Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - บทที่ 353 - เมืองสกาย
- Home
- All Mangas
- Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ)
- บทที่ 353 - เมืองสกาย
เจ่าไห่มองไปที่ท่าเรือ และเขาก็หันหน้าไปหาโซเทคและก็พูดว่า “โซเทค ท่าเรือนี้เป็นของเมืองสกายใช่ไหม?”
โซเทคก็พยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว แม้ว่าเมืองสกายจะมีท่าเรือที่ดีมาก มีจํานวนเรือที่มาจากแม่น้ําริเวอร์จํานวนมาก เรือจากทะเลทุกชนิดมาที่นี่ในทุกๆวัน และพวกเขาทั้งหมดไม่ได้สามารถอยู่ภายในเมืองได้ เพราะท่าเรือนั้นมีเรือเทียบอยู่เยอะจนทําให้ต้องหาที่ว่างกันเลยทีเดียว”
เจ่าไห่พยักหน้าและพูดว่า “ใช่มันเป็นแบบนั้นจริงๆด้วย แล้วเราจะเข้าเทียบท่าได้ไหม?”
โซเทคก็บอกกับเจ่าไห่ว่า “เราไม่สามารถเข้าไปที่นั่นได้ในคืนนี้เราจะได้ท่าเทียบเรือในวันพรุ่งนี้ และเราก็จะไปถึงเมืองสกาย ตระกูลเซรี่มีท่าเรือส่วนตัวอยู่ข้างใน เพื่อให้เราวสามารถไปที่นั่น และพวกเราก็จะขึ้นฝั่งกัน เราไม่จําเป็นรอเรือลําอื่นออกไปเพื่อหาที่เทียบเรือหรอก”
เจ่าไห่ก็พยักหน้าและตอนนี้เขาก็เข้าใจเรื่องนี้แล้ว และตอนนี้เจ่าไห่ก็ยังได้รู้อีกว่าตอนนี้ ภายในเมืองสกายเป็นสถานที่แห่งความมั่งคั่งมาก และก็ตระกูลเซรี่ที่มีท่าเทียบเรือส่วนตัวนั้น แสดงว่าพวกเขาจะต้องเป็นอะไรบางอย่างกับเมืองนี้แน่ๆ
และตอนนี้ก็เย็นแล้ว โซเทคเอาเรือเทียบท่าของพวกเขา ที่นั่นเป็นกว่าท่าเรือของทหาร ที่เป็นชื่อแบบนั้นก็เพราะว่าที่นี่มีทหารจํานวนมาก ซึ่งอยู่ในท่าเรือทุกที่ ทหารบางคนก็เป็นเหมือนคนที่ต้องดูแลเรือพวกนี้ทั้งหมด และทหารบางคนก็เป็นคนที่ต้องขนสินค้าระหว่างเรือกับพื้นดิน
ทหารพวกนี้เป็นคนดีไหม? มันอาจจะฟังดูไร้สาระ แต่มันก็ไม่ได้อะไร ก็แค่อยากรู้ พวกเขาเป็นคนธรรมดาเท่านั้น ส่วนใหญ่ไม่มีบ้านเนื่องจากสาเหตุต่างๆ เพื่อที่จะอยู่รอดและไม่ได้เป็นทาสพวกเขาจะต้องเป็นทหารรับจ้าง
เพราะพลังการต่อสู้ของพวกเขาอ่อนแอมากๆ และความจริงที่ว่าพวกเขามีตระกูลคอยเลี้ยงดูอยู่ พวกเขาจะไม่กล้าที่จะรับงานที่อันตรายมาก และงานที่พวกเขาสามารถรับได้นั้น เช่นการไปส่งจดหมาย งานเหล่านี้ไม่ได้เป็นอันตราย แต่ค่าจ้างของพวกเขาก็ไม่มากนัก แต่มันก็เพียงพอที่จะมีชีวิตอยู่ได้
แต่ที่งานแบบเหล่านี้ไม่สามารถทําได้ทุกวัน พวกเขาทําได้แค่งานใช้แรงงานเท่านั้น มันก็ทําให้เราไม่สามารถแยกระหว่างทาสกับทหารรับจ้างได้
ก็เหมือนกับที่อยู่ข้างนอกเมืองสกาย และไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้องโดยตระกูลแคลซี ซึ่งได้ละเลยอย่างมากกับทหารรับจ้าง จากภูมิที่แตกต่างกันผสมกับอย่างอื่นๆ มีเพียงหนึ่งค่า เพื่ออธิบายท่าเรือเหล่านี้วุ่นวายพวกขาก็วุ่นวายมาก
