Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - บทที่ 359 - สวนพลัม
- Home
- All Mangas
- Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ)
- บทที่ 359 - สวนพลัม
หลังจากที่เอาไวน์ให้กับคนรับใช้ของเมแกนแล้ว ซูกะก็เดินกลับมาที่ด้านหน้าของลอร่า ลอร่าก็ก้มหน้าและพูดว่า “พวกเราจะไม่รบกวนนายหญิงแล้ว” จากนั้นลอร่าก็ยิ้มจับมือของเจ้าและกลับไปที่บ้านพัก ซูกะก็เดินตามลอร่าไป
เมแกนรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาเป็นเด็กน้อยที่ไม่ได้มีอิทธิพลมากในตระกูลของพวกเขา และพวกเขาก็ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่ก็ดีที่พวกเขารู้ว่าต้องทํายังไงต่อไป
เมแกนยืนนิ่งไปครู่นึ่ง และเธอก็มองไปที่ประตูที่ปิดแล้ว ขณะที่เธอหันไปหากเพื่อนและคนรับใช้ของเธอพูดว่า “ไปกันเถอะ เราจะไปที่สวนพลัมหวาน”
เพื่อนและคนรับใช้มองเมแกนเหมือนกับว่าพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งที่เมแกนพูด ในความคิดของพวกเขาก็ควรออกไปจากลานนี้ซึ่งเป็นพื้นฐานของมารยาทของขุนนาง
เมแกนมองเพื่อนของเธอและพูดว่า “นายน้อยเวลส์ได้ให้ไวน์นมแก่เราแล้ว เราไม่อย่าทําให้พวกเขาผิดหวังเลย เราไปที่สวนกันเถอะ
เมื่อทุกคนได้ยินสิ่งเมแกนพูดพวกเขาก็คิดอยู่แปปนึ่ง แล้วพวกเขาก็คิดอยู่ครู่นึ่งและทําตามสิ่งที่เมแกนบอก พวกเธอไม่อาจจะรอที่จะไปดูความสวยงามของสวนไม่ได้แล้ว
เมื่อได้ยินกลุ่มของเมแกนพูดกัน เจ่าไห่ก็ยิ้มและไม่ได้พูดอะไร เจ่าไห่จับถ้วยชาขึ้นและจิบชา เจ่าไห่ชอบรสชาติของชามาก มันมีรสชาติเหมือนชาที่เจ่าไห่ชอบมากที่สุด มันมีรสชาติอ่อนกว่าชาดํา และเนื่องจากที่มันมีนมอยู่ในชา มันทําให้รู้สึกดีมาก มันทําให้เจ่าไห่ชอบชาใส่นมแบบนี้มาก
ลอร่าก็มองไปที่เง่าไห่และไม่สามารถยิ้มออกมาได้แต่กับพูดว่า “พี่ไห่มันดีแล้วใช่ไหมที่เราให้ไวน์นมแก่พวกเธอ? ไวน์ที่ให้ไปนั้นมันแรงกว่าไวน์ทั่วไป 10 เท่าเลยนะ”
เจ่าไห่ก็ยิ้มและพูดว่า “มันจะดีไหมถ้าพวกเธอดื่มมัน? พวกเธอน่าจะเป็นคนที่สามารถโฆษณาให้เราได้เป็นอย่างดีเลย”
ลอร่าก็ค่อยๆยิ้มออกมา เพราะเธอรู้ดีว่าไม่ค่อยมีใครรู้จักไวน์นมของเจ่าไห่ เธอรู้ได้ทันทีว่าเจ่าไห่นั้นทําแบบนั้นก็เพื่อเป็นแค่การล้อเล่น แต่มันก็ได้ประโยชน์ดีมาก
เมแกนและเพื่อนของเธอมาที่สวนพลัมและพวกเธอก็มีคนรับใช้ของพวกเธอที่เตรียมผ้าเพื่อปูนั่ง จากนั้นคนรับใช้ก็จุดไฟและคนรับใช้ก็ตั้งกาต้มน้ําเพื่ออุ่นไวน์ไว้บนเตา ในขณะเดียวกันบนโต๊ะอาหารก็เต็มไปด้วยจานเล็กๆ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าอาหารเหล่านี้มีไว้เพื่อการตกแต่งเท่านั้น
ตอนนี้ทุกคนอยู่ในอารมณ์ที่เพลิดเพลินไปกับสวนพลัม ตอนนี้สิ่งที่พวกเธอสนใจก็คือไวน์นมที่อยู่กับคนรับใช้
พวกเธอไม่ได้เข้าไปยุ่งกับธุรกิจของตระกูล พวกเขาจึงไม่เคยเห็นไวน์นมแบบนี้มาก่อน เมื่อคนรับใช้เอาขวดไวน์ออกมา มันดึงความสนใจของเมแกนและเพื่อนของเธอมาก
เมแกนรู้ว่าพวกเพื่อนกําลังคิดอะไร เธอมองไปที่ขวดไวน์ที่อยู่ในมือของคนรับใช้ เธอพยักหน้าและพูดว่า “นี่น่าจะเป็นไวน์นมของชนเผ่าในทุ่งหญ้า ถ้าเราจะดื่มในเหมือนกับไวน์ที่เพิ่งทําใหม่เราจะต้องเอาไวน์ไปต้มใหม่ก่อน”
คนรับใช้ทําตามสิ่งที่เมแกนพูดทันที แล้วก็เทไวน์ลงในกาต้นอย่างระมัดระวังแล้วเอาไปวางบนเตาถ่าน เมแกนมองไปที่ขวดไวน์ด้วยความแปลกใจและพูดว่า “ไม่สิ ฉันจะได้ว่าไวน์นมน่าจะมีสีครีมหนิ ทําไมไวน์นมนี่ถึงเป็นสีใสแบบนี้?”
