Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 224
Chapter 224: ผ่านประตู
บนถนนในสือเจว์มีบรรยากาศของอาณาจักรต้าเฉียนอยู่ทุกหนแห่ง ตั้งแต่บ้านเรือน ไปจนถึงเสื้อผ้าพี่น้องฉินเหลือบมองและรู้สึกเหมือนทุกอย่างเป็นความฝัน
แม้ว่าค่าบริการของหัวหน้าวั่นจะค่อนข้างสูง แต่มันก็คุ้มค่า เขาพาพวกเขาทั้งสามหลีกเลี่ยงส่วนที่อันตรายที่สุดของสือเจว์และนำพวกเข้าเข้ามาในสือเจวได้สำเร็จ
แน่นอนว่า ทันทีที่พวกเขามาถึงสถานที่ปลอดภัย หัวหน้าวั่นก็ทิ้งพวกเขาทั้งสามเอาไว้ทันทีชัดเจนว่าไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาทั้งสามคนที่ไม่มีตราประจำตัว
“นี่คือต้าเฉียน?”
ฟางหยวนสูดลมหายใจลึก
แม้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมีชีวิตอยู่ในอาณาจักรต้าเฉียนผ่านโลกแห่งความฝันของหยางฟ้าน แต่มันก็ยังให้ความรู้สึกแตกต่างออกไปเมื่อมาอยู่ที่นี่ด้วยตัวเอง
“หาที่พักสำหรับคืนนี้ก่อนที่จะวางแผนต่อไปเถอะ!”
ด้วยเจตจำนงเวทย์ของเขา เขาสามารถตรวจพบอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในทุกที่ในเมืองมีทหารยามลาดตระเวนอยู่ทุกขณะ ตามถนนที่มีบ้านเรือนเตี้ย ๆ สร้างเอาไว้
“พวกเราจะเชื่อฟังท่าน!”
พี่น้องฉันรู้ว่าพวกเขายังไม่พ้นอันตรายดังนั้นจึงเห็นด้วยโดยไม่ลังเล
หนึ่งชั่วยามถัดมา พวกเขาอยู่ในร้านอาหารใหญ่แห่งหนึ่ง
และที่ชั้นล่าง เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและมีกลิ่นสุราอาหารลอยอวลเต็มทำให้พวกเขารู้สึกน้ำลายไหล
ยากที่จะพบที่พักแรมในสือเจว์ หลังจากนั้นเป็นนาน พี่น้องฉินก็พบร้านอาหารที่มีที่พักบริการ ส่วนที่พักนั้น? พวกเขาต้องแสดงตราประจำตัว!
“ตอนนี้ก็ไม่เลวเกินไปแล้ว ระหว่างช่วงกลางคืน สือเจว์จะปิดลงและทหารยามก็จะเดินลาดตระเวนบ่อยครั้งขึ้น หากเจ้ามีตราประจำตัว เมื่อผิดกฏครั้งแรกจะได้รับคำเตือน ครั้งที่สองจะถูกจับกุม และครั้งที่สามก็จะต้องตกไปเป็นทาส! แต่ผู้ที่ไม่มีตราประจำตัวอย่างพวกเรา พวกเราจะถูกสังหารทันทีที่พบ!”
ฉันชิงนั้นใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตก แม้ว่าจะมีอาหารน่าอร่อยอยู่บนโต๊ะตรงหน้า นางก็ไม่รู้สึกหิวเลย
“สำหรับพวกเรา แม้ว่าจะสามารถผ่านชายแดนอันตรายที่สุดของสือเจว์มาได้แล้ว ก็ยังเหลืออีกหลายท่านที่ต้องผ่านหากต้องการไปให้ถึงต้าเฉียน และทุกด่านนั้นพวกเราก็ต้องแสดงตราประจำตัวออกมา…”
ฉินอขึ้นกังวล “พวกเราแจ้งไปยังคนในตระกูลที่อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเราได้หรือไม่? จากอิทธิพลของพวกเรา พวกเราน่าจะสามารถหาตัวตนปลอมได้ ถูกหรือไม่?”
“นั่นเป็นไปไม่ได้!”
ฉินชิงส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “พวกเราไม่สามารถให้คนนอกรู้ได้ว่าพวกเราเคยออกจากต้าเฉียนไป!”
หากฮูหยินใหญ่ในตระกูลของพวกเขา ฮูหยินซู รู้ว่าพวกเขาหนีออกไปนอกอาณาจักร นางยอมยืนยันว่าพวกเขาเป็นนักโทษหลบหนีและคงไม่มีความหวังที่จะขึ้นปกครองตระกูลได้อีกต่อไป
“ตราประจำตัว? ข้ามีนะ!”
