Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 367 - ความชอบของสมิท
- Home
- All Mangas
- Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ)
- ตอนที่ 367 - ความชอบของสมิท
เจ่าไห่นั้นเป็นคนดีมากๆ และเจ่าไห่ก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบมากๆด้วย
นี่คือสิ่งที่สมิทมองว่าเจ่าไห่เป็น แต่เมื่อเจ่าไห่ได้เสนอให้สมิทร่วมมือกับตระกูลเซี่มันก็ทําให้เขามองเจ่าไห่ดีขึ้นมาก ตอนนี้สมีทมองว่าเจ่าไห่นั้นเป็นคนดีไปแล้ว
ความสามารถในการใช้สถานการณ์เพื่อประโยชน์ของพวกเขาไม่ใช่สิ่งที่นักธุรกิจทําได้เท่านั้น แต่ขุนนางก็สามารถใช้ประโยชน์กับเรื่องแบบนี้ได้ด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้วก็มีไม่กี่คนที่สามารถทําได้จนสําเร็จ ผู้คนเหล่านี้มีความสามารถในตัวเอง
สมิทชอบเจ่าไห่มายิ่งขึ้น เขาเชื่อว่าบุคคลแบบนี้เป็นโชคดีต่อกลุ่มนักเวทย์อย่างมาก
อีกอย่างหนึ่งของเจ่าไห่ที่สมิทรู้สึกชอบมาก คือความโหดของเขา สมิทรู้อยู่แล้ว เกี่ยวกับความสําเร็จของเจ่าไห่ ในระหว่างทางที่มายังเมืองสกาย สําหรับตระกูลแคลซี่ที่ยิ่งใหญ่ เรื่องในจักรวรดิโรเซ่นไม่สามารถรอดจากเรดาร์ของพวกเขาได้ สมิทจึงมีคนตามเจ่าไห่ขณะที่กําลังเดินทางอยู่
อย่างไรก็ตามเมื่อได้ตามเขาแล้ว สมิทก็รู้สึกประหบาดใจมาก นี่เป็นเพราะเจ่าไห่ม่ได้สังหารคนหลายพันคนที่เป็นคนของลิออนก่อนที่เขาจะมาถึงที่นี่
โดยทั่วไปแล้วหมู่บ้านใหญ่และเมืองเล็กๆ ในจักรวรรดิโรเซ่นจะไม่มีพลเมืองจํานวนมาก กระนั้นเจ่าไห่ก็สังหารคนของลิออนได้ คนมักจะอ่อนโยนเมื่อพูดถึงการฆ่าคน แต่เจ่าไห่ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
จากนั้นเมื่อสมิทคิดถึงเรื่องที่เจ่าไห่สังหารคน รวมทั้งหมดที่เขาเดินทางมาที่นี่ก็น่าจะ 10,000 คนแล้ว มันไม่น่าเชื่อเลย!
คนๆเดียว สังหารคนเป็น 10,000 ? มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเลย ไม่ใช่ว่าคนที่โหดร้ายและไร้ความปราณีจะทําอะไร? แต่เจ่าไห่ได้ทําสิ่งนั้นอย่างแน่นอน ทําให้สมิทชอบเจ่าไห่เอามากๆ
ในฐานะผู้นํา มันไม่สามารถยอมรับความเมตตาต่อศัตรูได้ หากว่าใจคุณอ่อนเกินไป มันจะง่ายมากที่ศัตรูของคุณจะควบคุมการกระทําของคุณ ในขณะเดียวกันก็ยากที่คุณจะควบคุมคนของคุณ สถานการณ์แบบนั้นไม่ได้เป็นที่พอใจของผู้คนเลย
สมิทยังรู้ว่าเจ่าไห่จัดการกับโจรในหุบเขาได้ ยังไงนี่คือเหตุผลที่สมิทไม่เห็นว่าเจ่าไห่จะเป็นคนที่ชอบสังหารคน เขารู้ว่าวิธีการกับสิ่งต่างๆและเขาทําได้ดีมาก เขาไม่ได้สังหานคนตาบอด และไม่ได้โหดอย่างไร้เหตุผล
โดยปกติด้วยประสิทธิภาพที่โดดเด่นของเจ่าไห่ คนอย่างสมิทจะปิดบังความกังวล นี่เป็นเพราะเจ่าไห่เป็นใครบางคนจะกลุ่มนักเวทย์ ถ้าเขายังคงแสดงความสามารถของเขา เขาอาจจะสามารถควบคุมการต่อสู้ของนักเวทย์จากตระกูลแคลซี่ได้
