวนปรมาจารย์ซู แต่ว่า หลังจากนี้ เมื่อข้าขึ้นปกครองตระกูลแล้ว ข้าจะตกรางวัลเจ้าอย่างงาม”
ปรมาจารย์ซูเป็นจ้าวแห่งกลไกและมีความสามารถสูงส่งในวิชาของเขา
“ขอรับฮูหยิน!”
ชายชุดดํารู้สึกไม่ดีนักเรื่องนี้
“ดีมาก แล้วก็ ข้าต้องการให้เจ้าทําเรื่องนี้”
ฮูหยินซูลดเสียงลงมาเป็นกระซิบ
“ขอรับฮูหยิน!”
ชายชุดดําตัวสั่น และดวงตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น นี่เป็นคําสั่งอันเด็ดขาด
“วันที่สิบห้าเดือนนี้เป็นวันรวมตัวกันของตระกูลฉิน ทุกครั้งที่เลือกทายาทจะมีการบันทึกเอาไว้ และจะมีการเฉลิมฉลอง สมาชิกในตระกูลจะเสนอชื่อทายาทอย่างเป็นทางการ…”
ในโรงพักแรมอันมิดชิดแห่งหนึ่งในมณฑลตงอี ฉินชิงลดม่านหน้าต่างลงขณะอธิบายให้ฉินอวิ๋น และฟางหยวนฟัง
“น้องฉินอวิ๋นนั้นอยู่ลําดับต้น ๆ และยังมีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุด! การปรากฏตัวของเขาสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้!”
ฉันชิงพูดอย่างมั่นใจ
“สายเลือดบริสุทธิ์?”
ฟางหยวนสงสัย “เจ้าจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้เพียงเพราะเลือดของเขาบริสุทธิ์กว่า?”
เขาไม่สามารถสัมผัสถึงพลังหรือความสามารถใดจากตัวฉินอวิ๋น
“เดี๋ยวนะ เจ้ามานี่!”
เขาเรียกฉินอวิ๋นไปหา ฟางหยวนใช้เล็บของเขากรีดที่แขนของฉินอวิ๋นเกิดเป็นแผลสีแดงสด
เมื่อเลือดซึมออกมา มันก็ควบรวมเป็นหยดอยู่กลางอากาศ
“ฝูบ!”
เมื่อฟางหยวนใช้วิชา กระจกเงาบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เลือดหยดนั้นค่อย ๆ ขยับไปหากระจกช้าๆ ก่อนที่จะระเบิดออก เลือดสีแดงเข้มหมุนวน และในนั้นมีเงาสีทองซ่อนอยู่
“เอ๋? มีพลังเล็กน้อยอยู่ในนั้น แต่ว่า พลังในเลือดของเขาไม่ได้มาจากตระกูลของเจ้า!”
ฟางหยวนอึ้งไป
“ดูเหมือนว่าท่านจะรู้แล้ว!”
ฉินชิงหัวเราะคิก “พลังของผู้คนในตระกูลฉินนั้นไม่ได้มาจากตัวพวกเราเอง! ถ้าจะพูดไป มันค่อนข้างมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจ้าวแห่งฝัน!”
ถึงตอนนี้ นางก็ยึดอกอย่างภาคภูมิใจ
“โอ้? เล่าให้ข้าฟังสิ!”
ฟางหยวนทําท่าสนใจ
“ท่านอาจจะไม่รู้ แต่ว่าในอาณาจักรต้าเฉียนนี้มีสัตว์ประหลาดลึกลับและทรงคุณค่าอยู่มากมาย พวกมันไม่ได้กําเนิดขึ้นจากโลกใบนี้ และสัตว์ร้ายพื้นถิ่นของต้าเฉียนก็ไม่สามารถควบคุมพลังจากสายเลือดนี้ได้”
ฉันชิงพูดต่อ “แต่ว่า จ้าวแห่งฝันสามารถสื่อสารกับโลกอื่นและสร้างวัตถุขึ้นมาจากความว่างเปล่า พวกเขาสามารถกระทั่งสร้างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ได้!”