ฟางหยวนเอื้อมมือเข้าไปในเสื้อ แต่อันที่จริงแล้ว ในโลกแห่งความฝันที่แท้จริงของเขานั้น มีตราประจำตัวสามอันปรากฏอยู่
“เป็นไปได้อย่างไร ท่านได้มันมาได้อย่างไร?”
ดวงตาฉินชิงเป็นประกาย
“ไม่ต้องสนใจว่าข้าได้มันมาอย่างไร พวกเจ้าเพียงแค่รู้เอาไว้ว่ามันสามารถผ่านการตรวจสอบจากอุปกรณ์พื้นฐานที่สุดได้ก็พอ…”
ส่วนวิธีการชั้นสูงในการตรวจสอบความถูกต้องของตราประทับ อย่างเช่น ตรวจสอบโดยจ้าวแห่งกลไก ฟางหยวนรู้ว่าของเล่นเช่นนี้คงไม่สามารถผ่านการตรวจสอบไปได้
“ตราประทับสองอันนี้ไม่มีเจ้าของ เพื่อที่จะกระตุ้นค่ายกลเวทย์บนนั้น ต้องใช้รัศมีพลังของพวกเจ้า!”
ฟางหยวนเอื้อมมือออกไป
ฝูบ!
ขณะที่พลังลอยออกไป ฉินอขึ้นรู้สึกเหมือนเขากำลังสูญเสียบางอย่างไป เขาดูสับสน
เมื่อเขาได้รับตราประจำตัว เขาสามารถมองเห็นได้ว่าค่ายกลขนาดเล็กบนนั้นถูกร่ายออกมาและเผยให้เห็นประกายของพลังเวทย์
“ดีมาก! ดูเหมือนจะใช้การได้!”
ฟางหยวนพยักหน้า มองออกไปที่ถนน เขามองเห็นทหารยามกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
“ไปลองทดสอบประสิทธิภาพของตราประทับนี่สิ!”
เขากัดริมฝีปากและสั่งฉินอขึ้นด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
“อะไรนะ?”
ฉินอวิ่นใบหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ
เขารู้ว่านี่เป็นของปลอมและการท้าทายทหารยามด้วยตราประจำตัวปลอมทำให้เขารู้สึกเย็นวาบ เขายังเป็นแค่เด็กชายคนหนึ่งอยู่ดีนั่นเอง
“หากพวกเราต้องทดสอบดู เช่นนั้นข้าจะ…”
ฉินชิงกัดริมฝีปากและลุกขึ้นยืน
“ไม่!”
ฟางหยวนรั้งนางเอาไว้และมองฉินอขึ้น “เจ้ารู้ว่ากลับมาที่นี่เพื่อขึ้นครองตำแหน่งผู้นำตระกูลใช่หรือไม่? หากเจ้าไม่ยินยอมรับแม้แต่ความเสี่ยงเล็กน้อยเท่านี้ เช่นนั้นจะให้ข้าเชื่อถือเจ้าและพึ่งพาตระกูลของเจ้าได้อย่างไร?”
ฉินอวิ่นกัดฟัน ทันใดนั้น เขาก็คิดถึงผู้อาวุโสโจวและทหารม้าขนนกดำทั้งหมดและยืนขึ้นทันที “ข้าจะไป!”
การควบคุมเจ้าเด็กนี้ช่างง่ายจริง ๆ!”
ฟางหยวนยิ้มและพยักหน้า เขาเหลือบมองฉินชิง “ข้าต้องควบคุมเด็กคนนี้ให้ได้ด้วย…”
“หยุด เจ้าจะทำอะไร?”
ไม่ต้องพูดถึงว่า ฉินอวิ่นนั้นไม่ได้เตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้ เขาไม่ทันได้ทำอะไรเพียงแค่มีท่าทางน่าสงสัยขณะยืนอยู่บนถนนก็ดึงดูดความสนใจของทหารยามผู้หนึ่งเข้า
กลุ่มของทหารยามเดินตรงมามองสำรวจตัวเขา “เจ้าดูไม่เหมือนคนที่นี่…”
“แค่ก แค่ก… ข้า… ข้า..”
ฉินอวิ่นกระวนกระวายเกินกว่าจะพูดอะไรได้ เผชิญหน้ากับทหารยามกลุ่มใหญ่ เขาก็หวาดกลัวและพูดตะกุกตะกัก
“ฮ่าฮ่า… ดูเจ้าเด็กโง่นี่สิ เขาดูมีเงินแต่กลับไร้การศึกษาแหละ!”
