Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - บทที่ 368 - ผลประโยชน์
- Home
- All Mangas
- Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ)
- บทที่ 368 - ผลประโยชน์
แมริออทไม่ได้โกรธกับสิ่งที่สมิทพูด เพราะเขากรู้ดีว่ามันเป็นความจริง สาเหตุที่ทําให้มีเรื่องแบบนั้นก็เพราะตระกูลเซรี่และลิออนไม่ได้ลงรอยกัน
หากไม่ใช่เพราะความที่ทั้งสองเป็นศัตรูกัน เจ่าไห่ก็จะไม่ได้เป็นศัตรูกับลิออน และเจ่าไห่ก็จะไม่ถูกไล่ล่าไปทั่วจักรวรรดิและต้องทําทุกทาง เพื่อให้ตัวเองรอดจากเนื้อมือของลิออน
มันก็เลยทําให้แมริออทไม่ได้คิดอะไรมากกับคําพูดของสมิท ตระกูลเซี่จะได้ผลประโยชน์ โดยที่ไม่ได้เป็นผลกระทบกับความร่วมมือในครั้งนี้ คําพูดของสมิทจะต้องตกไปอยู่ในหูของคนหูหนวก นี่คือควทแตกต่างระหว่างนักธุรกิจที่มีประสบการณ์กับขุนนางที่ยิ่งใหญ่
ขุนนางที่ยิ่งใหญ่นั้นพวกเขาถือศักดิ์ศรีของเขามากๆ ใครก็ตามที่กล้าไม่สนใจต่อศักดิ์ศรีของพวกเขา จะต้องได้พบเจอกับสงคราม นี่คือสิ่งที่ทุกคนจะต้องทํา เพราะมันเป็นความพบใจของเหล่าขุนนาง ขุนนางที่ไม่ได้มีศักดิ์ศรีอะไร ก็ไม่ถือว่าเขาเป็นขุนนาง ความคิดนี้เป็นความคิดที่อยู่ในวิญญาณของพวกเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาลบไม่ได้
แต่นักธุรกิจก็ต่างกันออกไป มีคําพูดสําหรับนักธุรกิจในบทกวีเก่าว่า กําไรเกินคําพูด มันหมายความถึงว่านักธุรกิจที่ได้กําไรเป็นสิ่งสําคัญที่สุดตราบใดที่กําไรหนึ่งกําไร พวกเขาไม่สนใจว่าพวกเขาดูถูกหรือบางครั้งมีศักดิ์ศรีของพวกเขาก้าวไป
แมริออทยิ้มและพูดว่า “นี่เป็นของขวัญเล็กน้อยๆ ให้กับเจ้าหญิงเมแกน ฉันคิดว่าราชาคงไม่ปฏิเสธมัน นอกจากนี้ฉันยังต้องการร่วมมืออย่างเต็มที่สําหรับการพูดคุยกันในวันนี้ หลังจากนั้นฉันอาจจะต้องพึ่งพาราชาสมิทเยอะหน่อย”
สมิทมองแมริออทและก็พูดว่า “ฉันจะนําเอาไปให้เมแกนแล้วก็มาคุยแผนของเราต่อ ฉันอยากจะเชิญเจ่าไห่มาที่นี่ในวันนี้ เพื่อพูดคุย แต่เจ่าไห่บอกว่าเขาไม่ได้มีส่วนร่วมเลย แต่เขายังบอกด้วยว่าถ้าเขาช่วยได้หรือมีอะไรเกิดขึ้นมา เขาก็อาจจะถูกไล่ล่าจากลิออน”
แมริออทยิ้มและพูดว่า “ฮ่าาาๆๆ เรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมกับเจ่าไห่เลยจริงๆ มันเป็นเพราะตระกูลของฉันและลิออน มันทําให้เขาต้องเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้โดยที่ไม่ได้รู้อะไรเลย”
สมิทมองแมริออท จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “อย่าทําเหมือนว่าเจ่าไห่เป็นคนโง่ การที่คนแบบเขาได้พบกับนายนั้นก็เป็นสิ่งที่ดีสําหรับตระกูลนายแล้ว หากนายไม่ทําต่อเขาด้วยคามจริงใจ เจ่าไห่จะไม่สนใจนายในฐานะที่ได้เป็นเพื่อนกันเลย ฉันพูดถูกไหม?”
