Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 221
Chapter 221: สือเจว
เมื่อเข้าสู่ระดับสวรรค์มายาแล้ว ก็จะมีพลังมากขึ้นมหาศาล ราชาวานรวิญญาณซึ่งเดิมทําให้ความหวาดกลัวเกาะกุมหัวใจของฟางหยวนก็ไม่สามารถรับมือกับเขาในตอนนี้ได้แล้ว
ดังนั้นฟางหยวนจึงดูใจเย็น
ในโลกแห่งความฝันที่แท้จริงของเขา เขาสํารวมจิตและโบกมือ “พลังธาตุฝัน!”
“ฝูบ!”
พลังธาตุฝันของเขาพุ่งสูงขึ้นราวกับคลื่นโหมกระหน่ํา กลืนกินโลกแห่งความฝันที่แท้จริงของเขาให้อยู่ในหมอกสะกดบาง ๆ ชั้นหนึ่ง
พลังธาตุฝันที่คล้ายกับปรอทก็ถูกใช้ไป ที่กันบึงเริ่มเผยตัวออกมา ทุกอย่างดูเป็นปกติ
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!”
ฟางหยวนโบกมือ รวบรวมพลังธาตุฝันที่เหลืออยู่ ขณะที่พลังธาตุฝันลอยขึ้นกลางอากาศมันก็สะท้อนประกายแสงอาทิตย์
“ควบรวม!”
ขณะที่เขาตั้งสมาธิ พลังธาตุฝันก็รวมตัวกันอยู่ตรงหน้าเขา เกิดเป็นรูปกระจกเงาบานหนึ่งและขยายตัวออกไปช้า ๆ
สิ่งที่ตามมาก็คือ บนผิวกระจกนั้นสะท้อนให้เห็นแสงสีแดงสลัววาบผ่านไปราวกับงูตัวเล็กๆ เลื้อยผ่านแผ่ความรู้สึกอันชั่วร้ายออกมา
“บ้าจริง
พลังมืด!”
ในโลกแห่งความจริง ฟางหยวนดูตึงเครียดขึ้น
เขาไม่สงสัยแล้วว่าพลังมืดนั้นช่วยให้เขาทะลวงผ่านสู่ระดับสวรรค์มายาจริง ๆ
“เหมือนราชาวานรวิญญาณ ข้าเองก็ได้รับผลจากพลังมืดด้วยเช่นกัน นี่อาจจะเป็นการถูกครอบงําระดับสูงสุดด้วย!”
ฟางหยวนกัดฟัน “ข้าจําเป็นต้องหาวิธีกําจัดมันเสีย! และก่อนที่จะทําเช่นนั้น ข้าควรจะออกจากเทือกเขาสามโลกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้เ”
เขาไม่ต้องการจบลงแบบราชาวานรวิญญาณและกลายเป็นสัตว์ร้ายไป
แม้ว่าเขาจะยังไม่มีเงื่อนงําว่าการบรรลุระดับของเขานั้นเป็นเหตุบังเอิญหรือเกิดจากพลังมืดเขาก็ต้องการออกจากเทือกเขาสามโลกอยู่ดี และยิ่งเร็วยิ่งดี
ถึงตอนนี้
แสงสีม่วงก็ลอยสูงขึ้นจากทิศตะวันออกขณะที่พระอาทิตย์เริ่มไต่ขอบฟ้าขึ้นมา ส่องแสงสีทองอาบข้ามเทือกเขากว้างใหญ่
ฟางหยวนสัมผัสได้ถึงโลกมายาที่แยกตัวออกจากเทือกเขาสามโลกไปแล้ว
ภายใต้แสงอาทิตย์ เงาก็ค่อย ๆ หายไปช้า ๆ และกระทั่งวานรวิญญาณที่ถูกครอบงําก็ล้วนหมดสติไป หมอกสีดําเริ่มลอยออกจากหัวของพวกมัน
“ถ้าไม่เพราะประสบการณ์ครั้งนี้เป็นของจริงอย่างที่สุด ข้าคงเข้าใจผิดว่าข้าฝันร้ายไปเองอย่างแน่นอน!”