เมื่อเรือของพวกเขาหยุดที่ท่าเทียบเรือ โซเทคก็บอกเจ่าไห่ว่าที่นี่เป็นเส้นทางที่ดีที่สุด สําหรับพวกเขาที่จะลงที่ท่าเรือน แม้ว่าเจ่าไห่จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรในการทําให้เป็นที่น่าสนใจ
เจ่าไห่ไม่ต้องการไปที่ท่าเรือใหญ่ๆ เขาต้องการที่จะไปท่าเรือเล็กๆ เพราะนี้นั้นจะไม่มีคนให้ความสนใจกับเขามากนัก เช่นเดียวกับที่โซเทคได้บอกไว้ ทหารรับจ้างนั้นเป็นคนไม่ค่อยดี ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาต้องการที่จะทําอะไรเมื่อเห็นผู้หญิงสวยๆ แบบลอร่าและคนอื่นๆ เจ่าไห่ไม่ได้อยากที่จะรู้คําตอบนั้น
พวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องทหารรับจ้างในขณะที่อยู่บนเรือ ทหารรับจ้างนั้น ถ้าเป็นคนที่อยู่บนเรือเป็นผู้ให้บริการด้านอาหารและเสื้อผ้า ไม่มีใครตั้งใจจะไปภายในเรือเพียงเพื่อหาเรื่อง
พวกเขาอยู่ภายในเรือ ในคืนนั้นและเมื่อถึงตอนเช้า เจ่าไห่ก็เดินเข้าใกล้เมืองสกาย หลังจากที่แล่นเรือไปอีกสองชั่วโมง พวกเขาได้เห็นกําแพงของเมืองสกายแล้ว
และที่พวกเขาเห็นตอนนี้ก็คือชาวเมือง มันทําให้เจ่าไห่รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้น ความคิดของเขาก็คือ เมืองสกายนั้นเป็นเมืองใหญ่จะถูกปล้นได้ยังไง เมืองนี้มีขนาดที่ใหญ่กว่าเมืองสายน้ําริเวอร์ น่าจะมีประชากรประมาณ 1 ล้านคน แต่ก็เห็นว่าเมืองสกายนั้นมีขนาดที่ใหญ่กว่า และมีประชาชนถึง 3 ล้านคน!!
และที่สําคัญเลยก็คือในทวีปนี้ไม่ได้มีเมืองขนาดใหญ่แบบนี้มาก และสําหรับตระกูลแคลซี เพื่อให้สามารถควบคุมเมืองทั้งหมดให้ได้สําเร็จแบบนี้ ก็จะต้องรู้ก่อนเลยว่าแม้แต่จักรพรรดิของ จักรวรรดิโรเซ่น ก็ไม่สามารถทําอะไรเมืองนี้ได้ แสดงว่าเจ่าไห่มีอํานาจและมีอิทธิพลต่อตระกูลแคลซี่มากแค่ไหน
เจ่าไห่ไม่เชื่อว่ากิลแห่งความสว่างจะไม่รู้ว่าตระกูลแคลซี่เป็นกลุ่มของนักเวทย์แห่งความมืด พวกเขาน่าจะรู้อย่างแน่นอน แต่พวกเขาทําอะไรไม่ได้ ทําให้ตระกูลแคลซีดูน่ากลัวมากขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตระกูลนี้ทําไมถึงเป็นเสาหลักภายในกลุ่มของนักเวทย์แห่งความมืด เพราะว่าตระกูลมีความแข็งแกร่งแบบนี้ไงหล่ะ
และตอนนี้เรือก็แล่นไปช้าๆ เข้าท่าเรือเล็กที่อยู่ถัดไปจากเมืองสกาย ท่าเรือไม่ได้ใหญ่มากนัก บางทีมันอาจจะพอดีกับเรื่อ 5-6 ลําเท่านั้น มันเป็นท่าเทียบเรือเล็กๆ แต่ก็บอกได้ว่าแม้ตระกูลเซรี่ที่สร้างท่านี้ขึ้นมา พวกเขาก็ยังต้องจ่ายเงินเป็นล้านเหรียญเป็นค่าเช่าทุกปี ถ้าไม่งั้นตระกูลแคลซี่ก็จะยกท่าเรือน
