Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 223
Chapter 223: หัวหน้าวั่น
คาถาเวทย์นี้มีพลังมากและผู้ที่ร่ายมันออกมาย่อมไม่ใช่นักรบศักดิ์สิทธิ์ธรรมดา
นอกจากนี้ มันยังไม่ได้รับผลกระทบใดกระทั่งหลังจากสัมผัสกับเลือดของหลินฉวนหนานและระลอกที่ตามมายังมีพลังมากขึ้นอีก
ทั้งหมดนี้ทําให้หลินฉวนหนานเชื่อว่าเขากําลังเผชิญหน้ากับค่ายกลเวทย์!
มีเพียงค่ายกลเวทย์ที่สามารถมีผลให้ร่ายคาถาเวทย์ได้อย่างต่อเนื่อง!
“ไม่… นี่ไม่ถูก! แม้ว่าค่ายกลเวทย์จะมีพลังมาก มันก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการร่ายออกมา เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ตรงนี้ ? ศัตรูเป็นนักทํานายหรืออย่างไร?”
ตอนที่เขามัวคิดอยู่ เถาวัลย์ก็คืบคลานอย่างรวดเร็ว และราวกับแส้สักเส้นหนึ่ง ก็ก๊กม้าตัวโปรดของเขาเอาไว้ได้
“ลงจากหลังม้า มารวมตัวกันที่ตําแหน่งของข้า!”
หลินฉวนหนานกวัดแกว่งมีดในมือ หลังจากถูกเฉือนไปหลายครั้ง เถาวัลย์รอบ ๆ ตัวเขาก็ถูกโยนทิ้งไป เผยให้เห็นผืนดินว่างโล่ง
ผู้ดูแลอื่น ๆ ที่เหลืออยู่มุ่งหน้ามารวมตัวรอบ ๆ เขา แต่ก็มีผู้เคราะห์ร้ายหลายรายที่ถูกเถาวัลย์รัดเอาไว้และได้แต่ร้องโวยวายออกมา เถาวัลย์กรีดผ่านผิวหนังของพวกเขาแล้วสูบเลือดจนแห้งเพียงแค่ไม่กี่วินาที พวกเขาก็หมดลมหายใจและกลายเป็นซากศพแห้งกรัง
“ปีศาจ!”
หลินฉวนหนานกรีดฝ่ามือตัวเองอีกครั้ง เลือดของเขาหยดกระจายไปเป็นวงกลมใหญ่ พร้อมกับผู้ติดตามที่ล้วนหวาดกลัว ใบหน้าเขาแดงก่ํา “ปิศาจร้าย! เจ้ากล้าลงมือจู่โจมใส่เจ้าหน้าที่ทางการ! เจ้าตายแน่! ไม่มีใครจากไหนช่วยเจ้าได้แล้ว!”
“ซี่! ซี่!”
ขณะที่เขาพูด เถาวัลย์จํานวนนับไม่ถ้วนก็คืบคลานมาทางเขาราวกับฝูงอสรพิษ เมื่อพวกมันพุ่งเข้าไปในวงเลือด พวกมันก็เผชิญเข้ากับเลือดนั่นและเกิดเป็นเสียงฉีฉ่าราวกับเจอของร้อนลวก
“คิคิ ตอนนี้เจ้าก็เผชิญหน้าอยู่กับความตายแล้วยังกล้าอวดโอ่ตนถึงเพียงนี้หรือ!”
เสียงนุ่มเบาดังมาอีกครั้ง
จากนั้นก็มีประกายสีแดงที่อยู่ลึกเข้าไปในผืนพรมหญ้า ประกายสีแดงขยายขนาดขึ้นอย่างช้าๆ และในที่สุดก็กลายเป็นเปลวเพลิงนรก!
“คืน!”
ในกองเพลิง มีมังกรสีแดงเก้าตัวเลื้อยไปมากลางอากาศ พวกมันล้วนไล่ตามไข่มุกมังกรสีแดงสด
คาถาลับ – มังกรไฟสวรรค์!
