Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - บทที่ 358 - เมแกน
ห้องที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้เป็นเป็นห้องที่คนที่เข้ามาพักจะได้กินอาหารที่นี่ แต่ละส่วนในนี้สามารถกินได้ทั้งหมด และก็ยังสามารถซื้ออาหารเพิ่มได้ แต่ถ้าเป็นคนทั่วไปที่ไม่ซื้อก็กินได้แค่ส่วนในห้องนี้เท่านั้น
หลังจากที่กินอาหารเสร็จแล้ว ฟิลก็พาเจ่าไห่ไปที่ลานพลัมหวาน ซึ่งเจ่าไห่จะได้พักที่นั่น ลานพลัมหวานนั้นตั้งชื่อตามสวนพลัมหวานที่มีชื่อเสียงซึ่งที่นั่นมีพลัมหวานอยู่ทุกชนิด และในฤดูนี้ ก็เป็นเวลาของพลัมที่กําลังจะบานสะพรั่ง และทําให้มีกลิ่นหอมไปทั่วบริเวณนั้น
ถึงแม้ว่าเจ่าไห่จะได้ไปที่ลานพลัมหวาน แต่ลูหยางก็ไม่ได้ถูกเชิญให้มาที่นี้ เธอต้องอยู่ในโรงแรมเซรี่ อย่างไรก็ตามเจ่าไห่ยังต้องให้คนไปดูแลเธออยู่ดี
เมื่อเจ่าไห่กินอาหารเสร็จแล้ว เขาก็เดินปที่ลานหลัมหวาน ลอร่าและคนอื่นๆกําลังรอเขาอยู่ในห้องของเขาที่เป็นที่อยู่ใหม่ นอกจากนี้ที่หน้าบ้านก็ยังมีลานเล็กๆให้ด้วย และลานหลังบ้านก็น่าจะให้คนไปอยู่ได้ 100 คน ซึ่งมันก็ไม่ใช่เลานเล็กเลย
หลังจากที่เข้าห้องแล้ว เจ่าไห่ก็เห็นลอร่าและคนอื่นนั่งอยู่ในห้อง ท่าทางของพวกเขาทั้งแสดงให้เห็นถึงความกังวล เมื่อพวกเขาได้เห็นเจ่าไห่เดินเข้ามา ลอร่าและคนอื่นๆก็ลุกขึ้นยืนขณะที่ลอร่าถามเจ่าไห่ว่า “พี่ไห่เป็นยังไงบ้าง? ทําไมพวกเขาถึงส่งเรามาอยู่ที่นี่?”
เจ่าไห่มองหน้าที่ดูเป็นกังวลมากของลอร่า เจ่าไห่ก็ยิ้มและตอบว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง พวกเราจะได้อยู่ที่นี่ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นี่คือสิ่งที่พี่สมิธได้จัดเตรียมไว้เพื่อเรา” จากนั้นเจ่าไห่ก็เล่าเรื่องที่เขาได้ไปคุยกับสมิธแก่คนอื่นๆ
เมื่อฟังเรื่องที่เจ่าไห่เล่าลอร่าและคนอื่นก็ตกใจมาก แต่ลอร่าก็รู้สึกมีความสุขมากเธอหันไปหาเจ่าไห่และพูดว่า “พี่ไห่แต่พี่ไม่คิดหรอว่าที่สมิธให้เราอยู่ที่นี่ก็เพื่อนคอยดูความเคลื่อนไหวของเรา?”