สําหรับท่าเรือที่มีชนาดเล็กแบบนี้ยังมีค่าเช่า 1 ล้านเหรียญต่อปี ก็บอกได้เลยว่าเมืองสกายนั้นมีขนาดใหญ่มากแค่ไหน สําหรับตระกูลแคลซีที่มีอํานาจครอบครองเมืองได้อย่างสมบูรณ์นั้น พวกเขาก็มีพลังที่น่ากลัว
เมื่อเรือเข้าเทียบท่าแล้ว เจ่าไห่ก็สังเหตเห็นว่ามีคนรออยู่ที่นั่น คนเหล่านั้นสวมชุดผ้าไหมส่วนใหญ่น่าจะซื้อจากพ่อค้า มันดูสวยงามมาก
เมื่อมองไปที่คนเหล่านั้น คนเหล่านั้นก็หันหน้ามองเจ่าไห่และพูดว่า “ตระกูลส่งข้อความมาถึงนายน้อย เพื่อที่จะทําให้กลุ่มของนายน้อยมีความสุขมากที่สุด”
เจ่าไห่ก็ยืนนิ่งอยู่แปปนึ่งแล้วก็ส่ายหัวและพูดว่า “นี่มันมากเกินไป ฉันอาจจะไม่คุ้มค่า”
ชายคนนึ่งก็ยิ้มและพูดว่า “มันคุ้มค่ามากนายน้อย ที่ต้องยอมร่วมธุรกิจไวน์กับตระกูล นายน้อยจะคุ้มมากจริงๆ”
เจ่าไห่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่ทําตามไมค์ ในการขึ้นฝั่ง เรือขนส่งของพวกเขายังถูกปล่อยโดยธรรมชาติเช่นเดียวกับวัวของพวกเขา
ขณะที่ชายทั้งสองคนมาถึงท่าเรือ ชายคนนึ่งที่เป็นพนักงานต้อนรับก็ออกมาต้อนรับพวกเขาทันที คนแรกดูเหมีนอนจะอายุ 40 ปี เขาหัวเราะและพูดกับเจ่าไห่และไมค์ว่า “โรงแรมเซรี่ของเมืองสกายวันนี้ได้พบกับนายน้อยเวลส์และกัปต้นไมค์แล้ว”
ไมค์ก็คํานับและพูดว่า “ฉันไม่กล้า ผู้จัดการแมริออท ทําเกินไปแล้ว”
เจ่าไห่ก็หัวเราะและพูดว่า “สําหรับคนนี้จะทําให้ผู้จัดการแมริออทมานี้เป็นอย่างแน่นอน”
แมริออทหัวเราะและพูดว่า “นายเป็นคนดีมากเกินไป ทําให้ชีวิตของคุณอยู่ในสายเพื่อช่วยตระกูลเซรี่คุ้มค่ามาก โรงแรมเตรียมอาหารรอไว้แล้วสําหรับนายน้อย โปรดมาเถอะ”
เมื่อได้ยินแมริออทพูด เจ่าไห่ก็ยิ้มและพูดว่า “งั้นฉันจะไม่เกรงใจแล้วนะ” จากนั้นทุกคนก็ขึ้นรถม้าของโรงแรมและมุ่งหน้าไปยังเมืองสกาย
ในขณะที่เข้าเมืองสกาย เจ่าไห่ก็มองไปที่เมือง เมืองนี้สมควรที่จะถูกเรียกว่าเมืองสกาย ภายในเมืองมีลําธารขนาดเล็กจํานวนมากและก็มีสะพานด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงภาพรวมเมืองทั้งเมืองดูไม่ธรรมดาเลย
เมืองนี้คึกคักไปด้วยคนเดินเท้า ถึงแม้ว่าจะมีลําธารหลายแห่งอยู่ในตัวเมือง แต่ถนนก็ดีมาก นอกจากนี้ยังมีร้านค้ามากมานอยู่ตามถนน รถตู้และรถอื่นๆก็สามารถเข้าออกได้ ธุรกิจร้านค้าที่นี่ดีมาก
บางครั้งเจ่าไห่ก็ได้เห็นคนสวมเสื้อเกราะหนังอย่างดี เขาถือดาบสองมือและเดินอยู่บนถนน คนพวกนั้นก็มองไปรอบๆ สถานที่เช่าเดียวกับการลาดตระเวน บนเสื้อเกราะของพวกเขามีเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของตระกูลแคลซี ซึ่งทําให้รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นทหารของใคร
เจ่าไห่มองไปที่เขาเหล่านี้และหันไปหาลอร่าและถามว่า “ลอร่าผู้คนเหล่านี้คือทหารของเมืองภายในตระกูลแคลซีใช่ไหม? พวกเขาถูกสั่งมาดูแลเมืองใช่ไหม?”
