Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 222
Chapter 222: ลงมือ
“อาณาจักรต้าเฉียนมีพื้นที่นับแสนหมู่ ทั้งอาณาจักรแบ่งออกเป็น 99 รัฐและ 587 มณฑลเมืองหลวงของอาณาจักรก็คืออดี้จิง!”
“ตระกูลฉินนั้นมีรากฐานอยู่ในมณฑลตงอี รัฐทะเลทรายทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองหลวง บรรพบุรุษของพวกเราต้องการตั้งมณฑลของตัวเองและต่อสู้อยู่ในทะเลทราย หลังจากสงครามนับร้อยครั้ง ในที่สุดพวกเราก็ชนะ ตั้งแต่นั้น ทายาทคนต่อไปก็คือบุตรชายของเจ้าบ้านคนก่อน…”
เปลวไฟสะบัดไหว
เมื่อตกกลางคืน ฉินชิงนั่งอยู่ติดกับกองไฟและไม่พูดอะไร
ขณะที่เธออธิบายช้า ๆ ตระกูลอันทรงอิทธิพลที่มีอํานาจกว่าตระกูลของหยางฟานเป็นหลายเท่าก็ปรากฏขึ้นในใจฟางหยวน
“หากที่เจ้าพูดเป็นความจริง เช่นนั้นตระกูลฉินย่อมเป็นตระกูลที่มีอิทธิพลที่สุดในมณฑลตงอี! หัวหน้าตระกูลย่อมส่งต่ออํานาจนั้นให้กับรุ่นต่อไป และยังมีกองกําลังทหารกว่า 500 คน ถ้าอย่างนั้น ผู้ที่มีพลังที่สุดในตระกูลย่อมเป็นพวกผู้อาวุโสที่น่าจะเป็นอู่จงระดับเปิดชีพจรหรือนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแยกธาตุ”
“และเจ้ายังมีศัตรูคนสําคัญคือฮูหยินใหญ่ ฮูหยินซู? นางเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลซูและยังมีอิทธิพลมาก จริงหรือเปล่าที่บรรพบุรุษผู้หนึ่งของนางเป็นจ้าวแห่งค่ายกลที่ระดับแยกธาตุ?”
ฟางหยวนถามอย่างง่าย ๆ ไร้ซึ่งความนอบน้อมใด
เมื่อจ้าวแห่งฝันบรรลุสู่ระดับสวรรค์มายา พลังของเขาก็เป็นหลายเท่าของผู้อื่น และเขาก็ไม่จําเป็นต้องสนใจนักรบศักดิ์สิทธิ์ธรรมดาในขอบเขตแยกธาตุหรือว่าอู่จงในระดับเปิดชีพจรทั่วไป
จ้าวแห่งกลไกกลับอาจจะเป็นปัญหากับเขาได้เล็กน้อย แต่ก็เท่านั้นแหละ
“อาณาจักรต้าเฉียนสุดยอดมาก! กระทั่งมณฑลเล็ก ๆ อย่างมณฑลตงอีก็มีนักรบศักดิ์สิทธิ์ในขอบเขตแยกธาตุตั้งมากมาย และยังไม่ว่ามณฑลไหนในต้าเฉียนก็ยังใหญ่กว่าประเทศในดินแดนทางใต้อย่างประเทศหยวนหรือประเทศอู่…”
ฟางหยวนส่ายหน้าและสูดลมหายใจลึก
นี่ยังมีทะเลทรายอยู่ระหว่างเทือกเขาสามโลกและสือเจว์ ยากที่จะพบสิ่งมีชีวิตที่นี่ แต่ว่า เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังธาตุที่ก่อตัวอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ
เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะมีมังกรในบ่อน้ําเล็ก ๆ !
แม้ว่านี่จะเป็นเพียงชายแดนของอาณาจักรต้าเฉียน มันก็เต็มไปด้วยพลังธาตุซึ่งเพียงพอที่จะยั่วยวนให้ฟางหยวนพํานักอยู่
“นี่เป็นเพียงทะเลทรายกว้างใหญ่เท่านั้น หากเป็นอาณาจักรต้าเฉียน ข้าแน่ใจว่าพลังเวทย์และพลังธาตุต้องมากกว่าที่ข้ามีที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยอดเขาชอุ่มหลายเท่าเป็นแน่!”