เพื่อนของเธอก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่ ฉันไวน์นมที่บ้านของฉันและมันก็มีสีเหมือนกับนมของแพะ แต่ไวน์นี่ดูเหมือนกับน้ําเปล่า เธอแน่ใจไหมว่านี่มันคือไวน์ไม่ใช่น้ํา?”
อย่างไรก็ตามคนที่อยู่ที่นั่นเชื่อว่ามันคือน้ําเปล่า แต่ก็ไม่นานมากนักก็มีกลิ่นของไวน์ออกมาจากกาต้มน้ํา พวกเธอไม่ได้พูดอะไรเมื่อได้กลิ่นของไวน์ แต่ดมกลิ่นไวน์ และหนึ่งในเพื่อนอขงเมแกนก็พูดว่า “ไวน์นี่มีกลิ่นหอมมากจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้กลิ่นของไวน์ที่หอมขนาดนี้ ตอนนี้ฉันเริ่มอยากรู้แล้วสิว่ารสชาติของมันจะเป็นยังไง”
ทุกคนก็พยักหน้า และไม่นานนักพวกเธอก็มองไปที่ไวน์ที่มีกลิ่นหอมนั่น และก็เกิดเรื่องแปลกมากๆที่พวกเธอไม่ได้สนใจสวนพลัมที่อยู่รอบๆตัวพวกเธอเลย แต่กับสนใจไวน์ที่อยู่ในกาน้ํามากกว่า
ไม่นานนักกาต้มน้ําก็ร้อน คนรับใช้รีบเทไวน์ให้กับทุกคนในกลุ่มทันที เมื่อดื่มเข้าไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนชายหรือเพื่อนหญิงก็ตามพวกเขาทั้งหมดไอออกมาแอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
เมื่อพวกเขารู้สึกตัวก็ไม่รู้ว่าจะต้องทํายังไงก่อน แต่วางถ้วยไวน์ลง พวกเขามองไปที่ไวน์ด้วยความกลัวเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเพื่อนผู้ชายของเมแกนได้ยอมวางถ้วยไวน์เลย
ไม่ว่าไวน์จะมีแอลกอฮอลมากแค่ไหนก็ตาม พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะหยุดดื่มได้เลย เพราะรสชาติของไวน์นั้นดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูหนาวนี้ไวน์ที่มีกลิ่มหอมนี้เป็นเครื่องดื่มที่ดีมากๆเลย
เพื่อนผู้ชายของเมแกนนั้นไม่สามารถวางถ้วยลงได้ แต่กับเติมและดื่มไวน์เข้าไปเรื่อยๆ เมื่อพวกเธอเห็นที่เพื่อนผู้ชายดื่มพวกเธอก็ลบความกลัวของพวกเธอและดื่มไวน์อีกครั้ง
ไวน์ที่มีแอลกอฮอล์สูงมันจะมีเอกลักษณ์ของมันเอง หลังจากที่ดื่มแล้วมันจะรู้สึกร้อนไปทั่วตัวหลังจากที่เมาแล้วเมแกนรู้สึกว่าตัวของเธอเองมันร้อนมาก แม้ว่าอากาศจะเย็นขนาดไหนแต่เมื่อดื่มแล้วบนตัวของเธอก็มีเหงื่อออกมาตลอด
อีกอย่างที่สําคัญของไวน์ก็คือยิ่งดื่มเข้าไปมากเท่าไหร่ ก็จะอยากดื่มมากขึ้นเท่านั้น ความรู้สึกเมานั้นเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นจริงๆ
คนรับใช้เริ่มรู้สึกมีบางอย่างไม่ผิดปกติไป พวกนายน้อยและนายหญิงของพวกเขาดูเหมือนจะกลายเป็นขี้เหล้าแล้ว ไม่นานหลังจากที่ดื่มแบบไม่หยุดไวน์ที่เจ่าไห่ให้ก็หมด ตอนนี้พวกเขามีใบหน้าที่แดงมากและก็เมามากด้วย