ท่ามกลางเสียงคําราม เปลวไฟก็เผาไหม้พรมหญ้า เข้ามาล้อมหลินฉวนหนานและคนของเขาเอาไว้
“นักรบศักดิ์สิทธิ์ผู้ใช้สองธาตุ?”
หลินฉวนหนานปิดจมูกเอาไว้แล้วดึงป้ายอันหนึ่งออกมาจากข้างเอว
ป้ายนี้ทําจากโลหะสีทองแดงและทองคําบริสุทธิ์ และยังมีรูปอินทรีเหินเวหาสลักเอาไว้ ที่ด้านหลังป้ายสลักอักขระเล็ก ๆ เอาไว้
ถึงตอนนี้ ค่ายกลก็ถูกร่ายออกมา มันเป็นค่ายกลป้องกันและเมื่อใช้ออกก็จะปรากฏลําแสงพุ่งขึ้นฟ้าดูน่าตื่นตะลึง
“ท่าน ระวังด้วย นั่นเป็นป้ายแห่งราชสํานัก พวกเขาส่งข้อความถึงสือเจวแล้ว พวกเราต้องจัดการพวกเขาก่อนที่กําลังเสริมจะมาถึง!”
เมื่ออู่จงสํานักเก้าตะวันเห็นภาพนี้ เขาก็ตะโกนเสียงดัง
เขาไม่รู้ว่าฟางหยวนรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
มองเกราะโปร่งใสทําลายประกายเพลิงของเขา ฟางหยวนก็รีบเรียกลมจากในโลกแห่งความฝันที่แท้จริงของตน และโดยไม่ลังเล คาถาเวทย์ลมสีเขียวก็ถูกร่ายออกมา
“ฝูบ!”
ในโลกแห่งความจริง พายุหมุนก่อตัวขึ้น มังกรสีเขียวมากมายปรากฏตัว พวกมันรวมตัวเข้าเป็นมังกรพิโรธซึ่งมีพลังเพิ่มมากขึ้นอย่างช้า ๆ และแสดงผลของคาถาเวทย์ออกมา!
“กระทั่งนักรบศักดิ์สิทธิ์สามธาตุก็ยังไม่สามารถร่ายคาถาเวทย์อันทรงพลังเช่นนี้ได้ในเวลาอันสั้น!”
เห็นเกราะป้องกันของตนยุบตัวเข้ามาราวกับมันกําลังจะยอมแพ้ใบหน้าของหลินฉวนหนานก็เต็มไปด้วยความตระหนก “เจ้าไม่ใช่นักรบศักดิ์สิทธิ์ แต่… สะกดฝัน…”
“ครืน!”
วินาทีถัดมา ภายใต้กรงเล็บของมังกรเขียว เกราะป้องกันก็ถล่มลง ควันและไฟกลืนกินไปทั่วบริเวณ
“ข้าคือฮั่นหยางอุ่นแห่งสํานักเก้าตะวัน ที่มากับข้าคือคุณชายน้อย ตงฟางเลี่ย พวกเขาต้องขอขอบพระคุณท่านที่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ฮั่นหยางอุ่นถึงได้พบหน้าผู้มีพระคุณของเขา พวกเขาเป็นชายสองและหญิงอีกหนึ่ง และพวกเขาทั้งสามคนก็ใช้ผ้าคลุมปิดใบหน้าเอาไว้
อย่างไรฟางหยวนก็ต้องการเข้าไปในอาณาจักรต้าเฉียนและมันคงไม่ดีที่จะเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงออกมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสังหารนี้
ฮั่นหยางหุ่นเองก็เข้าใจจุดนี้และโค้งตัวคารวะไปทางฟางหยวนที่ดูจะเป็นผู้นําในทั้งสามคนนี้
“พวกเจ้าจากสํานักเก้าตะวันน่าจะมีเส้นสายอยู่ในสือเจว์เพื่อที่พวกเจ้าทั้งหมดจะหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยใช่หรือไม่? หากเจ้าต้องการแสดงความขอบคุณ ก็พาเขามาหาข้า!”
ฟางหยวนพูดเข้าเรื่องอย่างตรงไปตรงมา
แม้ว่าตระกูลฉินจะมีเส้นสายของตัวเอง สถานการณ์ปัจจุบันก็ทําให้เส้นสายของพวกเขานั้นหมดความน่าเชื่อถือ
“ไม่มีปัญหา!”