ฟางหยวนส่ายหน้าและกลับไปที่รังของราชาวานรวิญญาณ
ลิงร่างใหญ่หลายตัวนอนอยู่บนพื้น และพวกมันทั้งหมดก็ดูจะได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่พวกมันล้วนยังมีชีวิต
ด้วยระดับสวรรค์มายาในตอนนี้ของเขา ถ้าลิงพวกนั้นตัดสินใจมารุมล้อมและโจมตีเขาพร้อมกัน การจัดการกับลิงพวกนั้นก็แค่ดีดนิ้วครั้งเดียวเท่านั้น เขาเดินช้า ๆ เข้าไปในถ้ําอย่างมั่นใจและเริ่มค้นหาผู้รอดชีวิต
“ปัง!”
กําแพงหินที่ร้าวอยู่แตกออก
เห็นศพไม่สมบูรณ์ของผู้อาวุโสโจวแล้วฟางหยวนก็อึ้งไป
กระทั่งลมหายใจสุดท้าย คนผู้นี้ก็ยังคงกําดาบโค้งไว้แน่นในมือและยังมีสีหน้าโหดเหี้ยม ช่างเป็นผู้คุ้มกันผู้ภักดี
“หลับให้สบายเถอะนะ!”
ฟางหยวนช่วยปิดตาผู้อาวุโสโจวก่อนจะมองไปรอบ ๆ แต่ว่าไม่เจอพี่น้องฉันเลย
“ผู้อาวุโสโจวและทหารม้าขนนกดําสองสามคนที่เหลือล้วนตายหมดแล้ว พี่น้องแซ่ฉินนั่นจะมีหวังที่จะรอดชีวิตหรือ?”
หันไปทางมุมหนึ่ง ฟางหยวนก็พบเลือดหย่อมหนึ่งและสิ่งของหลายชิ้นรวมทั้งอาวุธที่แตกหักพวกมันดูเหมือนจะเป็นของทหารม้าขนนกดําสักคน
เหตุผลที่คนพวกนี้ยินยอมเสียสละชีวิตต่อสู้จนตายก็เพื่อให้พี่น้องฉินรอดไปได้
“คํานวณตามราชาวานร ระยะเวลา และพลังของวานรวิญญาณอื่น ๆ แล้ว..”
ฟางหยวนหันไปรอบ ๆ และเดินเข้าไปในถ้ําใต้ดิน
ตอไม้หนาถูกทําลาย บ่อสุราในนั้นตอนนี้ก็ว่างเปล่า รากของมันของตนนี้เหี่ยวย่นอย่างน่าสงสาร
“ไม่ใช่ที่นี่หรือ?”
ใช้เจตจํานงเวทย์สัมผัสรอบ ๆ ฟางหยวนก็ขมวดคิ้ว เพียงแค่โบกมือ คาถาเวทย์ก็ปรากฏขึ้น “ไม่เป็นไร… ลองทดสอบคาถาค้นหาดู!”
นี่คือพลังที่เขาได้รับหลังจากบรรลุระดับสวรรค์มายา!
ตราบใดที่เขามีพลังธาตุฟันเพียงพอ เขาสามารถสร้างคาถาเวทย์ที่เคยรู้จักมาก่อนได้
หลังจากวาดมันขึ้นมาในโลกแห่งความฝันที่แท้จริงของเขาแล้ว เขาก็สามารถสร้างมันให้ปรากฏขึ้นในโลกจริงได้!
ด้วยความสามารถนี้เพียงอย่างเดีว เขาก็สามารถเอาชนะนักรบวิญญาณส่วนใหญ่ในขอบเขตแยกธาตุได้แล้ว
แวิ่ง!”
เมื่อคาถาเวทย์ของเขาระเบิดออก ก็ปรากฏแสงสีขาวให้เห็น
เพียงแค่โบกแขนเสื้อครั้งหนึ่ง รัศมีพลังสองสายก็ปรากฏขึ้นก่อนจะละลายหายไปในแสงสีขาวนั่น
มันสําคัญมากที่ไม่ลดความระแวงต่อผู้อื่นลง!