แมริออทเห็นท่าทางของสมิท เขาก็ทําได้เพียงแค่ยิ้มออกมาเท่านั้น อํานาจของสมิทให้ตระกูลนั้นยิ่งใหญ่มาก บททดสอบที่ทําไว้กับเจ่าไห่นั้นก็เป็นเพราะผู้เฒ่าของตระกูลด้วย แมริออทต้องการที่จะไม่เห็นด้วยกับสิ่งนั้น แต่อํานาจของเขาที่เป็นผู้จัดการก็ไม่อาจจะทําอะไรมากได้
แม้ว่าเจ่าไห่จะอยู่ในความสัมพันธ์ที่ดีมากในตอนนี้กับพวกเขา ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เจ่าไห่รู้สึกลึกๆข้างใน เจ่าไห่ต้องการที่จะทําธุรกิจกับพวกเขาแน่นอนและไม่ได้แสวงหาผลกําไร ถ้าเจ่าไห่ใช้ความเชื่อมั่นในตระกูลเซี่จริงๆแล้วเจ่าไห่จะไม่ให้ของที่ดีกว่าแก่สมิทงั้นหรอ?
ไมค์รู้ว่าเจ่าไห่นั้นคิดยังไงกับสมิทมันเป็นอะไรที่ดีกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขา หากตระกูลไม่สงสัยเจ่าไห่ พวกเขาน่าจะได้รับประโยชน์ที่มากขึ้นจากเจ่าไห่ สําหรับตระกูลเซรี่ประโยชน์เหล่านี้จะนําพวกเขาไปสู่ความสูงใหม่มันน่าเสียดายที่พวกเขาพลาดโอกาสแบบนั้นไปแล้ว
สมิทคิดตามท่าทางที่แสดงออกโดยแมริออท และเขาก็เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ที่จริงแล้วตระกูลแคลซีนั้นมีท่าทีต่อเจ่าไห่ไม่ได้ดีไปกว่าที่แมริออทพูด มันเป็นเพียงเพราะสมทที่ชื่นชมเจ่าไห่ว่าเขาเป็นมิตรที่ดีมาก ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ่าไห่จะให้พวกเราคืนโดยผลประโยชน์มากมายที่ตัวเจ่าไห่มี
แมริออทถอนหายใจและไม่ได้คิดตามเรื่องนี้ ตอนนี้เขายังคงวางแผนกันต่อไปที่จะจัดการกับลีออนยังไง?
วิธีการของตระกูลเซี่ที่จะจัดการกับลิออนนั้นได้ข้อตกลงจากกองทัพรอมถึงเหล่าผู้เฒ่าที่เป็นขุนนาง และที่สุดแล้วความประพฤติในอดีตของล้ออนที่มีต่อตระกูล มันแย่เกินไปที่จะรับไหว และมันก็นํามาซึ่งความพึงพอใจของตระกูลรอยัล ตระกูลเซรี่ต้องการใช้โอกาสนี้ เพื่อลบความสัมพันธ์กับล็ออนแบบเด็ดขาดที่สุด
หลังจากแก้ปัญหาในตระกูลรอยัลแล้ว ตระกูลเซรี่ก็ต้องดูแลขุนนางเหล่านั้นที่มีความสัมพันธ์กับลิออน ลออนไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่ยอมทําให้ตัวเองอยู่คนเดียว เพราะเขาได้เสียความโปรดปรานของตระกูลรอยัลไปแล้ว เขายังคงมีส่วนเกี่ยวข้างกับอิทธิพลอันยิ่งใหญ่จํานวนมาก นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทําให้ตระกูลรอยัลไม่พอใจกับเขา
แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุกเกี่ยวกับตระกูลเซรี่คืออะไรงั้นหรอ? แน่นอนมันเป็นเรื่องเงิน หากพวกเขามีเงินพวกเขาก็สามารถซื้อของได้มากมากเช่นการสนับสนุนจากขุนนาง
ตอนนี้การเตรียมการก่อนหน้านี้เสร็จไปแล้ว สิ่งที่ยากมากคือการหาโอกาสที่เหมาะสมในทําตามแผน การทําสงครามกับลออนต่อสาธารณชนไม่ใช่แค่ส่วนที่ยาก พวกเขายังต้องหาข้ออ้างที่จะทําเช่นนั้นบางสิ่งที่จะทําให้ตระกูลรอยัลและขุนนางกลับมาพักอีกครั้ง ยกตัวอย่างเช่นการตรึง ลิออนด้วยอาชญากรรมที่อาจยกโทษห์ได้ นี่มันจะทําให้จักรวรรดิโรเซ่นทิ้งเขาไป แต่ปัญหาก็คือใครจะไปกล่าวหาเขาแบบนั้นกันหล่ะ?