ฮั่นหยางอุ่นตอบโดยไม่ลังเล “เป็นเกียรติของข้าที่ได้รับใช้ท่าน! แต่ว่า…. พวกเราจะจัดการกับเขาอย่างไร?”
เขามองบริเวณที่ถูกเผาที่มังกรพิโรธโจมตีใส่
สิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือเหล่าผู้ดูแลตัวไหม้เกรียม ส่วนหลินฉวนหนาน แม้ว่าจะมีร่องรอยถูกเผาอย่างสาหัสและหมดสติอยู่ เขาก็ยังคงมีลมหายใจ เขาช่างเป็นอู่จงผู้มีพรสวรรค์อย่างแท้จริง
หลินฉวนหนานนั้นเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มสือเจว์และยังมีพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ เขาเริ่มฝึกวิทยายุทธ์ตอนอายุ 8 ปีและบรรลุระดับอู่จงตอนอายุ 20 ปี ทักษะของเขานั้นสมควรกับเกียรติยศและชื่อเสียงแล้ว
แต่ตอนนี้ เขากลับเป็นแค่กองเลือดเนื้อเละ ๆ กองหนึ่ง ผู้มีพรสวรรค์ที่ตายไปแล้วนั้นไร้ประโยชน์ใช้สอย
ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ และทุกอย่างก็จบลงในพริบตา
“พวกเราจะจัดการกับเขายังไง? แน่นอนว่าต้องสังหารเขาเสีย!”
ฟางหยวนส่งยิ้มเย็นเยือกที่ทําให้ฮั่นหยางอุ่นตัวสั่น แม้ว่าเขาจะคาดเดาความตั้งใจของฟางหยวนเอาไว้แล้ว เขาก็ยังคงตกใจมากอยู่ดี
“นอกจากนี้ ไม่ท่านก็คุณชายน้อยของท่านต้องเป็นคนสังหารเขา!”
ฟางหยวนยังวางเงื่อนไขอีกอย่างหนึ่ง “ในเมื่อพวกเจ้ากําลังหลบหนี ย่อมเกรงว่าทางการของต้าเฉียนจะไล่ตามเจ้าไปถูกหรือไม่?”
ฮั่นหยางคุ้นหน้าซีดและมองไปทางตงฟางเลี่ย
คุณชายน้อยกัดริมฝีปาก เขารู้ว่าถ้าเขาลงมือ พวกเขาก็ไม่สามารถกลับมาที่อาณาจักรต้าเฉียนได้อีกต่อไป
“แต่ถ้าพวกเราไม่ทํา ข้าเกรงว่าทั้งสํานักจะตายตกลงที่นี่! ในเมื่อเขาถามถึงหนทางการผ่านสือเจว์ ก็ชัดเจนว่าเขาต้องการลักลอบกลับเข้าไป เขาย่อมไม่ปล่อยให้พวกเราสร้างปัญหาให้ในภายหน้า…”
ความคิดวุ่นวายวิ่งเข้ามาในสมองของฮั่นหยางอุ่น แต่ทั้งหมดที่เขาแสดงออกมาก็คือฉีกยิ้มกว้าง “ท่านพูดถูก… เทือกเขาสามโลกนั้นลึกลับ มันไม่เป็นไรสําหรับพวกเราผู้ต้อยต่ําที่จะเข้าไปยิ่ง มีระดับการฝึกฝนสูง ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเผชิญเข้ากับโลกมายา นี่เป็นอุปสรรคตามธรรมชาติ ดังนั้นพวกเรามีอะไรต้องกลัวกันเล่า?”
ก้าวเท้าขึ้นหน้าไปสองเก้า มือข้างที่ยังเหลือของเขาก็ตวัดลงอย่างแรง
เลือดสาดกระจายไปทั่ว
อู่จงวัยเยาว์ผู้มีพรสวรรค์ที่บาดเจ็บสาหัส นายกองอินทรีแห่งต้าเฉียน ก็กลายเป็นตัวทดสอบความเชื่อถือไป
“ดีมาก ท่านเชื่อถือได้ระดับหนึ่งทีเดียว!”