อย่างไรก็ตามสมิทเองก็รู้ว่ากลุ่มนักเวทย์แห่งความมืดนั้นเป็นองค์กรที่ค่อนข้างเป็นอิสระ แม้กระทั่งตระกูลแคลซี่ที่ต้องดิ้นรนเพื่อควบคุมมัน สมิทจึงรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เจ่าไห่จะสามารถควบคุมกลุ่มนักเวทย์ได้อย่างสมบูรณ์ เขายังเชื่อว่าเจ่าไห่จะไม่นําปัญหามาสู่ตระกูลแคลซี
ในทางตรงกันข้ามเจ่าไห่และกิลแห่งความสว่างได้เป็นศัตรูกัน ผู้คนรู้ว่ากลแห่งความสว่างต้องการจัดการกับเจ่าไหโดยเร็วที่สุด สิ่งที่ทําให้เจ่าไห่เขาร่วมกับกลุ่มนักเวทย์แห่งความมืด จริงแล้วทั้งหมดนี้ ทําให้สมิทมีความสุขมากที่เจ่าไห่เป็นสมาชิกที่โดดเด่นขององค์กรของพวกเขา
เพื่อให้กลุ่มก้าวไปข้างหน้า พวกเขาไม่สามารถทิ้งคนที่มีความสามารถแบบนี้ได้ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งสําหรับผู้ที่มีความสามารถในการเป็นผู้นํา ทักษะเหล่านี้เป็นสิ่งจําเป็นสําหรับองค์กรมากๆ
เหตุผลที่กิลได้รับอํานาจอย่างรวดเร็วก็เพราะพวกเขาใช้ศาสนาเพื่อใช้จํานวนคนจากทั่วทุกทวีป พวกเขายังมีการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับกลุ่มต่างชาติและกลุ่มคนที่สูงกว่าเหล่านี้จะรับหน้าที่ในการค้นหาบุคคลที่มีความสามารถแทนกิลนี้เองที่ทําให้กิลไม่ได้ขาดเรื่องคนช่วยพวกเขาเร่งการเติบโตของพวกเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แต่ในการเปรียบเทียบกลุ่มนักเวทย์แห่งความมืดได้ลดลงในตอนนี้ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับการดําลงอยู่ของกลุ่มนักเวทย์ ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มนักเวทย์ไม่ได้ใช้ศาสนาเพื่อดึงคนเข้ามา
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ของนักเวทย์แห่งความมือ เกือบทั้งหมดมีความผิดปกติมาก ไม่เพียงแต่พวกเขาที่ไม่ดีในคนใหญ่ๆ แต่พวกเขาก็ไม่ดีในการโต้ตอบกับคนอื่นๆในช่วงเวลานี้ กลุ่มนักเวทย์ได้รับผลเสียจากการต่อสู้กับกิลแห่งความสว่าง ปัจจุบันผู้นํากลุ่มก็คือตระกูลแคลซี่ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถควบคุมสมาชิกทั้งหมดขององค์กรได้ สิ่งนี้ไม่ดีสําหรับตระกูลเลย เพราะหากนักเวทย์ทุกคนต้องถูกกําจัดโดยกิลจุดสิ้นสุดของตระกูลของพวกเขาจะไม่อยู่ไกลเกินไป
เมื่อสมิทเห็นสมาชิกใหม่ของกลุ่มที่เป็นศัตรูกับกิลมีความแข็งแกร่ง มันน่าอัศจรรย์มากที่ได้รับความนิยมจากชนเผ่าและที่สําตัญที่สุดคือผู้นําที่ดีเขารู้ว่าเจ่าไห่เป็นคนมีความสามารถ
สมทก็รู้ว่าเจ่าไห่ไปที่โรงแรมวันนี้เขาจึงเลือกที่จะรอ เขาต้องการที่จะรู้ว่าข่าววันนี้ เจ่าไห่จะนํามาเมื่อกลับมาถึง
อีกไม่นานเจ่าไห่ก็กลับมาที่คฤหาสน์ และมาหาสมิทที่นี่ สิ่งที่เจ่าไห่บอก ไม่ว่าสมิทกําลังทําอะไร เขาจะวางเรื่องของเจ่าไห่ไส้ข้างหน้าเสมอ เมื่อเจ่าไห่มาหาสมิท ฟิลก็พาเขาไปที่ห้องทํางานของคฤหาสน์ทันที
เมื่อสมทเห็นเจ่าไห่มา เขาก็ยิ้มทันทีและพูดว่า “ฮ่า ๆ ๆ เจ๋าไฟเป็นยังไงบ้าง?”