ลอร่าก็ยิ้มและตอบว่า “จากสิวที่ฉันได้ยินมา เมืองสกายมีทหารพิเศษที่เรียกว่าการบังคับใช้กฎหมาย พวกเขาถูกมอบหมายให้ดูแลรักษาความปลอดภัยของเมือง โดยเฉพาะพวกเขายังต้องรับผิดชอบในการทําความสะอาดถนนและงานอื่นๆด้วย อิทธิพลภายในเมืองสกายค่อนข้างใหญ่”
เจ่าไห่ตกใจมาก เขาไม่คิดว่าเขาจะได้ยินคําว่าการบังคับใช้กฎหมายอีกครั้งหลังจากเดินทางมาถึงทวีปอาร์ค มันไม่แปลกหรอกเหรอ? ตระกูลแคลซียังข้ามไปด้วยหรือไม่? มิเช่นนั้นจะมีชื่อเฉพาะขึ้นมาได้อย่างไร?
เจ่าไห่ยังคงสังเกตทุกอย่างในเมือง ต้องบอกว่าเมืองสกายเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดเท่าที่เจ่าไห่เคยเห็นมา แต่เมืองนี้ตั้งอยู่ติดกับเมืองคาร์สัน ซึ่งอยู่ถัดจากเมืองคาร์สัน ทําให้มันยากที่จะจิตนาการว่าเมืองคาร์สันเป็นยังไง
หลังจากที่เดินทางมาประมาณ 1 ชั่วโมง รถของพวกเขาก็หยุดลง เจ่าไห่มองไปข้างนอกและเห็นว่าพวกเขามาถึงอาคารที่สูงหลายชั้น นี่เป็นอาคารที่สูงที่สุดที่เจ๋าไม่เห็นหลังจากที่มาที่ทวีปอาร์ค
ด้านหน้าของอาคารนั้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส และมีสัญญาลักษณ์ของตระกูลเซรื่อยู่ด้วย ซึ่งมันประกอบไปด้วยดอกไม้หลายสี
เจ่าไห่ลงจากรถของเขาขณะที่ไมค์และแมริออทมาทักทายเขา แมริออทคํานับเข่าไห่และพูดว่า “นายน้อย อาหารและไวน์พร้อมแล้ว วันนี้โรงแรมจะปฏิบัติต่อคุณด้วยความยินดี”
เจ่าไห่ก็หัวเราะและพูดว่า “ไปกันเถอะผู้จัดการ ฉันหิวแล้ว” แมริออทตอบว่า “ทางนี้เลยครับ” จากนั้นทุกคนก็เข้าไปในโรงแรมด้วยกัน
เจ่าไห่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ภายใต้ภาพลวงตาหรือเปล่า เขารู้สึกว่าผู้จัดการแมริออทมีความขยันเป็นอย่างมากที่จะดูแลเขา
สิ่งที่เขาไม่รู้จริงก็คือตอนที่พวกเขาเดินทางไปยังเมือง ก็ต้องบอกกับแมริออทว่าเจ่าไห่เป็นนักเวทย์มิติ พลังใดๆก็ทําอะไรไม่ได้ เขาคือพลังที่สุดยอดที่สุดแล้ว เมื่อแมริออทรู้ว่าเจ่าไห่เป็น นักเวทย์มิติ เขาจะได้รับเงินจํานวนมาก เขากลัวที่จะแสดงให้เห็นถึงการต้อนรับของเจ่าไห่
โรงแรมเซรี่เมืองสกายนั้นหรูมาก ซึ่งเต็มไปด้วยบริการที่ดีมาก คนที่เข้ามาและออกไปล้วนมีแต่คนที่แต่งตัวดี ซึ่งก็บอกได้เลยว่าพวกเขาน่าจะมีธุรกิจที่ดีมาก แขกทุกคนที่พวกเขาได้เจอกับแมริออทจะเห็นได้ว่าคนเหล่านี้เห็นความสําคัญในผู้จัดการของโรงแรม
เจ่าไห่เห็นว่าคนเหล่านี้ต้องมีขนาดเล็กและไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในโรงแรมเซรี่ ในฐานะแขกผู้เข้าพักที่ไม่กล้าทําร้ายแมริออท พวกเขายังประจบผู้จัดการเป็นครั้งคราว ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสําหรับตระกูลและธุรกิจของพวกเขา