ฟางหยวนถอนหายใจอยู่ลึก ๆ
หลังจากคิดกับตัวเอง เขาก็มองฉินอวิ่นที่กินงูย่างที่เขาทําลงไปอย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็หัวเราะกับตัวเอง
พระจันทร์และดวงดาวส่องสกาวอยู่บนท้องฟ้ายามราตรี
ฟางหยวนนั่งขัดสมาธิและดูเหมือนจะหลับอยู่
ขณะที่เขาเชื่อมต่อจิตสํานึกกับโลกแห่งความฝันที่แท้จริงของตนอยู่ ฟางหยวนก็ดูมีท่าทางจริงจัง มือข้างหนึ่งนั้นชี้ขึ้นฟ้าและอีกข้างแตะอยู่บนพื้นดิน พลังธาตุฝันของเขาพุ่งสูงขึ้นขณะผลักดันมันให้เกินข้อจํากัดของโลกแห่งความฝันที่แท้จริง
“การฝึกฝนของระดับสวรรค์มายาก็คือการค้นหาพลังที่แท้จริงของคนผู้นั้นและดําเนินไปตามกระบวนการเพื่อพัฒนาสู่ระดับสูงสุดอย่างช้า ๆ…”
ฟางหยวนเพ่งสมาธิขณะพลังธาตุฝันของเขาเริ่มรวมตัวกันหนาแน่น
แม้ว่ามันจะซ่อนอยู่ เขาก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงร่องรอยของพลังมืดสีแดงท่ามกลางพลังธาตุฝันของเขา มันเหมือนปลิงที่กําจัดทิ้งไม่ได้
“ดูเหมือนว่าข้าจะถูกครอบงําอยู่จริง ๆ”
ควบคุมพลังธาตุฝันของตนเอง เขาพยายามใช้พลังธาตุฝันทั้งหมดชะล้างพลังมืดออกไป แต่ไร้ประโยชน์ “โชคดี ข้าสามารถเดินทางออกจากเทือกเขาสามโลกได้อย่างปลอดภัย นี่นับเป็นอุบัติเหตุ… อย่างไรมันก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะมีพลังมืดล่องลอยอยู่ในร่างกายของข้า!”
เขาสามารถสัมผัสได้ว่านี่จะนําปัญหามาสู่ตัวเขา
ทันใดนั้น ก็เกิดการสั่นสะเทือน
ในโลกแห่งความจริง บนทะเลทราย ฟางหยวนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ลืมตาขึ้นเห็นเป็นประกาย
“ตื่น!”
พี่น้องฉันลุกขึ้นยืนอย่างงุ่มง่าม ใบหน้าง่วงงุนเปลี่ยนเป็นจริงจัง “นั่น… หน่วยทหารม้า?”
“ไม่ต้องห่วง ตระกูลซูและฮูหยินซู ทั้งคู่นั้นไม่ได้มีอิทธิพลให้เหล่าผู้ดูแลสือเจว์ทํา
งานให้กับ พวกมันได้ ฆาตกรเหล่านั้นที่ไล่ตามเจ้าน่าจะอยู่ในมณฑลตงอีเท่านั้น”
ฟางหยวนมองไป “นี่น่าจะเป็นการลาดตระเวนตรวจตราดูนักโทษหลบหนีตามปกติของพวกเขา!”
ฉินชิงและฉินอวิ่นต่างตัวสั่น
นี่เป็นสาส์นจากราชวงศ์ต้าเฉียน! ประชาชนคนใดจากอาณาจักรต้าเฉียนที่หลบหนีออกมาให้นับเป็นนักโทษและสังหารได้ทันทีที่พบเห็น!