“เลือดหยางซวนในตระกูลฉินของพวกเรานั้นมีต้นกําเนิดจากจ้าวแห่งฝันและยังสืบทอดกันมาเป็นเวลานาน แม้ว่าจะน้อยนิด แต่เลือดนี่ก็ทําให้พวกเรามีความสามารถในการทนไฟและยังฝึกฝนวิชาได้อย่างรวดเร็วหากเป็นวิชาธาตุไฟ”
“จ้าวแห่งฝัน…”
ทันทีที่ฟางหยวนได้ยิน ดวงตาก็เป็นประกายขึ้น “ตระกูลฉินมีความเกี่ยวข้องกับจ้าวแห่งฝัน?”
“ข้าก็ไม่แน่ใจนัก”
ฉินชิงส่ายหน้า “จ้าวแห่งฝันนั้นมีชีวิตอยู่เมื่อนานมาแล้ว และก็มีความสามารถพิเศษสามารถรวมพลังจากฟ้าและดินและดูดซับพลังชีวิตจากสิ่งมีชีวิตได้ พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ยาวนาน และยังเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้ แต่ว่า ข้าก็ไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ของเขากับ ตระกูลฉิน”
“ดูเหมือนว่าสถานะของจ้าวแห่งฝันในต้าเฉียนจะเหนือกว่าที่ข้าคาดเอาไว้
ขณะที่เขาคิดเรื่องของตัวเอง ฟางหยวนก็เปลี่ยนเรื่อง “สําหรับฉินอวิ๋นมันไม่พอที่จะขึ้นเป็นทายาทเพียงเพราะสายเลือดที่บริสุทธ์กว่า สิ่งสําคัญก็คือการยื่นมือเข้ามาของตระกูลซู และยังผู้อาวุโสหัวดื้ออีกหลายคนในตระกูลฉิน ข้าสามารถช่วยเจ้าโน้มน้าว” พวกเขาได้ แต่เจ้าจะมีอะไรมาแลกเปลี่ยน?”
“ทุกอย่าง!”
ฉินชิงกัดฟันแน่นและดึงฉินอวิ๋นมาคุกเข่าลง “ในเมื่อท่านเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ ท่านย่อมมีเคล็ดวิชาที่จะสร้างพันธะกับวิญญาณของผู้อื่น ตราบใดที่พวกเราทําสําเร็จ หลังจากฉินอวิ๋นได้เป็นทายาทโดยชอบธรรม ข้ายินยอมสละวิญญาณของข้าให้ท่าน เป็นทาสรับใช้ท่านไปตลอดกาล นอกจากนี้ ตระกูลฉินยังยินดีทําตามความต้องการของท่านทุกประการ!”
“พี่”
ฉินอวิ๋นตกใจกับสิ่งที่นางเสนอออกมา ดวงตาแทบจะถลนออกจากเบ้า และเขาก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“นั่นไม่พอ!”
ฟางหยวนส่ายหน้า “หากเจ้ายกวิญญาณน้องชายของเจ้าให้ข้าควบคุม เช่นนั้นค่อยคุยกัน”
“เป็นไปไม่ได้!”
ฉินชิงปฏิเสธเขาทันที “น้องชายของข้ากําลังจะได้เป็นผู้ครอบครองตระกุลฉิน หากเกิดเรื่องประหลาดขึ้นกับเขา ท่านคิดว่าผู้อาวุโสในตระกูลจะตรวจไม่พบหรือ?”
“นั่นเป็นเหตุผลให้ข้าไม่ต้องการวิญญาณของเขา ข้าเพียงต้องการบางอย่างที่จะทําให้ข้าสามารถควบคุมเขาได้”
ฟางหยวนตอบด้วยใบหน้านิ่งเฉย
“ได้ ข้าตกลง!”
ฉินอวิ๋นกัดฟันรับคํา
“เจ้ากําลังทําอะไร?”
ฉินชิงโมโห
“ข้าเป็นเจ้าตระกูล และข้าเป็นคนตัดสินใจ!”
ฉินอวิ๋นมีสีหน้ามุ่งมั่นที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน “พี่สาว ในพวกเรา ท่านมักจะเป็นผู้เสียสละเสมอ ตอนนี้ เป็นคราวของข้าบ้างแล้ว”
“ข้าเพียงเสนอตัวช่วยพวกเขาแก้แค้นเท่านั้น เหตุใดจึงฟังเหมือนข้าจะเอาชีวิตพวกเขาเสียแล้วล่ะ!”