เจ่าไหร่ว่าที่อยู่ของเขาในเมืองนั้นไม่สามารถซ่อนตัวจากสมทได้ เขาจึงไม่ได้คิดอะไรเมื่อสมิทถามคําถามนั้นเขาก็ยิ้มทันทีและพูดว่า “มันเป็นไปตามที่คิดเลย ตระกูลเซรี่ตกลง พวกเขาบอกว่าพวกเขาจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ แต่พี่สมิทจะต้องคุยกับตัวเองเกี่ยวกับสิ่งนี้ เพราะฉันไม่อาจจะเข้าไปยุ่งได้”
สมิทตอบกลับทันทีว่า “เจ่าไห่ นายไม่สามารถทําได้ นายเป็นคนกลาง นายต้องมีส่วนร่วม แล้วฉันจะให้คนไปเชิญแมริออทและไมค์มา เพื่อที่จะได้คุยกันได้ทันที หลังจากการตกลงกัน เราจะส่งข่าวไปถึงตระกูลของเราทั้งหมด”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “พี่ต้องพูดเรื่องเหล่านี้ด้วยตัวเอง ฉันไม่เข้าในสถานการณ์เหล่านี้จริงๆ ฉันอาจฟังได้ แต่ฉันไม่มีอะไรที่สามารถทําได้ เพียงแค่มีความบอกสิ่งที่พี่ติดสินใจหรือถ้าพี่ต้องการฉัน มันจะไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?”
สมิทเห็นว่าเจ่าไห่ไม่ชอบที่จะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ เขาจึงไม่ได้บังคับเขาอีก สมิทพยักหน้าและพูดว่า “โอเค แล้วเรื่องของลิออนหล่ะ?”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “สบายใจได้เลย เขาไล่ฉันมานานและฉันก็อยากจะจัดการกับเขามานานแล้ว ตอนนี้มีโอกาสนี้แหละ ตราบใดที่พี่จัดการกับเขาฉันจะอยู่ข้างหลังและมองดู”
สมิทพยักหน้า เจ่าไห่ก็หันหลังกลับ เขาและสมิทไม่ได้คุยอะไรเกี่ยวกับธุรกิจของพวกเขา สมิทกําลังยุ่งอยู่กับการรับมือกับลิออน เจ่าไห่จึงเชื่อว่ามันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการพูดคุยเรื่องเหล่านั้น
เมื่อเขากลับไปที่ลานพลัม เจ่าไห่ไม่ได้สังเกตลอร่าหรือเม็ก พวกเขาไม่ได้อยู่ในบ้าน แต่อยู่ที่สวนเล็กๆใกล้ๆสวนป่วย
พวกเขากําลังทําสิ่งที่สุภาพสตรีกับผู้หญิงอีกคนที่ไม่คุ้นเคยกับเจ่าไห่ เจ่าไห่จึงไม่ได้เข้าไป เมื่อเจ่าไห่กลับไปที่ห้องของเขาเขาก็ไปที่มิติทันที เพื่อพักผ่อนและดูว่าสมิทเชิญแมริออทในเวลานี้หรือไม่?