เจ่าไห่ก็ยิ้มตอบลอร่าว่า “ไม่หรอกเขาคงไม่ทําแบบนั้นหรอก และนี่ก็เป็นวิธีที่เราจะสามารถทําให้เขายินดีที่จะร่วมมือกับเรา ซึ่งเขาจะไม่สงสัยอะไรในตัวของพวกเราซึ่งมันจะเป็นประโยชน์ของพวกเรา
ลอร่าและคนอื่นๆก็มองไม่เห็นว่ามันจะเป็นยังไง แต่พวกเขาก็เข้าใจสิ่งที่เจ่าไห่หมายถึงลอร่าก็พูดต่อว่า “ฉันเข้าใจแล้วพี่ให้”
เจ่าไห่ก็ยิ้มและพูดว่า “ดูแล้ว ใน 2 วันนี้เราควรจะดูเรื่องของผลิตภัณฑ์ของเราว่าสามารถผลิตได้มากน้อยแค่ไหน รวมทั้งการผลิตไวน์และการผลิตอาหารแห้งด้วย จากนั้นเราจะได้บอกให้กรีนผลิตของสินค้าเหล่านั้น ฉันจะไปดูลหยางสักหน่อย เมื่อที่อีกวานมาที่ถึงที่นี่ ลูหยางก็จะได้กลับไปกับอีวานได้ทันที”
ลอร่ายิ้มและพูดว่า “เรื่องที่ลูหยางจะกลับบ้านเป็นหนึ่งอย่างที่เราเป็นห่วงมาก พี่ไห่ตอนนี้กําลังอยู่ในช่วงต้นฤดูหวานธุรกิจในทุ่งหญ้านั้นน้อยมาก แล้วเราจะไปดูทวีปอื่นได้ยังไง?”
เจ่าไห่ก็ยิ้มและพูดว่า “ฉันก็คิดแบบนั้น แต่ตอนนี้มันก็ไม่ดีนัก มันจะดีที่สุดถ้าเรารักษาธุรกิจของเราที่นี่ให้ดี เราจําเป็นต้องให้ร้านค้าของเราที่นี่ตั้งขึ้นโดยเร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้”
ลอร่าก็พยักหน้าและพูดว่า “ดีฉันเห็นด้วย ใน 2 วันจากนี้เราจะเห็นที่สินค้าที่ต้องผลิตและเราจะได้เริ่มการผลิต”
เจ่าไห่ก็พยักหน้าและพูดว่า “ฉันไม่คิดว่ามันจะง่ายแบบนั้นอ่ะสิ ด้วยความช่วยเหลือของพี่ สมิธ ตอนนี้เรามีสิ่งต่างๆมากมายที่เราสามารถจัดการได้ และนี่ก็เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะไปที่ตลาดทาส”
ลอร่าก็เห็นด้วยและพูดว่า “นี่เป็นความคิดที่ดี เพราะว่าสิ่งที่เราขาดที่สุดก็คือคนที่มีฝีมือ แม้ว่าเราจะได้ทาสมาเป็นจํานวนมาก แต่ทาสเหล่านั้น ความสามารถในการทําสวนนั้นไม่ได้เรื่องเลย เรื่องนี้นั้นเป็นปัญหาที่ใหญ่มากสําหรับเราตอนนี้ เราควรไปหาคนเพิ่มและพวกเขาจะต้องมีความรู้ด้วย”
เจ่าไห่ก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่ ตอนนี้เรามีคนที่มีความรู้น้อยเกินไป ตอนนี้เมืองของเราไม่ได้เล็กไปกว่าทวีปอื่นๆแล้ว แต่จํานวนคนที่อยู่ในนั้นก็ยังน้อยเกินไป แม้ว่าเราจะพัฒนาที่ดินได้แต่ก็ไม่มีคนทํางานอยู่ดี”
เท่าไห่นั้นคิดถึงอาณาจักรของเขาอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้เขายังมีบึงซากศพ ซึ่งเจ้าฉินอี้สามารถควบคุมมันได้ แต่ตอนนี้แม้ว่าเขาจะพัฒนาดินแดนทั้งหมดนี้ เพราะตอนนี้พวกเขาทําอะไรได้ไม่มากนักเพราะไม่มีคนงาน
ในตอนนี้จํานวนคนที่เจ่าไห่มีก็เพียงพอที่จะทําได้นาที่มีอยู่ได้ แต่ด้วยการที่เจ่าไห่จะเพิ่มจํานวนของโรงงานที่กําลังจะสร้างขึ้น มันจะทําให้จํานวนคนที่ทําไร่น้อยมาก โชคดีที่ตอนนี้อยู่ในฤดูหนาวจึงไม่ได้มีการปลูกอะไรมากนัก