คนรับใช้ของพวกเขาพาพวกเขากลับบ้านทันที เมื่อพวกเขาไปถึงประตูลาน ซูกะกด็อยู่ที่นั่นเพียงคนเดียว และมองพวกเขาเงียบๆ และยิ้ม (ยืนมองเงียบๆแล้วยิ้มนี่น่ากลัวมากเลย 55555 #จากใจผู้แปล ขอไร้สาระหน่อยนะ)
ซูกะเห็นได้ชัดว่าไวน์ของพวกเขานั้นแรกมากๆ ไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่เคยดื่มไวน์ แม้แต่คนขี้เมาก็เมาได้เพราะไวน์ของเจ่าไห่ ระดับของไวน์นี้ไม่เหมือนกับไวน์ทั่วไป
ในตอนนี้ซิวก็มามองซูกะและถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นงั้นหรอ?”
ซูกะก็ยิ้มและตอบว่า “พวกเขาเมามาก แผนของนายน้อยดีจริงๆ เมื่อพวกเขากลับไปถึงบ้านของพวกเขา พวกเขาจะเป็นอะไรที่ดีมากในการโฆษณาไวน์ของนายน้อย” จากนั้นทั้งสองคนก็ยิม
เช้าวันต่อมาเมแกนก็ลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆ และก็เห็นว่าตอนนี้เธออยู่ในห้องของเธอ เธอลุกขึ้นยืนแต่ก็ไม่รู้ว่าทําไมมาอยู่ที่นี่ได้ เธอลุกขึ้นด้วยความงง ตอนนี้ชุดที่เธอใส่คือชุดนอนของเธอซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
ขณะที่เธอยังงงอยู่นั้น เธอก็เห็นคนนอนอยู่ข้างๆเตียงของเธอ นั่นคือก็คนรับใช้ของเธอ
ตอนนี้เมแกนรู้สึกว่าปากของเธอนั้นแห้งมาก เธอปลกคนใช้ของเธอและพูดว่า “ฉันหิวน้ำ ไปเอาน้ําให้หน่อย”
คนรับใช้ที่นอนอยู่ข้างเตียง เมื่อได้ยินเสียงของเมแกน เธอก็ตื่นขึ้นมาทันที เธอมองไปที่เมแกนและพูดว่า “นายหญิงตื่นแล้ว!! รอสักครู่ฉันจะไปเอาน้ํามาให้เดี๋ยวนี้”
คนรับใช้วิ่งไปที่โต๊ะและเทน้ํามา น้ําที่เอามานั้นไม่ได้เย็กเกินไปที่จะดื่มในฤดูหนาวและมันก็เหมาะที่จะดื่มน้ําที่ไม่เย็นมากนัก
เมแกนดื่มน้ําและรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย เธอหันไปหาคนรับใช้และพูดว่า “ป้าเม เกิดอะไรขึ้นกับฉันงั้นหรอ? ฉันหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ทําไมฉันถึงจ่ามันไม่ได้เลย?”
ป้าเมมองไปที่เมแกน เธอรู้ว่าทําไมเมแกนถึงจําอะไรไม่ได้ เธอรีบตอบไปว่า “นายหญิงจําอะไรไม่ได้จริงๆงั้นหรอ? เมื่อวานนี้นายหญิงและเพื่อนไปที่สวนพลัม จากนั้นพวกของนายหญิงก็ดื่มไวน์ที่ได้จากนายน้อยเวลส์และก็ดื่มมันจนเมา เมื่อวานนี้นายหญิงไม่ได้กินอาหารเย็นเพราะหลับไปก่อน”
เมแกนมองและขมวดคิ้ว เธอคิดอยู่แปปนึ่งแต่เธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่เธอจําได้นั้นมีเพียงแค่ความสุขเท่านั้น เธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่พยักหน้าและพูดว่า “ภาพที่ฉันเห็นมันไม่ค่อยชัด ไวน์ก็มีแอลกอฮอล์มาก ฉันจําได้ว่าฮอลลี่(เพื่อนของเมแกน)ดื่มไวน์เข้าไปมากเหมือนกับฉัน ฉันไม่คิดว่า ฉันจะเมาแบบนี้ พ่อรู้เรื่องนี้ไหม?”