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ทหารที่ปกครองสือเจวนั้นยังเป็นทหารที่เก่งที่สุดของอาณาจักรต้าเฉียนพวกเขาจะลาดตระเวนเป็นประจําและลงมือจู่โจมผู้ที่ถูกตัดสินโทษผิดเหล่านั้น หากพวกนั้นมาพบกับพวกเขาทั้งคู่เข้า แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ปล่อยพวกเขารอดไป
“ไม่! พวกเราปล่อยให้เขาพบพวกเราไม่ได้”
ฉินชิงกัดฟันแน่น
ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาได้หลบหนีออกไป
ตราบใดที่พวกเขาสามารถผ่านทหารสือเจว์เหล่านี้ไปได้โดยไม่ถูกตรวจพบ ก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขานั้นเป็นนักโทษหลบหนี! พวกเขาย่อมไม่ส่งคนไปที่รัฐทะเลทรายเพื่อตรวจสอบเรื่องเบื้องหลัง
ประเด็นหลักก็คือ พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ผู้ดูแลเหล่านี้มีหลักฐานพิสูจน์ว่าได้พบพวกเขาในทะเลทรายเวิ้งว้างแห่งนี้!
ดังนั้น ปฏิกิริยาแรกของฉินชิงเมื่อนางเห็นทหารม้าตรงเข้ามาก็คือวิ่งหนี
“ข้าเกรงว่ามันจะสายไปแล้ว!”
ฟางหยวนส่ายหน้า “นอกจากนี้ ยังมีอีกวิธีที่พวกเขาจะไม่รู้ว่าพวกเจ้าอยู่ที่นี่ พวกเราสามารถสังหารทหารพวกนี้เสีย! ไม่ใช่ว่านี่ก็เป็นวิธีการแก้ปัญหาหรอกหรือ?”
“ท่านพูดว่าอะไรนะ?”
ฉินชิงและฉินอวินยิ้งฉันไป พวกเขาเพิ่งรู้ว่านายท่านที่พวกเขาฝากความหวังทั้งมวลของตนเอาไว้นั้นเป็นคนเสียสติผู้หนึ่ง
“รีบเข้า! จับพวกมันไว้”
ภายใต้แสงจันทร์ คนกลุ่มหนึ่งกําลังหนี พวกเขาทั้งหมดมีรัศมีพลังอันแข็งแกร่งและผู้ที่นําพวกเขาอยู่นั้นเป็นชายชราผู้หนึ่งที่เป็นอู่จง เขาปกป้องเด็กหนุ่มหลายคนเอาไว้
“สวรรค์ช่างไร้ความยุติธรรม! ก็เห็นกันอยู่ว่าสํานักหนึ่ฉุยต่างหากที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับเจ้าเมือง แต่กลับใส่ร้ายพวกเรา สานักเก้าตะวัน ว่าเป็นคนทรยศ ทําให้เจ้าสํานักของพวกเราถูกขังคุก และถูกทรมานจนตาย พวกเราพยายามอย่างที่สุดที่จะอุทธรณ์แต่ทางการและเจ้าเมืองกลับปกป้องกันเอง กดดันพวกเราจนถึงที่สุดให้ออกไปจากอาณาจักรต้าเฉียน…”
อู่จงชราผู้นั้นคําราม น้ําตาเอ่อคลอ
“ฆ่า!”
ที่ด้านหลังเขาทหารม้าเกราะหนักทุกคนมีสีหน้าโหดเหี้ยม
หัวหน้าที่นํามานั้นมีหนวดบาง ๆ อยู่สองข้างปากและมีท่าทางเหมือนอันธพาล พร้อมกับหัวเราะอย่างชั่วร้าย เขาพูด “พวกเราไม่มีอะไรกับความขัดแย้งภายในพวกนั้น! พวกเราเพียงแค่ทําตามคําสั่งว่าใครก็ตามที่บุกรุกการป้องกันของสือเจว์จะถูกตัดสินว่าเป็นนักโทษและพวกเราก็มีสิทธิ์ในการสังหารคนเหล่านั้น!”
“ตอนนี้ พวกเจ้าทั้งหมดต้องการหนีออกจากต้าเฉียนเอง ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหมดล้วนเป็นนักโทษหลบหนี! ยอมรับความตายซะ!”
“ฝูบ!”
ขณะพูด เขาก็ดึงธนูเหล็กคันหนึ่งออกมาปล่อยลูกศรออกไป ลูกศรหล่นลงมาราวกับห่าฝน
ศิษย์สํานักเก้าตะวันผู้หนึ่งถูกยิงเข้าที่หน้าอก เลือดสาดกระจายไปทั่ว เขาล้มลงกับพื้น
“ศิษย์พวกนี้ล้วนเป็นผู้มีพรสวรรค์ของสํานักเก้าตะวันเรา!”