ขณะที่นักรบศักดิ์สิทธิ์ลึกลับหัวเราะ มันก็ราวกับมีผีร้ายพึมพําอยู่ข้างหูของคุณชายน้อยแห่งสํานักเก้าตะวัน
แม้ว่าสือเจวจะอันตรายมาก แต่ก็ยังมีคนธรรมดาอาศัยอยู่ที่นั่น
ในทะเลทรายระหว่างเทือกเขาสามโลกและแนวป้องกันของสือเจว์ มีแห่งทรัพยากรพิเศษอยู่หลายอย่าง อย่างเช่นเหมืองแร่ล้ําค่า และยังสมุนไพรพิเศษเฉพาะอีกหลายชนิด
ทําให้คนธรรมดาของสือเจว์หรือกระทั่งพ่อค้าและทหารหลายคนใช้ทรัพยากรเหล่านี้เพื่อดํารงชีวิต ก่อตั้งขึ้นมาเป็นระบบการค้าขายอันรุ่งเรือง
แน่นอนว่า ทรัพยากรเหล่านี้ย่อมต้องมีที่ลักลอบนําไปขาย
เพื่อให้จ่ายภาษีลดลง มีกําไรมากขึ้น และยังมีหลายคนที่เสี่ยงชีวิตเพื่อลูกแก้วพลังธาตุ
ฮั่นหยางอุ่นนั้นบอกหนทางการติดต่อระหว่างผู้ลักลอบค้าขายเหล่านี้ให้ฟางหยวน
ที่จุดนัดแนะลึกลับที่แม่น้ําทั้งสามสายมาบรรจบกัน ฉันชิงก่อควันไฟ หลังจากนั้นเป็นนานพวกเขาก็เห็นม้าราว ๆ สิบตัวควบมาทางพวกเขา
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีอาวุธครบมือแบบทหารจากต้าเฉียน แต่ก็ยังมีร่างกายสูงใหญ่และแผ่รังสีฆ่าฟันออกมาราวกับการสังหารนั้นเป็นธรรมชาติของตนไปแล้ว
“ฮั่นหยางอุ่นอยู่ที่ใด? เขายังไม่ตายอีกหรือไร?”
ม้าหลายตัวตรงหน้าเปิดทาง เผยให้เห็นชายชราผู้หนึ่งในเสื้อผ้ารุ่งริ่ง เขาผอมมากดวงตาเล็กหยีราวมุสิก
“หัวหน้าวั่น!”
ฟางหยวนเดินออกมาจากเงามืดและโบกมือ
บนหลังม้าล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์ แต่ที่อันตรายที่สุดก็คือหัวหน้าวั่นที่ดูไม่สะดุดตาแต่เป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์
หากไม่มีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ พวกเขาจะกล้าเดินทางไกลเพื่อค้าขายได้อย่างไร?
“เจ้าคือ…”
หัวหน้าวั่นมีสายตาสงสัย
เขาสามารถสัมผัสถึงอันตรายจากตัวฟางหยวนได้ด้วยเคล็ดวิชานักรบศักดิ์สิทธิ์ของเขาซึ่งช่วยเขาหนีรอดจากอันตรายมาแล้วหลายครั้ง ไม่มีทางที่เขาจะเข้าใจฟางหยวนผิดไปได้
“นั่นไม่สําคัญ ที่สําคัญที่สุดคือท่านเป็นพ่อค้าที่ซื่อตรงผู้หนึ่ง และท่านก็รู้เรื่องนี้ถูกหรือไม่?”
ฟางหยวนหัวเราะและโยนใบมีดสั้นสีดําเล่มหนึ่งออกไป
“เจ้าเป็นคนที่ผู้อาวุโสชั่นแนะนํามา!”
หัวหน้าสั่นดึงด้ามมีดสั้นอันหนึ่งออกมาประกอบเข้ากับใบมีด มันเข้ากันได้พอดี เขาพยักหน้า “พวกเจ้ากําลังหาวิธีเข้าไปข้างในสินะ?”