แผนเดิมของตระกูลเซรี่คือการจ่ายเงินให้แก่ขุนนางและกล่างโทษลิออน สิ่งนี้จะทําให้ตระกูลรอยัลและขุนนางคนอื่นๆ พวกเขาจะไม่กล้าที่จะตอบโต้หรือทําอะไร
แต่ดูเหมือนว่าส่วนหนึ่งของแผนไม่จําเป็นอีกต่อไปเพราะตระกูลแคลซีเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ตราบใดที่พวกเขาก้าวไปข้างหน้าและกล่าวโทษลออน ตระกูลรอยัลและคนอื่นๆก็จะไม่ออกมา
พูดอะไร
แม้ว่าตระกูลจะทําหน้าที่ค่อนข้างไม่ดีนัก แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะต่อว่าตระกูลเก่าแก่นับพันปี อํานาจของพวกเขาน่ากลัวมาก นอกจากนี้ตระกูลแคลซียังเป็นตระกูลที่เป็นนักเวทย์แห่งความมืด มันทําให้พวกเขามีนิสัยที่เหมือนนักเวทย์แห่งความมืดคนอื่นๆ ทําให้ผู้คนไม่รู้ว่าพวกเขากําลังคิดอะไรอยู่ ผู้คนที่อยู่ใรจักรวรรดิต่างก็หวาดเล้วตระกูลนี้
เมื่อได้ฟังคําพูดของแมริออทแล้วสมิทก็ไม่รู้จะต้องแสดงท่าทางยังไง เมื่อมองไปที่ข้อตกลง สมิทก็เห็นว่าตระกูลเซี่นั้น กลัวลออนเป็นอย่างมาก ระวังในทุกๆอย่างจริงๆ เช่นนั้นพวกเขาจะไม่ได้ใช้ทรัพยากรเหล่านี้ทั้งหมดในตอนนี้
ในตอนนี้สมทเปลี่ยนวิธีที่เขาดูแลตระกูลเซรี่ ในท้ายที่สุดแล้วตระกูลเซี่ก็เป็นตระกูลธุรกิจที่มีความมั่งคั่งอันยิ่งใหญ่อย่างไรก็ตามความมั่งคั่งนี้เป็นที่ต้องการอย่างมากของผู้คนมากมาย หากลีออนประสบความสําเร็จจัดการกับตระกูลเซรี่ ก็แน่นอนว่าตระกูลจะไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายได้ในทวีปนี้
ตระกูลเซรี่ค่อนข้างจะจ่ายมากเพื่อจัดการกับลิออน เรามีเงินมาก ถ้านายทําให้เราไม่ชอบเราจะซื้อชีวิตของนาย ไม่เพียงแต่ชีวิตของคุณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตครอบครัวของคุณทั้งหมดด้วย
หลังจากสมทได้ยินคําพูดของแมริออท เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ดีมาก งั้นเราจะร่วมมือกันในเรื่องนี้ ฉันคิดว่าเราจะต้องลองไปเป็นทหารในการรบครั้งนี้ หากเรามีกําลังคนเราจะไปทันทีและกล่าวโทษกลุ่มของลิออน เราต้องทําให้แน่ใจว่าเราฆ่าลออนได้จริงๆ ไม่เช่นนั้นเขาจะเอาคืนเราอย่างแน่นอน สถานการณ์นั้นจะลําบากและจะนําความสูญเสียครั้งใหญ่มาให้เรา พึงระลึกไว้ว่าคนที่ไม่ดีต่อเรามาก”
แมริออทพยักหน้า “ใช่ ฉันจะส่งข่าวไปให้ตระกูลและเตรียมตัว พวกเขาให้พร้อมเพื่อระดมกําลังคนที่ต้องการ ราชาไม่จําเป็นต้องมีความกังวลใดๆ แต่ฉันคิดว่าเราควรกําหนดช่องทางที่เราจะจัดคนของเรา นี่จะทําให้เราหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดได้ ท่านคิดอย่างไร?”