พ่อของเมแกนคือสมิธ เป็นธรรมดาที่ลูกสาวว่าพ่อของตัวเองจะรู้เรื่องแบบนี้ แม้ว่าสมิธจะไม่ได้ห้ามเธอไม่ให้ไปกับเพื่อนๆของเธอ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าสมิธจะทํายังไงเมื่อรู้ว่าเธอเมา เพราะคําสอนของตระกูลนั้นเข้มงวดมาก
ป้าเมก็ไม่ได้คิดที่จะบอกเรื่องนี้และก็พยักหน้าพูดว่า “ราชารู้ แต่เมื่อรู้ว่านายหญิงเมาไวน์ที่นายน้อยเวลส์ให้ ราชาสมิธก็ไม่ได้พูดอะไร แต่สังฉันให้นายหญิงพักผ่อนอย่างเต็มที่”
เมแกนก็ตกใจมาก แล้วเธอก็พูดออกมาทันทีว่า “มา..ช่วยฉันเปลี่ยนชุกหน่อย ฉันต้องการไปหาพ่อของฉัน” ป้าเมทําตามทันเธอไปเอาชุดและให้เมแกนเปลี่ยนเอง เพราะเธอเห็นว่าเมแกนโตแล้ว
ในเวลานี้ตระกูลของเธอจะกินอาหารเช้า เมแกนจึงเดินไปที่ห้องอาหาร เธอเดินไปยังส่วนที่คนในตระกูลกําลังกิน นั่นคือที่ที่สมิธมักจะไปนั่งกิน
ตระกูลแคลซีนั้นมีกฏที่ชัดเจนมาก หากไม่มีภาระกิจพิเศษอะไรทุกคนในตระกูลจะต้องไปกินอาหารที่ห้องอาหาร ถ้ามีคนที่ไม่อยากจะมากินที่ห้องอาหารโดยที่ไม่ได้มีงานอะไร คนเหล่านั้นจะถูกลงโทษอย่างหนัก
กฏนี้คือการทําให้ทุกคนในตระกูลเข้าใจว่าจะต้องอยู่ในระดับเดียวกัน ถ้าต้องการกินในสถานที่ที่ดีกว่านี้ จะต้องทํางานหนักและให้เงินบริจาคแก่ตระกูลมากขึ้น
เมแกนมาถึงที่ห้องอาหารที่พวกเขามักจะกินอาหาร แต่เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องเธอก็ต้องตกใจมาก เธอไม่ได้คิดว่าพ่อของเธอจะไม่อยู่ที่นี่ แม้แต่คนในตระกูลของเธอก็ไม่มีใครอยู่เลย
ในตอนนี้คนรับใช้ก็เห็นเมแกน และก็เดินไปทางเมแกนคนรับใช้คํานับและพูดว่า “นายหญิง ราชาสมิธบอกไว้ว่าวันนี้ตระกูลจะไปกินอาหารที่ห้องอาหารสาม”
และคนรับใช้กพูดต่ออีกว่า “ดูเหมือนว่านายน้อยเวลส์จะมาเมื่อวานนี้ ราชาสมิธก็อยากจะแนะนําเขากับตระกูล ราชาสมิธเลยให้คนในตระกูลไปกินอาหารที่ห้องอาหาร 3”
เมแกนเข้าใจที่คนรับใช้พูด เธอพยักหน้าและเดินไปที่ห้องอาหาร 3 ไม่นานเมแกนก็มาถึงด้านนอกของห้องอาหาร นอกห้องอาหารนั้นมีคนรับใช้ และภายในห้องก็มีเสียงพูดคุยกันอยู่
เมื่อคนรับใช้เห็นเมแกนเขาก็รีบพูดว่า “ยินดีต้อนรับนายหญิงเมแกน” และก็เปิดประตูออก เมแกนก็เข้าไปด้านในทันที
เมื่อเข้าไปในห้องอาหารแล้ว เมแกนก็เห็นพ่อและพี่ชายสองคนที่มาถึงแล้ว ซึ่งมีโต๊ะตัวใหญ่ข้างในห้องอาหาร แต่ก็ต้องประหลาดใจที่ทุกคนนั่งอยู่โต๊ะด้านข้างซึ่งมักใช้ตอนพักผ่อนเท่านั้น
เมแกนเป็นลูกสาวคนเดียวของราชาสมิธ เป็นกฎที่เข้มงวดในตระกูลแคลซี่ว่าผู้ชายสามารถมีภรรยาได้คนเดียเท่านั้น และลูกสาวคนนี้ไม่สามารถแต่งงานกับคนภายนอกเพื่อประโยชน์ได้
