Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - บทที่ 364 - เหมือนที่คิดไว้เลย
- Home
- All Mangas
- Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ)
- บทที่ 364 - เหมือนที่คิดไว้เลย
สมิทไม่ได้คิดที่จะใช้วิธีนั้น เพราะมันเป็นเรื่องที่อันตรายมากสําหรับนักเวทย์ การทําให้กลายเป็นซอมบี้แบบนั้น สมิทไม่คิดว่าเจ่าไห่จะทําแบบนั้นจริงๆ
สมิทมองเจ่าไห่และพูดว่า “ไม่จะดีกว่าเจ่าไห่ การทําแบบนั้นจะเป็นอันตรายเกินไป และมันก็จะมีผลกระทบอย่างมากกับนายด้วย เพียงแค่เชื่อในพลังของตระกูลแคลซี่ของฉัน เราจะต้องหาตัวของคนทําได้แน่นอน”
เจ่าไห่ส่ายหัวและพูดว่า “ฉันคิดว่ากว่าจะหาตัวเจอมันจะใช้เวลานานเกินไป และฉันก็คิดว่านี้จะไม่ใช่ครั้งเดียวที่พวกมันคิดจะโจมตีเรา นอกจากนี้ฉันยังสงสัยอยู่ว่าเรื่องนี้มีบ้างอย่างเกี่ยวกับฉัน ฉันอยากจะหาความจริงว่าใครกันที่เป็นคนทําร้ายเมแกนขณะที่อยู่ในเมืองสกาย?” เจ่าไห่ไม่รอให้สมิทพูดอะไร เขาก็โบกมือให้กับไม้เท้าของเขา และก็มีควันสีดําปรากฏออกมาแล้วร่างของทหารคนนั้นก็ปรากฏออกมาจากควันว่านั่น
ใครๆก็มองออกมาทหารคนนี้เพิ่งผ่านการต่อสู้มา เพราะร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด
ยิ่งไปกว่านั้น ทหารยังไม่ได้มีลักษณะเหมือนกับซอมบี้ทั่วไปด้วย มันมีร่างที่พรุนและมีเนื้อเน่า การปรากฏครั้งนี้ไม่ได้แตกต่างจากซอมธรรม นอกเหนือจากความจริงที่ว่ามันไม่ได้หายใจและสีหน้าของมันก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาอีกด้วย
ด้วยเสียงของเจ่าไห่สั่งว่า “บอกมาว่าแกมาที่นี่ทําไม? แล้วแกเป็นใคร?”
ซอมบี้ทหารนั่นตอบเจ่าไห่ทันทีว่า “ฉันไม่มีชื่อฉันถูกเรียกว่าธอร์น ฉันเป็นคนของกองกําลังทหารของลีออน สิ่งที่เราต้องการก็คือการลักพาตัวเมแกนและบังคับให้ราชาสมิทให้เจ่าไห่ออกจากเมืองไป”
คําพูดของธอร์นนั้นดูธรรมดามาก แต่เขาก็ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของเขาได้ดี คนที่อยู่เบื้องหลังเขาคือใคร และทําไมพวกเขาถึงต้องมาที่นี่ต้องการอะไร
เมื่อได้ยินสิ่งที่ธอร์นพูด สีหน้าของสมิทก็ไม่ได้บอกความรู้สึกอะไร แต่กับซีด เขาไม่คิดว่าธอร์นจะเป็นคนของลิออน ดูเหมือนว่าลิออนจะเป็นคนสั่งการเกี่ยวกับเรื่องนี้
เจ่าไห่ก็ยิ้มและหันไปหาสมิทและถามว่า “ฉันขอโทษพี่สมิท ฉันไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเพราะฉัน ฉันทําให้เมแกนกลัว”