แม้ว่าคฤหาสน์ของสมิทจะใหญ่ แต่ก็ไม่ถึงระดับที่แมริออทไม่สามารถเดินทั้งหมดได้ ขณะที่เขาอยู่ในคฤหาสน์ของสมิท เห็นได้ชัดว่าเจ่าไห่สามารถตรวจสอบสิ่งที่สมิทและคนอื่นๆ กําลังทําอยู่
เหตุผลที่เจ่าไห่ตัดสินใจซ่อนตัวและไม่ยอมรับคําเชิญของสมิท ก็เพราะเขาไม่ต้องการให้สมิทสงสัย
เมื่อสมิทและแมริออทพูดคุยถึงวิธีจัดการกับลออนและการประสานงานที่เกี่ยวข้อง พวกเขาจะพูดถึงจุดแข็งและความสามารถของตระกูลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งคู่เข้าใจกันและร่วมมือกัน มันจะไม่มีปัญหาในการแบ่งปันข้อมูล แต่เจ๋าไฟเป็นคนนอก ซึ่งไม่เกี่ยวข้อง ในเรื่องนี้ มันยากที่จะพูดว่าสมิทและแมริออทจะระวังตัวหรือไม่ เจ๋าไห่คิดว่าค่าเชิญของสมิทเพียงเพื่อดูว่าเจ่าไห่ต้องการที่จะมีส่วนร่วมหรือไม่ ถ้าเขาทําอย่างนั้น สมิทก็คงจะสงสัยเขา
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่สมิทคิดอยู่ในใจของเขา เจ่าไห่ก็ยังคิดว่าเขาไม่ควรมีส่วนร่วมในการตกลงของพวกเขา ท้ายที่สุดเขาสามารถฟังพวกเขาได้ที่นี่ ทําไมต้องอยู่ที่นั่น?
สมิทส่งคนมาเชิญแมริออททันที เขาต้องการให้เรื่องนี้ได้รับการดูแลโดยเร็วที่สุด ก่อนหน้านี้ พวกเขาจัดการกับลิออนเวลาน้อยกว่าที่ลออนจะต้องเตรียมและทรัพยากรน้อยกว่าที่พวกเขาจะต้องใช้
เวลานี้ด้วยความพยายามของล็ออนในการลักพาตัวเมแกนเป็นความล้มเหลว แน่นอนว่าเขาจะต้องระวัง หากเขามีเวลามากเกินไปในการเตรียมตัวเขาจะยิ่งรับมือได้ยากขึ้น
แมริออทไม่ได้คิดว่าสมิทจะเชิญเขามาที่คฤหาสน์นี้ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อสมิทส่งคนไปเชิญเขา เขารู้ทันทีว่าสมิทต้องการพูดอะไร มันเป็นจุดนี้ที่ทําให้ความคิดของแมริออทแข็งแกร่งขึ้นในตําแหน่งของเจ่าไห่ในใจของสมิทดูเหมือนว่าสมิทจะชอบเจ่าไห่มาก ไม่งั้นเขาจะไม่เชิญแมริออทมาเร็วแบบนี้
แมริออทและไมค์สามารถขี่ม้าของพวกเขาไปยังคฤหาสน์ของสมิทได้ทันที ฟิลอยู่ที่นั่นแล้ว เพื่อเชิญพวกเขาไปที่ห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ซึ่งสมิทกําลังรอพวกเขาอยู่
แมริออทและไมค์คํานับสมิททันที คนรับใช้ก็เสิร์ฟชาทันที หลังจากสมิทดื่มชาเล็กน้อย เขาก็หันไปหาแมริออทและพูดว่า “ผู้จัดการแมริออทฉันรู้ว่าตระกูลเซรี่และลิออนของคุณ เป็นศัตรูต่อกัน ซึ่งส่งผลให้เมแกนถูกโจมตี โดยปกติแล้วฉันจะไม่ตําหนิเรื่องนี้กับคุณ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ไม่ปล่อยลออนไปง่ายๆแน่ ในตอนนี้ตระกูลของคุณและของฉันก็มีศัตรูเหมือนกัน ฉันได้รับการบอกจากเจ่าไห่ว่าคุณได้เตรียมรับมือกับลิออนแล้ว คุณสามารถบอกฉันเกี่ยวกับแผนของคุณได้ไหม?”
จบบทแล้วนะครับ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