รัศมีพลังสองสายนี้แอบเก็บเอามาจากสองพี่น้องฉิน และเขาก็ทําเพื่อป้องกันการลอบจู่โจมใส่ตัวเขาเอง
แต่ว่า จากสถานการณ์แล้ว ดูเหมือนว่าพลังเวทย์สองสายนี้จําเป็นต้องใช้เพื่อร่ายคาถาค้นหา
“ฝูบ!”
แสงสีขาวมารวมกันมากขึ้นกลายเป็นลูกแสงกลม ๆ ลอยอยู่ ทันใดนั้น มันก็ลอยไปเหนือบ่อสุราว่างเปล่า วนรอบ ๆ ก่อนที่จะหยุดเคลื่อนไหว
“เอ๋?”
ฟางหยวนประหลาดใจ ขณะที่เขากระโดดเข้าไปในบ่อแห้ง ๆ เขาก็อึ้งไปเมื่อมองไปที่กําแพงชื้นและสัมผัสได้ถึงกลิ่นสุราที่ยังลอยอวล
ที่กลางบ่อสุรา พื้นบ่อที่ดูธรรมดานั้นนุ่ม ราวกับมีร่างกายอุ่น ๆ อยู่ด้านใต้
แตะพื้นบ่อด้วยมือขวา เขาก็รีบคว้าบางอย่างเอาไว้แล้วดึงมันขึ้นมา
ประกายแสงสีขาวแวบขึ้นและทันใดนั้น ก็มีคนสองคนอยู่ด้านล่างนั่น เป็นพี่น้องฉินที่มีใบหน้าซีดเผือด
ดวงตาของทั้งคู่บิดสนิทและยังตัวสั่นราวกับกําลังฝันร้าย ยันต์คุ้มกันส่วนใหญ่ของพวกเขานั้นถูกทําลายไปแล้วและยังดูอ่อนแรงมาก
“ผ้าคลุมอําพรางนี่มัน…”
ขณะที่ฟางหยวนตรวจดูผ้าคลุมอําพรางกายสีเงินยวงในมือ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
ผ้าคลุมอําพรางกายนั้นสะท้อนแสงและยังเหมือนกับว่ามันเคลื่อนไหวไปมา ดูลึกลับและระยิบระยับในตัว
“ของวิเศษที่สามารถเก็บงํารัศมีพลังได้งั้นรึ? กระทั่งเจตจํานงเวทย์ของข้ายังตรวจไม่พบ…”
ฟางหยวนพึมพํากับตัวเอง “แม้ว่านี่จะไม่สามารถซ่อนจากคาถาค้นหาได้ แต่มันก็ยอดเยี่ยมมากพอทีเดียว…”
ขณะที่เขาตรวจดูผ้าคลุม เขาก็พับเก็บมันอย่างช้า ๆ โดยไม่คิดมาก หลังจากพับแล้ว มันก็เหลือขนาดเพียงแค่ฝ่ามือเท่านั้น และยังบางราวกับปีกแมลง ซึ่งทําให้มันลึกลับมากยิ่งขึ้น
“แต่ว่า ในเมื่อข้าพบเจ้าทั้งสองแล้ว…”
มองสองคนที่กอดกันแน่นอยู่ เขาก็หัวเราะ “ก็เป็นโชคของพวกเจ้าแล้ว!”
ในฝัน ดาบกวัดแกว่งไปมา มีเสียงคํารามจากเหล่าวานร
มันเหมือนภาพใบหน้าดุร้ายของผู้อาวุโสโจวและทหารม้าขนนกดําที่ไม่ยอมอ่อนข้อปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาอีกครั้ง
“คุณชาย… หนีไป!”
ใบหน้าโชกเลือดของทหารม้าขนนกดําทั้งสิบแปดปรากฏขึ้นและพุ่งเข้ามาหาเขา
“อ้า!”