สมิทโบกมือและพูดว่า “เจ่าไห่ นายไม่ต้องโทษตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก ฉันไม่คิดว่าลิออนจะเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้และกล้าที่จะเข้ามาให้เมืองสกายของฉัน และคิดที่จะลักพาตัวลูกสาวของฉัน เห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ได้ไว้หน้าของฉันเลย มันต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้”
เจ่าไห่ก็ไม่ได้ยิ้มออกมาและเขาก็ถามทหารที่เป็นซอมบี้อีก 2-3 อย่าง แต่น่าเสียดายที่ธอร์นเป็นเพียงทหาร เขาจึงไม่ได้รู้เรื่องอะไรมากนักเกี่ยวกับลิออน มันจึงมีคําถามมากมายที่เขาไม่อาจจะตอบมันได้
เจ่าไห่โบกมืออีกครั้งแล้วธอร์นก็หายไป เขาหันหน้าไปมองเมแกรและพูดว่า “เมแกนฉันเป็นคนที่ทําให้เธอต้องมาเจออะไรแบบนี้เอง โปรดรับของขวัญนี้แทนคําขอโทษจากฉันด้วย” เจ่าไห่ พูดขณะที่นําเอากระเป๋ามิติให้กับเมแกน
เมแกนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอมองไปที่กระเป๋ามิติในมือของเจ่าไห่ และก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เธอจึงถามเจ่าไห่ว่า “มันคืออะไรงั้นหรอ?”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “นี่คือกระเป๋ามิติ ภายในกระเป๋าสามารถเก็บของได้เป็นจํานวนมาก วิธีใช้มันก็ใช้เหมือนกระเป๋าทั่วไปเลย เพียงแค่เธอเอาของที่ต้องการใส่ ใส่เข้าไปในกระเป๋า
หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เจ่าไห่พูด สมิทและคนอื่นๆต่างก็ตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าเจ่าไห่จะให้กระเป๋านี้กับเมแกน และก็ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของมิติ มิตินั้นเป็นสิ่งที่ล้ําค่ามาก ในทวีปนี้ ของขวัญแบบนี้มีราคาแพงมากจริงๆ
สมิทมองไปที่เจ่าไห่และพูดว่า “เจ่าไห่เก็บมันไว้เถอะ ของชิ้นนี้มันมีราคาแพงมากเกินไป ฉันไม่อาจจะรับมันไว้ได้”
เจ่าไห่ก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร นี่เป็นของขวัญที่ฉันตั้งใจจะให้กับเมแกน” หลังจากที่เอากระเป๋าไปไว้ในมือของเมแกนแล้ว เจ่าไห่ก็นั่งลงและหันหน้าไปหาสมิทพูดว่า “พี่สมิท พี่วางแผนจะจัดการกับลิออนยังไง?”
สมิทก็ตอบเจ่าไห่ว่า “ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ ปล่อยให้ฉันจัดการเถอะ ฉันสัญญาว่าเขาจะไม่ได้เจออะไรดีๆอย่างแน่นอน”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “พี่สมิทฉันอยากจะบอกให้พี่รู้ว่าพี่ไม่ใช่คนเดียวที่เป็นศัตรูกับลออน นอกจากนี้ยังมีคนที่เกลียดลออนเป็นจํานวนมากและพวกเขาก็มีแผนในการจัดการกับเขาแล้วด้วย บางทีพอาจจะไปร่วมมือกับพวกเขาด้วย
เมื่อสมทได้ยินสิ่งที่เล่าไห่พูด เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาตอบทันทีว่า “น้องไห่ นายกำลังพูดถึงตระกูลเซรี่หรือเปล่า?”