และในตอนนี้ก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านนอก สิ่งที่ทําให้เจ่าไห่และคนอื่นๆมองก็เพราะว่าลานนี้ สร้างขึ้นจากสมิธ มันแปลกมากที่จะมีคนมาที่นี่
ท่าทางของเจ่าไห่เปลี่ยนไป เขาหันไปหาซูกะและพูดว่า “ไปดูหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น และอย่าทําให้พวกเขารู้เราจะทําอะไร ซูกะก็พยักหน้าและเปิดประตูออกไปข้างนอก
เมแกนชอบดอกไม้จากต้นพลัมตั้งแต่ยังเด็ก มันทําให้ลานพลัมหวานเป็นสถานที่ที่เธอชอบมากและชอบที่จะมาที่นี่ ถ้าเป็นไปได้เธอก็จะย้ายมาอยู่ที่ลานพลัมหวานแห่งนี้
เนื่องจากตอนนี้เพิ่งเริ่มฤดูหนาวพลัมหวานจึงทําให้ดอกไม้บานเต็มที่ภายในลานแห่งนี้ เมแกนมากับคนใช้และกําลังเดินดูสวน พวกเขาดื่มไวน์องุ่น ขณะที่กําลังพูดคุยเรื่องต่างๆ ในทวีปนี้
ลานพลัมหวานของคฤหาสน์แห่งนี้นั้นมีชื่อสี่ยงมาก ในเมืองสกายนั้นลานนี้มีสวนพลัมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองทั้งหมด เมื่อถึงฤดูหนาวจะเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะเห็นความสวยงาม ผู้ชายและผู้หญิง จํานวนมากที่เข้าพักที่ลานพลับหวานเพื่อที่จะชมสวนแห่งนี้ตลอดทั้งปี และก็ยังมีหิมะอยู่ตลอดเวลา
เมแกนมีคนรับใช้อยู่ 2 คนอยู่เคียงข้างเธอ เพื่อที่จะไม่รบกวนลานหน้าบ้านพวกเขาจึงเดินเข้ามาที่ลานผ่านประตูหลัง และนี่ก็ไม่ใช่แค่การลดความวุ่นวายเท่านั้น แต่นี่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด
คนรับใช้ของเมแกนก็เปิดประตูทางเข้าไปที่ลานและทั้งหมาก็เดินเข้าไปในสวนพลัมหวาน แต่เมแกนก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
หลายวันก่อนที่เธอมาที่นี่ ไม่ได้มีใครทําความสะอาดลานบ้าน ที่นี่ไม่น่าจะดูเรียบร้อยแบบนี้ แต่ตอนนี้ลานนี้กับสะอาดมาก มันดูเหมือนว่ามีคนมาทําความสะอาดมันขณะที่เธอไม่รู้ว่าทําสะอาดทําไม
นี่ทําให้บรรยากาศของเธอไม่ค่อยดีมากนัก ในความคิดของเธอนั้นลานพลับหวานน่าจะมีใบไม้สีน้ําตาลและกิ่งไม้ที่หักอยู่บนพื้นสิ ซึ่งมันจะเป็นอะไรที่ดูดีและสวยงามมาก
แต่ตอนนี้ลานก็ได้ถูกทําความสะอาดและพื้นถูกหวาดและในน้ําก็ได้ถูกเก็บใบไม้และกิ่งไม้ไปแล้ว เมแกนรู้สึกงงมาก
ในตอนนี้ประตูหลังใหญ่ของลานก็เปิดออก แล้วก็มีเงาของคนตัวเล็กปรากฏขึ้น และมองพวกเขาด้วยสายตาที่ไม่สนใจโลก
เมแกนและคนรับใช้ของเธอก็ยืนเงียบ พวกเธอมองไปที่ชายร่างผอมที่ยืนอยู่
คนที่ออกมาก็คือซูกะ ซูกะเข้าใจว่าเจ่าไห่ไม่ต้องการให้เขาทําให้เป็นเรื่องถ้าไม่จําเป็น เขาจึงบอกกับตัวเองว่าเขาจะไม่ทําให้ใครตกใจเมื่อเขาออกมา