ฉินอวิ่นกรีดร้องและลืมตาขึ้น
“นี่มัน น้ํา!”
ปาดเหงื่อออกจากใบหน้า เขามองไปรอบ ๆ ตัว เป็นปารกชัฏ และยังมีลําธารเล็ก ๆ ไหลเอื้อย มีหมอกบาง ๆ ปกคลุมอยู่อีกชั้นหนึ่งด้วย
“น้องอลิ้น ในเมื่อเจ้าตื่นแล้วก็ลุกขึ้นเถอะ!”
หลังจากเสียงเรียก ฉินอขึ้นก็ถูกเตะเข้าเท้าหนึ่ง “พวกเราจะออกจากเทือกเขาสามโลก อย่างช้าที่สุดก็คืนนี้!”
“เป็นท่านฟางหยวน!”
ฉินอวุ่นลุกขึ้นยืน มองพี่สาวของตัวเองแล้วก็หน้าระเรื่อขึ้น นางยืนอยู่ ตัวเปียกโชก เผยรูปร่างออกมาให้เห็น “ท่านช่วยพวกเราไว้จากในถ้ําของราชาวานรวิญญาณ?”
เขายังคิดถึงภาพที่พวกเขาแกล้งตายอยู่ในบ่อสุรา
ไม่ต้องพูดเลยก็รู้ว่าฉันชิงนั้นเป็นคนที่คิดวิธีนี้ขึ้นมา หวังว่าจะมีโอกาสรอดด้วยการแกล้งตายพวกเขาโชคดีจริง ๆ ที่ฟางหยวนกลับมาช่วยพวกเขาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นทั้งคู่ก็คงตายอยู่ในนั้นแล้ว
“อืม ข้าเอง ไปกันเถอะ!”
มองทั้งสองคนที่กําลังตัวสั่น ฟางหยวนก็ไม่ได้มีความรู้สึกสงสารให้แต่อย่างใดขณะสั่งให้ออกเดินทาง
“ผู้อาวุโสโจว”
ฉันชิงพึมพําบางอย่างโดยไม่รู้ตัวก่อนที่จะเงียบไป
คนคุ้มกันผู้ภักดีและพี่น้องทั้งสิบเจ็ดคนของเขาล้วนตายอยู่ในเทือกเขานั่น
“ไปกันเถอะ น้องข้า!”
ฉินชิงออกเดิน โอบไหล่น้องชายเอาไว้เผยที่ท่าที่เติบโตและแข็งแกร่งอย่างที่คนอายุเท่า ๆ กับนางไม่มีออกมา
“พวกเราจะไปถึงอาณาจักรต้าเฉียนในไม่ช้า พวกเจ้าไม่อยากแก้แค้นให้พวกเขาหรือ?”
“ข้าจะต้อง…. แก้แค้นให้ได้!”
ฉินอขึ้นกัดฟันแน่น “ข้าจะขึ้นครองตระกูลฉินและกลายเป็นผู้ที่มีอํานาจที่สุด!”
ถัดจากเทือกเขาสามโลกก็เป็นทะเลทรายกว้างใหญ่
ที่ขอบฟ้า เทือกเขาเหยียดยาวทอดเป็นแนวป้องกันสายหนึ่ง และยังมีอุปสรรคอีกอย่างหนึ่งที่พวกเขาต้องผ่าน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนามสือเจว์!
สือเจวนี้ได้รับการคุ้มกันแน่นหนาจากบรรดาแม่ทัพของอาณาจักรต้าเฉียน และยังส่งหน่วยลาดตระเวนมาเดินตรวจดูตามแนวป้องกัน ผู้ใดที่พยายามจะหนีออกจากต้าเฉียนจะถูกนับเป็นนักโทษหลบหนีและได้รับบทลงโทษถึงตาย!