“ถูกต้อง! ได้โปรดพาพวกเราไปด้วย หัวหน้าวั่น!”
ฟางหยวนประสานหมัดและฉินอวิ่นก็ลากกระสอบขนาดใหญ่ออกมาให้หัวหน้าวั่น
“ลูกแก้วพลังธาตุ? ลูกแก้วพลังธาตุระดับต่ํา!”
หัวหน้าวั่นพยักหน้าและคนบนหลังม้าผ้าหนึ่งก็เข้ามาดูของในกระสอบ
“ลูกแก้วพลังธาตุหนึ่งพันลูกต่อคน! ข้าแน่ใจว่าราคายังเท่าเดิมถูกหรือไม่?”
ฟางหยวนถามตามตรง
“ที่จริงแล้ว”
หัวหน้าวั่นกลอกตาขณะที่คิดถึงรายชื่อนักโทษที่หลบหนีออกจากต้าเฉียน เขาส่ายหน้าช้าๆ เขานึกไม่ออกว่าจะมีนักโทษคนใดที่ต้องการเสี่ยงชีวิตกลับเข้าต้าเฉียนผ่านทางทะเลทรายแห้งแล้ง
ยังไม่มีใครในต้าเฉียนรู้เรื่องตระกูลฉินและไม่มีคนนอกคนใดที่จะมองเห็นแรงจูงใจของพวกเขา
ไม่ต้องพูดถึงว่า ไม่มีบันทึกของฟางหยวนในต้าเฉียน
“ข้ายังมีเรื่องที่ต้องชี้แจงก่อน!”
หัวหน้าวั่นยิ้ม “ข้ามีเส้นทางที่เชื่อมเข้าสู่ต้าเฉียน และเส้นทางนี้ก็สามารถพาเจ้าเข้าไปในสือเจว์ได้ แต่ว่า ผู้ที่ไม่มีตราประจําตัวจะไม่สามารถผ่านเข้าประตูสุดท้ายในต้าเฉียนได้ อักขระเวทย์จะถูกใช้เพื่อยืนยันความปลอดภัยที่ตรงนั้น ก่อนหน้านี้ ผู้อาวุโสชั่นสามารถผ่านประตูมาได้อย่างราบรื่นเพราะว่าเขาหนีออกจากต้าเฉียน แต่มันต่างออกไปสําหรับพวกเจ้าทั้งสาม…”
“ตราประจําตัว? ขอพวกเราดูได้หรือไม่?”
ฟางหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนถาม
“ได้สิ!”
หัวหน้าวั่นพยักหน้า และคนบนหลังม้าเมื่อสักครู่ก็เดินเข้ามาและเปิดแขนซ้ายออก
บนแขนของเขา มีรอยตราคล้ายรอยสักอยู่ มันฝังลึกอยู่ในแขนของเขา อยู่บนเส้นเลือด และบนนั้น มีประกายของพลังเวทย์
“นี่คือค่ายกลวิญญาณขนาดเล็ก และมันก็จะผูกอยู่กับค่ายกลใหญ่ซึ่งไม่สามารถส่งต่อได้!”
ฟางหยวนพยักหน้าและพึมพํา “พวกเราแค่ต้องการเข้าไปในสือเจว์ ได้โปรดบอกทางให้พวกเราด้วย หัวหน้าวั่น!”
“ไม่มีปัญหา!
หัวหน้าวั่นพยักหน้าแต่ก็ยังสงสัย
ทหารยามของสือเจวนั้นมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจสอบตราประจําตัว หากพวกเขาไม่มีมันพวกเขาย่อมถูกตราหน้าว่าเป็นนักโทษหลบหนีและย่อมถูกสังหาร
เหตุใดทั้งสามคนนี้จึงยังกล้าเข้าไป? พวกเขาคิดว่าสามารถหลบซ่อนตัวอยู่ในสือเจวีได้? นี่เป็นไปไม่ได้! หรือว่าพวกเขามีคนรออยู่ในสือเจว?
หลังจากพูดคุยกันหัวหน้าวั่นก็รู้สึกว่าทั้งสามคนนี้ช่างลึกลับเป็นที่สุด