สมิทไม่เห็นด้วย และพูดว่า “เราควร แต่เรายังต้องรายงานข้อเสนอเหล่านี้ต่อตระกูลของเรา แล้วตัดสินใจกระจายกําลังคนในภายหลัง ท้ายที่สุดสิ่งเหล่านี้จําเป็นต้องได้รับการกําจัดโดยผู้เฒ่าสูง”
แมริออทพยักหน้าจากนั้นเขาก็ขอให้กลับไปก่อนพร้อมกับไมค์ หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว สมิทได้เขียนจดหมายทันที เพื่อส่งไปยังตระกูลและบอกพวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาตกลงกัน
สมิทเชื่อว่าคนในตระกูลจะเห็นด้วย แม้ว่าตระกูลแคลซีจะไม่ใช่ตระกูลพ่อค้า แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่จะเข้าใจได้ ในการลดความสูญเสียเมื่อต้องรับมือกับศัตรู
นอกจากนี้เรื่องนี้จะช่วยให้พวกเขาสามารถติดต่อกับตระกูลเซรี่ได้ แม้ว่าตระกูลเซรี่จะเป็นเพียงตระกูลธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ แต่ธุรกิจโรงแรมของตระกูลก็กระจายไปทั่วทั้งทวีป นี่เป็นเพียงเครือข่ายที่ซ่อนเร้น ตราบใดที่ตระกูลแคลซี่สร้างความสัมพันธ์ให้กับพวกเขา พวกเขาจะสามารถได้รับสติปัญญาจากที่นั่น สําหรับครอบครัวแคลซีนี้เป็นประโยชน์อย่างมากสําหรับกลุ่มของนักเวทย์
นี่เป็นเหตุผลที่สมิทไม่ได้ขัดขวางเจ่าไห่จากการเป็นหุ้นส่วนกับตระกูลเซรี่ ในความเห็นของเขาการได้พบกับตระกูลเซรี่ถือเป็นโอกาสที่ดี
เจ่าไห่ผู้ซึ่งนั่งอยู่ในมิติปิดหน้าจอลง
เขาไม่คิดว่าตระกูลเซี่จะต้องจ่ายเงินมหาศาลเพื่อจัดการกับลิออน ในเวลาเดียวกันเขาไม่ได้คิดว่าราชวงศ์และผู้ยิ่งใหญ่ของอาณาจักรจะเห็นด้วยในชผลประโยชน์ สําหรับคนอย่างพวกเขาที่จะปล่อยให้ใครบางคนที่มีสถานะเป็นถึงคนปกครองเมือง เพื่อแลกกับผลประโยชน์โลกนี้ช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว
แต่นี้ก็ทําให้เจ่าไห่มีความหวังในการฟื้นฟูตระกูลบูดา ความหวังของเขา เขาจะทําให้ตระกูลบูดาเจริญรุ่งเรืองในทวีปนี้อีกครั้ง
ในท้ายที่สุดทุกอย่างก็จบลง ทั้งสองนี้ได้รับประโยชน์ ในอดีตเหล่าขุนนางได้จัดการกับตระกูลบูดา เนื่องจากผลประโยชน์เหล่านี้ พวกเขาไม่ต้องการให้กษัตริย์องค์เก่าขอขตระกูล เพื่อลดผลประโยชน์ของพวกเขา แต่ในปัจจุบันตระกูลบูดาไม่สามารถใช้เป็นดาบได้อีกต่อไปหากตระกูลสามารถก่อให้เกิดประโยชน์กับขุนนางเหล่านี้ แล้วทําไมพวกเขาจะต้องคิดทําลายตระกูลบูดา
ในความเป็นจริงขุนนางเหล่านั้นไม่ได้เกลียดตระกูลบูดา สิ่งที่พวกเขาเกลียดคือราชาองค์เก่า ผู้ซึ่งต้องการลดทอนอํานาจของพวกเขา ตระกูลบูดาเป็นเพียงผู้เสียสละ
เจ่าไห่คิดว่าสิ่งที่เขาทําถูกต้องหรือไม่ และเขาได้ข้อสรุปว่าทิศทางปัจจุบันของเขาเป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว
ปัจจุบันตระกูลบูดายังอ่อนแอ ไม่มีวิธีใดที่พวกเขาจะได้รับประโยชน์จากขุนนางเหล่านี้ หากพวกเขาไม่ได้รับผลประโยชน์เหล่านี้ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมรับตระกูลบูดาได้
ยิ่งกว่านั้นจากคําพูดของแมริออทและไมค์ เขาเข้าใจว่าโลกนี้เป็นโลกแห่งผลประโยชน์ หากเขาไม่สามารถช่วยเหลือกลุ่มของนักเวทย์ได้ หากเขาไม่สามารถช่วยเหลือตระกูลเซร์และสมิทได้ก็จะไม่มีใครดีกับเขาเลยงั้นหรอ? ไม่อย่างแน่นอน
เห็นได้ชัดว่ามีตระกูลที่ยิ่งใหญ่เช่นตระกูลแคลซีและตระกูลเซรี่ เนื่องจากพวกเขาต่างมองหาประโยชน์ของตนเอง หากเจ่าไห่ไม่สามารถมอบผลประโยชน์ให้กับพวกเขาได้อีกต่อไป พวกเขาอาจไม่ลังเลที่จะปล่อยเจ่าไห่ไป
นี่คือกฎแห่งการเอาชีวิตรอดของชนชั้นสูง แต่นี่ก็เป็นกฎที่เกลียดที่สุดของเจ่าไห่ หากทั้งโลกกลายเป็นโลกที่เปลือยเปล่าและไร้เหตุผลเพื่อประโยชน์คุณจะมีจุดประสงค์อะไรในการมีชีวิตอยู่ในนั้น? บางทีเมื่อถึงเวลานั้นมนุษย์จะไม่ถูกเรียกว่ามนุษย์อีกต่อไปมันเหมาะสมกว่าที่จะกล่าวว่าพวกมันเป็นสัตว์ป่า
ในขณะที่เจ่าไห่ก่าลังคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้อยู่ เจ๋าฉินอี้ก็บอกกับเจ่าไห่ว่าลอร่ารออยู่ข้างนอก และสมิทก็เรียกให้เขาไปกินอาหาร
เจ่าไห่ก็ออกมาจากมิติทันที เขาเปิดประตูเพื่อเดินออกไปและเห็นว่าซูกะกําลังเข้ามาที่ประตูเพื่อเรียกเจ่าไห่
เมื่อซูกะเห็นเจ่าไห่ออกมา เขาก็โค้งคํานับทันทีและพูดว่า “นายน้อย ราชาสมิทขอให้นายน้อยไปรับประทานอาหารกับเขา”
เจ่าไห่พยักหน้าและมองที่ซุกะ “ซูกะ นายสบายดีไหม นายกินข้าวหรือยัง พวกเขาละเลยนายหรือเปล่า”
ซูกะโค้งคํานับอย่างรวดเร็วเพื่อตอบว่า “ไม่มีปัญหาอะไรเลย พวกเขาเลี้ยงเราอยากดี เนื่องจากสถานะของนายน้อย เราจึงถูกปฏิบัติดีมากๆ แม้แต่คนในตระกูลก็ใจดีและสุภาพต่อเรามาก”
เจ่าไห่พยักหน้า “ดีแล้ว ถ้ามีอะไรผิดปกติอย่าลังเลที่จะบอกฉัน เราไม่จําเป็นต้องอยู่ที่นี่จริงๆ อย่าปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นแพะรับบาป หากฉันไม่สามารถปกป้องนายได้ ฉันก็ไม่จําเป็นต้องพูดถึงการกลับมาของตระกูลอีกต่อไป มันจะเป็นคําพูดที่ไร้ความหมายไปเลย
หัวใจของซูกะรู้สึกประทับใจเมื่อเขาเป็นผู้รับใช้ของเจ่าไห่ นี่เป็นครั้งแรกเขาไม่ได้คาดหวังอะไรเลย อย่างไรก็ตามหลังจากเข้ามาอยู่ในเขตของเจ่าไห่ ชีวิตของเขาก็หาที่เปรียบกับเมื่อก่อนไม่ได้เลย ตอนนี้เขาไม่กังวลเกี่ยวกับครอบครัวของเขานอกจากนี้เขาไม่จําเป็นต้องทํางานที่เป็นอันตรายมากมาย เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ในอดีตชีวิตในปัจจุบันของเขาถือได้ว่าเป็นสวรรค์แล้ว
ด้วยเหตุนี้ซูกะรู้สึกขอบคุณเจ่าไห่อย่างมาก จากส่วนลึกของหัวใจของเขา ความสงสัยลึกๆภายในได้หายไปนานนับตั้งแต่ เขาสูดลมหายใจลึกๆ และทําให้อารมณ์ของเขามั่นคงในขณะที่เขาตอบว่า “ฉันขอบคุณนายน้อยที่ให้การดูแลหากมีปัญหาอะไร ฉันจะไปบอกกับนายน้อยทันที”
เจ่าไห่ไม่ได้พูดอะไรเลย ขณะที่เขาตบไหล่ของซูกะแล้วเดินไปข้างหน้า