คนหัวหน้าเริ่มหัวเราะแต่ก็ให้ความรู้สึกน่าสงสัย เพียงแค่โบกมือ ทหารยามคนหนึ่งก็ดึงกระจกทองแดงออกมาส่องไปที่ฉินอวิ่น
“วิ่งเวง!”
ประกายสีเหลืองแผ่ออกมาจากกระจกและสะท้อนไปที่ร่างฉินอวิ่น
ฉินอวิ่นตัวสั่นและรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก แขนขาแข็งชาและขยับกล้ามเนื้อไม่ได้สักนิด
บนไหล่ของเขาข้างที่มีตราประทับอยู่ มีเสียงดังออกมา
“วิ่งเวง!”
กระจกทองแดงเป็นประกายและในที่สุดก็เปลี่ยนไปเป็นสีออกเขียว
“ตราประจำตัวเขาไม่มีปัญหา เขาน่าจะเป็นพ่อค้าจากที่ไหนสักที่ที่มาค้าขายที่นี่ เหอเหอ.. เจ้าเด็กน้อย สือเจวน่ะอันตรายมากนะ ไม่ใช่ที่สำหรับเด็กอย่างเจ้า!”
หัวหน้าทหารยามยิ้มเห็นฟันเหลืองและตบแก้มฉินอวิ่นเบา ๆ ด้วยใบมีดของเขา เขาถามต่ออย่างสบาย ๆ “เลขประจำตัวของเจ้าคือเท่าไหร่?”
“อู่วว! อู่วววว!”
ในตอนนี้เอง เสียงแตรดังก้องไปทั่วทั้งสิบสุดอันตราย
“กุบกับ! กุบกับ!”
ทหารม้ากลุ่มหนึ่งควบผ่านประตูมาตามถนน
“ถึงกับควบม้าบนถนน? เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นกัน?”
ขณะที่สีหน้าของคนหัวหน้าเปลี่ยนไป เขาก็หันความสนใจไปจากฉินอวิ่นที่ดูหวาดกลัวและออกคำสั่ง “ถอย กลับไปที่ค่าย! ข้าเกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นแล้ว!”
มองเงาหลังของพวกเขาแล้ว ในที่สุดฉินอวิ่นก็ได้สติและเริ่มหายใจหนัก ๆ
“ไม่เลว!”
ฟางหยวนเดินมาหาเขาและให้กำลังใจด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“ในเมื่อเจ้าหลอกพวกเขาได้ ตอนนี้พวกเราก็ลองผ่านประตูดูได้ ไปเถอะ อย่างเสียเวลาและเริ่มออกเดินทางได้แล้ว!”
“อู่วววว!”
ฉินชิงเดินอยู่ด้านหลัง ตอนที่นางหันกลับไป นางก็มองเห็นความวุ่นวายไปทั่วทั้งสือเจว์และรู้สึกสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย เป็นไปได้ไหมว่า… พวกเขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นในทะเลทราย?”
ฟางหยวนและพวกผ่านประตูออกไปแล้ว
เปลวไฟยังลุกโพลงและทะเลทรายหลายจิ้งก็ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
ทหารม้าร้อยนายยังเงียบอยู่ขณะล้อมที่นั่นเป็นวง
“ที่นี่แหละ! ร่องรอยรัศมีพลังสุดท้ายของทหารหลินอยู่ตรงนี้!”
ทหารชุดขาวคนหนึ่งตะโกนออกมาขณะค้นไปทั่วบริเวณพร้อมกับแสงจากพลังเวทย์
“พวกมันกล้าสังหารทหารของสือเจวได้อย่างไร! ผู้คนของสำนักเก้าตะวันมีความสามารถเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ที่ด้านข้าง แม่ทัพผู้หนึ่งในชุดเกราะสีดำโดดเด่น
เขาสูง ดวงตาเหมือนวานรและมีเคราข้างหูเหมือนเสือ ใบหน้าเหลี่ยมและหูใหญ่กาง ทุกย่างก้าวของเขานั้นราวกับก่อให้เกิดแผ่นดินไหวเล็ก ๆ
“ปัง!”