ใบหน้าอู่จงชราแดงก่ําขณะกระอักเลือดออกมาคําใหญ่ เขารีบผลักชายหนุ่มผู้หนึ่งออกไปโดยไว “พาคุณชายน้อยหนีไป ข้าจะรั้งพวกมันไว้เชี่กงรูปแบบพายุหมุน!”
“พรึ่บ! ฝุ่บ!”
รัศมีพลังสองสายปรากฏขึ้น แล้วเปลี่ยนเป็นรูปแบบพายุหมุน พลังที่พุ่งออกมานั้นรั้งทหารม้า พวกนั้นเอาไว้
“ไป!”
ดินฟังขึ้น ชายหนุ่มผู้หนึ่งรั้งบังเหียนม้าเอาไว้ ธนูเหล็กในมือนั้นพังไปแล้ว เขามีท่าทางสงบนิ่ง “ไอ้แก่นี่ ถ้าเจ้าอยากตายขนาดนี้ ข้า หลินฉวนหนาน จะมอบความตายให้เจ้า!”
เมื่อเขาโบกมือ พลังธาตุก็ปรากฏขึ้น
ชายหนุ่มผู้นี้ก็เป็นอู่จง คล้ายกับที่ฟางหยวนเคยพบในโลกแห่งความฝันของหยางฟาน เขาเองก็สมัครเข้ากองทัพในฐานะนายกองอินทรี!
นอกจากนี้ กระบวนท่าแรกของเขายังเป็นกระบวนท่าสังหารและยังให้ความรู้สึกของผู้บังคับบัญชาที่ทรงพลัง ไม่ช้า เขาก็หยุดอู่จงชราเอาไว้ได้
“พลังรบเลือดโลหะ! สิบกระบวนท่ากระหายเลือด!”
ชายหนุ่มผู้นั้น หลินฉวนหนาน คํารามออกมา แขนขาทั้งสี่ข้างของเขา มีพลังธาตุสีแดงเข้มซึมผ่านออกมา พร้อมกับกลิ่นโลหะรุนแรง พลังธาตุรวมกันกลายเป็นเกราะให้เขาและลวดลายบนเกราะก็ดูซับซ้อนมาก
แต่ว่า สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือสิบกระบวนท่ากระหายเลือดของเขา ทุกกระบวนท่าของเขานั้นเรียบง่ายอย่างที่สุดแต่ได้ผล มันเปล่งรัศมีของผู้มีอํานาจ และยังให้ความรู้สึกราวกับว่า ต่อให้เขาตายตกลงไปในสนามรบ เขาก็จะพาศัตรูตายตามไปกับเขาด้วย ไม่มีการออมมือ เขากดดันอู่จงชราจนถึงขีดจํากัดของตัวเอง
ชายหนุ่มผู้นี้ หลินฉวนหนาน อาจจะอยู่ห่างจากระดับเปิดชีพจรเพียงก้าวเดียวและสามารถบรรลุสู่ระดับนั้นตอนไหนก็ได้
“ปุ!”
ที่ขอบฟ้าของทะเลทรายกว้างใหญ่ มีเงาของหลายคนต่อสู้กันอยู่
อู่จงชรารับกระบวนท่าของศัตรูไม่ไหว หน้าอกของเขารับทั้งฝ่ามือและกรงเล็บ มือของเขาสะบัดออกไปพร้อมกับเลือดที่สาดกระจายออกมา
“ผู้อาวุโสฮั่น”
คนจากสํานักเก้าตะวันวุ่นวายอยู่ คุณชายผู้นั้นน้ําตานองหน้าแต่ถูกศิษย์ผู้ภักดีหลายคนรั้งเอาไว้ขณะที่ถอยเข้าเทือกเขาสามโลก
เพราะความลึกลับโดยธรรมชาติของที่นั่น กระทั่งนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับแยกธาตุหรืออู่จงก็ไม่กล้าเข้าลึกไปบนเทือกเขา อย่าได้พูดถึงการไล่ตามไปถึงเมืองทะเลทราย
ดังนั้น มันจึงเป็นชัยชนะของผู้ที่หนีออกจากอาณาจักรต้าเฉียนหากเข้าไปในเทือกเขาสามโลกได้
แต่ว่า สําหรับคนจากสํานักเก้าตะวัน ระยะทางไปถึงเทือกเขานั้นราวกับระยะก้าวสู่สวรรค์
“หน่วยลาดตระเวนเสือดํา ฟังคําสั่งข้า กลุ่มที่หนึ่งและสองล้อมพวกมันไว้ อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้แม้แต่คนเดียว!”