แน่นอนว่า หากนักโทษหลบหนีเหล่านั้นเดินทางผ่านทะเลทรายเวิ้งว้างและเทือกเขาสามโลกมาได้และตัดสินใจกลับมายังอาณาจักรต้าเฉียน คนเหล่านั้นย่อมต้องผ่านอันตรายในสือเจวตกดึก
ที่กองไฟโชติช่วง งูตัวหนึ่งถูกย่างอยู่และในอากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอม
“สุกแล้ว!”
ฟางหยวนถึงเนื้องูกส่วนหนึ่งออกมามองไปที่พี่น้องฉิน “ในเมื่อพวกเรามาถึงชายแดนต้าเฉียน แล้วข้อตกลงของพวกเราก็เป็นอันสิ้นสุด…”
“พวกเราจะระลึกถึงความช่วยเหลือของท่านที่ปกป้องพวกเราตลอดทางมาที่นี่ไปตลอดกาล!”
ฉินชิงโค้งตัวลงคารวะ หลังจากแต่งตัวใหม่ กริยาของนางก็เผยออความงดงามและยังแฝงความเย้ายวนเอาไว้
นางเป็นคนฉลาด
หลังจากการตายของผู้อาวุโสโจวและทหารม้าขนนกดําทั้งหมด นางก็ทําได้เพียงพึ่งพิงฟางหยวนแล้วตอนนี้
ถึงอย่างไร มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ สําหรับฟางหยวนในการนําพวกเขาออกจากเทือกเขาสามโลกมาอย่างปลอดภัย ตอนนี้เขาอาจนับได้ว่าเก่งกาจแม้แต่ในอาณาจักรต้าเฉียนก็ตาม
“แต่ว่า… มันก็ยากมากสําหรับพวกเราที่จะผ่านสือเจวไปได้เ”
ฉินชิงโค้งกายลงอีกครั้ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงใจ “ท่านได้โปรดพาพวกเราสองคนไปด้วยในสือเจว! บอกตามตรง พวกเราเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลฉิน น้องอชิ้นคือทายาทคนต่อไปที่จะขึ้นปกครองตระกูล! หากท่านช่วยเรา พวกเราย่อมระลึกถึงบุญคุณนี้และจะตอบแทนพระคุณของท่านหลังจากขึ้นปกครองตระกูลแล้วอย่างแน่นอน!”
เมื่อฟางหยวนได้ยินข้อเสนอของนาง เขาก็หมดคําพูด
ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็นับเป็นสัญญาปากเปล่า นอกจากนี้ ของวิเศษและยันต์ป้องกันเกือบทั้งหมดล้วนถูกใช้ไปตอนที่เดินทางผ่านโลกมายา สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถเสนอได้ก็คือตัวเองแล้ว
แม้ว่าฉันชิงจะต้องการขอร้องเขา แต่นางก็ไม่ได้สิ้นหวังถึงขีดสุดจนกระทั่งยอมยกเมืองให้เขาได้
“ก็ได้”
มองพี่น้องฉินที่ใบหน้าสะท้อนประกายจากแสงไฟ เขาก็ยิ้ม “ในเมื่อพวกเราเดินทางมาถึงจุดนี้แล้วทําไมพวกเจ้าถึงไม่แนะนําข้ากับตระกูลฉินเสียเลยเล่า?”
ฟางหยวนไม่ได้มีแผนการแน่นอนใดสําหรับการเดินทางมาอาณาจักรต้าเฉียนนี้
เขาพํานักระหว่างอยู่ในอาณาจักรต้าเฉียน
แม้ว่าเขาจะเรียนภาษาและตัวหนังสือของต้าเฉียนมาในโลกแห่งความฝันของหยางฟาน และยังได้รับตําแหน่งนายกองอินทรี แต่นั่นก็นานมาแล้วและทุกอย่างตอนนี้ก็อาจจะเปลี่ยนไปแล้ว
เขาต้องการแทรกซึมเข้าสู่อาณาจักรต้าเฉียนอย่างมั่นคง
ไม่ใช่ว่ามันจะเป็นความคิดที่ดีที่จะเริ่มจากตระกูลฉินหรอกหรือ?