กฏนี้ทําให้ตระกูลแคลซีมีความเจริญรุ่งเรือง ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ภายในตระกูลจะได้รับอนุญาตให้มีภรรยาคนเดียวเท่านั้น ดังนั้นเด็กจะมีพ่อแม่เพียงคนเดียวเท่านั้น กฎนี้ทําให้ตระกูลไม่น่าจะแตกแยกออกไปได้
นอกจากนี้ยังเป็นกฏที่เข้มงวดสําหรับตระกูลแคลซี่ว่าลูกสาวไม่สามารถแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ได้ มีคําพูดภายในตระกูลแคลซีที่โดยทั่วไปหมายถึง ถ้าตระกูลขายลูกสาวของพวกเขาเพื่อผลประโยชน์แล้ว ตระกูลจะถูกมองลดลง เป็นเพราะถ้าคุณถูกบังคับให้แต่งงานกับตระกูลของคุณ เพื่อผลประโยชน์แล้วนั่นก็หมายความว่าผู้ชายเป็นคนไร้ความสามารถ
ภายใต้กฎเหล่านี้ลูกหลานของตระกูลแคลซี่กลายเป็นที่โดดเด่นมาก พวกเขาเอาแต่ใจในคําพูดของบรรพบุรุษของพวกเขาดังนั้นทุกคนจึงมีภรรยาคนเดียว ด้วยเหตุนี้ตระกูลแสดงความเป็นน้ําหนึ่งใจเดียวกันจึงไม่แสดงสัญญาณการแตกแยก
แม้ว่าสมิธจะเป็นผู้สืบทอดตําแหน่งที่สามของตระกูล แต่เขาก็เคารพคําพูดของบรรพบุรุษ เขาแต่งงานกับภรรยาคนเดียวและมีลูกสามคนคริส ไดย่าและเมแกน
เมแกนเป็นลูกสาวคนเดียวของสมิธ สมิธรักเธอมาก และเนื่องจากมาตรฐานการศึกษาที่เข้มงวดของตระกูล เมแกนไม่ได้เป็นเหมือนลูหยางในทางตรงกันข้ามเธอเป็นหญิงสาวที่อ่อนโยน และมีมารยาทมาก เพื่อนๆที่เธอมีก็เป็นเพื่อนที่ธรรมดาทั่วไป เพราะทุกคนรู้ว่าเธอไม่มีอิทธิพลใดๆที่บ้านของเธอ ถ้าขอให้เธอกลับไปหาตระกูลเพื่อทําอะไรบางอย่าง เธอก็ไม่มีอํานาจที่จะทําเช่นนั้นได้ ดังนั้นผู้ที่เข้ามาติดต่อกับเมแกนก็เหมือนเด็กที่ไม่มีอิทธิพลใดๆที่บ้าน ในบางอย่าง พวกเขาเป็นเพียงแค่ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นเพื่อรับประทานอาหารและใช้ชีวิต
ถึงแม้ตระกูลจะรู้เรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้ทําให้เมแกนมีเวลาที่ยากลําบาก แต่พวกเขามั่นใจว่าเมแกนเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย
นอกจากนี้ชื่อเสียงของเมแกนก็ยังดีมากในเมืองสกาย หนึ่งไม่สามารถนับจํานวนคนยากจนภายในเมืองที่ได้รับของที่ดีของเธอ เรื่องนี้ทําให้เธอมีชื่อเล่นอยู่ในเมือง
ชื่อเล่นมีสองความหมาย อย่างแรกก็คือเมแกนชอบขนมพลัมและอีกคนหนึ่งคือว่าเธอบริสุทธิ์เหมือนต้นพลัมและในช่วงฤดูหนาวเธอจะอยู่ที่นั่นและเปิดขึ้นอย่างสวยงาม
จบบทแล้วนะครับ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ขอบพระคุณมากจริงๆครับ