หลินฉวนหนานกลับไปที่ม้าของตัวเอง มีสีหน้ามั่นใจ “กลุ่มที่สาม ลาดตระเวนรอบ ๆ กลุ่มที่
เขาชี้ไปทางทิศทางที่ฟางหยวนตั้งกระโจมเอาไว้ “ดูเหมือนตรงนั้นจะมีแสงไฟ ไปตรวจดู และหากพบนักโทษหลบหนีคนใด ก็สังหารทันทีที่เห็น! ไม่จําเป็นต้องขออนุญาตจากข้า!”
“ขอรับท่าน!”
ทหารแยกตัวออกเป็นกลุ่มหลังคําสั่งของเขาและดูเชื่อฟังเป็นอย่างมาก
“อํา!”
“นั่นอะไรน่ะ?”
“ปีศาจเถาวัลย์? ระวัง นี่เป็นคาถาเวทย์ของนักรบศักดิ์สิทธิ์”
ทันใดนั้น ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นตรงทิศทางที่กลุ่มที่สี่มุ่งหน้าไป
“ซ่า! ซ่า!”
พร้อมกับเสียงเสียดสี หญ้าก็พลิ้วไปมา ดินแดนแห้งแล้งเริ่มมีชีวิตชีวา รากของหญ้าพวกนี้เติบโตเร็วราวกับผีร้ายเริงระบําและไม่ช้า กีบเท้าม้าก็ถูกรัดเอาไว้
“คาถาเวทย์ธาตุไม้?”
หลินฉวนหนานกรีดข้อมือตัวเองแล้วเลือดอุ่น ๆ ก็ไหลลงสู่รากของหญ้าพวกนั้น
“ฉ่า!”
เมื่อเลือดของเขารดบนใบหญ้า ไอน้ําสีขาวก็ปรากฏขึ้นและหญ้าพวกนั้นก็เริ่มเที่ยวและเปื่อยยุ่ยไปราวกับพบศัตรูคู่อาฆาต
“เลือดของอู่จงนั้นมีธรรมชาติเป็นหยาง แม้ว่าข้าจะไม่สามาถรับมือกับคาถาเวทย์ด้วยชีพจรศักดิ์สิทธิ์เหมือนอู่จงระดับเบิดชีพจรเหล่านั้น เลือดของข้าก็ยังสามารถรับมือกับคาถาเวทย์พื้นฐานได้!”
หลินฉวนหนานหัวเราะเสียงก้อง “ไอ้คนขี้ขลาดคนใดกันที่กล้าลอบทําร้ายข้า?”
อันที่จริง ไม่ใช่เพราะเลือดของเขานั้นมีความพิเศษและสามารถทําลายคาถาเวทย์ได้ แต่เป็นเพราะเขาได้เรียนรู้วิชาคาถาลับและแค่ใช้มันออกมาเท่านั้น
ไม่อย่างนั้น เลือดของอู่จงทั่วไปย่อมไม่สามารถคุกคามคาถาเวทย์ของฟางหยวนได้
“เขาก็แค่รับมือกับคาถาเวทย์บทเดียวของข้าเท่านั้น ทําไมถึงกล้าอวดตนถึงเพียงนั้นได้…”
เสียงแผ่ว ๆ ดังมาจากทุกทิศทางและคนของสํานักเก้าตะวันก็เต็มไปด้วยความดีใจ ราวกับพบผู้ช่วยชีวิต
“ซ่า! ซ่า!”
ขณะที่เสียงแผ่ว ๆ สิ้นสุดลง ทุ่งหญ้าอีกผืนก็เริ่มคืบคลานมาจากทุกทิศทาง และยังมีปริมาณมากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าตัว
“เป็นไปได้อย่างไร? หรือว่าเป็นค่ายกลเวทย์ ใช้คาถาเวทย์หลายชนิดออกมาพร้อมกัน?”
ใบหน้าของหลินฉวนหนานเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อขณะรีบร้อนคิดหาทาง