แต่แมริออทมองพวกเขาเป็นเพียงเพราะสถานะของพวกเขา เขายังทักทายคนที่มาหาเขาด้วยการต้อนรับที่อบอุ่น ไม่มีการดูถูกให้กับพวกเขา พวกเขายกระดับการประเมินของเจ่าไห่ของแมริออทผู้จัดการของโรงแรมดูคล้ายกับคนที่ดีมากๆ
ไม่นานทุกคนก็เข้าลิฟต์ของโรงแรทและขึ้นไปสิบชั้น ขณะที่มุ่งหน้าไป แมริออทหันไปหาเจ้า และพูดว่า “เรามีสองห้องอาหารในโรงแรมห้องแรกอยู่ในชั้นแรก ร้านอาหารในชั้นแรกเปิดให้ทุกคนรับประทานอาหาร แต่ชั้น 10 มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้ขึ้นมารับประทานที่ชั้นนี้”
เจ่าไห่ก็ยิ้มและพูดว่า “โรงแรมเซรี่มีความพิเศษอยู่แล้ว เพียงแค่เห็นว่าพวกเขาสามารถสร้างธุรกิจได้ทั่วทวีปตอนนี้เห็นคนที่ชอบผู้จัดการไม่ต้องสงสัยเลยว่าธุรกิจนี้ทําผลงานได้ดีมาก”
แมริออทมองด้วยความภาคภูมิใจและพูดว่า “นายน้อยเอาชนะฉันภายในตระกูลเซรี่ มีคนจํานวนมากเช่นฉันเป็นจํานวนมากเป็นเส้นขนบนวัว ฉันแค่ผู้จัดการโรงแรมเล็กๆ”
ไมค์ก็หัวเราะและพูดว่า “ผู้จัดการแมริออท ค่อยข้างเจียมเนื้อเจียมตัวนะ มีประมาณ 11,200 แห่งในเซรี่ ในทวีปและถ้าเราตั้งฐานรายได้เมืองสกายได้ก็สามารถจัดอันดับในสิบอันดับแรกได้แสดงให้เห็นว่าอะไรเป็นอะไร”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้เล่าไห่มองไปที่แมริออท ภายใต้แสงใหม่เขาไม่คิดว่าชายคนนี้อาจจะน่าเกรงขามจนในบรรดา 11,200 ของโรงแรม เขาจะได้อันดับหนึ่งในสิบอันดับแรก มันจะแปลกไปมากไหม?
แม้ว่าโรงแรมจะมีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน แต่เมืองที่พวกเขาอยู่ต่างกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดอันดับในสิบอันดับของจํานวนโรงแรม แม้ว่าคุณจะอยู่ในสถานที่ที่ดี แต่ก็ยังคงต้องทําอะไรเกี่ยวกับการจัดการกพนักงานการจัดการทั่วไปและอื่นๆ เมื่อมองไปที่มุมมองนี้คุณจะได้เห็นว่านักธุรกิจเป็นยังไง
เมื่อแมริออทได้ยินสิ่งที่ไมค์พูดรอยยิ้มของเขาก็ยิ่งสดใสขึ้น กัปตันอาจเป็นกัปตันกองบัญชาการของตระกูลเขาก็ทําได้แค่นี้”
ไมค์ยิ้มและพูดว่า “ฉันเป็นกัปตันตัวน้อยๆ ไม่ใช่ผู้มีอํานาจเหมือนผู้จัดการ” จากนั้นทุกคนก็หัว เราะ ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยังห้องอาหารชั้น 10
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกเจ่าไห่และไมค์ก็รู้สึกประหลาดใจมาก พวกเขาไม่ได้คิดว่าจะมีคนอื่นมาที่ห้องอาหารนี้ และคนที่ได้กินและดื่มอยู่ข้างในแล้ว
จบบทแล้วนะครับ ขอบคุณมากๆนะครับ