เรื่องของลิออนกับตระกูลเซรี่นั้นเป็นที่รู้กันโดยทั่วจักรวรรดิโรเซ่น เป็นเรื่องธรรมดาที่สมิทจะรู้เรื่องนี้ด้วย เมื่อเจ่าไห่ได้เสนอให้ร่วมมือกับใครสักคน สมิทก็คิดทันที่เกี่ยวกับเรื่องนี้
เจ่าไห่พยักหน้าและพูดว่า “ใช่ ตระกูลเซรี่ เมื่อก่อนลิออนเริ่มก่อกวนตระกูลเซรี่ ตระกูลเซรี่ จึงต้องการที่จะจัดการกับลิออนอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเรื่องภายในตระกูล พวกเขาไม่ได้มีโอกาสที่จะทําอะไรแบบนั้น ด้วยเหตุนี้ฉันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ลิออนอยากจะจัดการกับฉัน เป็นเพราะฉันมีผู้ร่วมธุรกิจกัยตระกูล ยิ่งไปกว่านั้นฉันไม่ได้ทําตามคําสั่งของเขาที่จะไม่อยู่ที่โรงแรมของพวกเขา นี่ทําให้ลออนไล่ล่าฉันมาตลอดจนมาถึงที่นี่ แต่ตอนนี้เรื่องภายในของตระกูลเซรี่ได้รับข้อตกลงแล้ว พวกเขาสามารถจัดการกับลออนได้แล้ว ฉันคิดว่าด้วยความช่วยเหลือของพี่ ลิออนต้องไม่มีทางที่จะหนีแน่นอน”
สมิทพยักหน้าและพูดว่า “มันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากสําหรับใครบางคนแบบลออน เราจะต้องทําให้เขาพังลงให้เร็วที่สุด ถ้าเราทําอาหารพลาดเขาจะแก้แค้นอย่างแน่นอน ความแข็งแกร่งของฉันไม่สามารถฆ่าลิออนได้ แต่ตระกูลเซรี่เป็นตระกูลธุรกิจรายใหญ่ที่มาร่วมกันเพราะเรื่องนี้ ฉันเห็นด้วย ฉันอยากให้นายคุยเรื่องนี้ให้ฉันหน่อย”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย ฉันคิดว่าตระกูลเซรี่ยินดีที่จะร่วมมือกับพี่อย่างแน่นอน พี่สมิทไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นเลย ใช่พี่ ฉันลืมพูดอะไรสักอย่างเมื่อวานนี้ ซึ่งเกี่ยวกับธุรกิจ ฉันไม่รู้ว่าพี่จะสนใจเรื่องธุรกิจปลาไฟไหม?”
เมื่อได้ยินเจ่าไห่พูด ตาของสมิทก็เหมือนจะไม่เข้าใจ แต่เขาก็ถามทันทีว่า “น้องไห่ นายกําลังจะบอกอะไร?”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “ฉันได้บอกกับตระกูลเซรี่ที่จะส่งปลาไฟให้กับตระกูลเซรี่ 10,000 ตัวต่อเดือน หากพี่สมิทสนใจ ฉันสามารถจัดหาปลาไฟได้ 20,000 ตัวในแต่ละเดือน ฉันไม่สนใจว่าพี่จะทําอย่างไรกับมันฉันจะจัดหาปลาไฟเหล่านั้นให้พี่เอง”
ดวงตาของสมิทดูจะสนใจมาก เขามองไปที่เจ่าไห่และพูดว่า “น้องไม่รับประกันได้ใช่ไหมว่านายจะหาปลาได้ 20,000 ตัวต่อเดือน?”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “ฉันรับรองได้เลย และก็ยิ่งไปกว่านั้นฉันจะส่งพวกปลาขณะที่มันยังเป็นๆอยู่”
สมิททุบลงบนโต๊ะและพูดว่า “ดีมาก ปลาไฟ 20,000 ตัวต่อเดือน ฉันไม่สนใจเรื่องราคา ตราบใดที่นายบอกว่า นายสามารถส่งมันได้ทุกๆเดือน”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “ได้เลย ฉันจะกลับไปเตรียมตัว พรุ่งนี้ฉันจะไปที่โรงแรมเซรี่และบอกพวกเขาที่พี่สมที่จะร่วมมือด้วย”
หลังจากที่บอกสมิท เขาก็ยืนขึ้นและคํานับสนิท ก่อนที่เจ่าไห่จะพาลอร่าและคนอื่นๆออกไปด้วย
เมื่อเห็นกลุ่มของเจ่าไห่ออกไป คริสก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไร แต่หันไปหาสมิทและพูดว่า “พ่อ เจ่าไห่เป็นคนที่ลึกลับมากจริงๆ ทําไมพ่อถึงไว้ใจเขามากขนาดนี้ล่ะ?”