ฟางหยวนทนดูสองคนเถียงกันไม่ไหวและออกจากห้องมา เขาเริ่มเดินไปตามถนนด้วยท่าทางสบายๆ
ในฐานะเมืองหลวงของมณฑลนี้ เมืองนี้ค่อนข้างมีชีวิตชีวามากทีเดียว และยังดูเจริญรุ่งเรืองมากกว่าประเทศโยวของเขาเสียอีก
“พอคิดดูแล้ว ข้าก็ยังไม่คุ้นเคยกับผู้มีอํานาจในอาณาจักรต้าเฉียน และยังห่างไกลจากข้อมูลเกี่ยวกับจ้าวแห่งฝันมากนัก
โดยไม่รู้ตัว ฟางหยวนก็นึกไปถึงชิงกุยจ้าวแห่งฝันที่ปรากฏตัวขึ้นในเวลาก่อนหน้านี้ที่เขาเข้าสู่ความฝันของหยางฟาน
เขาดูจะเป็นหัวหน้าของเหล่าจ้าวแห่งฝันผู้ชั่วร้ายและมีสํานักใหญ่อยู่ภายใต้การปกครองของเขาด้วย
แน่นอนว่า ในความจริงแล้ว ฟางหยวนเป็นจ้าวแห่งฝัน และเขาก็ทําลายร่างแยกหนึ่งของชิงชุ่ยไป
ตรงกันข้าม หยางฟานนั้นเหมือนจะถูกชิงชุ่ยรับไปเป็นศิษย์ เขายังตัดความสัมพันธ์กับครอบครัวและทําลายล้างทั้งตระกูลหยาง
หลังจากนั้น หยางฟานก็กลายเป็นเก่งกาจ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาได้เข้าไปเป็นศิษย์ผู้ใด
“คุณสมบัติของการจะเป็นจ้าวแห่งฝันได้นั้นสูงมาก ข้าเกรงว่านี่จะเป็นสายวิชาหายากกระทั่งในอาณาจักรต้าเฉียน และคงไม่ใช่เรื่องสามัญ…”
ฟางหยวนเข้าไปในร้านน้ําชาหนึ่งและสั่งของกินเล่นหลายอย่าง
ไม่นานนัก อาหารที่สั่งก็มา กลิ่นหอมลอยอวลเต็มห้อง น้ําชาเป็นชาวิญญาณ และของว่างก็ปรุงจากส่วนผสมพิเศษ
“เอ๋?”
ถึงตอนนี้ ก็มีขบวนเดินทางหนึ่งเข้าเมืองมาช้า ๆ ในขบวนมีรถม้าคันหนึ่ง มีมือสีขาวคู่หนึ่งเอื้อมออกมาเปิดม่าน ดวงตาเป็นประกายวาววับคู่หนึ่งเผยออกมาและกวาดมองไปรอบๆ
เมื่อพวกเขาสบตากัน ทั้งคู่ล้วนตกตะลึง
“ความรู้สึกนี้ จ้าวแห่งฝัน!”
ฟางหยวนจิบชาวิญญาณคําใหญ่ “ช่างบังเอิญอะไรเช่นนี้? จ้าวแห่งฝันผู้นี้มาที่นี่เพราะการรวมตัวกันของตระกูลฉินหรือ? ถ้าอย่างนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์กับจ้าวแห่งฝันแห่งต้าเฉียนจริงๆ
“คุณหนู?”
ที่หน้ารถม้า ชายชราผู้หนึ่งถามอย่างสงสัย
เขามีมือใหญ่ที่ดูมั่นคงมาก เขาเป็นอู่จงผู้หนึ่ง แต่กลับปฏิบัติกับแม่นางผู้นี้ราวกับนางเป็นเทพเจ้า
“ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ!”
เสียงนุ่มนวลสายหนึ่งดังออกมาจากในรถม้า
ขณะที่รถม้าเคลื่อนที่ไปตามทาง คนในรถม้าก็ดูสงสัยเช่นกัน “จ้าวแห่งฝัน? เขาเป็นมิตรของตระกูลฉินหรือ? ใครเลยจะคิดว่าภารกิจน่าเบื่อเช่นนี้กลับพบเรื่องไม่คาดคิดเช่นนี้ได้!”