ซูกะมองไปที่เมแกนที่พูดอะไรบางอย่างอยู่กับคนรับใช้ จากนั้นเขาก็มองไปที่เมแกนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ซูกะมองไปที่เมแกนและคนรับใช้ทั้ง 2 คน ทั้ง 3 คนถือแก้วไวน์อยู่ในมือ ขณะที่สวมเสื้อผ้าสีอ่อนๆ ทุกคนแต่งตัวดูมาก
หลังจากมองไปที่พวกเขา ซูกะก็เข้าใจงว่าเมแกนน่าจะเป็นลูกสาวของราชาของเมืองนี้ และนั่นก็คือเพื่อนๆของเธอที่มาเที่ยวที่สวนพลัมหวาน ซูกะก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเมื่อมาถึงที่นี่เขาก็เดินไปรอบๆและหัวเราะไปทั่วลานบริเวณด้านหลังประตูใกล้ๆมีพื้นที่เล็กๆใกล้กับสวน ซึ่งผู้คนสามารถไปเที่ยวชมวิวได้ เมื่อมองไปที่กลุ่มของเมแกนซุกะก็เข้าใจว่าพวกเธอกําลังจะทําอะไร
ซูกะค่านับกลุ่มของเมแกนและพูดว่า “ข้าน้อยคนนี้เป็นคนรับใช้ของนายน้อยเวลส์ วันนี้นายน้อยมาพักที่คฤหาสน์ของราชาสมิธและราชาก็ให้พวกเราอยู่ที่นี่ และที่มันต้องถูกทําความสะอาด ฉันต้องขอให้นายหญิงให้อภัยฉันด้วย”
คําพูดของซูกะนั้นดูน่าสนใจ และมันก็ตรงประเด็นมากที่เขาบอกกับเมแกนว่ากลุ่มของเจ่าไห่ ได้รับเชิญจากราชาจากนี้เขายังได้บอกเมแกนให้พวกเธอออกไป
เมแกนก็มองไปที่ซูกะและถามว่า “นายเป็นแขกของพ่อฉันจริงๆงั้นหรอ?”
ซูกะก็รีบตอบว่า “ฉันจะไม่โกหกนายหญิง ตอนนี้นายน้อยของฉันเป็นแขกของราชา และฉันก็เป็นเพียงแค่คนรับใช้ของนายน้อยเท่านั้น”
เมื่อซูกะพูดจบ เสียงของเจ่าไห่ก็ดังขึ้นมาว่า “ซูกะไม่ต้องพูดแบบนี้ เราเป็นคนที่รบกวนนายหญิง นายหญิงสามารถมาที่นี่ได้ทุกเมื่อเลย อย่าไปไล่เธออีก”
ซูกะก็พยักหน้าและหันไปหาเมแกนพูดว่า “ฉันขอโทษนายหญิง ฉันขอตัวเข้าไปในบ้านก่อน”
สิ่งที่ซกะได้พูดนั้นทําให้เมแกนรู้สึกอึดอัดใจมาก เมแกนรีบพูดว่า “งั้นฉันจะไม่รบกวนการพัก ผ่อนแล้ว เราต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
ขณะที่เธอกําลังจะออกไปก็มีเสียงของผู้หญิงดังออกมาว่า “นายหญิงโปรดอยู่ต่อเถอะ” ลอร่าออกมาจากประตูและคํานับ
ลอร่าคํานับและพูดว่า “นายหญิงไม่จําเป็นต้องกลับไปแบบนี้นายน้อยเวลส์บอกหรอก เราเป็นคนที่ต้องมาอาศัยที่คฤหาสน์ของราชาสมิธ แล้วพวกเรามีสิทธิอะไรที่จะไล่นายหญิงออกไป? ฉันขอเชิญให้นายหญิงและเพื่อนๆเข้าไปในสวนพลัมเถอะ เราจะไม่รบกวนแล้ว”
เมื่อได้ยินคําพูดของลอร่า เมแกนก็เขิลมาก เธอตอบว่า “แล้วพวกเราจะไม่รบกวนกลุ่มของเธองั้นหรอ?”
ลอร่าก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่เลย นายน้อยของฉันตั้งหากที่รบกวนนายหญิง และนายน้อยก็ต้อ งการให้ไวน์นมแก่นายหญิงมันเป็นไวน์ที่แรงมาก นายน้อยต้องการให้เป็นของขวัญแก่นายหญิง ฉันรับประกันเลยว่ามันจะเป็นที่พอใจมาก”
จากนั้นลอร่าก็เอากระเป๋าที่ใส่ขวดไวน์นม และส่งขวนไวน์นมไปให้เมแกนแล้วเธอก็หันหันกลับ