แม่ทัพเกราะดำผู้นั้นตรงไปที่ตรงกลางวง เขากำหมัดและชกลงไปที่พื้น
ดินและโคลนปลิวกระจายไปทั่วและทุกอย่างที่เหลืออยู่ก็คือหลุมขนาดใหญ่ที่มีกลิ่นศพเน่าเบื่อยลอยขึ้นมา
ฟางหยวนนั้นไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยมากนักและยังยืนยันให้สนักเก้าตะวันเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไป
ความพยายามทั้งหมดในการอำพรางศพนั้นไร้ผลและตอนนี้ก็ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว
“ฝูบ!”
ภายในหลุม เศษหินที่แตกกระจายหลายชิ้นเริ่มมารวมตัวกันภายใต้แรงที่มองไม่เห็นและในที่สุดก็ไปตกอยู่ในมือแม่ทัพเกราะดำ ก่อเป็นรูปของป้ายทองแดงอันหนึ่ง
“ป้ายของหลินฉวนหนานอยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่าเขาจะเผชิญกับเรื่องโชคร้ายเข้า…”
แม่ทัพหลับตาลง “คาถาเวทย์อันร้ายกาจ! พื้นฐานเป็นธาตุไม้ และยังประกอบไปด้วยธาตุลมและไฟ! สำนักเก้าตะวันมีพรรคพวกร้ายกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“รายงาน!”
ถึงตอนนี้ ก็มีทหารกองอินทรีผู้หนึ่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงรายงาน “พวกเราได้ข่าวว่าสำนักเก้าตะวันนั้นข้ามทะเลทรายและเข้าสู่เทือกเขาสามโลกไปแล้ว พวกเราจะไล่ตามพวกเขาไปไหมขอรับ?”
“ไม่จำเป็น!”
แม่ทัพเกราะดำโบกมือ “เจ้าอยากเผชิญกับสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญหรือไร?”
โลกมายานั้นลึกลับเกินไป และยังมีตัวอย่างของนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแยกธาตุตายตกลงที่นั่นด้วยซ้ำ! กระทั่งพวกเขาสือเจว์เองก็ยังไม่ยินดีเสี่ยง และตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เทือกเขาสามโลกก็กลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม
“มีบางอย่างให้ความรู้สึก… ไม่ถูกต้อง!”
ขณะที่ทหารชุดขาวก้มลงไป ใบหน้าเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย “แม้ว่าหลักฐานทุกอย่างจะชี้ไปที่สำนักเก้าตะวันว่าเป็นผู้ก่อเหตุ แต่ทหารเหล่านี้ไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของสำนักเก้าตะวัน…”
“เป็นไปได้ไหมว่า…”
แม่ทัพเกราะดำอึ้งไปก่อนที่จะปัดฝุ่นที่มือช้า ๆ “เป็นโชคร้ายของเจ้าหน้าที่หลินที่เผชิญเข้ากับผู้ที่มีความสามารถสูงส่ง คนผู้นี้น่าจะมาจากเมืองทะเลทรายผ่านเทือกเขาสามโลก! นี่ไม่ดีแล้ว!”
ดวงตาของเขาเป็นประกาย ทันใดนั้น เขาก็กระโดดขึ้นหลังม้า “รีบแจ้งทางเมืองให้เข้มงวดมากขึ้น นักโทษหลบหนีอาจจะกำลังเดินทางกลับต้าเฉียน!”
“แล้วก็สั่งให้ทหารม้าลาดตระเวนตามเส้นทางรองด้วย!”
ชัดเจนว่าแม่ทัพเกราะดำผู้นี้มีประสบการณ์มากพอ เมื่อถ่ายทอดคำสั่งลงไป เขาก็ค่อย ๆ กางตะข่ายดักจับนักโทษผู้หลบหนี
แต่เขาไม่รู้เลยว่าฟางหยวนและพวกนั้นออกจากสือเจว์และยังผ่านประตูสุดท้ายไปแล้วด้วยพวกเขาเข้าสู่อาณาจักรต้าเฉียนแล้ว
รัฐทะเลทราย
นี่เป็นหนึ่งใน 99 รัฐในอาณาจักรต้าเฉียนและตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียนเหนือของอาณาจักร ผู้คนที่นี่หยาบกระด้าง รัฐนี้ประกอบด้วย 6 มณฑล และมณฑลตงอีก็เป็นหนึ่งในนั้น
ในมณฑล มีผู้คนมากมาย ในรถม้าคันหนึ่ง พี่น้องฉันมองไปข้างนอกน้ำตาเอ่อคลอ
“ในที่สุด…. พวกเราก็กลับมาแล้ว!”
ฉินชิงกัดฟันแน่น ดวงตาขึ้น “ข้าจะล้างแค้นให้ได้!”