สมิทมองไปที่คริสและพูดว่า “ไม่มีใครในโลกนี้ที่ไม่มีความลับ ทําไมเราต้องกลัวความลับของเขา ตราบใดที่เขาไม่ได้เป็นภัยต่อพวกเรา เราก็จะมองว่าเขาเป็นคนดี เขามีศัตรูจํานวนมากในทวีปนี้ เจ่าไห่ก็พึ่งพาเราได้เท่านั้น แล้วทําไมเราถึงจะไม่ไว้ใจเขาล่ะ? คริสลูกต้องจําไว้ว่าทุกคน มีความลับของตัวเอง ตรายใดที่เขาเป็นมิตรกับเรา เราไม่จําเป็นต้องกลัวอะไรเลย” คริสพยักหน้า เข้าเข้าใจกับสิ่งที่พ่อของเขาพูด
ในตอนนี้สมทก็หันหน้าไปและมองไปที่กระเป๋ามิติ ซึ่งเมแกนเป็นคนที่ถืออยู่ สมิทก็พูดว่า “เมแกนพ่อขอดูกระเป๋ามิติหน่อย นี่เป็นครั้งแรกที่พ่อได้เห็นมิติที่ออกมาในแบบของมิติเลย”
เมแกนเอากระเป๋ามิติให้กับพ่อของเขา สมิทจับดูทุกมุมของกระเป๋า สิ่งที่เขาเห็นนั้นคือกระเป๋าหนังแน่นอน กระเป๋านี้ไม่ได้มีลักษณะพิเศษอะไร ถ้ามันไม่ได้มาจากเจ่าไห่ ฉันคงคิดว่ามันเป็นกับดับ
เขาแก้มัดเชือกที่กระเป๋าและมองเข้าไปข้างใน เรื่องที่มหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นต่อหน้าของเขา มันทําให้สมทตกใจมาก แต่เขาก็เข้าใจทันทีว่าการใช้เวทย์ถูกนํามาใช้ยังไง เขาเดินไปที่เก้าอี้ในห้องและชี้ไปที่กระเป๋า ขณะที่เขาพูดว่า “เก็บ” จากนั้นเก้าอี้ก็หายไปทันที เขามองเข้าไปในกระเป๋าและเห็นเก้าอี้อยู่ในกระเป๋านั่น
จากนั้นเมื่อเขาคิดจะเอาเก้าอี้ออกมา เก้าอี้ก็โผล่ออกมาทันที่อยู่ที่เดิม สมิทไม่ได้สนใจอะไร แต่เขาก็ตกใจมากเพราะกระเป๋ามันเล็กมากๆ เขาไม่คิดว่ามันจะทําอะไรได้ขนาดนี้
แต่เขาก็ไม่ได้จะเอากระเป๋ามาเป็นของตัวเอง แต่เขากับเอาคืนเมแกนไปและพูดว่า “เมแกน กระเป๋านี่เป็นสิ่งที่ดีมากๆ ลูกต้องดูแลมันให้ดี นอกจากนี้อย่าใช้มันให้ผู้อื่นเห็น มีคนอีกมากที่อยากจะได้กระเป๋าน อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าลูกมีของสิ่งนี้อยู่ เข้าใจไหม?”
เมแกนพยักหน้าขณะที่เธอมองอย่างมีความสุขที่กระเป๋าเล็กๆใบนั้น เธอได้เห็นวิธีการใช้กระเป๋าจากสมิท เธอไม่คิดว่ากระเป๋าธรรมดาๆ จะทําอะได้มาขนาดนี้
เมื่อมองไปที่เมแกน คริสรู้สึกอิจฉา ต้องบอกก่อนสิ่งหนึ่งเลยว่าอุปกรณ์ที่มาจากมิตินั้นเป็นของที่หายากมากๆ
ในตอนนี้ภรรยาของสมทลุกขึ้นยืนและมองไปที่สมิทพูดว่า “ฉันขอตัวเมแกนไปก่อน ฉันจะให้เธออาบน้ําและพักผ่อนแต่เธอก็ยังไม่ว่างไป” จากนั้นเธอก็พาเมแกนไป
ในตอนนี้เดียมองไปที่สมิทและพูดว่า “พ่อจะทํายังไงเพื่อรับมือกับลิออน? ตระกูลเซรี่จะร่วม มือกับเราจริงๆงั้นหรอ?”
สมิทหัวเราะและพูดว่า “ดูเหมือนว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้อานาจของตระกูลเราจะลดลง พวกเขาถึงกล้าที่จะทําเรื่องแบบนี้ อย่าถามเรื่องนี้กับตระกูลเซรี่ที่จะร่วมมือกับเรา พวกเขาจะนํามาซึ่งผลประโยชน์และไม่เป็นอันตรายเท่านั้น ตระกูลเซรี่อาจไม่เห็นด้วย ตอนนี้พวกนายออกไปกันก่อนเถอะ”
คริสและเดียคํานับและเดินออกไป